ลักษณะของพวกฟาริสี- Pharisees' characteristic

บทนำ

มัทธิว 17.17 พระเยซูครัสตอบเขาว่า "โอคนในยุคที่ขาดความเชื่อ และมีทิฐิชั่ว เราจะต้องอยู่กับท่านนานเท่าใด เราจะต้องอดทนเพราะท่านไปถึงไหน จงพาเด็กนั้นมาหาเราที่นี้เถิด"

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2010 นักศึกษาพระคริสต์ธรรมฯ แห่งหนึ่ง ได้เชิญผู้เขียน ไปเทศนางานฟื้นฟูประจำเดือน มีพี่น้องมาจากหลายหน่วยงาน ทั้งความหวัง สภาฯ สหกิจ มีเยาวชนมาร่วมงานประมาณ 70 คน  ส่วนใหญ่เป็นอนุชน แต่ก็มีผู้ใหญ่จำนวนประมาณ 25 คน วันนี้อนุชนมาน้อยเพราะในหมู่บ้านติดๆ กันมีการแข่งขันประกวดร้องเพลงที่โรงเรียนติดๆ หมู่บ้านนี้ หลายคนจึงไปดูการร้องเพลงและไม่ได้มาร่วมงาน  ผมได้แบ่งปันเรื่อง วิญญาณฟาริสีสมัยใหม่





ต้อและหมี่เป็นหัวแรงในการจัดงาน มีการเช่าเครื่องเสียงและจัดวงดนตรีนมัสการที่ดีมากในการจัดงาน

ขอขอบคุณผู้รับใช้พระเจ้านอกประจำการทั้งสองคนและนักศึกษาและคณาจารย์ทุกท่านที่สนับสนุนจัดงานนี้จนสำเร็จ

ผู้เขียนทำหน้าที่แบ่งปันคำเทศนา เวลาประมาณ 21.10 น. - 21.45 น.

หัวข้อ: คนที่มีทิฐิชั่ว

คนที่มีทิฐิชั่วคงไม่มีใครเกินพวกฟาริสี เพราะพวกฟาริสีเป็นศัตรูตัวยงของพระเยซู ไม่ว่าพระองค์จะไปสั่งสอนที่ไหน พวกฟาริสีจะติดตาม หรือให้คนของเขาติดตามไปจับผิด หรือพูดซักไซร์ไล่เลียงเพื่อจับผิด  แต่พระเยซูก็สามารถเอาชนะการโต้เถียงกับพวกฟาริสีได้ทุกๆ ครั้ง สุดท้ายพวกฟาริสีเถียงสู้ไม่ได้จึงช่วยกันจับพระเยซูไปตรึงที่ไม้กางเขนเสียเลยให้สิ้นเรื่อง  แต่พวกเขาเข้าใจผิด  ปรากฎว่าหลังจากพระเยซูถูกตรึงตายแล้วพระองค์กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ เราจึงควรศึกษาลักษณะพฤติกรรมของ ฟาริสีให้ดีเพื่อจะได้รู้ว่า พวกนี้มีพฤติกรรมอย่างไร

ลักษณะและพฤติกรรมของชาวฟาริสีพอสังเขป

ก. เขาจะรักษากฏระเบียบทางศาสนาอย่างเคร่งครัด มีกฎระเบียบเรื่องการนมัสการ การทำพิธีกรรมต่างๆ
ข. เคร่งครัดในกฎหมายของโมเสส พวกเขาเชื่อฟังระเบียบมากกว่าทำตามคำสอนของพระเยซู
ค. ทำตัวเองให้ดูดีภายนอก ดูเหมือนเป็นคนมีธรรมะ (ฟป 3.5-6)
ง. เป็นพวกหน้าซื่อใจคต หรือไม่จริงจัง หวังแต่รักษาผลประโยชน์ของตนมากกว่าการสอนให้คนเปลี่ยนแปลงชีวิตเข้าหาพระเจ้า  ความสัมพันธ์ที่จริงใจมีน้อยลงไปทุกที (ลูกา 12.1)
จ. ทำตัวให้น่านับถือในสังคม มีใจรักเงิน (ลูกา 16.14-15)
ฉ. ดีแต่สอนคนอื่นแต่ตนเองทำไม่ได้ (มัทธิว 23.3)
ช. ชอบให้คนทักและยกย่องนับถือตามที่มีคนเยอะๆ ชอบให้คนเรียกว่าอาจารย์ (มัทธิว 23.11, ลูกา 11)
ซ. ชอบเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองมากกว่า การถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ฌ. ชอบทดสอบความรู้ทางพระคัมภีร์ของคนอื่น เพื่อให้ดูว่าตนเองรู้มากกว่าเก่งกว่า หลายครั้งชอบจัดผิดผู้อื่นมากกว่า การสนับสนุนช่วยเหลือผู้อื่นให้เจริญขึ้นการทำการงานของพระเจ้าโดยรวม
ญ. เอาความคิดเห็นของตนเป็นมาตรฐานเพื่อวัดคนอื่น หรือตีค่าคนด้วยมาตรวัดของตนเอง
ฎ. แม้จะเห็นคนอื่นทำอิทธิฤทธิด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้าก็ไม่ยอมรับ อ้างว่าการอัศจรรย์ไม่มีแล้วในยุคนี้ หรือไม่ใช่มาจากพระเจ้า (ยอห์น 7.20)
ฏ. ไม่ยอมรับการเปิดเผยใหม่ๆ เนื่องจากพวกเขาเป็นพวกหัวเก่า ปิดหูปิดตาตนเองมานาน (ยอห์น 7.52) เพราะกลัวว่าผู้ติดตามพวกเขาจะไปเป็นพวกของพระเยซู
ฐ. ชอบทำอะไรตามตัวอักษร สอนตามคอนเทก และเซทติ้งของพระธรรมเป็นตอนๆ สอนให้ความรู้ตามบริบท ไม่รู้จักพลิกแพลงสร้างสรรค์ในการประยุกต์ใช้คำสอนให้เหมาะสมกับยุคสมัย ละเลยความรักและความชอบธรรม (ลูกา 11.42.44)
ฑ. ด้วยหูตาที่คับแคบ ไม่เปิดโลกทรรศ์ พวกเขาทำผิดพลาดหลายๆ อย่างโดยคิดเห็นไปว่าเป็นการปกป้องศาสนา สถาบัน อาณาจักรแห่งคณะ กลุ่มของตน และสุดท้ายอ้างว่าปกป้องคริสตจักรของพระเจ้า (ลูกา 11.49)

