Levels of Christain Life- ระดับการเจริญเติบโตของคริสเตียน




 
Some Indicators and behaviors and Characteristics in Christian Life.


ตอนที่ 1

เท่าที่ผ่านยังไม่ค่อยมีใครจะแบ่งปันเรื่องระดับความเจริญฝ่ายจิตวิญญาณและพฤติกรรมของคริสเตียนมากนัก เพราะอย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่ คริสเตียนต้องทำตัวให้เรียบร้อย อย่าก้าวก่ายเรื่องของคนอื่น อย่าฟาดพิงหรือเหยียบย่ำคนอื่น เราต้องทำคริสตจักรของเราให้ดี การไม่ก้าวล่วงล้ำ การไม่ดูหมิ่นคนอื่น สิ่งเหล่านี้สุภาพชนทั่วไปเขาก็ทำกันเป็นนิสัยอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามเว็บบล๊อกนี้มีจุดประสงค์สำคัญคือเป็นกระจกหกด้านสะท้อนภาพของคริสตจักรไทย และผู้เชื่อในพระนามพระเยซูในด้านที่อ่อนแอและหย่อนยาน สะท้อนความคิดในมุมมองนักปฏิรูปคริสตจักรมากกว่าจะเขียนยกยอสถาบัน หรือความคิด หรือแนวทางที่ดีที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีความหวังใจที่ช่วยกระตุ้นผู้นำคริสตจักรและ คนหนุ่มสาวที่กำลังเริ่มก้าวเข้ามาสู่การรับใช้พระเจ้าให้มีความมุ่งมั่น และรู้เท่าทัน เหตุปัจจัยแห่งความเสื่อมของคริสตจักรด้วย

บทความนี้ผู้เขียนได้รับแรงบันดาลใจ มาจากประสบการณ์และค้นคว้า การสอบถามผู้รับใช้พระเจ้าที่มีประสบการณ์กับพระเจ้า แล้วตัดแบ่งเป็นระดับเพื่อง่ายแก่การแยกแยะ ตัวชี้วัดอาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือบางข้ออาจซ้ำซ้อน แต่หากพิจารณาหลายๆ ข้อรวมกันก็จะสามารถแยกแยะความแตกต่างได้ สำหรับผู้ที่ยังใหม่กับการเป็นคริสเตียนอย่าเพิ่งท้อใจ ท่านสามารถเรียนรู้และพัฒนาชีวิต การอุทิศตัวขึ้นไปสู่ระดับการเกิดผลที่สูงขึ้นได้โดยการพึ่งพาการ ช่วยเหลือของพระผู้ช่วยที่อยู่ภายในท่าน ขอพระเจ้าเสริมกำลังทุกท่าน

เป็นที่น่าสังเกตว่าในประเทศไทย สำนักความเชื่อ และศาลาธรรมต่างๆ พยายามสอน อบรมคน มุ่งมั่นพัฒนาสมาชิก หรือผู้เชื่อให้เป็นคริสเตียนที่ดี ให้เป็นคนดีของสังคม โดยเน้นให้เป็นสมาชิกที่เชื่อฟัง เป็นผู้ถวายทรัพย์ และเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนพิธีอย่างสม่ำเสมอเป็นส่วนใหญ่

คริสตจักรไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถพัฒนาผู้เชื่อให้ขึ้นไปสู่ระดับสาวกได้เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างทั้งเรื่อง โครงสร้างการบริหาร ขาดบุคลากร ขาดความรู้ ความเข้าใจและวัฒนธรรมทางศาสนา และประเพณีพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์บางอย่างที่ปิดกั้นไม่ให้การพัฒนาคนสามารถขึ้นไปสู่ระดับชีวิตที่เกิดผล เป็นผู้เชื่อระดับสาวก หรือผู้เชื่อที่เต็มล้นไปด้วยการเจิม การปลดปล่อย และสิทธิอำนาจเหนือความป่วยใข้ และวิญญาณอื่นๆ ที่แอบแฝงอยู่ในคริสตจักรและตัวผู้เชื่อที่อ้างตัวว่าเป็นคริสเตียน  แต่ความคิด การตัดสินใจ จิตใจและวิญญาณของเขาตกเป็นเหยื่อของวิญญาณอื่น เพื่อให้แสดงพฤติกรรมบาปออกมา ทั้งทางต่อหน้าและลับหลังคนอื่น นั่นคือชอบเสพพฤติกรรมบาป  บางคนก็รู้ตัว บางคนก็ไม่รู้ตัว

