อยากเป็นฮีโร่ฟังทางนี้ How to be come a Hero

ท่านรับรู้และเข้าใจความหมายของบุคคลในภาพนี้เพียงไร

สถานการณ์สร้างวีรบุรุธเสมอ

ผู้เขียนพระคัมภีร์ได้จารึกชื่อของบุคคลไว้มากมายทั้งคนที่สำเร็จและล้มเหลว หนังสือพระคัมภีร์เป็นหนังสือที่ขายดีตลอดกาล  แม้ว่าจะผ่านเวลาไปกี่ร้อย กี่พันปีก็ไม่มีหนังสือใดๆ เทียบได้ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือนิยาย หนังสือตำรา หนังสือบอกเคล็ดลับการดำเนินชีวิต หรือการค้าขาย หนังสือใดๆ หรือคัมภีร์ของศาสนาและลัทธิใดก็ไม่อาจเทียบได้ เพราะหนังสือนี้ได้บันทึกความจริง ทั้งด้านดีและด้านเลวของผู้ที่ติดตามพระเจ้าไว้อย่างเที่ยงตรง ทั้งด้านดีและด้านอ่อนแอ หรือเสื่อมจากศีลธรรม

เราคงมีโอกาสได้อ่านหนังสือชีวประวัติของเจ้าใหญ่นายโต หรือกษัตริย์ผู้ล่วงลับ เราจะอ่่านพบแต่เรื่องดีๆ ของเขา เรื่องยิ่งใหญ่ คุณความดีของเขา คงไม่มีใครกล้าบันทึกเรื่องไม่ดีไว้ แต่พระคัมภีร์บันทึกเรื่องราวของคนไม่ว่ามีฐานะ และตำแหน่งอะไร อย่างตรงไปตรงมา  เพื่อจะบอก เพื่อจะสอนคนของพระเจ้าที่จะเลือกว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร จะเป็นฮีโร หรือเป็นสามัญ





มีคำกล่าวว่า เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะดำเนินชีวิตอย่างไรได้

เราแต่ละคนมีอิสระที่จะเลือกเป็นผู้ใด เป็นฮีโร เป็นผู้กล้าหาญ ที่ดำเนินชีวิตอย่างมีชัยชนะ หรือเลือกจะเป็น นาย ก. ข. นางสาวสายเสมอ  นางเว่อ นางเต่า หรือชื่อใดๆ ที่ธรรมดาๆ เป็นชีวิตของสามัญชน ที่ทำตามสบาย อยู่ไปเรื่อยๆ  มีชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลาน เจ็บป่วย ออดแอด และแก่ตายไปอย่างไร้ค่าต่อคนอื่น

หากชีวิตมนุษย์ยังไม่ตาย ยังไม่แก่เกินแกง สมองยังไม่เลอะเลือน กำลังวังชายังอยู่กับเรา  ผมเชื่อว่าเราทุกคนยังสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้  คนยังสามารถพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่เข้มแข็งได้

อย่างไรก็ตามหลังจากเราเลือกที่จะเป็นฮีโร่  เราจำเป็นต้องผ่านการทดสอบเพื่อพิสูจน์ตัวเองด้วยว่า เราเป็นแค่คนอยากเป็น กำลังเป็นหรือเป็นแล้ว ถ้าเราเลือกที่เป็นคนธรรมดาคงไม่มีอะไรยุ่งยากนักในชีวิตสามัญแบบนี้เพราะมันเป็นไปตามธรรมชาติ ตามแรงดึงดูดของธรรมชาติ ตามแรงขับของฮอร์โมนทางเพศ ตามโลกธรรมอยู่แล้ว แต่หากใครเลือกที่จะเป็นฮีโรต้องมีการทดสอบตามมาแน่นอน

คุณลักษณะที่สำคัญของของวีรบุรุธข้อหนึ่งที่พึงมีก็คือ  ความเชื่อศรัทธาอันมั่นคงที่แสดงออกเป็นการกระทำที่เด็ดเดี่ยวเสี่ยงชีวิต  ผู้เชื่อพระคริสต์ที่ยิ่งใหญ่ต้องเดิมพันด้วยชีวิตเลือดเนื้อ ความหวังในอนาคตและความเสี่ยงของวงค์ตระกูล  บางคนต้องถูกข่มเหง ต้องผ่านการถูกทอดทิ้ง  ต้องผ่านคำเสียดสี  คำแช่งด่า  การถูกประณาม  การถูกตัดออกจากสังคมที่เคยอยู่สบายๆ  บางคนเวลาตายยังแสนเค็ญ

