วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของคริสตจักรแนวปลดปล่อย



คริสตจักรมีหลายแบบ แต่ละแบบมีทั้งข้อดี ข้อเด่นข้อด้อย หรือจุดอ่อน คงไม่มีใครยืนยันว่าคริสตจักรที่ตนเองอยู่ไม่มีข้อด้อยหรือจุดอ่อน  เพราะถ้าใครว่าอย่างนั้นก็อาจเป็นคนที่ไม่ยอมรับความจริง  คริสตจักรที่เราได้พบเห็นส่วนใหญ่ เป็น
คริสตจักรแนวอนุรักษ์  เป็นคริสตจักรที่เข้าใจถึงธรรมชาติและดำเนินแนวทางของคริสตจักรตามแนวเดิมๆ คือมีทั้งก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว  ประเภทไปเรื่อยๆ ประเภทหยุดอยู่กับที่ และประเภทกำลังจะตาย กำลังเสื่อม เพราะสมาชิกชอบบาป ถูกวิญญาณศาสนา  พิธีกรรม  ความบาป และผลประโยชน์แอบแฝงซ่อนเร้น  คุกคามและครอบคลุม จนไม่สามารถกระดิกตัวออกไปประกาศความรอดแก่ชุมชนได้  ผู้ที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดของคริสตจักรที่ถูกบาป หรืออำนาจเงินเข้าครอบงำก็คือเจ้าตัวมีเขานั่นเอง   น่าเห็นใจที่คริสเตียนเป็นแสนๆ ล้านๆ คนไม่ตระหนักว่า การเป็นคริสเตียนคือการต่อสู้กับเนื้อหนังและความต้องการของตัวเองยังไม่พอ แต่ต้องต่อสู้กับวิญญาณร้ายนานาชนิดอีกด้วย


คริสตจักรหลายแห่ง ล้มๆ ลุกๆ  ถ้ามีผู้นำดีก็ดีไปเริ่มมีคนเข้าโบสถ์สม่ำเสมอหนาตา  แต่พอผู้นำย้ายไปพี่น้องก็หลงทำบาป ไม่ติดตามพระเจ้า   ไม่เข้ารับคำสอน  เลิกจากการประชุมนมัสการก็กลับไปบ้าน  มีพฤติกรรมไม่แตกต่างจากคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าแม้แต่น้อย  บางคนเผลอตัวแอบทำชั่วยิ่งกว่าคนไม่รู้จักพระเจ้าเสียอีก 
เมื่อไม่นานมานี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรศัพท์มาขอคำปรึกษาจากผม เรื่องเกี่ยวกับความวุ่นวายใจที่ คนดูแลลูกแกะแอบฆ่าแกะกิน  บทสนทนาเป็นประมาณนี้ คือ 

"อาจารย์ ค่ะ หนู ขออนุญาตปรึกษาอาจารย์หน่อยนะคะ" หญิงสาวคนหนึ่งโทรศัพท์มาถามผมในตอนเช้าวันเสาร์วันหนึ่งเมื่อปีก่อน

"มีเรื่องอะไรหรือ" ผมถามไป
เธอตอบว่า " อาจารย์คะหนูไม่สบายใจเลย  คือว่าเมื่อสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา
หนู ถูกคนดูแลลูกแกะ แอบมาโอบมากอดหนูค่ะ"
"อ้าว  แล้วหนูทำไมทำอย่างนั้น ไปให้ท่าเขาหรือเปล่า" ผมถามไป
"ไม่หรอกค่ะ, ตอนแรก หนูก็ล่อเล่นกะอาจารย์เขาค่ะแต่ ตอนหลังๆ หนูเห็นเขาทำท่าจะเอาจริง หนูเลยหยุดพูดล้อเล่นเขาค่ะ"  " แต่ว่าเขาไม่ยอมหยุดค่ะ" 

