อุปนิสัยที่คนใหม่ต้องก้าวให้ผ่าน(1) Thai ways(1)




คนชาติใดก็จะมีเอกลักษณ์ประจำตัวของชนชาตินั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง  หน้าตา คิ้ว  สีผิว คนแต่ละทวีปก็มีสีผิวและลัษณะของร่างกายเป็นเอกลักษณ์  ที่สำคัญแต่ละชนชาติก็จะมีเอกลักษณ์ทางอุปนิสัยด้วย 

อุปนิสัยประจำชาตินี้ย่อมมีทั้งข้อดี และข้อเสีย อุปนิสัยหลายอย่างของคนไทย  เป็นอุปนิสัยที่ดี  เช่น การช่วยเหลือสังคมยามที่คนอื่นประสบเคราะห์ร้าย อุบัติภัยทางธรรมชาติ   การเคารพผู้อาวุโส   การนับถือตำแหน่ง ฐานะทางสังคมในระบบเก่า   แต่ก็มีอุปนิสัยหลายอย่างที่อ่อนแอ  ในบทความนี้จะนำเสนอแนวคิดหลายๆ ข้อ  ท่านผู้อ่านโปรดพิจารณาดูนะครับว่า คนใกล้ชิดท่านชนะได้แล้ว  ก้าวผ่านไปได้แล้ว หรือว่ายังหลุดๆ หลวมๆ  ดูแต่คนอื่นแต่ตัวอิเหนาเองก็ยังสลัดไม่หลุด กระจกบานนี้จะส่องให้ดู




ท่านเคยตั้งข้อสังเกตไหมว่าคนไทยมักจะแสดงพฤติกรรมอ่อนแออย่างไรบ้าง”
ลองพิจารณาดูจากหัวข้อต่อไปนี้

ก. "อยากรวย" เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้มีเงินแม้จะเหนื่อย ป่วย เจ็บ  แม้ต้องแลกเปลี่ยนเอาเงินมาด้วยสุขภาพที่เสียไป  คนไทยที่ไม่รับราชการจะทำงานเจ็ดวันโลด โหลดหนักสิบกว่าชั่วโมงต่อวัน ไม่มีการพัก  คนงานจำนวนมากทำตัวยิ่งกว่ารถยนต์รุ่นเก่า ไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง  หยุดเลิกงานก็กินเหล้า  อ้างว่าเพื่อพักผ่อนยืดเส้นยืดสาย   แถบบางคนทำโอทีทุกวันจนไหลตาย  หรือถึงต้องขายวิญญาณก็ยอม เพื่อจะได้ "อวดรวย" กับเขาบ้าง เพราะค่านิยมของคนไทย คือ หน้าตาสำคัญกว่าจำนวนเงินที่แท้จริงในกระเป๋า  บ้างใช้จ่ายเกินตัว  อ้างหนี้เยอะ ต้องทำใช้หนี้   ทำงานเหมือนเครื่องจักร


ข. "หลงไหลไสยศาสตร์" นี่คือยอดปรารถนาของคนไทย ขอให้ข้าได้มีองค์ มีของดีเก็บไว้บูชาเพื่อจะได้มาเพื่อค้ำชูชีวิตข้า  อยากมีพลังเสริม  อยากให้มีเมตตามหานิยม   ค้าขายคล่อง  เจ้าองค์ไหนเขาว่าดีเอาหมด  หาทรัพย์มาได้ต้องเจียดไปซื้อมาเก็บไว้จนไม่มีที่เก็บ  นักศาสนาพาณิชย์โฆษณาชวนเชื่ออย่างไรก็เอาตามเขา  

คนไทยชอบไสยศาสตร์มาก  ทั้งสักยัณห์ ลงเลข  เสกคาถา  เลี้ยงผีกุมารทอง  ลักยม ลงสาริกา  ไม่เว้นแม้แต่ลิ้น  หน้าผาก  เจิม ณ เจิมหน้าทอง กลางกระโหลกหน้าผาก  แม้กระทั้งอวัยวะลึกลับก็ยังมีเครื่องหมายสักของไสยศาสตร์  เพื่อสร้างความขลัง พลังใจ  ความมั่นใจในการครองชีวิตทุกด้าน