บางคนต้องทุกข์ทรมานเพราะความเชื่อ บางคนถูกขู่ว่าจะตัดออกจากกองมรดก  ตัดขาดจากความเป็นครอบครัว  ตัดขาดจากพ่อแม่ พี่น้อง  บางคนถูกญาติมิตรรุมด่าว่า โง่ ไม่มีสมอง ทรยศต่อครอบครัว เพราะมาเชื่อพระเจ้าที่มองไม่เห็นตัว  ไม่เหมือนการเชื่อพึ่งรูปเคารพและผีบ้านที่พวกเข้าสร้างที่อยู่ให้ และกราบไหว้ส่งต่อของกันมาเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน  เป็นเวลาหลายร้อยปี  

แน่ทีเดียวผู้เชื่อพระคริสต์จำนวนมากมาย ตลอดทุกยุคสมัยที่ตัดสินใจเด็ดขาดเพื่อติดตามพระเจ้าต้องจบชีวิตเพราะความเชื่อว่ามีพระเจ้า  พระบิดา พระผู้สร้างสรรพสิ่ง  เพราะถูกขมเหง ถูกฆาตรกรรม ถูกอเปหิออกจากชุมชน  แต่น่ายินดีที่การเสียสละสิ่งสารพัด แม้กระทั้งชีวิตในความเชื่อพระคริสต์เป็นการสูญเสีย
ความคุ้มค่านิรันดร์  ถือเป็นการหว่านเพื่อผลกำไรที่อำนวยผลทั้งชีวิตปัจจุบันและอนาคตทั้งชีวิตนี้และชีวิตหลังความตาย อันเป็นความสุขที่่นิรันดร

อะไรที่ทำให้ผู้เชื่อพระคริสต์สามารถสละได้ทุกอย่างแม้ ร่างกาย ชีวิตครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร และโอกาสแห่งความสนุกสนานรื่นเริงทางโลกที่คนธรรมดาชอบกัน  ก็เพราะว่าพวกเขามีความเชื่อว่า พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่พระองค์นี้ พระองค์สามารถช่วยให้ชีวิตในปัจจุบันของพวกเขาได้พบกับสันติสุขแท้ มีร่างกายที่สมบูรณ์ อารมณ์ที่แจ่มใจ พลังใจที่เต็มเปี่ยม มีอนาคต   หากผู้เชื่อตายไป พวกเขายังจะได้พบกับความรอดพ้นของวิญญาณ ไม่ต้องตกไปอยู่ในบึงไฟนรกแห่งจิตวิญญาณ  ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษบาป 

ดังนั้นผู้เชื่อพระคริสต์จึงมีเชื่อมั่นว่า พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อจะกระทำตามที่พระองค์สัญญาไว้ในพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิของพระองค์อย่างแน่นอน

พระธรรมตอนหนึ่งได้กล่าวเน้นว่า

"ขอให้เรายึดมั่นในความหวังที่เราทั้งหลายเชื่อและรับไว้นั้น โดยไม่หวั่นไหว เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงสัตย์ซื่อ"
[พระฮีบรู 10:23]



เพื่อเป็นการขยายความให้เข้าใจมากขึ้น ผู้เขียนขออนุญาตบรรยายสั้น เกี่ยวกับภาพหัวเรื่อง

เรื่องจากภาพนี้  (นับจากซ้ายไปขวา 1 2 3 4 , และ 5-6-7 ด้านล่าง

ก.
อับราฮัม

พระเจ้าสัญญาว่าจะประทานบุตรให้แก่อับราฮัมเพื่อทำให้เขากลายบิดาของหลายประชาชาติ และจะมีกษัตริย์หลายองค์ออกมาจากพงษ์พันธ์ของเขา

พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า

"เราจะกระทำให้เจ้ามีพงศ์พันธุ์มากอย่างยิ่ง เราจะกระทำเจ้าให้เป็นชนหลายชาติ และกษัตริย์หลายองค์จะเกิดมาจากเจ้า"


(เยเนซิส 17:6:, 3:11)

พี่น้องทราบกันดีว่า อับราฮัมนั้นเป็นชายแก่ที่มีอายุ 75 ปีแล้ว และภรรยาก็เป็นหมัน ไม่สามารถมีบุตรได้ แถบแก่ และหมดประจำเดือนแล้ว  หลังจากที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้เขามีลูก ท่านต้องรอคำสัญญานี้เป็นเวลาถึง 25 ปี  คือเรียกว่า รอจนเกือบท้อ หรือท้อแล้ว

พอท่านอายุได้ 100 ปี พระเจ้าประทานบุตรชายให้ท่านคนหนึ่ง  พอเด็กโตขึ้นพอประมาณ พระเจ้าได้เริ่มทดสอบความเชื่อของท่านด้วยการสั่งให้ท่านเอาบุตรชายสุดที่รักคนเดียวในดวงใจ  ประหนึ่งว่าเป็นความหวังสุดท้ายของชีวิตผู้ชรา ให้เอาไปฆ่าเพื่อเป็นเครื่องบูชาถวายแด่พระเจ้า  ท่านต้องเดินทางไกลถึง สามวันสามคืนเพื่อจะไปให้ถึงสถานที่ถวายเครื่องบูชา  เมื่อท่านก่อแทนบูชาเสร็จ ท่านได้มัดบุตรชายวางไว้บนแท่น  เตรียมจะสังหารบุตรชายคนเดียวที่เป็นเหมือนกล่องดวงใจของท่าน  แต่พระเจ้าไม่ได้เป็นพระเจ้าที่โหดร้ายเช่นนั้น (พระเจ้าไม่อนุญาตให้เอามนุษย์เป็นเครื่องเผาบูชา แต่พระองค์ปรารถนาให้มนุษย์ถวายตัวเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอยู่ - คือการดำเนินชีวิตอยู่ในศีลธรรมที่สะอาดเพื่อพระเจ้า) พระองค์ประทานสัตว์ตัวอื่นให้มาเป็นเครื่องเผาบูชาแทน  และพระองค์ยกย่องอับราฮัมให้เป็นบิดาแห่งความเชื่อ

การสั่งให้เอาลูกไปเผาบูชาของพระเจ้าเป็นคำสั่งที่ฝืนต่อมโนสำนึกของคนสามัญทั่วไปแน่นอน  เพราะ การสั่งให้เอาคนไปถวายบูชาก็นับว่าผิดกฎเกณฑ์ของพระเจ้าอยู่แล้ว นี่ยังมาสั่งให้เอาลูกชายเพียงคนเดียวไปถวายอีก ยิ่งทำให้อับราฮัมรู้สึกว่า "พระเจ้าเพี้ยนไปแล้ว"  และท่านอาจจะมีใจลึกๆ ว่า " เพี้ยนแบบนี้กูถอยดีกว่า"


อับราฮัมเลือกที่จะเชื่อพระเจ้า เลือกที่จะทำตามสั่งโดยไม่ขัดขืน  ไม่อุทรณ์ ไม่หวาดระแวงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะให้ท่านเป็นบิดาของชาติหลายชาติ และเป็นบรรพบุรุธของกษัตริย์หลายองค์ 

เมื่อความเชื่อขอ
งท่าน "ผ่านการทดสอบ" ท่านจึงได้เป็น บิดาแห่งความเชื่อ  และผู้เชื่อพระเจ้าทุกคนที่กลับใจจากบาป จึงได้รับมรดกแห่งความมั่งคั่งโดยเป็นเชื่อสายของอับราฮัมโดยความเชื่อ

ข.  รูปกรอบที่ 2 แซมสัน

ท่านได้ถูกำหนดให้เป็นคนผู้กอบกู้เอกราชของคนยิว ออกจากการปกครองของชาวฟิลิเตีย ท่านทำตัวเหลวไหล มักมากในกาม หลงคารมผู้หญิง ใช้ชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัด  แต่เมื่อท่านกลับใจ  ท่านก็ได้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายแห่งชีวิตที่พระเจ้ากำหนดมาให้ท่านเป็นผู้ปลดปล่อย 