" เออ... คนเลี้ยงแกะจะกินแกะของตัวเองแบบนี้ มันผิดบทกฎศีลธรรมหลายข้อนะเนี้ยะ แล้วเขาไม่รู้หรือว่ามันผิด"
"รู้ค่ะ เขาบอกว่า ถ้าหนูไม่ยอมเขา เขาจะฆ่าตัวตาย และฆ่าหนูด้วย, คือเขาจะฆ่าหนูก่อน แล้วฆ่าตัวเอง" เสียงหญิงสาวบอกมาตามสายโทรศัพท์

"แล้วหนูมีสามีหรือยัง" ผมถาม
"มีค่ะ หนูมีลูกแล้วด้วย หนูมีลูกสามคน แต่สามีหนูไม่อยู่ค่ะ เขาไปทำงานต่างประเทศ" เธอตอบ
"อ้าว....แบบนี้ยิ่งยุ่งไปใหญ่เลย  นี่บาปมหาศาลเลยนะเนี๊ยะ"
"เอางี้หนู บอกชื่อโบสถ์ และชื่ออาจารย์และสังกัดมาให้ผมได้ไหม"
เสร็จจากนี้ผมก็แนะนำเธอไปหลายอย่าง
ผมพยายามจดชื่อโบสถ์ และองค์กรที่เธอบอกมา แต่ผมโทรศัพท์ไปถามใคร ก็ไม่มีใครรับว่าเป็นองค์ของตน เพราะโบสถ์ที่หญิงสาวกล่าวอ้างมาอยู่บนดอยสูง แถวๆ อำเภอแม่ฟ้าหลวง 


มาเล่าเรื่องคริสตจักรกันต่อดีกว่า

คริสตจักรบางแห่งไม่มีการฟื้นฟูจิตใจอะไรเกิดขึ้นเลยในรอบสิบปี  แต่ก็พยายามจัดกิจกรรมที่เรียกว่า "การฟื้นฟูอยู่เรื่อยๆ " ตามกลุ่ม หรือตามหมูบ้านใกล้เคียงก็พยายามจัดร่วมกัน  พยายามจัดงบประมาณจ้างนักเทศน์ดังๆ มาเทศนา แต่พอนักเทศน์กลับไป พี่น้องสมาชิกก็ทำตัวไม่เย็นไม่ร้อนเหมือนเดิม ไม่มีการพัฒนาก้าวหน้าไปไหน 

สภาพของโบสถ์ที่เป็นดังนี้อาจเป็นเพราะคริสตจักรอาจหย่อนยานในเรื่องวินัยฝ่ายวิญญาณ และผู้นำยังไม่ได้สัมผัสกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าแบบตัวต่อตัว  นักการศาสนาบางคนยังสอนพี่น้องว่า คริสเตียนทุกคนเต็มล้นด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าขณะที่รับเชื่อแล้ว  จึงพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง  คริสเตียนจำนวนเป็นพันๆ คน ยังเป็นแค่ "คนพยายามทำดี"  ยังมีห่วงที่มองไม่เห็นผูกมัดอยู่" คริสตจักรไร้ผู้นำที่เข้มแข็งที่เอาจริงเอาจังอย่างต่อเนื่อง  ไม่ท้อถอยกับการจู่โจมของมาร และสมุนของมัน 

ผู้นำส่วนใหญ่ไม่ได้อุทิศตัวในการเข้าติดสนิทกับเถาองุ่นอย่างแท้จริง  มีบาปซ่อนเร้นที่ปลดปล่อยตัวเองไม่ได้ และไม่รู้จะไปปรึกษาใคร เราเชื่อว่าคงมีนักการศาสนาจำนวนไม่น้อยที่  อยากจะแก้ปัญหาพฤติกรรมเร้นลับตัวเอง แต่ไม่กล้าบอกใคร  หารู้ไม่ว่า ซาตานมันชอบคนประเภทนี้มาก  เพราะบาปที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิต คือป้อมปราการอันเข็มแข็งของชีวิตคน แต่ป้อมนั้นมันได้เปิดประตูไว้ให้ซาตานมันมาหลบซ่อนและคอยปฎิบัติจากที่นั่น จึงไม่แปลกใจที่เราจะพบว่า คริสเตียนบางคนเป็นผู้เชื่อมาหลายปีแต่ไม่เจริญขึ้นในความเชื่อ พฤติกรรมยังเหลวไหลขึ้นๆ ลงๆ ไม่อุทิศตัวด้านการถวาย การอุทิศตัวต่องานของพระเจ้า หลายคนละอายใจตัวเองมากที่เป็นคริสเตียนมานานแต่เกิดผลน้อยมาก ปีๆหนึ่งแทบไม่ได้นำใครมารู้จักกับพระเจ้าเลย  อาจเป็น เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีใครไปปิดประตูบาปตรงนั้นให้เขา 