พระเยซูถือว่าคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้หรือคล้ายๆ พฤติกรรมของพวกฟาริสีเป็นพวกชาติชั่ว และทรยศต่อพระเจ้า (มัทธิว 12.39) เป็นพวกงูร้าย พันธุ์อสรพิษ (มัทธิว 23.16-24) จิตใจเต็มไปด้วยความโสโครก, โจรกรรมมัวเมาด้วยกิเลส เป็นเหมือนอุโมงค์ฝั่งศพฉาบด้วยปูนขาว

อรรถาธิบายเพิ่มเติม

ชาติพันธุ์ฟาริสีสมัยใหม่  ในปัจจุบันได้แพร่พันธุ์อย่างมากมายในโบสถ์คริสต์บางแห่ง ฟาริสีสมัยใหม่มักจะชอบที่นั่งเดิมในโบสถ์เหมือนกับว่าเป็นเก้าอี้ประจำตำแหน่ง พวกเขาจะนั่งที่นั่งที่เดียวเป็นปีๆ ไม่ยอมย้ายที่นั่ง ดูคล้ายเป็นเหมือนการแสดงความเป็นเจ้าของ เป็นเหมือนเจ้าพ่อเซียงไฮ้ผู้แสดงอำนาจควบคุมผู้รับใช้พระเจ้าและเจ้าหน้าที่ต่างๆ พฤติกรรมที่ออกมาจากจิตใจส่วนลึกส่อให้เห็นความนัยว่า "นี่คือที่ของข้า, อาณาบริเวณของข้า" เขาจะนั่งที่นั่นจนตาย ก่อนตายก็จะมีลูกหลานมาเป็นใหญ่ต่อไปอีก

การสั่งสอนของพวกฟาริสีจะเป็นไปเพื่อให้เป็นพิธีการอย่างหนึ่งเพื่อให้ผ่านพ้นไปเป็นครั้งๆ เป็นเดือนๆ ปีๆ โดยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก การเทศนากลายเป็นเพียงภาระเป็นเวรอย่างหนึ่งในการประชุมกราบไหว้พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาหลายๆ คนชอบใช้ธรรมมาสเป็นที่ระบายอารมณ์ กล่าวคำเสียดสีและด่าว่าคนที่มีความคิด หรือความเชื่อ แตกต่างไปจากที่พวกเขาเชื่อถือ มากกว่าจะเทศนาเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อสร้างสรรค์สมาชิกให้ก้าวขึ้นไปในความเชื่ออย่างเป็นขั้นตอน และไม่มีการสอนที่เป็นระบบแบบแผนเพื่อสร้างสมาชิกให้เป็นสาวกที่สามารถออกไปส่งต่อความเชื่อ และสำแดงพระกิตติคุณบารมีของพระคริสต์

ลักษณะการเทศนาของพวกเขาจะเป็นการเปิดพระคัมภีร์สักหนึ่งตอน แล้วจะอ่านให้จบ ต่อมาก็จะอธิบายนิดหน่อย แล้วต่อไปแจะเป็นการสำแดงความรู้ทางโลก นิยาย นิทานเรื่องแต่งต่างๆ เช่น หมาพูดได้ กบพูดได้ เรื่องจากละครทีวี ข่าวดัง ข่าวเด่น สถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในที่ต่างๆ ของโลก พวกเขากลายเป็นนักรายงานข่าวในโบสถ์โดยไม่รู้ตัว ในจิตใจลึกๆ แล้วพวกเขาอยากจะอวดภูมิรู้และความทันสมัยของพวกเขามากกว่าการนำคนให้กลับใจคืนดีกับพระเจ้า

พวกเขามีแผนพัฒนาองค์กรที่เน้นการพัฒนาทางด้านวัตถุ การสร้างอาณาจักรด้านวัตถุ อาคารสถานที่ และความสนุกสนาน ไม่มีแผนการประกาศข่าวประเสริฐที่มีประสิทธิภาพ

การอธิษฐานประจำสัปดาห์ถือว่าเป็นสิ่งที่ปฎิบัติได้ยากหรือไม่มีเลย พวกเขาคิดว่าไม่มีความจำเป็นมากนักในการมุ่งเปิดเผยถ้อยคำของพระเจ้า เพราะเขาเชื่อมั่นในความรู้ ปัญญาและศักยภาพภายในตัวเองมากกว่า

คนที่เขาจะเอาสอนสอนเด็กๆ และเยาวชนเป็นคนที่ไม่ผ่านการอบรมอะไรมาก เมือผู้นำของเขาเห็นใครมีแวว  หรือเริ่มสนใจเรื่องพระเจ้าก็จิกหัวใช้ โดยไม่มีการนำไปสอนเพิ่มเติมในทุกๆ สัปดาห์ พวกเขาปล่อยปละละเลยเรื่องการสอน  การอบรมที่หวังประสิทธิผลในการสอน บางโอกาสพวกเขาแสดงสนใจการสอนมากแต่ไม่รู้วิธีว่าจะทำอย่างไร ตัวเองก็เอาตัวไม่รอด งานจึงเฉื่อยๆ

การสั่งสอนของพวกเขานานๆ จะมีการสอนพระคัมภีร์อย่างจริงจัง การสอนก็ไม่มีแบบแผน พวกเขาจะสอนอะไรที่พวกเขานึกได้ เพราะพวกเขาวางโครงการสอนไม่ค่อยเป็น สอนซ้ำไปซ้ำมา และไม่มีจุดประสงค์อะไรให้คนพัฒนาสูงขึ้นแต่อย่างใด คนเรียนก็เบื่อเพราะเรียนแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ และไม่ได้นำเอาไปใช้อะไร เพราะสมาชิกเป็นแค่เพียงคนฟังเท่านั้นปีแล้วปีเล่า นั่งฟังจนเบื่อ คริสเตียนใหม่หรือคริสเตียนเก่าก็เรียนบทเรียนในห้องเรียนเดียวกันและเรียนในเวลาเดียวกัน

