ทำไมบอกว่าเป็นสมาชิกของผม? Why do you say "MY MEMBER"?


                                                                             "สมาชิกของผม จริงหรือ"

คิดยังไงกับคำว่า "สมาชิกของผม" "สมาชิกของโบสถ์" "สมาชิกของคณะเรา"

คำว่า "สมาชิกของโบสถ์" มีใช้ในพระคัมภีร์หรือไม่เพียงไร คำที่ใช้เรียกว่าผู้เชื่อพระคริสต์ที่มาร่วมสามัคคีธรรมร่วมนมัสการพระเจ้าถ้าเราเรียกว่า "พี่น้อง" จะดีกว่าไหม"

แท้จริงเป้าหมายของการเป็นคริสเตียนน่าจะเป็นการสั่งสอน อบรมสร้างผู้เชื่อให้เป็นสมาชิกตลอดกาล(ถาวร)หรือสมาชิกสมบูรณ์เท่านั้นหรือ  หรือว่าเป้าหมายของการเป็นคริสตจักรคือที่ที่มีกระบวนการสร้างผู้เชื่อให้เข้มแข็ง จนทำให้เขา/เธอกลายเป็นสาวก ต่อจากนั้นเขาหรือเธอต้องถูกส่งออกไปตั้งคริสตจักร และสร้างผู้เชื่อรุ่นต่อไป ใช่หรือไม่



ทำไมคำว่า"สมาชิกของผม"จึงดังก้องหูอยู่เสมอ  ไม่น่าเชื่อว่า เป้าหมายของการสร้างคริสตจักรคือการหาสมาชิกให้มากๆ  และเก็บคนไว้กระจุกอยู่อย่างหนาแน่นในที่เดียวอย่างนั้นเยอะๆ  ยิ่งได้สมาชิกมากยิ่งดี  เมื่อใครเป็นสมาชิกแล้วก็จะถูกสั่งสอนให้เป็นคนที่จงรักภักดีต่อองค์กร  ทำงานให้องค์กร  อุทิศตัวให้องค์กร อยู่ร่วมกับองค์กรไปจนแก่  จนตายจากกันไปข้างหนึ่ง 

สมาชิกบางคนเมื่อยู่ร่วมในโบสถ์สักระยะจะผูกพัน  จงรักภักดีมาก  บางคนอุทิศตัวดีมากก็จะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นๆ  จนกลายเป็นผู้อาวุโสในโบสถุ์ ที่เขาเรียกกันว่า "ผู้ปกครอง" เมื่อใครได้เป็นแล้วก็จะภาคภูมิใจมาก  จะทำงานปกครองใช้โบสถ์ไปจนแก่ จนหมดอายุขัย  บางคนปกครองด้วยอำนาจ  ครอบงำ  และบงการ  ถูกบ้างผิดบ้างตามอำเภอใจ  ตามสามัญการรับรู้ ตามความเชื่อที่ได้รับมา

คนที่มีโอกาส  มีความสามารถทำงานรับใช้ตำแหน่งต่างๆ  จะมีความรู้สึกภาคภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโบสถ์  และได้ตำแหน่งเป็นสมาชิก  นั่งฟังคำสอนกันไปเป็นร้อยๆ พันๆ ชั่วโมง  โดยไม่คิดจะออกไปสร้างคริสตจักรใหม่ๆ 

แน่ใจหรือว่า  การเพิ่มพูนคริสตจักร คือการสร้างคริสตจักรที่เป็นอาคารให้ใหญ่โต  มีสมาชิกเป็นพันๆ คน แต่มีอาคารโบสถ์อยู่ในที่เดิม แห่งเดียว ห่างจากบ้านสมาชิกเป็นสิบๆ กิโลเมตร  บางคนออกไปอาศัยยังต่างประเทศเป็นพันๆ ไมล์ ยังเป็นสมาชิกอยู่ ไม่ยอมออกไปไหน  และโบสถ์ก็ไม่ยอมให้ห่างไปไหน เพราะรักกันมาก

หรือว่า.... การเพิ่มพูนคริสตจักร คือการทวีคูณของจำนวนคริสตจักร  พร้อมๆ จำนวนผู้เชื่อที่กระจายกันออกไปสร้างผู้เชื่อใหม่ๆ  ในทุกซอกทุกซอย ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน  แบบไหนจะดีกว่ากัน