 ดังนั้นเว็บแห่งการปลดปล่อยนี้จึงขอนำเสนอแนวทางการพัฒนาผู้เชื่อธรรมดา สมาชิกธรรมดาให้กลายเป็น ผู้เชื่อที่ประกอบไปด้วยฤทธิ์เดชแห่งการเจิม และสามารถออกไปปลดปล่อยผู้คนทั้งภายในและภายนอกคริสต์จักรได้อย่างเกิดผล เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองของผู้รับใช้พระเจ้า และการพัฒนาผู้เชื่อให้เข้มแข็งด้านความเชื่อ และการปฎิบัติที่ดีขึ้น
...........................................


นี่คือพิมพ์เขียวที่อาจเป็นแนวทางปรับปรุงงานและชีวิตเพื่อการขยายอาณาเขตของคริสตจักรตามบ้าน (ร่างที่ 1 ปี 2011)
ในการสร้างคริสตจักรตามบ้าน (คริสตจักรแห่งการปลดปล่อย) มีแนวปฏิบัติที่อาจเป็นแนวทางเท่านั้น ดังนี้

ก. นมัสการตามบ้านที่เป็นจุดรวมผู้เชื่อ บ้านผู้นำกลุ่ม บ้านอาจารย์ ในที่สาธารณะ ในห้องเช่า ห้องเรียนของโรงเรียนรัฐบาล หรือฮอลล์ของโรงแรม หรือรีสอร์ท


ข. ผู้เชื่อแท้ประกาศข่าวประเสริฐทุกๆ วัน ด้วยสิทธิอำนาจของผู้เชื่อ (ไม่เน้นความรู้เรื่องพระเจ้าแต่ออกไปด้วยการสำแดงอิทธิฤทธิ์ในพระนามเยซู) เปิดบูทอธิษฐานที่ถนนคนเดิน สวนสาธารณะ ศาลาของชุมชน ปลดปล่อยผู้คนที่เราพบในชีวิตประจำวัน ที่ทำงาน  ที่ป้ายรถเมล์  ที่ๆ เรามีโอกาสได้พบปะผู้คน 

ค. มีการอบรม สอนผู้นำ ทีมงาน ผู้มีของประทาน( Spiritual Gifts) ฝึกให้ใช้ของประทาน 1 ครั้ง/อาทิตย์เป็นอย่างน้อย

ง. มีการอธิษฐานของกลุ่มศิษย์ ทุกวันศุกร์เย็น /วางแผน รับประทานอาหารร่วมกัน สามัคคีธรรม นมัสการพระเจ้า  เป็นพยานเล่าสรุปเหตุการณ์ ประสบการณ์ในการทำพันธกิจในแต่ละอาทิตย์ที่ได้รับประสบการณ์กับพระเจ้า

จ. วันเสาร์ตอนเช้าเรียนพระคัมภีร์ 2-3 ชั่วโมงสำหรับกลุ่มศิษย์และผู้ต้องการเกิดของประทาน
    ตอนบ่ายออกไปประกาศข่าวประเสริฐตามจุดยุทธศาสตร์ นำกลุ่มอธิษฐานไปปลดปล่อยพื้นที่