พวกเขามีความคาดหวังให้คริสเตียนโตด้านจิตวิญญาณบ้าง แต่รู้วิธีการที่ดี  พวกเขาแก้ตัวว่าไม่มีใครมาช่วยเขาทำ การพัฒนาผุ้เชื่อให้มีความเชื่อจนกลายเป็นสาวกนั่นแทบไม่มีอยู่ในความคิดเลย แท้ที่จริงมีวิธีการมากมายในการจัดสอนคริสเตียนศึกษาอย่างได้ผล เพราะเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรเป็นทุกอย่าง เพียงแต่ขอให้มีความตั้งใจจริงก็พอ

คริสเตียนฟาริสีจะสั่งสอนอย่างหนึ่งแต่พวกเขามีพฤติกรรมอีกอย่างหนึ่ง พวกเขาจะสอนไม่ครบตามพระคัมภีร์แต่เป็นนักตัดตอน เพื่อหวังประโยชน์จากความเชื่อของสมาชิกจึงคล้ายๆ กับว่าสมาชิกในโบสถ์เป็นเพียงเครื่องมือหากินของพวกเขา  ในการประชุมพบปะกันไม่ว่าตามบ้านหรือตามโบสถ์พวกเขาจะหาโอกาสเรี่ยไรทุกครั้งเพื่อให้โบถส์มีรายได้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินของโบสถ์มากกว่าความคาดหวังว่าพระเจ้าจะทรงอวยพรผู้คนที่ตั้งใจถวายด้วยความยินดี

ในงานพิธีกรรม พวกเขาอธิษฐานเผื่อทรัพย์ให้เจริญงอกงาม ขอให้คนใช้เงินของโบสถ์มีสติปัญญาในการใช้ทรัพย์ในการก่อสร้าง และสร้างอาณาจักรของตนเอง มากกว่าการอธิษฐานขอให้พระเจ้าอวยพระพรผู้ถวายให้เกิดผลมากขึ้น มีชีวิตที่เต็มล้นไปด้วยพระพรตามพระสัญญาแห่งการถวาย เงินถวายสิบลดคือรายได้อันหอมหวานของพวกผู้นำ แต่ไม่ได้เอาไปเลี้ยงดูเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ให้เหมาะสม ผู้รับผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยคือ ผู้อภิบาลเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ให้มาก   เป็นเพียงการช่วยเหลือเพื่อ "ไม่ให้ตาย ไม่ให้อดอยาก แต่ไม่ให้รวย" เท่านั้น  พวกเขาไม่ได้ถือปฎิบัติตามแนวคำสอนในคัมภีร์อย่างครบถ้วน

พิธีกรรมที่พวกเขานำมาใช้ในองค์กร  พวกเขาถือเอาแต่ธรรมเนียมที่จะช่วยให้ประโยชน์ต่อองค์กรเท่านั้น  พวกเขาสนใจแนวปฎิบัติของยิวเพียงแค่ เอาการถวายมาใช้เท่านั้น อย่างอื่นพวกเขาบอกว่า ล้าสมัยแล้ว

คริสเตียนฟาริสีมีนิสัยชอบกีดกันคนที่อาจจะเก่งกว่าเขาในด้านต่างๆ ทั้งการเทศนา การใช้ของประทานเพราะวิญญาณฟาริสีแท้ที่จริงแล้ว คือเนื้อหนังที่มีวิญญาณผีโสโครกสิงสู่อยู่ในคนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้เชื่อพระเจ้าที่ดีแต่ปากนั่นเอง พวกเขามีความรู้พระคัมภีร์อยู่เต็มสมองแต่ขาดความถ่อมใจ ไม่ยอมจำนนต่อการควบคุมของพระวิญญาณในชีวิตของตน ต่อหน้าเป็นพระลับหลังเป็นอะไรไม่รู้ 

พวกฟาริสีสมัยใหม่บางคนชอบทำความผิดบาปในที่ลับเมื่อไม่มีใครเห็น มีความคิดที่ผิดเพี้ยนกลมกลืนและสนธิเอาวัฒนธรรมของชาวโลกอย่างไม่ละอายใจ  พวกเขาชอบเข้าไปเว็บโป๊ ดูรูปผู้หญิงแนวอีโรติก แอบสะสมรูปภาพโป๊ คลิปวีดีโอลามก เอาไว้กระตุ้นความต้องการทางเพศที่เสื่อมถอยตามธรรมชาติของมนุษย์ชาวโลกทั่วไปโดยไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด มีพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ไม่ต่างไปจากคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า เพียงแต่พวกเขายังไปโบสถ์เท่านั้น พวกเขาชอบมัวเมาการดูกีฬาต่างๆ เช่น ฟุตบอล ชนไก่ ตกปลา เล่นหมากรุก เล่นเฟซบุ๊ค  หรืออื่นๆ มากกว่าเอาเวลาไปศึกษาพระคัมภีร์หรืออธิษฐานเผื่อพี่น้องคริสเตียน การงานของพระเจ้า และผู้รับใช้พระเจ้า

ผู้เขียนเคยได้ยินผู้ใหญ่ระดับรองเจ้าอธิการของคณะใหญ่พูดในการสัมมนาผู้รับใช้พระเจ้าและต่อหน้านักศึกษาพระคัมภีร์เป็นร้อยกว่าคนว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลฮอล์ไม่ผิด ไม่เป็นไร ผมยังเคยใช้สิ่งนี้ต้อนรับผู้รับใช้จากต่างประเทศบ่อยๆ แต่ขออย่าให้เราดื่มให้คริสเตียนเห็นก็แล้วกัน เพราะเรื่องมันจะยาว และอาจเป็นการทำให้เกิดปัญหา