ตัวผู้นำนักการศาสนา หรือผู้นำระดับท้องถิ่นเอง  บางส่วนได้เรียนรู้แค่หลักการเบื้องต้นทางศาสนาเท่านั้น  มีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้าไม่เพียงพอ  รู้จักพระเจ้าจากคำสอนของคนอื่นมากกว่าการได้รับประสบการณ์กับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า บางคนเข้าใจเรื่องฤทธิอำนาจของพระเจ้าไม่มากนัก ยังไม่รู้จักวิธีการใช้ของประทาน บางกลุ่มไม่ส่งเสริมคนรุ่นใหม่ให้เข้าถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ายังไม่พอแต่ยังต่อต้านคนอื่นๆ รู้สึกอิจฉา ริษยา มองเห็นว่าความจริงเป็นสิ่งประหลาด ไม่ยอมรับการสำแดงฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่มีการเปิดเผยใหม่ๆ ตลอดทุกยุคทุกสมัย 

คนบางกลุ่มกลับมองว่าคนอื่นที่มีสิทธิอำนาจตามพระสัญญาของพระเจ้าเป็นพวกสอนเท็จอีกต่างหาก บางพวก บางกลุ่มไม่เพียงไม่เปิดใจรับฟัง ไม่แสวงหาฤทธิเดชของพระเจ้าเพื่อทีจะใช้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการปลดปล่อยผู้คนออกจากการบีบบังคับของมารร้ายเท่านั้น ยังห้ามผู้เชื่อ และกลุ่มของตนไม่ให้ติดต่อสัมพันธ์กับผู้มีสิทธิอำนาจฝ่ายวิญญาณ  เพราะกลัวว่าจะเสียผลประโยชน์ในเรื่องมวลชน และความเชื่อถือศรัทธาต่อตัวผู้นำองค์กรอีกด้วย

เนื่องจากศาสนาพระคริสต์ได้สืบทอดและถ่ายทอดกันมาเป็นเวลาถึง 2000 ปีแล้ว การส่งต่อความเชื่อและคำสอนบางเรื่องเจือปนด้วยความเพี้ยนและคลาดเคลื่อน แต่ละกลุ่ม แต่ละค่าย ปฎิบัติไม่เหมือนกัน หรือ บางกลุ่มละเลยการปฏิบัติ   การส่งต่อพระกิตติคุณแห่งฤทธิ์เดชกลายเป็นเหมือนเกมเสียงกระซิบ ที่เด็กเล่นส่งข่าวกัน ดังนั้นเราจึงพบว่า ภายในตัวคริสตจักร (The Body of Christ) คริสเตียนมีการแตกแยกเป็นหลายนิกาย (Sects) หลายลัทธิหลายพวก  (Denominations)  หลายฝ่าย (Groups) 

คนในคริสตจักรจำนวนมากกลายเป็นกลุ่มผลประโยชน์ทับซ้อนทางศาสนามากกว่าการมุ่งนำคนให้รู้จักพระเจ้าและมีชีวิตที่มีสันติสุขอย่างแท้จริง นักการศาสนาระดับผู้นำไม่สามารถสร้างคนให้เป็นสาวกตามความมุ่งหวังที่พระเยซูคริสต์ทำเป็นแบบอย่าง โดยการนำเอาแผ่นดินของพระเจ้าเข้ามาตั้งอยู่ในแผ่นดินโลก คือการครอบครองของโลกฝ่ายวิญญาณเหนือโลกแห่งวัตถุ

ตัวชี้วัดที่จะกล่าวถึงเหล่านี้  อาจใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาชีวิตคริสเตียนเพื่อเข้าสู่ ชีวิตแห่งพระพรฝ่ายจิตวิญญาณมากกว่าการดำเนินชีวิตเพียงแค่เป็นคนดีตามคำสอนของศาสนาเท่านั้น

Level F: Aliens who live outside the Kingdom of God
ระดับอยู่นอกอาณาจักรของพระเยซูเจ้า

- เกลียดคำว่าคริสเตียน  โดยไม่มีเหตุผล  รู้สึกไม่ชอบดื้อๆ ไม่รู้เพราะอะไร
- กีดกันไม่ให้คนใกล้ชิดหรือใครๆ ที่อยู่ภายใต้การปกครองรู้จักหรือสมาคมกับคริสเตียนหรือไปโบสถ์
- ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ กับองค์กรหรือพวกคริสเตียน
- อยากทำลายเอกสาร หรือหนังสือต่างๆ ที่สื่อถึงความเชื่อของคริสเตียน
- ไหว้มันได้ทุกวิญญาณ ทุกองค์ ทั้งพระต่างชาติ ทั้งผีไทย ผีเทศ แต่ไม่ไหว้พระเยซูองค์เดียว