ฉ. ประกาศข่าวประเสริฐด้วยฤทธิ์เดชในการประชุมกลุ่มเซล เชิญคนป่วย คนสนใจเข้าร่วมเสมอ
ชักชวนและหนุนใจ พวกคนที่มีใบหน้า ที่บ่งบอกว่า พวกเขา "ขาดสันติสุข"  ให้เข้ามารับการปลดปล่อย

ช. ติดตามหนุนใจ ผู้เชื่อใหม่ แบ่งหน้าที่รับผิดชอบ น้องใคร พี่ต้องดูแล ผู้เชื่อใหม่ในเขตของตน
    ออกหนุนใจน้อง เพื่อนร่วมทีม โทรหนุนใจอย่างน้อย 1-3 คนต่อวัน อธิษฐานเผื่อกันทุกๆ วัน

ซ. ไม่เน้นการเรี่ยไร หรือถวายพร่ำเพรื่อแต่เน้นสร้างคนให้โตในความเชื่อก่อนแล้วเกิดภาระใจถวายเอง

ฌ. มีคนเชื่อที่ไหน พยายามส่งหัวหน้าเซลเข้าไปสร้างกลุ่มนมัสการตามบ้านที่นั่น

ญ. จัดค่ายอนุชนให้แก่ คริสตจักรท้องถิ่นที่สนใจเรื่องการปลดปล่อย เทคนิคการวางมือรักษาโรค การพัฒนาผู้นำเยาวชน

ฎ. จัดประสบการณ์ให้กับทีมศิษย์ในทีมให้ออกภาคสนามอย่างน้อย สองเดือนต่อครั้ง

ฐ. จัดสรรค์งบประมาณตามพันธกิจ และภาระกิจ ภาระงาน สร้างขวัญและกำลังใจ ความอบอุ่น ความเป็นครอบครัว ความสามัคคี มีคุณธรรมน้ำใจในการจัดการเรื่องรายรับรายจ่ายของกลุ่ม

ฑ. ทุกคนทำงานด้วยความถ่อมใจ เห็นว่าผู้อื่นมีความสำคัญ ดีกว่าตัว ไม่เอาของประทานมาเปรียบเทียบกันทำงานเพื่อแผ่นดินของพระเจ้า สร้างคนให้เป็นสาวกของพระคริสต์  เป็นหลักการสำคัญที่สุดของคริสตจักรแห่งฤทธิ์เดชของพระเจ้า

ฒ. เป็นคริสตจักรแห่งอัครทูต ส่งเสริมและประสานงานกับคริสตจักรทุกกลุ่ม ทุกค่าย สร้างคริสตจักรลูก เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  แต่ไม่ยึดครองหรือเอามาเป็นสมบัติของตน สร้างศิษยาภิบาลรุ่นใหม่ที่มีพลังการเจิม การปลดปล่อย ขับผีและวางมือได้  ให้คริสตจักรลูกมีอิสระในการประกาศข่าวประเสริฐ การ
ตัดสินใจในการบริหารจัดการองค์กร
...........................................................................
สำหรับบทความตอนต่อไปนี้อาจเป็นแนวทางในการพัฒนาศิษย์ให้กลายเป็นผู้เชื่อที่เข้มแข็งในพระเจ้าได้

"คติพจน์"
"นมัสการด้วยจิตวิญญาณ" 
"ประกาศด้วยฤทธิ์เดช"
"เน้นของประทาน" 
"เป็นพยานทุกวัน"
"มีการอัศจรรย์ในพระนามเยซู"
"อุ้มชูคนของพระเจ้า"
"หมั่นเฝ้าอธิษฐาน"
"บริการคืองานของเรา" 

เอเมน เอเมน เอเมน
......................................................................................
คติพจน์ของศิษย์ร่วมสำนัก

สัตย์ซื่อ
ถ่อมใจ
สอนได้
ปรนนิบัติผู้อื่นด้วยความรัก

............................................................................................