ที่จริงความคิดเห็นเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ของเขาไม่ได้เกินเลยไปจากคำสอนทางศาสนาคริสต์ เพียงแต่เรื่องแบบนี้ไม่ควรนำไปพูดในที่แบบนั้นมากกว่า เพราะคริสเตียนไม่ได้ห้ามการดื่มเหล้า และไม่ถือว่าการดื่มเหล้าเป็นการผิดศีลทางศาสนาคริสต์ เพียงแต่เท่าที่เรารับทราบและมีประสบการณ์  เราพบว่าคริสเตียนที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มักจะเป็นคริสเตียนที่เป็นเพียงศาสนิกเท่านั้น ไม่ค่อยมีพฤติกรรมที่แสดงผลของความดีงามตามคำสอน เป็นพวกที่ไม่ค่อยจะเกิดผล คือเป็นคนที่ไม่สามารถเป็นพี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาณ หรือนำใครมาเชื่อพระเจ้าได้เลยในแต่ละปี   พวกคริสเตียนฟาริสีจึงอาจเป็นเหมือนตอไม้ผุๆ ที่ลอยน้ำไป ไม่มีคุณค่า และบางครั้งกลายเป็นหินสดุดให้กับคริสเตียนใหม่ๆ อีกมากมาย ประเทศไทยมีปัญหาและได้รับผลกระทบจากเรื่องการดื่มเหล้า การติดเหล้ามากเหลือเกิน

คริสเตียนฟาริสีจะไม่มีฤทธิเดชในคำเทศนา พวกเขาไม่มีความมั่นใจในการทรงสถิตของพระเจ้า พวกเขาจะอธิษฐานขอให้พระเจ้าลงมาสถิตกับพวกเขาอยู่เสมอในการประชุมนมัสการต่างๆ ทั้งๆ ที่พระเจ้าก็สถิตอยู่กับผู้เชื่อแท้อยู่แล้ว

เมื่อมีคนป่วยมาขอรับการอธิษฐาน  พวกเขาจะใช้ให้พระเยซูทำการรักษาผู้คน ทุกครั้งที่พวกเขาอธิษฐานขอ  พวกเขาจะกล่าวอ้างความดีต่างๆ ของคนป่วยว่าสมควรที่พระเจ้าจะต้องรักษาเพราะคนเหล่านี้เป็นคนดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ โดยไม่ได้คาดหวังพระคุณของพระเจ้าแต่จะคาดหวังเอาความดีของคนว่าเป็นผู้สมควรได้รับพระคุณของพระเจ้าในการรับการรักษาและรับการอัศจรรย์แห่งการหายโรค

คริสเตียนฟาริสีจะมีเวลาสังสรรค์กันในหมู่ฟาริสีด้วยกัน พวกเขาคิดค้นวิธีต่างๆ ในการรวมกลุ่มกันโดยอ้างการสามัคคีธรรมบังหน้า แต่แท้ที่จริงพวกเขาหาเวลาในการนินทาสมาชิก และลูกแกะของพวกเขามากกว่าการสามัคคีธรรมแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า การอธิษฐานถืออดอาหารนับเป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับพวกนี้และเป็นข้อปฎิบัติเพียงประการเดียวที่พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติเหมือนกับพวกฟาริสี

วิญญาณฟาริสีจะชอบแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งเกรด แบ่งวิก แบ่งสำนักว่า ใครจบจากสถาบันพระคัมภีร์ไหนมา พวกเขามีซีเนียร์ จูเนียร์ พวกเขาไม่สนใจของประทานฝ่ายวิญญาณจิต และไม่เปิดโอกาสให้ใช้ของประทานในคริสตจักร หลายๆ ครั้งพวกเขาดับพระวิญญาณ และการเปิดเผยของพระเจ้าในคริสตจักร

การจะได้ตำแหน่งประธานหรือขึ้นสู่อำนาจสูงสุดในการบริหารกลุ่มองค์กร  ฟาริสีต้องมีการวิ่งเต้น  ต้องมีการหาเสียง  ต้องมีเส้น มีสาย มีผลประโยชน์เป็นตัวล่อ พวกเขามีการหาเสียง ล๊อบบี้ เพื่อเอาตำแหน่งทางการบริหารในองค์กร เพื่อผลประโยชน์มากกว่าโอกาสในการปฏิรูปองค์กรให้รับใช้พระเจ้าอย่างเกิดผลมากขึ้น ดังข่าวที่ปรากฎเป็นระยะ ไม่ว่าจะอยู่กลุ่มใด  พวกฟาริสีสมัยใหม่จะแย่งอำนาจ แย่งผลประโยชน์กันเหมือนตัวไฮยีน่าที่แยกกันกัดกินซากสัตว์ที่พวกมันปล้นมาได้

วิญญาณล่อลวงจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้พวกคริสเตียนแตกคอกันให้มากที่สุด เมื่อพวกคริสเตียนไม่สามัคคีกัน การประกาศข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของพวกคริสเตียนก็ไม่เกิดผลเท่าที่ควร เพราะพลังไม่เพียงพอในการทำลายป้อมปราการทางวัฒนธรรม ศาสนาผี ธรรมเนียม และประเพณีการไหว้วิญญาณรูปเคารพและผีต่างๆ ที่คนในชุมชนยกย่องนับถือ วิญญาณร้ายและผีต่างๆ จึงอยู่กันอย่างอิ่มหมีพลีมันเพราะพวกคริสเตียนแตกความสามัคคี ถือพวกถือคณะ ถือว่าคณะหรือกลุ่มของตนเองดีกว่ากลุ่มอื่น คณะอื่น

ฟาริสีสมัยใหม่มุ่งแต่หาประโยชน์หรือชื่อเสียงให้คณะหรือพวกของตนมากกว่าการร่วมมือร่วมใจในการประกาศข่าวประเสริฐ  ฟาริสีสมัยใหม่ชอบการรบแบบโจรป่า ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีการรวมกำลังกันทำศึก  แท้จริงพวกฟาริสีสมัยไม่จะไม่สนใจการมุ่งทำศึกสงครามกับผีร้ายวิญญาณชั่ว หรือซาตานใดๆ เลย  ฟาริสีสมัยใหม่ไม่สนใจ การสอนที่มีเปาหมายพัฒนาผู้เชื่อพระเยซูให้มีรู้จักสิทธิอำนาจของผู้เชื่อเพื่อนำคนมาสู่ความรอด สู่ความดี เพื่อให้สังคมสงบสุข 