- รู้สึกไม่ชอบพระเยซูอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่คริสเตียนก็ไม่ได้ทำความเดือลร้อนอะไรให้
- กลัวว่าถ้าเชื่อพระเจ้าแล้ววิญญาณที่เลี้ยงดูอยู่จะโกรธ ยังรักผีและวิญญาณที่กราบไหว้บูชาอยู่ ไม่ได้รับรู้ว่าพระเยซูใหญ่กว่าผีมากนัก เพราะวิญญาณร้ายพวกนี้แท้จริงพระเจ้าเป็นผู้สร้างพวกมันมา แต่มันกบฏจึงถูกขับมาอยู่ในโลกนี้ แต่คนที่ยังไม่รู้จักพระเยซูจำต้องกราบไหว้มันเพราะ เป็นเรื่องของความเชื่อและธรรมเนียมปฎิบัติ บางคนก็ตกอยู่ในความกลัว บางครั้งผียังโกหกหรือปลอมตัวเป็นผีของบรรพบุรุธหรือญาติมากินของเซ่นไหว้ไม่ยอมไปไหน คนเหล่านี้ไม่รู้พึงใคร จึงต้องนับถือผี  ในความเป็นจริงวิญญาณทุกชนิดเมื่อได้ยินแค่ชื่อพระเยซูมันจะกลัวและยอมสยบอย่างไม่มีเงื่อนไข

- คิดว่าความเชื่อเรื่องกรรม และพิธีกรรม ของตนก็ดีอยู่แล้ว ศาสนาไหนก็สอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกัน ของเก่าดีแล้ว

ความเชื่อที่ว่าของเก่าย่อมดีกว่าของใหม่ ไม่ใช่เรื่องแปลก แท้จริงเขาไม่รู้ว่า พระเยซูเก่าที่สุดแล้ว เพราะพระองค์เป็นอยู่ก่อนที่โลกจะถูกสร้างเสียอีก คนทั่วไปไม่รู้นึกว่าเครื่องรางเก่าๆ ของตนเก่าแก่กว่าพระเยซู

- ยึดมั่นในกิจกรรม โกง กิน กาม เกียรติ ความรู้ ฐานะ การนับถือเงินเป็นพระเจ้าคือค่านิยมประจำใจ
- เคยเป็นคริสเตียนแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วเพราะมีเหตุผลความจำเป็นบางอย่าง ไม่มีเวลา งานยุ่ง
- เป็นคริสเตียนเฉยชา มีชีวิตอยู่บ้านใต้ไม้กางเขน ไม่ได้ตั้งใจทำงานรับใช้ให้เกิดผลดีอะไร มาเพื่อผลประโยชน์ หลอกตัวเองไปวันๆ ปีๆ หนึ่งไม่คิดจะวางแผนทำการประกาศเผยแพร่อะไร 1 ปีมี 365 วันประกาศอยู่วันเดียว คือวันคริสตมาส

- คนเหล่านี้จะไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิทุกชื่อที่มีคนแนะนำว่าดี จะซื้อจะหาด้วยเงินเท่าไหร่ก็ทำได้ ไหว้มันได้ทุกอย่างไม่ว่ามาจากประเทศอินเดีย เนปาล สิงคโปร์ ประเทศจีน ทิเบต หรือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิในท้องถิ่น ผีปู่ ผีย่า ผีเด็ก ผีลูกกรอก รูปวัวรูปควาย ปลีกล้วย สิ่งแปลกประหลาดใดๆ แม้กระทั้งอวัยวะเพศชาย สามารถจะกราบไหว้มันได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นก้อนดิน ก้อนหิน ทองเหลืองทองแดง ต้นไม้ สายน้ำ ฯลฯ แต่จะยกเว้นเพียงชื่อเดียวที่กราบไหว้ไม่ได้เลย คือพระนาม เยซูคริสต์เท่านั้น ที่เขาทำได้เพราะตาฝ่ายวิญญาณมันมืดถูกบางอย่างบังไว้ไม่ให้เห็นความจริง ( 2 คร 4.4)




ตอนที่ 2

Level E: Approaching the Kingdom of God ระดับมีโอกาสเข้าถึงความรอด

- สงสัยว่าคริสเตียนคืออะไร
- เคยมีประสบการณ์ว่าพวกคริสเตียนชอบช่วยคนอื่น มองเห็นข้อดีของคริสเตียน
- เคยอ่านใบปลิวหรือสื่อเกี่ยวกับความเชื่อของคริสเตียน อยากไปโบสถ์แต่ไม่กล้าไป
- ไม่ต่อต้านแต่ก็ไม่สามารถยอมรับความเชื่อของคริสเตียน
- เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องราวของคริสเตียนเช่น วันคริสตมาสหรือเคยได้ยินหรือร้องเพลงคริสต์มาส
- คิดว่าคริสเตียนเป็นศาสนาหนึ่งที่สอนให้คนเป็นคนดีเท่านั้น
- อาจเคยได้เข้าโรงเรียนคริสเตียน แต่ไม่ยอมรับเชื่อเพราะเกรงกลัววัฒนธรรมและความสัมพันธ์ุกับครอบครัวมากกว่าการที่วิญญาณต้องพินาศ ถูกวิญญาณร้ายคุกคาม เมื่อได้รับเชื่อพระเยซูเป็นพระเจ้า
- เคยสงสัยว่าพวกคริสเตียนมันดี มันรักกันและเยี่ยมเยียนกัน สงสัยว่าทำไมพวกคริสเตียนจึงทำได้