แผนงานการพัฒนาลูกศิษย์ให้เป็นสาวกพระคริสต์

ก. การอธิษฐานประจำวันคือกิจวัตรของเราสำคัญที่สุดของเรา อาจเป็นตั้งแต่เวลา ตี 3-4   หรือตอนที่ตื่นกลางคืน, หรือตอนเช้าตรู่ /ทุกครั้งที่มีการสื่อสารของพระเจ้า พวกเราจะอธิษฐานเผื่อกันและกันทุกๆ วัน ขอการอวยพร ปกป้องจากพระเจ้า เพราะพันธกิจของเราไม่ได้ต่อสู้กับศาสนาใดๆ แต่เรากำลังต่อสู้กับ ศักดิเทพ  เทพผู้ครอง เจ้าแห่งโมหะแห่งความมืดในสถานอากาศ  การไม่อธิษฐาน หรือไม่อุทิศเวลาให้กับการอธิษฐาน  แปลว่าเรากำลังเป็นนักมวยที่ไร้วินัย และการ์ดตก

ข. ควรถืออดเป็นประจำทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1-2 วัน การถืออดมีหลายระดับให้ศึกษาจากหนังสือที่ตามร้านหนังสือคริสเตียนมีขายอยู่มากมาย

ค. ถืออดประจำปีอย่างน้อย 3, 7, 21, 40 วัน ตามความสมัครใจและระดับความเชื่อ ควรเริ่มฝึกจากง่ายๆ ก่อน
แล้วค่อยไต่เต้าขึ้นไปสู่ระดับที่ยากขึ้น หรือมีความเสี่ยงต่อชีวิตและสุขภาพมากขึ้น ฝึกจนกลายเป็นกิจวัตร

ง. การท่องข้อพระคัมภีร์คือกิจวัตรของเรา เป้าหมายอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ข้อ หมั่นทบทวนเป็นประจำท่องเป็นปีๆ

จ. การประชุมร่วมของทุกกลุ่มศิษย์มีสัปดาห์ละหนึ่งวัน เพื่อขอบพระคุณพระเจ้า นมัสการและหนุนใจกัน   มีการฝึกใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณทุกอย่างร่วมกัน นมัสการด้วยจิตวิญญาณ วางมือรักษาโรค อธิษฐานเผื่อกันและกัน

ฉ. ไปเยี่ยมกลุ่มอธิษฐานของคริสตจักรทั่วไปในระหว่างสัปดาห์  ตามคริสตจักรที่อาจารย์ไปเยี่ยมใช้โอกาสนี้ฝึกฝนของประทาน อธิษฐานเผื่อคนป่วย การบุกทะลวงแนวต้านของศัตรูด้วยกลุ่มอธิษฐานวิงวอน

ช. วันศุกร์อธิษฐานวิงวอนเพื่อการทะลวงจุดยุทธศาสตร์ เน้นการเผยพระวจนะ (Prophecy and discerning spirit)  การสังเกตวิญญาณ  ฝึกร้องเพลงแห่งจิตวิญญาณ  การประชุมเย็นวันศุกร์เป็นการประชุมเฉพาะกลุ่มศิษย์และผู้มีใจร้อนรนเท่านั้น ไม่เชิญชวนคนเชื่อใหม่หรือผู้มีความเชื่อยังไม่เข้มแข็งเข้าร่วม  อาจทำให้เขาเบื่อหน่ายกับการอธิษฐานนมัสการเป็นชั่วโมง  วิญญาณของคริสเตียนธรรมดาไปไม่ถึง  อาจทำให้เขาท้อถอยได้ง่าย

ซ. ออกเยี่ยมคริสตจักรทั่วไป หนึ่งหรือสองครั้งเพื่อช่วยเขาประกาศนำวิญญาณ วางมือรักษาคนป่วย ช่วยจัดฟื้นฟู ช่วยเจิมของประทาน (Impartation) ให้เกิดขึ้นแก่พี่น้องในคริสตจักรที่ต้องการพัฒนาเข้าสู่คริสตจักรแห่งฤทธิ์ เดช และการปลดปล่อย จากโรคภัยใข้เจ็บ อย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง  อย่าด่วนเจิมของประทานแก่ใครๆ ที่อยากได้ อยากมี อยากเด่น อยากดัง แต่ไม่มีวินัยฝ่ายวิญญาณ  เพราะจะทำให้เขาเสียมากกว่าได้ดี การอธิษฐานคนป่วยบางคนระมัดระวังคนล้มหัวฟาด  อาจทำให้คริสเตียนที่ต่อต้านการเจิมสดุด  หรือต่อต้าน แล้วพวกเขาก็ไม่ได้รับการปลดปล่อย ควรให้นั่งเก้าอี้จะดีมาก