พวกฟาริสีสมัยใหม่มุ่งสอนให้คนแสวงหาความร่ำรวย  การขายของไดเร็คเซลในโบสถ์ซึ่งผิดกับคำสอนของพระเยซูอย่างชัดเจน  พวกฟาริสีสนใจแต่เรื่องการยอดถวาย  มากกว่าการสอนเรื่องความรักดั่งเดิม  การประกาศตัวเป็นผู้เชื่อที่มีสิทธิอำนาจเหนือผีมารซาตาน

พวกฟาริสีสมัยใหม่ในโบสถ์ที่อยู่มานาน มีสมาชิกออกลูกออกหลานเพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลา พวกเขาจะสร้างป้อม หรือกำแพงของตนเองอีกชั้นหนึ่งเพื่อสกัดไม่ให้สมาชิกออกไปจากรั้วของโบสถ์ เพื่อเปิดโอกาสได้รับคำสอนใหม่ๆ การเปิดเผยใหม่ เพราะพวกเขารู้สีกเบื่อและเหน็ดเหนื่อยกับคำสอนใหม่ๆ พวกเขาเกรงว่า การได้รับคำสอนใหม่ๆ  สมาชิกจะแยกตัวออกไปตั้งโบสถ์ใหม่  และทำให้รายได้ของเขาลดลงกว่าเดิม  พวกเขาใช้คำสอนของ อ.พอลที่บอกว่า  จะมีคนมาสอนคำสอนใหม่ๆ ที่จะสามารถทำการอัศจรรย์ได้เพื่อพาคนให้หลงไป จากพระเจ้ามาเป็นข้ออ้างในการปิดหูปิดตาสมาชิกที่อ่อนแอไม่ให้ได้รับการเปิดเผยอะไรใหม่ๆ  หรือเติบโตขึ้นจนอยากรวมตัวกันออกไปตั้งโบสถ์ใหม่มาแข่งกับของเดิม


ฟ่าริสีสมัยใหม่ไม่อยากจะก้าวไปไหนแล้ว เพราะอาณาจักรของเขามีจำนวนสมาชิกมากพอที่วิญญาณฟาริสี และวิญญาณศาสนาจะอยู่กันอย่างมีสุข กินอิ่ม นอนอุ่น และสงบสุข พวกเขาตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า การประกาศเรื่องความรอดของพระเยซูเป็นเพียงกิจกรรมประจำปีในวันคริสต์มาส ปีละครั้งก็พอแล้ว เนื่องจากความสิ้นเปลืองงบประมาณและไม่ได้ผลดีอะไร ทำมาแล้วหลายๆ ปีก็ไม่มีใครเข้ามาเชื่อถือเท่าไหร่

นานๆ อาจจะมีคนหลงหายที่มีเดินเข้ามาในโบสถ์บ้าง ก็มาเจอกับตอ เจอหินสดุด ฟาริสีที่เป็นเหมือนปลาผอมแห้งหัวโตเจ้าของบ่อจะไล่กัด   ไล่แทะปลาเล็กปลาน้อยที่พลัดหลงเข้ามาในบ่อ  วิญญาณฟาริสีจะตั้งข้อรังเกียจไม่อยากให้คนเก่ง คนดี คนรักพระเจ้ามาอยู่ด้วย  ฟาริสีจะตั้งท่าคอยจับผิด นินทา
กวนจนคนใหม่ๆ อยู่ด้วยไม่ได้

ผู้เชื่อใหม่บางคนเจออาวุธอันเผ็ดร้อนที่ออกมาจากลิ้นอันหมายร้ายของวิญญาณที่ออน่แอของคริสเตียนที่ยังไม่เติบโต ผู้เชื่อใหม่หลายคนเดินหายไปสู่ความมืดมิดของชีวิตเหมือนเดิมอย่างน่าสงสาร

พวกฟาริสีสมัยใหม่ ชอบฟังคำสอนที่หวานหู  ต้องการฟังคำเทศนาที่อ่อนหวานประโลมใจ รื่นหู ไม่แจ้งความผิดบาป คำเทศนาจึงปรุงแต่งด้วยส่วนประกอบด้านความรู้และสถิติต่างๆ ที่น่าฟัง ผลงานวิจัยต่างๆ ที่นักวิชาการสรุปผลออกมา วิญญาณของพวกเขาเหมือนกับเด็กทารกที่ต้องการกินกล้วยขูด หรืออาหารสำหรับเด็กอ่อน ปีแล้ว ปีเล่า พวกเขาเคยชินกับอาหารรสจืดชืดที่วิญญาณศาสนาถ่ายทอดออกมา อาทิตย์ละ 20-25 นาที ผู้นำฝ่ายฟาริสีเชื่อว่าการเทศนานานๆ นั่นน่าเบื่อและทำให้คนเข็ดโบสถ์ และทำให้เสียเวลา

คริสเตียนฟาริสีสมัยใหม่หลายคนจะคาดเดาว่า ใครจะเป็นผู้เทศนาในอาทิตย์ต่อไป หากเป็นนักเทศน์โนเนม หรือนักเทศน์ไร้ปริญญาศาสนศาสตร์ พวกเขาจะไม่สนใจฟัง ถ้าไม่จำเป็นพวกเขาอยู่บ้านดีกว่า คำสอนทั่วไปของคริสเตียนฝ่ายฟาริสีเน้นหนักอยู่ 5 นะ คือ "1. มีความเชื่อนะ" 2. มาโบสถ์เป็นประจำนะ" "3. ถวายสิบลดและบริจาคพิเศษเยอะๆ นะ" " 4. ร่วมกิจกรรมนะ" " 5. อย่าลืมอธิษฐานก่อนทานอาหารและเข้านอนด้วยนะ" ถ้าคุณทำได้อย่างนี้ก็ถือว่าคุณเป็นคริสเตียนมาถึงเป้าหมายสูงสุดของชีวิตคริสเตียนของคุณแล้วนะ