- อยากเป็นคริสเตียนแต่กลัวว่าจะไม่ได้กินเหล้า เล่นหวยเล่นเบอร์ สูบบุหรี่ สำส่อนทางเพศ กลัวพระเจ้าลงโทษ เมื่อเพลอไปทำผิด ซึ่งความคิดเช่นนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะพระเจ้ารักมนุษย์ต้องการให้หลุดพ้นต่างหาก แต่มนุษย์ติดนิสัยบาปมาจากสายเลือด ไม่สามารถช่วยตนเองได้ พระเจ้าจึงให้พระเยซูมาช่วย แต่คนไม่เชื่อกลับคิดกลัวพระเจ้า

Level D: Infant Christian ระดับผู้มีเพียงชื่ออยู่ในบัญชีสมาชิกหรือเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาคริสต์
- ไปโบสถ์มาๆ ขาดๆ จะไปเมื่อมีคนชวนไป เช่นเพื่อน พ่อแม่ หรือญาติ ใจไม่ติดโบสถ์ รู้สึกเบื่อๆ
- ถ้าไม่มีใครมารับไปโบสถ์ก็ไม่สามารถไปได้ ต้องมีรถยนต์มารับ ต้องมีคนค่อยโทรเตือนให้มาร่วม มักจะมีข้ออ้าง ข้อแก้ตัวในการมาโบสถ์

- ชอบเพื่อนที่เป็นคริสเตียนเพราะนิสัยไม่เหมือนคนอื่นที่ไม่เป็นคริสเตียน

- แต่งกายไปโบสถ์ตามสบาย เข้ากิจกรรมกลุ่มตามอำเภอใจ มาบ้างไม่มาบ้าง ชอบมีข้ออ้างไม่ร่วมกิจกรรม

- ยึดมั่นในตัวฉัน ของฉัน ของพวกฉัน คณะของฉัน โบสถ์ของฉัน พระเจ้าของฉัน
- ไม่ชอบพกพระคัมภีร์ไปโบสถ์หรือถ้าจำเป็นก็จะใช้พระคัมภีร์ฟรีที่เขาแจก หรือมีเล่มเล็กสุดเพราะรู้สึกว่าอันใหญ่มันหนักและเกะกะ

- ชอบมองหาประโยชน์จากความเชื่อของคนอื่น หรือหาประโยชน์จากพี่น้องคริสเตียน
- ยืมเงินแล้วทำเป็นลืม บางครั้งเอาเงินของคริสตจักรไปแล้วหายตัวไปด้วย

- ไปโบสถ์เพื่อจะเอาของเล็กๆ น้อยๆ ไปขาย หรือพูดคุยเรื่องธุรกิจและผลประโยชน์ต่างๆ
สิ่งนี้มีมากในพวกคริสตจักรของชาวจีน หรือพวกนักธุรกิจ ประเภทที่รวยแต่ด้านการเงินและทรัพย์ แต่ยากจนด้านจิตวิญญาณ  ญาติมิตรของพวกเขา และตัวเขาเองมีแต่โรคภัย ที่พวกเขาอ้างว่าเป็นโรคคนแก่ ที่จริงมันไม่ใช่ แต่มันเป็นคำสาปแช่งจากธรรมบัญญัติต่างหาก พวกเขาไม่รู้ตัวนึกว่าตัวเองอยู่ในพระคุณ (คลิกดูเรื่องคำแช่งสาปของธรรมบัญญัติ)

- เวลาเขานั่งในโบสถ์บางครั้งก็หลับๆ ตื่นๆ ใจอยากแต่ไม่สามารถบังคับร่างกายให้มีสมาธิในการฟังได้
- โบสถ์คือที่พักสงบฝ่ายจิตใจอย่างแท้จริง นั่งหลับน้ำลายยืดเป็นประจำ

- คริสตจักรมีแต่คนเจ็บป่วย ทั้งไอ ทั้งจาม เป็นหวัดกันเป็นว่าเล่น

- ชีวิตยังไม่ได้สะสาง มีขยะ มีขี้อยู่เต็มไม่ว่าจะเป็นขี้เกียจ ขี้ยา ขี้จุ ขี้ไก่ ขี้โกง ขี้เหล้า เจ้าชู้ หวย การพนัน หมอดู เชื่อโชคลาภ โชคลาภ สักยัณห์ ทำเสน่ห์ ถือวันและฤกษ์ยาม ชอบหาข้ออ้างทำงานหาเงินวันอาทิตย์