ฌ. ติดตามอาจารย์ไปร่วมฟังเทศนาทุกอาทิตย์ต้นเดือนจากอาจารย์ที่มีประสบการณ์ ผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณที่แท้จริง  ตอนบ่ายอธิษฐานเผื่อคนป่วยทางด้านร่างกาย จิตใจและวิญญาณ

ญ. จัดประชุมสรุปผลการดำเนินงานในเดือนที่ผ่านไปเดือนล่ะ 1 ครั้ง (ทุกๆ ศุกร์แรกของสัปดาห์ต้นเดือน)
 
ฎ. บันทึกสิ่งที่ได้พบเห็นและประสบการณ์ลงในสมุดบันทึกเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป
ฎ. อ่านศึกษา หนังสือและวรรณกรรมของคริสเตียนอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 1-2 เดือนต่อเล่ม และไม่เลือกจำกัดอ่านเฉพาะของคณะบู๊ หรือคณะบุ๋นเท่านั้น แต่อ่านได้ทุกสำนักที่มีความเชื่ออย่างเดียวกัน คือที่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าคือพระเจ้าผู้ไถ่บาป ผู้ทำการอัศจรรย์  อย่าเสียเวลาอ่านหนังสือแนะนำวิธีทำดี เคล็ดลับ หรือวิธีสร้างความมั่นใจอะไรต่างๆ เสียเวลาเปล่าๆ
ฑ. การถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการปลดปล่อยกับกลุ่มผู้เชื่อใหม่ หรือคนที่ไม่เชื่อเรื่องฤทธิ์เดชของพระเจ้าอย่างระมัดระวัง  อาจเกิดความเข้าใจผิดพลาดได้ เพราะคนไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ จะเข้าใจการปลดปล่อยได้ยากมาก  เพราะของประทานฝ่ายวิญญาณยังไม่ปรากฎชัดเจนในคริสตจักรสายธรรมาจารย์ทั่วไป

ฒ. ศิษย์ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับ การกล่าวหนุนใจ คำพยานเรื่องจริงที่ตนเองมีประสบการณ์กับพระเจ้า  สามารถเป็นผู้นำเพลง นำนมัสการได้ทันที  โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า ทุกคนคือทหารของพระคริสต์ที่มีวินัย ทุกคนต้องพร้อมอธิษฐานทุกเวลา  (การอธิษฐานภาษาแปลกให้ระมัดระวังในการประชุมบางแห่ง อาจทำให้พี่น้องคริสเตียนสายอนุรักษ์เข้าใจว่า เราเป็นพวกเพี้ยน พวกบ้า)
.......................................................................
ตำแหน่งตามพันธกิจและภาระกิจ


ก. ตำแหน่งอาจารย์ (Apostolic) สั่งสอน อบรม วางแผน หนุนใจให้ศิษย์ทุกคนมีความสามัคคี มั่นใจในของประทาน มองหาคนที่มีแววที่จะสามารถสร้างเป็นสาวกพระคริสต์ ถ่ายเทของประทาน สร้างลูกศิษย์ให้เป็นสาวกของพระคริสต์ให้ได้ คนที่เป็นอาจารย์ต้องสร้างศิษย์ใหม่ๆ อย่างน้อย 1-3 คนต่อปี

ข. คาเลบ ผู้ประกาศ และนักรบแนวหน้า ก้าวไปด้วยสิทธิอำนาจและของประทานแห่งการเผยพระวจนะ