มีคนเคยให้ข้อคิดว่าคริสเตียนหลายคนเป็นเหมือนอึ่งอ่าง เพราะเมื่อไรที่โดนกระตุ้น อึ่งจะพองตัว รอไปสักพักอึ่งที่พองตัวก็จะตัวเล็กลงเหมือนเดิม และไม่มีความกระตือรือร้นอะไรอีก เขาจึงเรียกมันว่า คริสเตียนอึ่งอ่าง

วิญญาณฟาริสีมักจะสิงสู่อยู่ในพวกมีการศึกษาดี มีใบปริญญาและฐานะดี สมองเต็มอิ่มไปด้วยความรู้ปรัชญา ปัญญาของโลก และความรู้สารพัน เพราะพวกเขาอนุญาตให้ลูกๆ หลานๆ ขาดโบสถ์เพื่อไปเรียนพิเศษในวันอาทิตย์ตั้งแต่เด็กๆ เหมือนพวกเขาที่เคยได้รับการปฎิบัติเช่นนี้มาแล้ว  เพราะความผิดพลาดของพ่อแม่ยุคแห่งการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ และการถูกกระแสบริโภคนิยมของโลกครอบงำ พอโตขึ้นพวกเขาจึงกลายเป็นไม้แข็งที่ดัดไม่ได้ มีแต่ความคดงอ  ตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงสมองส่วนกลาง และลึกลงไปถึงจิตวิญญาณ

คนเหล่านี้แสดงพฤติกรรมนัยว่าสมองของพวกเขาเต็มไปด้วยข้อมูลอันมหาศาลเหมือนกับฮาร์ดดิสคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยรูปภาพและไฟล์วีดีโอ ไฟล์ดีวีดี และไฟล์เอ็มพีสามจนเกือบจะเต็มฮาร์ดดิสแล้ว แถมยังไม่พอยังมีไวรัสคอมพิวเตอร์ พวกม้าโทรจัน และสปายแวร์หลบซ่อนตัวอยู่ เพราะแอบเข้ามาทางฟอร์เวิร์ดเมล์ที่เพื่อนชาวโลกส่งภาพโป๊ ภาพลามกที่พวกเขาชอบดูมาให้ สมองของเขาจึงอิ่มจึงไม่อยากจะเรียนรู้มากนักเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า เพราะเข้าใจยากและทำให้รู้สึกตัวว่าบาปหนา

ลูกหลานของพวกฟาริสีสมัยใหม่จะมีนัยตาที่แดง  เนื่องจากกิจกรรมคืนวันเสาร์ที่แสนสุขที่พวกเขามอมเมาตัวเองด้วยหนังรอบดึก และเบียร์พีเมียม หรือเมรัยต่างประเทศ นอกจากนี้พวกเขามักจะชอบสนุกับการมีปาร์ตี้ในคืนวันศุกร์และต่อด้วยคืนวันเสาร์ที่แสนหรรษาอีกต่างหาก

การมานั่งฟังเทศนาในโบสถ์ในเช้าวันอาทิตย์ลูกหลานของพวกวิญญาณฟาริสีสมัยใหม่กลายเป็นเพียงกิจกรรมที่ต้องปฎิบัติเพราะเกรงใจ พ่อแม่ และปูย่าตายายที่พยายามพูดแนะนำ แกมบังคับ ว่า

"อย่าขาดโบสถ์ในเช้าวันอาทิตย์"

ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้จึงเป็นเหตุทำให้พวกฟาริสีสมัยใหม่ไม่อยากจะรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณมากนัก เพราะพวกเขามั่นใจว่าพวกเขายังอยู่อีกนาน และการเข้าสู่การพิพากษาหรือการได้พบกับพระเจ้านั้นคือเมื่อเขาตายแล้วเท่านั้น ซึ่งความเชื่อเช่นนี้ก็น่าเห็นใจในการประชุมของพวกฟาริสีจึงไม่มีการสำแดงของพระเจ้าใดๆ เลยเป็นเวลานานมาแล้ว  

พวกเขาคิดว่าพระเยซูก็คือพระเจ้าองค์หนึ่งที่พ่อแม่ของพวกเขานับถือมา และจะมีอยู่จริงหรือไม่มียังไม่ค่อยแน่ใจเพราะพระเจ้ามักจะไม่เปิดเผยพระองค์กับพวกที่ไม่นับถือพระองค์อย่างแท้จริงอยู่แล้ว พวกเขาจะร้องเรียกหาพระเจ้าเมื่อพวกเขาป่วยหนัก อุบัติเหตุ เป็นอัมพาต เกิดวิบัติในชีวิต และแสวงหาความช่วยเหลือจากแพทย์ไม่ได้แล้ว พวกเขาจึงจะมาแสวงหาพระเจ้า บางคนกลายเป็นเหมือนม้าแก่ที่วิ่งไม่ได้แล้ว เป็นเหมือนควายแก่ที่เจ็บป่วยผอมแห้งไม่มีใครซื้อแล้ว หมดสภาพ พวกเขาจะสัญญากับพระอาจารย์ว่า  "ถ้าหากพระเจ้ารักษาผมฝหนูให้หายป่วยนะจะมาช่วยงานโบสถ์"

เนื้อหนังที่อิ่มเอมด้วยการครอบครองของวิญญาณฟาริสีและวิญญาณอื่น จะไม่สามารถทนฟังคำเทศนาที่เร้าใจ หรือยาวๆ ได้  การฟังเทศนาจากการอ่านจากบทคัดย่อที่ศาสนาจารย์พยายามคัดลอกมากจากที่ต่างๆ นำมาอ่านให้ที่ประชุมฟังในเช้าวันอาทิตย์ เหมือนกับแสดงปาฐกถาของนักบวชทั่วไป จึงเป็นอะไรที่ทำให้หนังตาของพวกเขาหนักและหย่อนยาน หลายๆ ครั้งทำให้เกิดอาการหาว และน่าง่วงนอนเป็นที่สุด พวกเขาแสดงอาการงวงเหงาห้าวนอนขณะฟังเทศน์ให้ศาสนาจารย์ที่ยืนเทศนาอยู่บนแท่นอย่างไม่เกรงใจ