- ไม่รักการอ่านพระคัมภีร์ ถ้าอ่านเมื่อไหร่จะง่วงนอน หรือรู้สึกอึดอัด ไม่อยากอ่าน ไม่เข้าใจว่าตนเองทำไมจึงง่วงนักง่วงหนาถ้าอ่านพระคัมภีร์  อ่านยังไงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เลยไม่อยากอ่าน (ใครเป็นแบบนี้ลองฟังคำพยานของคุณมารีย์ดู คลิก)

- ต้องมีคนคอยกระตุ้น หรือมีสิ่งจูงให้เข้าร่วมกิจกรรมของคริสเตียนหรือคริสตจักร
- บางครั้งบ่ายเบี่ยงเมื่อมีคนชวนร่วมกิจกรรม หรือให้เข้าร่วมชั้นเรียนพระคัมภีร์เป็นประจำ
- ไม่เคยอธิษฐานเผื่อใครเป็นจริงเป็นจัง แม้แต่อธิษฐานขอให้พระเจ้าคุ้มครองตัวเองยังไม่ค่อยทำ
- จิตใจวุ่นวายสับสน มีอุบัติภัย ความป่วยใข้รบกวนอยู่เป็นนิจ เรื่องร้ายๆ ไม่เคยหายไปจากบ้าน
- การทะเลาะวิวาทในบ้านเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ มันเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในเรื่องเดิมๆ

- อธิษฐานต่อหน้าคนอื่นยังไม่เป็น แต่จะอธิษฐานบางครั้งเมื่อมีปัญหาที่อยากให้พระเจ้าช่วยเท่านั้น
- อธิษฐานเมื่อจะเข้านอนหรือมีความกลัว เวลาไม่สบายจะหายากินก่อนเป็นอันดับแรก แล้วไปหาหมอ

- ถ้ามีอุปสรรคในการมาโบสถ์ เช่น ฝนตก น้ำท่วม รถเสีย ระยะทางไกล ก็จะไม่สามารถมาเป็นประจำได้
- มักจะป่วยใข้บ่อย อาจมีโรคเรื้อรัง ประจำตัว เป็นโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือทางสายเลือด
- เมื่อถึงเวลาถวายทรัพย์ จะคลำหาแต่เศษเงินหรือบางทีก็ไม่อยากถวาย บางครั้งจำใจถวายเพราะรู้สึกอายถ้าไม่ถวายเหมือนคนอื่น

- ชอบนินทาผู้นำ หรือนักเทศน์ เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ค่อยยอมต่อสิทธิอำนาจ มีปากเป็นอาวุธ
- ชอบตัดสินคนอื่นว่าดี หรือไม่ดี มองไม่เห็นความบกพร่องของตนเอง และบางครั้งไม่ยอมรับคนอื่นง่ายๆ
- ชอบโกหกเพื่อไม่ให้เสียหน้า ไม่อยากร่วมกิจกรรมตอนบ่ายวันอาทิตย์ มีข้ออ้างมั่วๆ การโกหกตอแหลเป็นนิสัยที่แก้ไม่ตก

- มองเห็นความผิดพลาดของคนอื่นว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ไม่เข้าใจ ชอบปลีกตัวอยู่โดดเดียวมากกว่า
- ติดนิสัยบาป เป็นทาสของกิจกรรมบางอย่าง ติดสิ่งเสพติด จิตผูกพันกับวัตถุและความสนุกเพลิดเพลิน
- ชอบเอนเทอเทน ตา หู ท้อง ความอยาก ด้วยรูปภาพ วัตถุ เสียง อาหาร และสิ่งที่ทำให้ประสาทสัมผัสเกิดความอร่อยและสนุกจนไม่สามารถบังคับใจไม่ให้ลุ่มหลงสิ่งนั้นได้ ถ้าเลิกก็กลับมาทำแบบเดิมอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า


- ที่ข้อมือข้อแขนมักจะมีด้ายผูกไว้  โดยได้รับมาจากพิธีการพื้นบ้านในหมู่บ้าน หรือในครอบครัว

- ที่เอว ที่คออาจจะมีสิ่งที่ยึดเหนียวจิตใจ ผูกไว้เพื่อให้แน่ใจว่า เราอุ่นใจนะที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่

- บริเวณต่างๆ ของร่างกายทั้งผิวหนัง ท่อนแขน  มีรอยสัก เป็นรูปงู รูปยัณห์ รูปไม้กางเขน ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกหลานคริสเตียนยังยอมไปทำเพราะไม่รู้ว่า สิ่งนี้มีห้ามไว้ในพระคัมภีร์ (สิ่งนี้เมื่อคนมากลับใจแล้วก็ไม่สามารถลบออกไปได้ หรือลบออกไปได้ยากมาก - ไม่ควรเอาไปวัดความเชื่อของคนทุกคน เพราะหลายคนทำไปเพราะไม่รู้จริงๆ)