แน่ใจหรือว่าพระคริสต์ต้องการให้สร้างผู้เชื่อให้เป็นสมาชิกที่อยู่ในโบสถ์เดียวไปเป็น สิบปี ยี่สิบปี  สามสิบปี  ห้าสิบปี จนแก่และหมดอายุขัยในโบสถ์  และจะได้รับรางวัล เป็นที่ดินผืนน้อยสำหรับฝากร่างไว้ในที่ดินสุสานของโบสถ์  แน่ใจหรือว่า คำสอน ความเชื่อนี้ถูกต้อง 

แท้จริงเป้าหมายของการเป็นผู้เชื่อคืออะไรกันแน่  เป็นสมาชิก หรือเป็นสาวกของพระคริสต์ ในประเทศนี้  มีใครบ้างที่เป็นสาวก  มีใครบ้างที่ยอมรับคนอื่นๆ ว่าเป็นสาวก  มีตำแหน่งสาวกหรือเปล่า  โบสถ์คริสต์สร้างคนให้เป็นสาวกหรือพยายามสร้างสมาชิกให้อยู่กับโบสถ์ ติดโบสถ์ นั่งฟังในโบสถ์ทุกอาทิตย์ไปเรื่่อยๆ จนแก่ และตายในโบสถ์เดิม

ผมอยากให้คริสเตียนเรียกขานกันว่าพี่น้องดีไหม  เพราะคำว่าสมาชิกสำหรับประสบการณ์ของผม  มันผูกพันกันแน่นและนานเกินไป นานจนแยกกันไม่ออก  ยิ่งโบสถ์ใหญ่ยิ่งต้องการสมาชิกมาก เพราะรายจ่ายสูงตามสมาชิก  แน่ใจหรือว่าพระคริสต์ต้องการให้ผู้เชื่อกลายเป็นสมาชิก  ที่อยู่กับที่เดิมไปจนหมดอายุขัย   แท้จริงพระคริสต์สั่งให้สร้างอะไรกันแน่  สมาชิก หรือสาวก 

ถ้าเราเรียกผู้เชื่อว่าพี่น้อง  เราจะส่งเสริมเขาให้มีความเข้มแข็งในความเชื่อ และสร้างเขาให้เป็นสาวก  เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งผู้นำความเชื่อต้องกล้าพอที่จะส่งเขาออกไปประกาศข่าวประเสริฐ และอุดหนุน ส่งเสริมทั้งงบประมาณ และทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้เขาออกไปปลูกสร้างคริสตจักรและสร้างสาวกรุ่นต่อไป  เพื่อนำคนไทยมารับความรอดมากขึ้น 

ถ้าคริสตจักรไทยทบทวนวิสัยทัศน์เรื่อง ผู้เชื่อเสียใหม่  หรือมากขึ้น เราอาจได้เห็นพี่น้องคริสเตียนจำนวนมากมาย ออกไปปลูกสร้างคริสตจักรทุกซอก ทุกซอย ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบลในประเทศไทย  

ผมขออนุญาตถามว่า

"ผู้นำความเชื่อมีความยินดีมาก  เป็นสุขมากใช่ไหมที่ได้เห็นใครสักคน  และใครอีกสักหลายคน คนแล้วคนเล่าที่มาหาพระคริสต์แล้วอยากเป็นแกะน้อย กินน้ำนมไปตลอดกาลนาน"  อยู่ร่วมกันไปนาน เป็นสิบๆ ปี จนหมดอายุขัย  จนได้รับรางวัลเป็นที่ดินผืนน้อยผืนนั้น  แน่ใจหรือว่าความคิดนี้ถูกต้องและเป็นพระประสงค์จากเบื้องบนแล้ว

สำหรับพี่น้องทั่วไป ผมอยากจะขออนุญาตแนะนำผู้เชื่อให้รับทราบว่า  เมื่อท่านมาเชื่อพระคริสต์ ท่านเป็นของพระคริสต์  ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง หรือเป็นลูกแกะพันธ์ดีของพี่เลี้ยงคนไหน  คริสตจักรคือที่ฟูมฟัก และเลี้ยงดูให้ท่านเรียนรู้ และมีความเชื่อ  เมื่อใดที่ท่านรู้ว่าท่านโตแล้ว  เข้าใจจุดประสงค์ของการเป็นผู้เชื่อพระคริสต์แล้ว ถึงเวลาที่ท่านจะต้องออกไปส่งต่อความเชื่อนี้ให้กับคนที่ยังไม่รู้จักทางรอดนี้  และวิธีการที่จะทำให้ทางรอดนี้ไปถึงคนมากมาย คือ การออกไปตั้งคริสตจักร  หรือไปร่วมสร้างสรรค์งานปลูกสร้างคริสตจักร