อัตลักษณ์ของลูกหลานวิญญาณฟาริสีสมัยใหม่ที่แสดงออกอีกประการหนึ่ง   คือว่ากระเพาะของเขาคือผู้บัญชาการอย่างแท้จริง เขาจะต้องถวายเครื่องบูชาแด่กระเพาะอาหารของเขาตามเวลา วันละ 3-4 ครั้ง คือเช้า บ่าย เย็น และก่อนนอน ตลอดชีวิต โดยเฉพาะในเวลาเที่ยงของวันอาทิตย์คือ 12.00 น. หากวันใดเกิดมีนักเทศน์ขาจรที่ได้รับเชิญมเทศนา    หากนักเทศน์แสดงโวหารเกินเวลา 12.00 น. จะเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก พวกเขาจะยกนาฬิกาขึ้นดูทุกๆ 2-3 นาที เมื่อพวกเขารู้สึกว่าเกินเวลาที่กำหนดแล้ว

ฟาริสีสมัยใหม่มีความเข้า มีความเชื่อผิดๆ ว่าคนที่เทศนายาวๆ เป็นพวกไม่รู้จักกาละเทศะ และไม่ให้เกียรติคนฟัง พวกเขาถือว่า เวลาคือสิ่งมีค่าที่สุด  คนที่เทศนายาวเกินเวลาถือเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ฟัง   เป็นพวกจบไม่ลง  ไม่รู้จักกาละเทศะ  นักเทศน์ไม่รู้หรือว่า การทำอย่างนี้นักเทศน์ผู้รับเชิญจะได้มาที่นี้เป็นครั้งแรกและเป็นครั้งสุดท้าย

แน่ทีเดียวฟาริสีสมัยใหม่มักจะไม่มีของประทานแห่งการอัศจรรย์อะไรเลย บางครั้งพวกฟาริสีจะแสดงออกถึงการต่อต้านการอัศจรรย์ ไม่ยอมรับการสำแดงของพระวิญญาณ หรือปาฎิหารติใดๆ เพราะเขาเข้าใจว่า การอัศจรรย์สมัยอัครทูตนั้นเป็นสิ่งที่ล่วงเลยผ่านไปแล้ว และปัจจุบันไม่มีอีกแล้ว พวกเขาเป็นเพียงศาสนิก เหมือนๆ กับนักบวชในศาสนาอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่เป็นความเชื่อที่น่าสมเพชมาก

ผู้สอนฟาริสีสมัยใหม่อาจไม่เคยได้ประสบกับฤทธิเดชด้วยตนเอง ไม่ค่อยมีการอัศจรรย์ในชีิวิต เรื่องเล่าการอัศจรรย์มักเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนอื่นๆ มากกว่าการมีประสบการณ์ด้วยตนเองกับพระเจ้า ทั้งๆ ที่เขาพยายามทำงานในโบสถ์มาหลายปีแต่พวกเขาก็ยังเป็นเหมือนเดิม นิสัยเหมือนเดิม พฤติกรรมเหมือนเดิม ขึ้นๆ ลงๆ กับพระเจ้าเหมือนเดิม ไม่ไปถึงไหน พระเยซูคริสต์คงจะเสียใจกับคริสเตียนผู้วิญญาณเหมือนกับพวกฟาริสีมากทีเดียว

พี่น้องคริสเตียนที่รักท่านไปโบสถ์เพื่ออะไรกันแน่ พระเยซูอยู่ไหนกันแน่ ทำไมท่านไม่ได้รับประสบการณ์อะไรเลยกับพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ในคริสตจักรที่ท่านเข้าร่วม ชีวิตท่านยังเหมือนเดิม อยู่ในนิสัยบาป เป็นทาสบาป ท่านยังอยากจะไปโบสถ์ที่ไม่มีการอัศจรรย์ ไม่มีการสำแดงของพระเจ้าหรือ ถ้าคริสตจักรเป็นเช่นนี้จะประกาศกับคนที่ไม่รู้จักพระเยซูคริสต์ได้อย่างไรว่า "พระเยซูคือพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อยู่"

ท่านยังอยากเอาเงินไปให้กับคริสตจักรที่มีการประกาศ ไม่มีการสร้างสาวกหรือ ท่านยังอยากเอาเงินใส่ซองให้กับนักการศาสนาที่ดีแต่แต่งตัวเรียบร้อย ผูกไทด์ใส่สูท แต่งตัวชุดครุยโก้หรู  มีบั้งแขนหลายขีดแต่ไม่มีฤทธิ์เดชของพระเจ้า เป็นเพียงนักทำพิธีกรรม เป็นเพียงนักบรรยายความรู้ทางศาสนา นักเล่าประวัติศาสตร์วีรบุรุธ ทางพระคัมภีร์เท่านั้นหรือ สำหรับผมขอบอกว่า พอแล้วสำหรับ 40 ปีอยู่ในคริสตจักรที่ไร้เรี่ยวแรง มีผู้นำฟาริสีที่ไม่เอาไหน คริสตจักรไม่เคยสอนผมเลยว่า มีฤทธิอำนาจในผู้เชื่อทุกคน ผมไปฟังเทศน์ที่ไหนเจอแต่นักเทศน์พูดเสนาะหูคน  ไม่กล้าแจกบาป ไม่กล้าพูดความจริงอย่างครบถ้วน

บางคนกลัวว่า หากเทศนาหนักๆ ก็จะตกงานไม่มีใครเชิญ ไม่ได้กินอิ่ม นานๆ ครั้งถึงจะเจอนักเทศน์ที่พูดให้คนกลับใจจากบาป และอธิษฐานเพื่อผู้ป่วย น่าเสียดายเวลาของชีวิตที่ไปนั่งฟังนักเทศน์แบบนี้

เดี่ยวนี้ชาวโลกเขาแสวงหาอะไร เมื่อพวกเขาป่วยเขาไปหาหมอแล้วไม่หาย เขาไปหาใคร เขาไปหาอาจารย์ริสเตียนที่โบสถ์ให้อธิษฐานให้ หรือไปหาหมอดู คนทรงเจ้า เจ้าแม่ เจ้าพ่อต่างๆ