คนไทยไหลหลง  หลงไหลไสยศาสตร์เป็นตำนานตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์   เอาหมด  ขอให้ข้าเจริญก็พอ  คนไทยชอบโชคลางและการพนันเลขท้ายแบบหวยใต้ดิน บนดิน   คนไทยไหว้ได้ทุกอย่าง แม้แต่เห็ดรา ต้นไม้ ของเก่าโบรณ ซากอะไรๆ  ถ้าเอาสมุดมาจดชื่อผีไทย  องค์เทพต่างๆ ของไทย คงจดได้เป็นร้อยๆ ชื่อ  คนไทยก็เอาหมดถ้าใครเอามาเสนอขาย  บอกว่าดีข้าเอาหมด  

เบื้องหลังสิ่งนี้ ที่เอาไสยศาสตร์ และเครื่องราง  นับถือโชคลางก็คือความอยากรวยอีกเช่นกัน น่าเสียดายที่พอคนทำงานได้เงินมาก็เอาไปเล่นหวย   ลงทุนกะการพนัน  นานๆ จะถูกรางวัล  ส่วนมากไม่ถูก  เมื่อได้เงินมาไม่ช้านานผีก็พาป่วย พาครอบครัวพินาศไปด้วย เพราะไสยศาสตร์คือทางที่ไปสู่การเปิดใจให้ผีเพื่อมาทำร้ายคนให้ย่อยยับ ดับสันติสุขในครัวเรือน


ค. "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง"  ถ้าคนมีเงิน ดาราดัง พวกเศรษฐีนักการเมืองชอบเห่ออะไร ทำอะไรชาวบ้านไทยก็จะทำตาม แม้จะดูไม่ดี แต่ขอให้ข้าได้เลียนแบบ  การเลียนแบบคือความสุข คนไทยส่วนหนึ่งทำอะไรไม่ต้องมีเหตุผล เบื้องหลังสิ่งนี้ก็คือ ความนิยมในการมีหน้าตาทางสังคม มีฐานะ ใช้ของแพง ของฟุ้มเฟือย 

คนไทยเชื่อว่าใครมีของแพง  แม้จะเป็นของเลียนแบบ กระเป๋าเสื้อผ้า  เครื่องประดับ  อะไรๆ ที่เป็นยี่ห้อดังก็ขอมีไว้ใช้   แม้เป็นของเลียนแบบ  ก็จะเอามาประดับ  นัยว่าใครก็ดูไม่ออก  ข้าจะทำ  ข้าอยากมี อยากดูดี  เพื่อจะทำให้ข้าได้รับการยอมรับ  คนไทยส่วนหนึ่งจึงดิ้นรนเสียเท่าไหร่ก็ยอม เพราะอยากสูงเด่นเป็นที่ยอมรับว่าดีเท่าหรือดีกว่าคนอื่น  

ค่านิยมชอบของแพงนี้  เห็นได้ชัดจากพฤติกรรมการใช้สินค้าเทคโนโลยีของลูกหลานชาวบ้านที่มาเข้าเรียนมหาวิทยาลัย   พ่อแม่ใช้มือถืออันละไม่กี่ร้อย ไม่กี่พัน  แต่ลูกๆ ของพวกชาวบ้านใช้มือถือยี่ห้อดัง  ราคาหมื่นแก่ๆ  ถึงสองสามหมื่นบาท  โดยอ้างว่า ถ้าไม่ใช้  ไม่สามารถแชร์อะไรๆ กับเพื่อนๆ ได้ ล้าสมัย  เสียโอกาสทางการศึกษา 