หากผู้เชื่อไม่มีกำลังพอ คิดว่าความสามารถไม่พอ  ลองปรึกษาคนที่เขามีหัวใจ และมีนิมิตในการสร้างคริสตจักรและออกไปตั้งคริสตจักรใหม่ๆ ร่วมกันดูสิ  หรือหาวิธี หาทางออกไปช่วยเหลือคนของพระเจ้าที่ออกไปตั้งคริสตจักร ออกไปเยี่ยมเยียนคนในละแวกบ้านของเรา  ไม่แน่นะ  พระเจ้าอาจช่วยท่านให้สร้างคริสตจักรเล็กๆ ในบ้านของท่านก็เป็นไปได้ 

การตั้งคริสตจักรใหม่  คนไม่เข้าใจคิดว่ายากนักแสนเข็ญ  ไหนต้องหาที่ดิน ต้องเช่าที่อาคาร ต้องซื้อเครื่องเสียง ต้องมีอุปกรณ์มากมาย  ต้องมีงบประมาณ ต้องมีคน หากคิดเช่นนั้นอาจจะต้องรอไปอีกหนึ่งชาติ ถึงจะทำได้ 

เท่าที่ผมสังเกตโบสถ์ (โบด) ในประเทศไทยไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก  ส่วนมากเริ่มต้นมาจากเงินนอกทั้งนั้น  ส่วนใหญ่เลย อาจจะเป็นร้อยละ 80-90 ไม่ได้เกิดจากแรงทรัพย์ของคนไทย  แม้มหาวิทยาลัยคริสเตียนที่ใหญ่ๆ ก็ยังเป็นเงินนอกส่งเข้ามาช่วยสร้าง ช่วยอุ้มทั้งนั้น  เมื่อคนไทยได้รับมรดกทางการเงิน และทรัพย์สิน ผู้นำในมหาลัยบางแห่งไม่ได้เป็นแสงสว่างของพระคริสต์เท่าที่ควรจะเป็น  แต่กลายเป็นแค่เพียงแค่ชื่อเท่านั้นแต่พันธกิจสลายไปเยอะแล้ว

มีคำถามว่าทำไมคริสตจักรใหญ่บางแห่งจึงไม่ยอมส่งเสริมให้พี่น้องออกไปตั้งคริสตจักร  เป็นไปได้ไหมว่า  ปัจจัยหนึ่งที่เขาไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมส่งเสริม คงไม่ใช่เพราะกลัวว่าคนจะไปไม่ไหวนะ  แต่คิดว่าเป็นเรื่องการเงินและ ผลประโยชน์ทางศาสนาหรือเปล่า

ผมเข้าใจว่า กลุ่มเซลที่ตั้งตามบ้านเป็นสิบ เป็นร้อย หากกลุ่มเซลใดมีคนเข้าร่วมสิบกว่าคนก็สามารถตั้งเป็นคริสตจักรเอกเทศได้เลย แต่ทำไมอยู่กันไปหลายปียังให้เป็นแค่กลุ่มเซลอธิษฐานตามบ้าน  ผมเข้าใจว่า เพราะเรื่องการเงินใช่ไหม  กลุ่มเซลแม้จะมีการถวายทรัพย์ แต่ทรัพย์ที่ได้ กลุ่มเซลไม่มีสิทธิอำนาจในการบริหารทั้งหมด  แต่ต้องส่งไปให้นายใหญ่จัดการใช่ไหม  คริสตจักรที่ไม่มีเงินจะเข้มแข็งได้อย่างไร จะทำการใดๆ โดยไม่ใช่เงินได้หรือ  ทหารที่ถูกส่งไปรบในสงครามต้องกินเสบียงจากคลังหลวงไม่ใช่หรือ  แต่ทำไมเป็นแบบนี้  มีแต่รับเข้าไม่เอาออกมาใช่

เป็นเรื่องน่าหัวเราะหรือเปล่าไม่ทราบ  สองวันก่อนมีพี่น้องคนหนึ่งบอกกับผมว่า  อาจารย์ครับโบดที่ผมเคยไปร่วมมาหลายปี  เขามีระเบียบจัดมาก  การบริหารการเงินของเขานี่สุดหิน และเหนียวมากๆ ครั้งหนึ่งเมื่อมีนักดนตรีเสนอให้ซื้อไม้ตีกลองชุด 1 คู่ ราคาแค่สองร้อยกว่าบาท  พวกเขาต้องให้เขียนบันทึกโครงการและนำเสนอให้ที่ประชุมธรรมกิจ  พิจารณาว่าสมควรซื้อหรือไม่    