- มีมุมมืดของตนเอง แก้ไม่ตก มีนิสัยบาปน่าอาย มีบางอย่างที่มัดใจอยู่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้
- ติดนิสัยชอบวิพากษ์วิจารณ์ เป็นคริสเตียนเร่ร่อน ไม่ยอมเอาบ่าเข้ารับผิดชอบงานอะไรจริงจัง ฉาบฉวย พอมีภาระงานทำได้ไม่นานก็เลิก เพราะเนื้อหนังมันแรงกว่าวิญญาณ
- เสียงที่ได้ยินในใจบ่อยๆ ของเขาคือ แล้วฉันจะได้อะไร เรื่ืองอะไรฉันจะยอมเสียเปรียบ

- ยังมีสิ่งปิดกั้นพระพรของพระเจ้าไว้ในบ้าน คือรูปเคารพ เครื่องราง ยัณห์ ศาลเจ้า ป้ายวิญญาณ
บรรพบุรุธ ด้วยความไม่รู้ในเรื่องพระพรและการแช่งสาป จึงยังเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ในการครอบครอง คิดว่าพระเจ้าจะอวยพรทุกคนที่ร้องต่อพระองค์ หารู้ไม่ว่า การอวยพรของพระเจ้าเฉพาะคนที่เอาจริงหรือเด็ดเดียวกับพระองค์เท่านั้น บางครั้งการอวยพรลงมาก็จริงแต่มีสิ่งปิดกั้น ขวางกั้นขัดขวางไม่ให้เขาได้รับเต็มที่ได้แค่เศษๆ (ฉธบ.7.25-26)

- พยายามคงสภาพการเป็นสมาชิกคริสตจักรไว้ เผื่อวันหนึ่งเกิดตาย จะได้มีที่ฝังศพในสุสานของคริสเตียน จะได้ฝังร่างนอนตายใกล้ๆ กับพ่อแม่พี่น้องที่ตายไปก่อนแล้ว วิญญาณจะได้ไม่รู้สึกหว้าเหว่เดียวดาย




ตอนที่ 3

Level C: Baby Christian ระดับผู้เชื่อระดับต้น หรืออนุบาล

- มีความรู้สึกอยากไปโบสถ์ แต่ต้องมีคนคอยกระตุ้นเตือน
- มีความสุขเมื่อได้มานั่งในโบสถ์ อยากนมัสการ อยากร่วมกิจกรรมต่างๆ ของคริสตจักร
- เป็นคริสเตียนมามากกว่าสามปี ยังต้องให้มีคนเอารถมารับมาส่ง ไม่สามารถมาโบสถ์ได้เอง แต่เวลาไปห้าง ไปดูงานคอนเสริท์ต่อให้ไกลแค่ไหนก็ไปได้

- ยินดีเข้าร่วมชั้นเรียนศึกษาพระคัมภีร์ อยากเรียนรู้เรื่องพระเจ้าให้มากขึ้น
- ชอบฟังคำหนุนใจ คำเทศนาดีๆ วันไหนนักเทศน์สอนหนักๆ จะรับไม่ได้ อาจงอนหรือโกรธเอาดื้อๆ
- เริ่มอธิษฐานเองได้ แต่ไม่สม่ำเสมอ การอธิษฐานจะสั้นแค่ไม่เกิน 5 นาทีก็หมดแล้ว

- การอธิษฐานมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ ปากท้อง รอบๆ สดือของตนเอง ครอบครัว ลูก การงาน ญาติๆ ของตนเองเท่านั้น บางครั้งยังไม่อธิษฐานให้ตัวเองด้วยซ้ำ มีความรู้สึกว่า ไม่รู้จะอธิษฐานไปทำไมนักหนา

- การแต่งกายดูเป็นระเบียบดีขึ้นแต่ยังสบายๆ บางทีก็โป๊ๆ เปิดเผยส่วนที่น่าปกปิด แต่ไม่ค่อยรู้สึกตัวว่าต้องทำตัวให้เรียบร้อยกว่านี้ ความประพฤติยังหลุดๆ ขาดๆ ไม่ค่อยเหมือนผู้นำด้านจิตวิญญาณ

- ถวายทรัพย์ตามความพอใจ ยังไม่สามารถถวายถึงร้อยละสิบอย่างสม่ำเสมอ
- การอ่านพระคัมภีร์หรือเป็นสิ่งที่ต้องบังคับใจตนเองให้ทำ เพราะเชื่อว่าพระเจ้าจะไม่ชอบถ้าไม่ทำ แต่ทำไมมันจึงชอบง่วงนอนจังเวลาจะอ่านพระคัมภีร์ให้รู้เรื่องจริงๆ จังๆ