บางครั้งทรัพย์ของเขาหาย ญาติเขาป่วยด้วยโรคร้าย หมอวินิจฉัยไม่ได้ว่าเป็นโรคอะไร เขาไปหาใคร เขาไร้ที่ี่พึ่งพิงเขาจึงต้องไปหาผีหม้อนึ้ง ผีถ้วยแก้ว ไปหาคนทรงเจ้าเพื่อแก้เคล็ด แก้กรรม ขับคุณไสยเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ของพวกเขา แล้วคนของพระเยซูอยู่ไหน  ลูกหลานฟาริสีสมัยใหม่ที่ถือศาสนาแต่คำสอนแต่ที่ไร้เรี่ยวแรง  ไร้ฤทธิ์ของพระกิตติคุณสามารถช่วยอะไรชาวโลกได้บ้าง


ถึงเวลาหรือยังที่เราจะช่วยกันกำจัดวิญญาณฟาริสีให้ออกไปจากคริสตจักรและอธิษฐานขอพระเจ้าให้นำเอาของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาในคริสตจักรเพื่อประกาศพระบารมี และฤทธิอำนาจในพระนามพระเยซู เหมือนกับคริสตจักรอื่นๆ ที่กำลังรุ่งโรจน์อยู่ในประเทศเกาหลี ประเทศจีน ประเทศทางแอฟริกาใต้ และในที่อื่นๆ ทุกส่วนของโลก
แม้แต่ประเทศลาว ประเทศเพื่อนบ้าน เขายังมีการวางมือรักษาโรค มีคนรับเชื่อเข้ามาในคริสตจักรทุกๆ อาทิตย์แล้ว
 หากเราปล่อยให้คริสตจักรถูกครอบครองด้วยวิญญาณฟาริสีสมัยใหม่ คริสตจักรจะไปถึงไหน  จะมีฤทธิ์อำนาจหรือเปล่า จะมีสง่าราศีเหมือนคริสตจักรเริ่มแรกไหม หรือว่าในคริสตจักรจะมีแต่คนป่วยไข้ พิการ ติดยาเสพติด เป็นตุ๊ด เป็นแต๋ว เป็นขี้เหล่า เป็นพวกชอบกิ๊ก เป็นคริสเตียนแต่ยังมีผีรบกวน  ผู้นำก็ขับผีไม่ออก  วางมือไม่เป็น อธิษฐานคนไม่หายโรค


ผู้อ่านที่รัก  ท่านเคยประสบกับวิญญาณฟารีสีหรือเปล่้า หรือว่าโบสถ์ของท่านมีวิญญาณฟาริสีสมัยครอบครองอยู่  หรือท่านเป็นเสียเองบางครั้ง หรือมีตัวบ่งชี้หลายๆ ข้อว่ามีวิญญาณศาสนา และพวกฟาริสี หากท่านมีวิญญาณฟาริสีอยู่ขอให้กลับใจเสียใหม่ ขอพระเจ้าเมตตาท่าน ท่านสามารถอธิษฐานตามแบบนี้ ด้วยความจริงใจของท่าน

ข้าแต่พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ ข้าพระองค์มีความผิดบาปด้วยเรื่องของความหยิ่งยะโส และมีวิญญาณที่ผิดเพี้ยน ถูกครอบงำด้วยความไม่รู้ ทำให้วิญญาณฟาริสี วิญญาณมืดบอดได้เข้ามาสิงสู่ในวิญญาณของข้า และมีอิทธิพลต่อชีวิตมากกว่าการครอบครองของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอพระเจ้าทรงยกโทษ ขอชำระล้างใจที่มืดมน ความคิดที่ดื้อดึงและจิตวิญญาณของข้าฯ ด้วยฤทธิแห่งพระโลหิตของพระเยซู ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาประทับอยู่กับข้าพระองค์อย่างถาวร ขอทรงสอน ทรงนำ ข้าฯขอเชิญพระองค์เข้ามาครอบครองบัลลังค์ใจของข้าพระองค์ตลอดไป เพื่อข้าฯ จะเป็นคนหนึ่งที่เป็นผู้เชื่อแท้และมีฤทธิเดชในการวางมือรักษาโรค และขับผีให้ออกจากผู้คน ขออธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน

เอเมน
กลับไปหน้าแรกของบล๊อคนี้



Keyword: อุบายของซาตาน, การเิติบโตของคริสตจักร, การเพิ่มพูนคริสตจักร, การพัฒนาคริสตจักร, ชีวิตคริสเตียน, ศิษยาภิบาล, ครูศาสนา, อาจารย์, ป่วย, หายป่วย, ผีอำ, ชีิวิตผู้รับใช้, ผู้อภิบาล, คริสเตียนศึกษา, พระคริสตธรรม, พระคัมภีร์, การสอน, การขับผี, วิธีการขับผี, การประกาศ, ศาสนาคริสเตียน, ศาสนาคริสต์, โปเตสแต้นท์, การฟื้นฟูคริสตจักร,

2 ความคิดเห็น:

  1. เคยโดน ศบ มีอายุมากแล้วคนหนึ่ง ตรีหน้าดิฉันในความเป็นหม้ายเพราะหย่าร้าง ไม่สมควรจะได้รับการดูแล แต่กับหญิงหม้ายที่สามีเสียชีวิต เขากลับยกย่องและสนับสนุนให้ทุกคนดูแล และมีคริสเตียนฟาริสสีในโบสถ์ชอบประจานคนอื่น ขี้ขลาด ใช้กฎข้อบังคับทำลายชื่อเสียงของคนในโบสถ์ด้วยกัน มันทำให้เราไม่อยากไปร่วมอะไรด้วย กลายเป็นเบื่อไปเลย มีแต่เรื่องหยุมหยิม ไร้สาระ คนนั้นงอนคนนี้้ ดราม่าตลอด ยิ่งเห็นยิ่งเบื่อเพราะเราอยู่กับเพื่อนๆข้างนอก ไม่เห็นดราม่ากันขนาดนี้

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)