ค. รูปกรอบที่  3 ดาเนียล

เมื่อท่านดาเนียลตกไปเป็นเชลยของกษัตริย์ที่ไม่เชื่อพระเจ้าในประเทศต่างชาติ  ท่านถูกบังคับให้ถือศาสนา ไหว้รูปเคารพตามคนในชาตินั้น แต่ท่านดาเนียลเลือกที่จะกราบนมัสการพระเจ้าองค์เดียว แทนการก้มกราบรูปเหมือนของกษัตริย์ที่ตั้งตัวเองเป็นเทพเจ้า

ท่านดาเนียลและเพื่อนสองสามคนเลือกที่จะไม่กินอาหารมีเป็นมลทินจากการไหว้รูปเคารพ  ท่านฝ่าฝืนคำสั่งกฤษฏีกาที่ห้ามไม่ให้ใครกราบนมัสการพระเจ้า  จนมีคนจับได้ว่า ท่านได้คุกเข่าอธิษฐานต่อพระเจ้า ท่านถูกจับและรับสารภาพว่าได้ทำ  ท่านจึงถูกจับโยนลงไปในถ้ำสิงโต 

ด้วยความเชื่อศรัทธาแรงกล้า เวลาผ่านไปหนึ่งคืน ท่านยังปลอดภัยดี เพราะพระเจ้าไม่อนุญาตให้สิงโตทำร้ายท่าน  ท่านจึงได้เป็นวีรบุรุธผู้ไม่ยอมละทิ้งการนมัสการพระเจ้า และกษัตริย์ยังยอมรับนับถือพระเจ้าของดาเนียลด้วย
(อ่านพระธรรมดาเนียลเพิ่มเติม)

ง. รูปกรอบที่ 4  พระนางเอสเธอร์

นางสาวเอสเธอร์เป็นลูกกำพร้าพ่อแม่ ต้องอาศัยอยู่กับลุง ให้ลุงดูแลจนเติบโต  แต่เธอเป็นหญิงงามที่อยุ่ในกลุ่มเชลยที่ถูกจับมา  เธอที่อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเปอร์เซีย  เอสเธอร์เป็นหญิงงามเชื่อสายยิวที่มีโอกาสได้เข้าไปถูกคัดเลือกตัวเพื่อให้เป็นนางกำนัลจนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพระราชินี และได้มีโอกาสกู้ชาติยิวให้พ้นภัยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในยามคับขันเธอไม่ปฏิเสธที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชนชาติของเธอ

สมัยนั้นชาวยิวถูกอำมาตย์ผู้ที่เกลียดชังชาวยิวที่มีอิทธิพล และอยู่ใกล้ชิดกษัตริย์  ออกอุบายหวังฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิว  พระนางเอสเธอร์ได้ถูกเลื่อนตำแหน่งจนได้เป็นพระราชินี  แต่พระนางไม่ลืมกำพืดของตนเอง  พระนางเชื่อฟังผู้ที่เคยดูแลเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็ก  แม้พระนางได้เป็นใหญ่  แต่ไม่เคยเปลี่ยนไป พระนางเลือกเชื่อฟังคำแนะนำของ
เดโมคัยลุงผู้เชื่อพระเจ้าที่เคยดูแลเธอตั้งแต่เล็ก มากกว่าความกลัวเสียตำแหน่ง กลัวที่จะต้องถูกประณามว่าเป็นคนต่างชาติ  

พระนางเอสเธอร์กล้าหาญเพียงพอที่จะเข้าไปหากษัตริย์เพื่อทูลขอการช่วยเหลือชาวยิวที่กำลังจะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์  พระนางกล้าเปิดเผยตัวเองโดยเสี่ยงกับการเป็นคนทรยศต่อเชื้อชาติและคนในสายเลือดแห่งพงษ์พันธ์ของเธอ  เธอกล้าที่จะถืออดอาหารเป็นเวลาสามวันสามคืน ไม่กินหรือดื่มอะไรเลยเพื่อทูลขอพระกรุณาจากพระเจ้าให้ช่วย   ในที่สุดเธอทำได้สำเร็จ  เธอจึงได้เป็นวีรสตรีแห่งความเชื่อ
(พระธรรมเอสเธอร์)