- ยังชอบฟังเพลงชาวโลก เล่นเกมโหดๆ ประเภทเลือดสาด หรือทำกิจกรรม หรือติดตามสิ่งที่ชาวโลกทั่วไปสนใจ คุยโทรศัพท์กับคนที่สนใจได้เป็นเวลานานๆ แต่ถ้าคุยเรื่องพระเจ้าจะเริ่มเบื่อเมื่อเกิน 5 นาที
- ยอมอยู่ในกลุ่มสามัคคีธรรมบ้าง แต่ไม่สม่ำเสมอ สามารถปฏิบัติกิจกรรมที่กลุ่มกำหนดได้ ขาดๆ หายๆ

- การเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มบางครั้งไม่อยากไปแต่ก็ต้องไปเพื่อรักษาภาพลักษณ์ว่าตนเองเป็นคริสเตียนที่ดีมากกว่าการเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นด้วยใจหิวกระหาย

- ความรู้ทางพระคัมภีร์พอใช้ได้แต่ชอบหลงคิดว่าตัวเองรู้มาก ชีวิตยังไม่ค่อยมีการปฏิบัติที่สม่ำเสมอ
- ไม่กล้าเป็นพยาน ยังไม่มีการปฏิบัติตัวยังเข้าไม่ถึงพระพรฝ่ายวิญญาณในระดับสูงได้

- คำถามที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นบางครั้งบางโอกาส คือ "ทำไมพระเจ้าไม่ตอบคำถามของฉันนะ" "ทำไมต้องเกิดปัญหากับฉันแบบนี้ล่ะ" และ คำถามสุดฮิตของคนในระดับนี้ คือ "พระเจ้าอยู่ไหน"

- ชอบทำตัวเป็นฟาริสี ชอบตำหนิติเตียนผู้เชื่ออื่นๆ ที่อ่อนแอในด้านความเชื่อ หรือผิดพลาด
- ชอบชี้นิ้วมากกว่าการทำเป็นตัวอย่าง พาทำยังไม่เป็น การถ่อมใจเป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น
- ยังผูกใจเจ็บมีความแค้นฝังลึก ไม่ยอมรับผู้อื่น คิดว่าตัวเอง หรือโบสถ์ คณะดีกว่าของคนอื่น

- ถ้าเป็นระดับผู้ปกครอง มัคคนายกที่ถูกยกถูกดัน หรืออยากเป็นอยากได้ อยากมี ก็จะไม่รู้หน้าที่ กลายเป็นฝ่ายค้านในสภาการประชุมวางแผนงานมากกว่าการสนับสนุนงานให้ผู้่รับใช้พระเจ้าทำงานอย่างราบรื่น เกิดผลดี

- หากผู้รับใช้ไม่ไปเยี่ยมหรือไปหนุนใจนานๆ ก็จะบ่นว่าไม่มีใครไปเยี่ยม อาจารย์ทำหน้าที่บกพร่อง

- มักจะมีรายชื่อคนไม่ชอบหน้าอยู่ในบัญชีเสมอ เสแสร้งเก่ง ไม่ค่อยจริงใจกับใครใคร
- ไม่ค่อยผ่านการทดสอบความเชื่อ สอบตกบ่อยๆ ต้องมีคนคอยช่วยคอยหนุน เป็นเปโตรตอนไก่ขัน
- มีเรื่องขัดใจกับใครสักคนในโบสถ์จะหายหน้าไปหลายอาทิตย์ หรือไม่ยอมมองหน้าใครเลย บางทีก็
เลี่่ยงๆ ไป ไม่อยากพูดคุยกะใคร

- หากมีใครตักเตือนจะโกรธ ไม่ยอมรับ และหาเหตุกล่าวหา เอาคืน มักแก้ตัวว่า "พูดแรงเกินไป ไม่ไว้หน้ากันบ้าง" คนเป็นอาจารย์ไม่น่าทำแบบนี้ "เลิกนับถือแล้ว"

- ยังคิดไม่ออกว่าจะนำคนมาเชื่อพระเจ้าได้อย่างไร คิดว่ามันยากจริงๆ การนำหนึ่งคนมาเชื่อพระเจ้าในเวลาหนึ่งปี นี่ยากเกินไปจริงๆ คิดยังไงก็คิดไม่ออก ทำไม่ได้จริงๆ รู้สึกท้อและหมดหนทาง
- เมื่อมีโอกาสได้รับใช้จะรับปากง่ายๆ พอทำไปสักระยะจะท้อถอย ชอบเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นๆ ที่ไม่ทำงานรับใช้ หรือมองดูว่าคนรอบข้าง ชอบคิดว่าคนนั้นคนนี้ทำไมไม่ทำ ให้เราทำหนักอยู่ได้คนเดียว

- ยังแอบทำบาป ติดนิสัยบาป ปากว่าตาขยิบ ชอบทำตัวเป็นคริสเตียนที่ดีเพื่อให้คนอื่นยอมรับเท่านั้น
- ติดเพศ ภาพลามก คลิปโป๊ บุหรี่ เหล้า เบียร์เอาหมด มีบาปแอบซ่อนเร้น รู้ว่าไม่ดีแต่เลิกไม่ได้ ใจมันอ่อน  อยู่คนเดียวเมื่อไหร่ชอบมีความคิดฟุ้งซ่าน  อยากทำบาปตงิดๆ ใจอ่อนทำบาปแล้วก็นึกเสียใจอยู่