โอ้ว...ผมฟังแล้วซึ้งเลย แค่เงินไม่กี่สตางค์นี่ยังเอาไปเข้าห้องประชุมกรรมการ แล้วการบริหารงานแบบรวมศูนย์แบบนี้มันจะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร  นี่ถ้าพวกศาสนานิยมมาเห็นการผมซื้อโน้นซื้อนี่ราคาเป็นหมื่น  ในการออกพันธกิจผมใช้จ่ายเงินเป็นค่าเดินทางไปโนน้มานี่ครั้งหนึ่งก็หลายพัน  และบางทีผมก็โอนไปให้ใครก็ไม่รู้ที่ทำงานประกาศในภาคใต้  พวกนั้นคงด่าผมว่าเป็นจอมเผด็จการแน่ๆ

ผมขอหนุนใจว่า  ผู้เชื่อคือลูกแกะของพระคริสต์  ผู้เชื่ออาจจำเป็นต้องเข้าเป็นสมาชิกของโบด  สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งผิด แต่ถ้าโบดพยายามควบคุม และรีดไถ่การเงินของท่าน จำกัดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล  พยายามห้ามไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาคริสต์ที่กลุ่มความเชื่อต่างๆ จัดขึ้น หรือห้ามไม่ให้ไปฟังนักเทศน์ระดับโลกที่มาเยี่ยมคริสเตียนไทย  โดยการจัดการอบรมหรือสัมมนาอะไรต่างๆ  แต่พวกศาสนานิยมห้ามไม่ให้ไป  ผมอยากบอกว่าท่านกำลังกลายเป็นลูกแกะอยู่ในกำมือครับ ท่านไม่ได้เป็นลูกแกะของพระคริสต์หรอก เขากำลังกระทำการละเมิดสิทธิการเป็นพลเมืองของท่าน

หากมีใครบังอาจสอนว่า  กลุ่มของเขาดีที่สุด  เป็นโบดดีที่สุด  เวลาสอนหรือเทศนาพยายามทับถมพี่น้องคริสเตียนกลุ่มอื่น โบดอื่น  ห้ามโนน้ห้ามนี่  สอนให้หวาดระแวงผู้เชื่อในกลุ่มอื่น  ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมการประกาศข่าวประเสริฐ  ผมขอแนะนำว่า โบดใดๆที่ทำแบบนี้  เขากำลังมัดผู้เชื่อให้เป็นสมาชิก ให้อยู่กับเขาไปจนตาย  และสิ่งที่พวกเขาทำไม่ใช่พฤติกรรมตามหลักการแห่งความรักของพระคริสต์   เพราะเป้าหมายของการพัฒนาผู้เชื่อ ตามพระคริสต์ธรรมคัมภีร์คือการสร้างคนให้เป็นสาวก ให้ออกไปประกาศเรื่องความรอดบาปด้วยความเชื่อ ไม่ใช่ให้เป็นสมาชิกอยู่ที่เดิม  โดยไม่ให้ออกไปไหน

คริสเตียนมีความเป็นพี่น้อง  เห็นอกเห็นใจช่วยเหลือกันในหมู่เคริสเตียน และยังต้องเสียสละเพื่อสังคมส่วนรวม  ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง  หากใครหลงเข้าไปเป็นสมาชิกแล้วถูกกระทำอย่างที่ผมกล่าวมา รีบออกมาซะ ก่อนที่ท่านจะกลายเป็นสมาชิก  เป็นลูกแกะในกำมือ  ในคอกที่อ้วนจนเดินไม่ไหว  เจ็บป่วยและไร้ประสิทธิภาพ  ถูกปล่อยให้ใครบางคนที่ใส่หน้ากากทางศาสนานำทางไปหลงจากทางแห่งความรัก และเป้าหมายสูงสุดของการเป็นคริสเตียน

ขอพระเจ้าอวยพระพร

Home

6 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อาเมน ผู้เชื่อทุกคนเป็นลูกแกะของพระเยซู พระองค์ทรงเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว

      ลบ
  2. ตอนนี้ผมพยายามจะเปลี่ยนความเคยชินที่ชอบพูดเรียกคนที่มาเชื่อพระเจ้ากับผมจากคำว่า "สมาชิก" มาเป็น "พี่น้องในพระคริสต์" แค่การจะเปลี่ยนำคพูดแค่นี้ผมยังสับสน และต้องใช้เวลาปรับตัว เพราะพูดคำนี้มากว่า สี่สิบปี พอถึงเวลาเปลี่ยนมันกระเดียม และลำบากเสียจริง