จ. สำหรับรูปที่ 5  ดาวิดพิชิต โกลิอัส  นายทหารที่ตัวใหญ่ สุงกว่า กล้าหาญ
ดาวิดเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ที่มีใจกล้าหาญ (เพราะพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่กับเขา) ท่านอาสาเข้าไปต่อสู้ตัวต่อตัวกับนายทหารที่ชำนาญการรบ  และท่านสามารถเอาชนะได้ ต่อมาท่านเได้กลายเป็นกษัตริย์องค์ที่สองของประเทศอิสราเอลโบราณ
( 1 ซามูเอล บทที่ 16 เป็นต้นไป)



ฉ. รูปที่ 6 โมเสส


ท่านเป็นลูกทาสที่ได้รับการเลี้ยงดูจากพระธิดาของกษัตริย์อียิปต์  เมื่อท่านอายุได้สี่สิบปี ท่านได้รับรู้ว่าท่านเป็นลูกยิว ไม่ใช่ลูกของธิดาของกษัตริย์  เมื่อท่านได้รับรู้ความจริง ท่านได้สละความสุขสบาย อนาคตอันสวยหรู ตำแหน่งราชบุตรที่มีหน้ามีตา และโอกาสในการเสพสุข

เพื่อเห็นแก่ความเป็นเชื่อชาติยิว  ท่านต้องผ่านการทดสอบความอดทนในทะเลทรายกันดาร ถึงสี่สิบปี  จนวันหนึ่งพระเจ้าเรียกท่านให้รับภารกิจเป็นผู้ปลดปล่อย และท่านได้ทำได้สำเร็จ ท่ามกลางปัญหา และการต่อต้านของคนที่ติดตามท่าน  แต่ในตอนท้ายโมเสสไม่ได้เข้าไปสู่ดินแดนแห่งพระสัญญา เพราะอารมณ์เพียงชั่ววูบ แต่พระเจ้าก็อนุญาตให้ท่านได้เห็นดินแดนแห่งพันธสัญญาด้วยตาก่อนที่ท่านจะตายเท่านั้น
(พระธรรมอพยพ)

ในพระธรรมฮีบรูบทที่ 11 ได้กล่าวสรรเสริญความเชื่อของท่านโมเสสดังนี้

"เพราะความเชื่อ   เมื่อโมเสสโตแล้วท่านไม่ยอมให้ใครเรียกท่านว่า เป็นบุตรของธิดากษัตริย์ฟาโรห์ ท่านเลือกการร่วมทุกข์กับชนชาติของพระเจ้าแทนการเริงสำราญในความชั่ว ท่านถือว่าการอดทนต่อความอัปยศเพื่อพระคริสต์  ประเสริฐกว่าสมบัติของประเทศอียิปต์   เพราะท่านหวังบำเหน็จที่จะได้รับนั้น เพราะความเชื่อ   ท่านได้ออกจากประเทศอียิปต์   โดยมิได้เกรงกลัวความกริ้วของกษัตริย์   เพราะท่านมั่นใจประหนึ่งได้เห็นพระองค์ผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา

เพราะความเชื่อ ท่านได้ถือเทศกาลปัสกาและพิธีประพรมเลือด เพื่อไม่ให้องค์เพชฌฆาตผู้ประหารบุตรหัวปีมาถูกต้องพวกอิสราเอลได้  

ช. ลำดับที่ 7 อัครสาวกเปโตร

ท่านเปโตรติดตามพระคริสต์สามปีกว่า จนได้เป็นสาวกเอก  ตอนแรกท่านติดตามพระคริสต์อย่างขี้ขลาด และหวังผลประโยชน์   ในช่วงสุดท้ายของชีวิตพระเยซูคริสต์  ขณะที่ศัตรูทางศาสนาของพระเยซูคริสต์ส่งทหารมาจับตัวพระเยซูไปทรมาน  และสอบสวน ท่านเปโตรติดตามไปดูห่างๆ  เมื่อมีคนจำหน้าได้ว่าท่านเป็นชาวกาลิลีที่ติดตามพระเยซู  ท่านได้กล่าวปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซูคริสต์ถึงสามครั้ง 