ง. "ความอิจฉาริษยา"  คนไทยบางส่วนไม่อยากเห็นใครที่อยู่ระดับเดียวกันก้าวหน้า หรือได้รับตำแหน่ง หรือได้รับการยอมรับมากกว่าตัวเอง  หากเพื่อนร่วมงานที่พอๆ กัน ได้ตำแหน่งง่ายๆ  หรือแซงหน้าไป  เขาจะชอบกระแนะกระแหน เสียดสี  วางแผนทำลาย ดิสเครดิส หรือทำให้ตกใจเสียขวัญเลิกไป   เพื่อที่ข้าจะได้สวมแทน  ตอนนี้มีข่าวขาใหญ่ของกลุ่มความเชื่อบางกลุ่ม  กำลังฟ้องคดีกันอยู่ในศาล  วันๆ ไม่ต้องคิดเรื่องงานพระเจ้าอะไรแล้ว  คิดแต่ว่าจะเอาเงินที่ไหนเดินทางไปศาล   จะสู้คดียังไง   บางก็ป่วยความดันขึ้น  

ที่พวกผู้นำความเชื่อทะเลาะกัน  แย่งกันเป็นใหญ่  แบ่งพรรคแบ่งพวก  ไม่สามัคคีกัน ก็ไม่ใช่อะไรหรอก  คือวิญญาณชั่วตัวนี้แหละ  จิตอิจฉาริษยาเป็นวิญญาณที่แรงกล้าที่สุดตัวหนึ่งในเมืองไทยเรานี้เลยทีเดียว เพราะมีการทุ่มโฆษณา   ขายและเผยแพร์ส่งต่อพฤติกรรมของวิญญาณริษยานี้ทุกวัน   ผ่านการถ่ายทอดทางช่องทีวีเกือบทุกช่อง  ส่งกระแส และปลูกฝังทุกค่ำคืน หลังจบข่าวทีวีภาคค่ำ  ลูกหลานไทย  ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ ไม่ว่านับถือศาสนาใด  ก็เปิดรับเอากระแสแห่งวิญญาณริษยา และความรุนแรงทางเพศโดยไม่รู้ตัว ทุกวันๆ

ยกตัวอย่างพฤติกรรมจิตริษยา  อิจฉาตาร้อน  กรณีเช่น  หากมีเพื่อนสนิทกันสองสามคนแม้จะทำงานที่เดียวกัน  แต่พอนานวันไปเพื่อนร่วมงานก็จะกลายเป็นคู่แข่ง  เป็นศัตรูกันได้ง่ายๆ  เพราะผลประโยชน์และค่าตอบแทน 

การยอมรับในสังคมจะเป็นตัวล่อ  ตัวเร่ง  ให้คนมีจิตอิจฉาแสดงพฤติกรรมออกมา    คนไทยจะไม่แสดงออกโจ่งแจ้งหรอก  พวกเขาทำเนียนๆ  ทำเป็นสุภาพ  ทำเป็นผู้ดีต่อหน้า  แต่ขอโทษ  นิสัยคนไทย ไม่ทำอะไรโพ้งพาง  พวกเขามักจะทำอะไรเงียบๆ   พวกเขาชอบขยับปาก ปุ้ยปาก แลมองด้วยหางตาที่ลุกโชนด้วยจิตริษยา  หรือนินทาตอนลับหลังเท่านั้น พวกเขาไม่กล้าเตือน  หรือทักท้วงอะไรๆ  หรือว่ากันตรงๆ หรอก


จ. "ชอบเล่นพวก" คนไทยนิยมระบบเส้นสาย เพื่อนฝูงช่วยเหลือกัน  ผมได้ยินคนพูดบ่อยๆ ว่า ทำไมคนส่วนหนึ่งที่กระสันความรวย หรือฐานะที่ดีกว่า  ต้องให้ลูกไปเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียง สถาบันการศึกษาที่มีค่าใช้จ่ายแพงๆ 

คำตอบคือ ที่นั่นมีลูกพวกคนรวย คนมีอำนาจ ลูกนักค้าหุ้น ลูกนักการเมือง   ลูกนักค้าทองคำ ลูดพ่อค้ามีระดับมาเข้าศึกษา   ถ้าลูกของเขาไปอยู่ปะปนเป็นเพื่อนกัน   เป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง รุ่นเดียวกันแล้วลูกของเขาก็จะได้มีเพื่อนรวยๆ มีอำนาจไว้คอยช่วยเหลือกัน  ในวันข้างหน้า  ซึ่งแน่นอน   คนไทยมักจะไม่ทิ้งเพื่อน  จนมีภาษิตที่ได้ยินมาว่า   มีคติพจน์ หรือ กติกาของรุ่นพีรุ่นน้อง  ดังนี้,