ค. อาบากัส เป็นผู้แสวงหาการเผยพระวจนะ สื่อสารกับพระเจ้าด้วยการอธิษฐานวิงวอน รู้จักวิธีในการสื่อสารถ้อยคำแห่งความรู้  หรือการเผยพระวจนะต่อคนประเภทต่างๆ โดยใช้สติปัญญาจากพระเจ้า  มีใจกล้าหาญในการสื่อสาร เมื่อได้รับการสื่อสารจากพระเจ้า ให้สื่อสารออกมาทุกครั้ง เรื่องใดที่ล่อแหลมให้บอกให้อาจารย์ทราบก่อนเผย

ง. มาทา เป็นตำแหน่งผู้สนับสนุนงาน มีใจชอบรับใช้ มีฝีมือ มีทักษะ มีใจรักในการรับใช้ด้านสวัสดิภาพและอาหารการกินของคนในกลุ่ม

จ. มารีย์ เป็นตำแหน่งผู้อธิษฐานวิงวอน สังเกตวิญญาณ ปกคลุมทีมงานที่ออกไปเก็บเกี่ยวปฎิบัติภาระกิจต่อสู้ฝ่ายวิญญาณด้วยคำ อธิษฐานวิงวอน และการเผยพระวจนะ

ฉ. บาระนาบัส คือผู้ดูแล/พี่เลี้ยง เป็นตำแหน่ง ที่คอยเอาใจใส่หนุนใจผู้เชื่อใหม่ คนในกลุ่มให้หัดเดินกับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอและถูกต้อง

ช. หัวหน้ากลุ่มเซล เป็นผู้ที่ต้องรับการสอนจากอาจารย์ ทุกสัปดาห์ และนำบทเรียนออกไปสอนในกลุ่มเซลย่อย วางแผนพัฒนาความเชื่อของกลุ่ม

ซ. ศักเคียส เป็นตำแหน่งผู้สนับสนุน  ผู้อุปภัมป์พันธกิจ เป็นผู้มีของประทานในการเป็นผู้อุปการะ มีฐานะการเงินดี มีธุรกิจที่ได้รับการอวยพร มีความสัตย์ซื่อในการอุทิศตัว  เกิดผลแล้วอยากแบ่งปันด้านปัจจัยเกื้อหนุนแก่กลุ่มคริสตจักรแห่งฤทธิ์เดช

ฌ. ผู้อาวุโส (Elders) เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกฝน อบรม ได้ร่วมงานกับอาจารย์มานานพอสมควร พิสูจน์ยืนยันแล้วว่าสมควรได้รับตำแหน่งอาวุโส สามารถทำการสั่งสอน และนำพาผู้เชื่อให้หัดไปในฤทธิ์เดชของพระเจ้า เป็นที่ยอมรับของกลุ่มศิษย์ว่าเป็นผู้มีความสัตย์ซื่อ ตรงเวลา ถ่อมใจ กล้าหาญ มีไหวพริบดี ใจกว้าง อารีย์

ฎ. เยโธร์ เป็นตำแหน่งที่ปรึกษาของกลุ่ม คอยตักเตือน อาจารย์และผู้นำให้มีความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจในการรับใช้พระเจ้าด้วยความรัก มีภาระใจ  ทุ่มเทช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อพระเจ้าและกลุ่มผู้เชื่อ  มีทักษะในการตักเตือนว่ากล่าว

ฏ. ตำแหน่งเอลีชา เป็นผู้มีของประทานการทำการอัศจรรย์ และรักษาโรค

ฐ. ตำแหน่งฟิลิปส์ ผู้ประกาศตัวต่อตัว ผู้ได้รับการสื่อสารโดยตรงในภาระกิจพิเศษด้านการนำวิญญาณ

ฑ. ตำแหน่งเปโตร คือผู้ประกาศที่กล้าหาญ และมีสิทธิอำนาจในการปลดปล่อยและการทำการอัศจรรย์

ฒ. ตำแหน่งผู้รู้ภาษาแปลกๆ และแปลภาษาพระวิญญาณได้

ณ. .....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)