ต่อมาเมื่อท่านได้รับฤทธิ์เดชของพระเจ้าในวันเพนเทคอส ท่านกลับใจใหม่ และกลายเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐที่ยิ่งใหญ่ หลังจากที่ความเชื่อพระเยซูกลายเป็นศาสนาใหญ่ที่สุดของโลก  จนชาวคาทอลิค สร้างมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่ (Saint peter's cathedral )  ด้วยชื่อของท่าน เมืองที่งดงามมากมายในหลายประเทศตั้งชื่อว่า saint peter's burge  

คนในประเทศใดก็อาจจะตั้งชื่อเมืองเป็นชื่อกษัตริย์หรือพระราชาของประเทศนั้นบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่นประเทศไทยมีเชื่อเมืองยาโม เมืองพระยาแล ฯลฯ  แต่จะหาเมืองที่ตั้งชื่อเป็นของคนต่างประเทศ ต่างชาติคงยาก แต่ชื่อของสาวกพระเยซู   พวกเขาเป็นสามัญชน  ไม่มีการศึกษาสูง  แต่ด้วยความเชื่ออันเข้มแข็ง  การอุทิศตนเพื่อพันธกิจของพระเเจ้า   หลังจากที่เขาตายไปอย่างน่าสมเพช และทุกข์ทรมาน   มีคนประเทศต่างๆ เอาชื่อของท่านเหล่านั้นไปตั้งเป็นชื่อเมืองสำคัญ เมืองที่เจริญ หรือตั้งเป็นชื่อสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่อลังการมากมาย  อาทิ saint paul cathedral, saint matthew cathedral , saint thomas caterdal, saint John cathedral, นี่คือความยิ่งใหญ่ของผู้เชื่อพระคริสต์ไม่ใช่หรือ

 วาระสุดท้ายของชีวิตท่านเปโตร ถูกฆ่าด้วยการตรึงบนไม้กางเขน แต่เอาหัวกลับลงมา

พระเยซูคริสต์ได้ตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ที่จะเป็นสาวกของพระองค์จะต้องถูกต่อต้าน  ทั้งจากสังคม ครอบครัว  วิญญาณชั่ว และที่สำคัญคือ การต่อต้านจากวิญญาณศาสนา และผู้มีผลประโยชน์ทางศาสนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยเฉพาะผู้เชื่อพระคริสต์ที่เป็นคนไทย เป็นการไม่ง่ายนักที่จะตัดสินใจเด็ดขาดติดตามพระเจ้า กล้าเปิดเผยตัวเองว่าเป็นผู้เชื่อพระคริสต์ที่แท้จริง   เนื่องจากการถูกต่อต้านจากญาติพี่น้อง ยิ่งคนในสังคมชนบทที่นับถือผีหมู่บ้าน วิญญาณปู่ย่า วิญญาณเจ้าพ่อเจ้าแม่  คนที่จะติดตามพระคริสต์จึงคิดหนัก ตัดสินใจลำบากเพราะจะถูกด่า ถูกหาว่าไม่รู้จักบุญคุ่าพ่อแม่  ยอมทิ้งบุญเก่า หลงไปกราบไว้พระเจ้าที่มองไม่เห็น งมงาย  ฯลฯ 

แม้ว่าครอบครัวใดๆ จะดูหมิ่น ดูแคลนและกล่าวโทษลูกหลานที่มาเชื่อพระเจ้าอย่างไร   แต่เชื่อผมเถอะลูกที่มาเชื่อพระเจ้าจะได้ดีกว่า มีความสุขกว่าลูกที่ไม่เชื่อพระเจ้า  ลูกที่เชื่อพระเจ้าจะดูแลพ่อแม่ ปู่ย่าตายายได้ดีกว่าคนที่่ไม่สนใจพระเจ้า เพราะความรักของพระคริสต์จะหลั่งไหลเข้าไปในจิตใจ ทำให้เขากลายเป็นคนดีของครอบครัว คนดีของสังคม คนดีของที่ทำงาน  มีคนจำนวนมากกลับใจเพราะลูกหลานมาเชื่อพระเจ้าแล้วทำตัวดี