    เพราะผมไม่มีจุดประสงค์ให้ใครมาเป็นสมาชิก เพื่อจะให้เขาถวายทรัพย์เลี้ยงดูผม หรือยู่กับผมไปนานแสนนาน ผมคิดว่า การสร้างคนให้เป็นสมาชิก มันไม่ใช่จุดจบของการเป็นคริสเตียน

    เป้าหมายของผู้ประกาศปลูกสร้างคริสตจักร หรือนักศึกษาพระคัมภีร์ที่มีใจร้อนรนเรื่องนี้ แท้จริงเป็นความเร้าร้อนที่ดี แต่เนื่องจากวัฒนธรรม และแนวคิดนี้มันแอบเข้ามาสิงในใจคน ตั้งนานแล้ว และมันถ่ายทอดกันไปจากรุ่นสู่รุ่นโดยอัตโนมัติ

    คนจึงคิดว่าสิ่งสุดยอดของผู้จบพระคริสต์ธรรม คือการหาประสบการรับใช้กับคริสตจักรอื่นก่อน พอปีกกล้าขาแข็งก็จะไปออกไปประกาศและปลูกสร้างคริสตจักรใหญ่ๆ ด้วยตนเอง ถ้าหากเขาทำได้ เขาจะรู้สึกว่า เขามีความสามารถ และเป็นที่ยอมรับของคนในแวดวงศาสนา ยิ่งทำโบสถ์ใหญ่ หรือได้เป็น ศบ อยู่โบสถ์ใหญ่ รวยๆ ยิ่งมีหน้ามีตามาก สุขสบายไปหนึ่งชาติ

    เมื่อได้คนเชื่อมาแล้วแทนที่ผู้นำความเชื่อจะสร้างคนให้เป็นสาวก แต่ผู้เชื่อที่น่าสงสารเหล่านั้น เขาถูกสอน ถูกตอกเข้าแบบพิมพ์ให้เป็นแค่เพียง "ลูกแกะ" หรือสมาชิก การเป็นลูกแกะ มันก็มีความสามารถจำกัด เพราะถูกจัดให้อยู่ในที่แออัด และอยู่ในกรงแคบๆ แถบถูกล้างสมองให้จงรักภักดีต่อองค์กรอีก ไม่ยอมไปไหน เพราะมันได้รับการสอนมาแบบนั้นจนกลายเป็นความเชื่อฝังใจ

    เมื่อลูกแกะเติบโตขึ้นแทนที่จะสามารถขยายพันธ์ได้ต่อๆ ไป แต่พวกเขาถูกละเมิดด้วยการตัดตอนทางวิญญาณให้รับความเชื่อ ความคิด และความขี้เกียจ ความสบาย จนพวกเขา กลายเป็น สมาชิกถาวร และได้รับตำแหน่งต่างๆ ในคริสตจักร พวกเขาคิดว่า การได้รับใช้ในคริสตจักร ได้เป็นผู้ปกครองคือเป้าหมายสูงสุดของการเป็นคริสเตียนแล้ว

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ9/27/2556

    -ข้าพเจ้าเองก็เป้นลูกแกะของพระเยซู ของคุณพระเจ้าทั่ข้าพระองค์ได้รู้จักและเชือพระองค์ ขอบคุณสำหับความรักและเมตตาที่พระองค์มีให้กับข้าพระองค์ตลอดมาแม้ว่าข้าพระองค์จะบาปจะชั่วสักเท่าใดพระองค์ก็อภัยให้ข้าพระองค์เสมอมา อาเมน

    ตอบลบ
  4. ยิวฝ่ายวิญญาณ4/19/2557

    พี่ น้อง ที่รักในพระคริสต์น่ะ เหมาะสมแล้วครับ บ้างครั้งผมยังเรียก ผู้รับใช้ของพระคริสต์(ศบของผม)ว่า พี่...เลย
    ฟังดูแล้วเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนในเพลงเลย
    ขอ​พระ​เกียรติ​จง​มี​แด่​พระ​องค์​ทั้ง​ใน​ปัจจุบัน​นี้​และ​ตลอดไป​เป็น​นิตย์ อาเมน

    ตอบลบ
  5. พระกายพระคริสต์เป็นเหมือนครอบครัวนะ เราก็เรียกกันเหมือนกับที่เรียกคนในครอบครัวนั่นล่ะ เรียกพี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา ปู่ย่าตายาย ที่เลี้ยงดูเราก็เรียกพ่อ สนิทกันดี เพราะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ในเราซึ่งรวมเราให้เป็นครอบครัวของพระคริสต์ ขอพระคุณพระเยซูสำหรับสิทธิพิเศษที่ให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระองค์ :)

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)