๑ พี่ย่อมถูกเสมอ
๒ เห็นพี่ให้ทักก่อน 
๓ ถ้าพี่ทำผิดให้ดูข้อที่ ๑

อีกสำนวนหนึ่งบอกว่า  คนดีในสังคมของคนบางกลุ่มเขาใช้คติว่า

“ไม่ฆ่าพี่  ไม่บี้น้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน”  

หากใครทำอะไรผิด  ถ้าเขาเป็นพี่ เป็นน้อง เป็นเพื่อน เราก็ไม่ว่ากัน ชาติบ้านเมืองจะเสียหาย  ไม่ว่ากัน  แม้ทำผิดก็ออกกฎหมายมาให้นิรโทษกรรมทั้งหมด  คนที่ฆ่าคนตายเป็นสิบๆ ก็ยังสามารถลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้   คนหนุ่มมุสลิมที่ปักใต้ถูกฆ่าตายเป็นร้อยชีวิต  แบบไร้ทางต่อสู้  แค่เขามาประท้วง ก็ถูกจับมัดมือโยนขึ้นรถบรรทุกเอาซ้อนๆ กันยิ่งกว่ารถขนไก่ไปโรงฆ่า   คนตายเป็นเบื่อ  แต่ไม่มีนายทหารคนใดถูกอาญาสักคน

การช่วยเหลือกัน  การให้อภัยกันเป็นสิ่งที่ดี  แต่คงไม่ใช่กรณีแบบนี้  ค่านิยมบางอย่างมันสุดกู่เกินไป  จริงไหมครับ เพราะคนไทยเรานั้นหากได้รู้จักสนิทกันแล้ว ก็มักจะช่วยกันไปช่วยกันมา โดยไม่คิดถึงเหตุผล หรือความชอบธรรมอะไรมากนัก  คนเรามันก็มีดีมีชั่วพอๆ กัน ไม่มีใครดีกว่าใครมากนัก ดังนั้นบางคนจึงคิดว่า ข้าขอเอาพี่น้องพวกพ้องไว้ก่อน

 ประเทศไทยไม่ใช่ของเผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่ง  ชาติไทยประกอบด้วยหลายเผ่าพันธุ์  หลายภูมิภาค  ดังนั้นคนไทยจึงควรถือความยุติธรรม  มากกว่าความเป็นเพื่อนร่วมสถาบัน  แต่คนไทยบางส่วนยังไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ เพราะติดวัฒนธรรมพี่น้อง


วัฒนธรรมพี่น้อง ได้ขยับถูกนำมาใช้ในกลุ่มไทยคริสต์บางกลุ่ม  พวกเขาจะคบหาเฉพาะพวกที่จบสถาบันเดียวกัน  ใครจบจากกลุ่มอื่น พวกเขาก็คบหาบ้าง แต่ไม่สนิทใจ  นักการศาสนาไทยแบ่งแยกกันชัดเจน  พวกนิยมความรู้ก็จะคบหากันในกลุ่มธรรมาจารย์    พวกไม่มีความรู้มากนักแต่มีหัวใจ  ก็คบกับพวกเดียวกันเท่านั้น

เมื่อมีการจัดกิจกรรมด้านการประกาศใหญ่ๆ ไทยคริสต์บางกลุ่มจึงประกาศแอนตี้การจัดกิจกรรมของกลุ่มอื่นที่ไม่เชื่อเหมือนตนเอง    แม้แต่อาจารย์ใหญ่หัวหน้าใหญ่ก็ยังส่งภาษาอ๋อมๆ แอ๋มๆ  เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อที่ไม่ตรงกับที่กลุ่มของตนเองเชื่อ  จนทำให้งานของพระเจ้าเสียหาย


ตอนที่สอง

กลับไปหน้าแรก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)