ผู้ใดที่เชื่อพระเจ้าจริง เมื่อยอมกลับใจจากบาปแล้ว  ถ้าต้องการจะเป็นคนยิ่งใหญ่ในความเชื่อจำเป็นต้องยอมละทิ้งสิ่งที่ผูกมัดตัวเอง ยอมรับเอาพระธรรมคำสอน ของพระเจ้าให้เข้ามาขัดเกลาชีวิต  ยอมละทิ้งสิ่งที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่นก่อน ยอมทิ้งความยะโส ความอ่อนแอทั้งหลายก่อน เขาจึงจะกลายเป็นคนยิ่งใหญ่ในความเชื่อได้

พระธรรมบางข้อได้กล่าวหนุนใจอย่างดีว่า

"เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่   และบาปที่เกาะแน่น   ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม   ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ   และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์  
(พระธรรมฮีบรู 12:1)

อาจารย์เปโตรได้เขียนสอนเราว่า ดังนี้

"เพราะว่าผู้ที่ได้ทนทุกข์ทรมานทางกายเช่นนี้ก็ไม่สัมพันธ์กับบาปแล้ว เพื่อจะได้ไม่ดำเนินชีวิตที่ยังเหลืออยู่ในโลกตามใจปรารถนาของมนุษย์   แต่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า

จงให้เวลาที่ผ่านไปแล้วนั้น เพียงพอสำหรับการกระทำสิ่งที่คนต่างชาติชอบกระทำ คือประพฤติตัวตามราคะตัณหา ตามใจปรารถนาอันชั่ว  เมาเหล้าองุ่น   เลี้ยงกันอย่างถึงใจ  กินเหล้าวุ่นวายกัน และการไหว้รูปเคารพซึ่งผิดธรรม

เขาประหลาดใจที่บัดนี้ท่านทั้งหลายไม่ได้ประพฤติชั่วเหมือนอย่างเขา และเขาก็กล่าวร้ายท่าน
(พระธรรม 1 เปโตร 4.1-4)


ท่านเปโตรได้ไปสอบถามพระเยซู  คริสต์  ว่าถ้ามาติดตามพระองค์แล้วจะได้อะไร

ดังนี้

ฝ่ายเปโตรจึงเรียนถามพระเยซูว่า ว่า  

“นี่แหละ ข้าพระองค์ทั้งหลายได้สละสิ่งสารพัด และได้ติดตามพระองค์มา”  (แล้วจะได้อะไร)

พระเยซูตรัสตอบเขาว่า 

“เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดได้สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง  หรือบิดามารดา หรือลูก หรือไร่นา เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐของเรา

ในยุคนี้ ผู้นั้นจะได้รับตอบแทนร้อยเท่าคือ  บ้าน พี่น้องชายหญิง  มารดา  ลูกและไร่นา
ทั้งจะถูกการข่มเหงด้วยและในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์


วรรคสุดท้ายนี้สำคัญมาก พระเยซูบอกว่า 


ทั้งจะถูกการข่มเหงด้วยและในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์ การติดตามพระคริสต์ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะโตกับพระเจ้าต้องผ่านอะไรมากมาย ต้องผ่านการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า  จนกว่าจะหมดอายุขัย  แม้ถึงเวลาตายแล้วยังต้องผ่านการทดสอบอีก 

ผมของอนุญาตหนุนใจท่านว่า   ท่านเลือกที่จะติดตามพระคริสต์ เพื่อรับรางวัลแห่งชีวิตไม่เสียชาติเกิด หรือเลือกทำตามสบาย เลือกได้ตามใจ  แต่เราทุกคนจะได้รับผลแห่งการเลือก ไม่เท่ากัน 

แม้ว่าบางคนจะเข้าใจว่า ความรอดนั้นเท่ากัน แต่ถ้าท่านเลือกที่จะเชื่อพระเจ้าเอาแค่รอด ท่านก็จะได้แค่รอดพ้นจากไฟนรกเท่านั้น แต่จะไม่มีสง่าราศี เป็นเหมือนคนที่รอดจากไฟ ไม่มีอะไรห่อหุ้มร่างกาย เสื้อผ่าก็มอมแมม

หากท่านเลือกที่จะเป็นฮีโรในความเชื่อ กลับใจใหม่จากบาปทุกชนิด  รับการเปลี่ยนแปลงวันนี้

ผมขอหนุนใจผู้อ่านทุกท่านให้ก้าวไปสู่ ระดับความเชื่อที่สูงขึ้น สูงขึ้น ทุกวัน  จนท่านโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่แกว่งไป แกว่งมาตามอารมณ์และทรงผม  ไม่แกว่งไปมา หันไปหันมาตามคำสอนของคนที่นิยมลัทธิใหม่ๆ หรืออาจารย์เก่าๆ ที่ยังอ่อนแอในความเชื่อเหมือนกัน   แต่จงเติบโตขึ้นในความรัก  ความเชื่อ และเกิดผลนำคนมาถึงความรอดพ้นบาป ความเจ็บป่วย มีสันติสุขในพระเจ้าอย่างแท้จริง ทุกๆ เดือน ทุกปี มีคนมารอด มาหายป่วยเพราะท่านเลือกที่จะเป็นฮีโร่ของพระคริสต์

ซาโลม ขอพระเจ้าอวยพระพร

Original Message from `Rice Mu.
January 16, 2013
อนุญาตให้เผยแพร่ได้ หากไม่มีจุดประสงค์เพื่อการค้า




1 ความคิดเห็น:

  1. หลายครั้งที่เราทั้งหลายได้ฟังคำเทศนาเรื่อง ดาวิดผู้ฆ่ายักษ์ คนฟังแล้วฮักเหิม อยากเป็นฮีโร่ แต่มีกี่คนที่รู้จริงถึงวิธีการสู้กับยักษ์ มีใครบ้างที่รู้วิธีฆ่ายักษ์ในใจตน คนที่สอนทำได้หรือเปล่า

    ยักษ์สมัยนี้ไม่ได้มีแค่มือเดียว และมันไม่ได้มีตัวเดียว ยักษ์สมัยนี้ทำงานเป็นกองทัพ เป็นระบบหมู่ พวกมันมีลำดับขั้นการบังคับบังชาที่เป็นลำดับ การทำงานจึงได้ผลดีกว่า ระบบศาสนาที่มีหลายคณะนิกายที่มีอาณาเขตทางวิญญาณของคริสเตียนที่ทับซ้อนกันไม่ได้

    ระบบศาสนาไม่สามารถจะสร้างดาวิดผู้ฆ่ายักษ์ได้ดีนัก แต่สร้างคนให้เป็นได้แค่คนรู้ทฤษฏีความเชื่อ ความหวัง และทฤษฏีอะไรต่างๆ แต่ไม่สามารถสร้างดาวิดขึ้นมาได้มากนัก

    หากมีใครแหลมมีแววเป็นดาวิดขึ้นมาก็จะถูก "ปัพพาชนียกรรม" ไม่เพียงแค่นั้นยังจะถูกหมายหัว หมายหน้า ถูกส่งจดหมายลับ ห้ามร่วมสังฆกรรม ห้ามไปรับฟัง ห้ามไปร่วมมือใดๆ อีกด้วย

    หมายเหต***

    ปัพพาชนียกรรม (อ่านว่า ปับพาชะนียะกำ ใช้ว่า บัพพาชนียกรรม ก็ได้) คือการลงโทษพระภิกษุที่กระทำผิดโดยการขับออกจากคณะสงฆ์

    ในทางศาสนาพุทธ ปัพพาชนียกรรมหมายถึงการขับภิกษุออกจากหมู่คณะ การไล่ภิกษุออกจากวัด เป็นกรรมอันสงฆ์พึงทำแก่ภิกษุอันจะพึงไล่เสีย จัดเป็นนิคหกรรมคือการลงโทษภิกษุอย่างหนึ่งใน 6 อย่าง วิธีทำกรรมนี้ต้องทำเป็นสังฆกรรม คือ ญัตติจตุตถกรรม

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)