- เวลามีใครเป็นพยานว่าเขาไปวางมือรักษาคนป่วย หรือไปขับผีมาแล้ว ก็จะบอกว่า ฉันเองก็เคยทำ ชอบอ้างเอาเรื่องเก่าสมัยเมื่อหลายปีผ่านมามาอ้าง แต่ปัจจุบันการเจิมหายหมดแล้ว ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ดีแต่พูดสอนเรื่องพระเจ้า แต่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย กลายเป็นคนที่ชอบเอาเรื่องเก่าๆ มาคุย แต่ในปัจจุบันไม่มีคำพยานอะไรเลย  ปีๆ หนึ่งไม่มีคำพยง พยานอะไรสักอย่าง จะมีก็เพื่ออวดตนเท่านั้นไม่ได้อวดพระเจ้า

- ยึดมั่นในคำว่าคริสตจักรของฉัน ของเธอ คณะของฉัน คณะของคุณ โบสถ์ฉันดีกว่าใคร
- กีดกั้นคนอื่นไม่ให้โดดเด่นกว่าตนเอง ชอบยกตนข่มท่าน ชอบอิจฉา มีความขมขื่นกับคนบางคนที่ยากจะลืม หากเข้าร่วมทีมนมัสการก็จะพยายามข่มคนอื่น หรืองอนถ้าไม่ได้ดีกว่าคนอื่น

- ยังออกไปร่วมพิธีการกราบไหว้เจ้าแม่คงคา แม่น้ำ ภูเขา ขอฝน  ดำหัวรูปเคารพในงานปีใหม่ พิธีแห่สารพัดสารพัน ของชาวบ้าน โดยอ้างว่า เข้าร่วมเพื่อความสามัคคี และเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรม โดยไม่ศึกษาให้แน่ชัดว่าแท้จริง พิธีการต่างๆ ของชาวบ้านมีรากฐานมาจากการกราบไหว้ผีสาง เทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิที่ไม่ใช่พระเจ้าเที่ยงแท้ 

- การหาวในขณะที่นั่งร่วมนมัสการเป็นนิสัยที่แก้ยากจริงๆ ไม่รู้ง่วงอะไรนักหนา หนังตาก็หนักอีกต่างหาก

- ถ้าเป็นในระดับคริสตจักรก็คือว่า ทั้งคริสต์จักรไม่สามารถนำคนใหม่จริงๆ มาเชื่อพระเจ้า 1 คน ภายในระยะเวลา 1 ปี ยังไม่ได้ อันนี้เป็นความจริงของผู้เชื่อชาวไทยที่น่าอายที่สุด สำหรับโบสถ์คริสต์แถวบ้านนอก บางแห่งตั้งมา30-50 ปี จำนวนผู้ใหญ่ที่มานมัสการในโบสถ์เป็นประจำมีไม่ถึง 50 คนต่ออาทิตย์ คนที่มีอยู่ก็กลายเป็นพวกฟาริสี บ้าพิธี ยึดติดกับสารบบอันเก่าคร่ำครำ มาบ้างไม่มาบ้าง เป็นเพียงผู้มีรายชื่อในบัญชีของโบสถ์เพื่อให้ตัวเองจะได้มีที่ฝังศพในสุสาน ตอนที่วิญญาณมันไม่ยอมอยู่ในร่างเท่านั้น คริสต์จักรระดับโลกเขาไปถึงไหนไม่ยอมรับ ไม่ยอมปรับตัว

- เป็นคริสตจักรที่มีสมาชิกสมบูรณ์ที่มีจำนวนสมาชิกผู้ใหญ่มากกว่า 30-50 คน แต่ยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้  ยังต้องให้คนอื่นเอาเงินส่งมาจ่ายเป็นค่าตอบแทนนักการศาสนาที่ประจำอยู่ที่สำนักงาน หรือโบสถ์ อันนี่ถือว่าเป็นคริสเตียนอ่อนแอ เพราะว่ามีแต่ความเชื่อแต่ไม่มีการปฎิบัติ  เชื่อแต่ไม่ทำตาม ไม่ยอมเลี้ยงดูผู้รับใช้  ไม่ยอมทำตามแบบอย่างในพระคัมภีร์ เพราะแบบอย่างในพระคัมภีร์ คือ สิบเอ็ดคนเลี้ยง 1 คน
สิบตระกูล เลี้ยง 1 ตระกูล  เพราะอะไรหรือ ก็ความเชื่อน่ะมันวัดได้จากตัวชี้วัดด้านการกระทำ ใครที่ไม่ยอมรับพันธสัญญาของพระเจ้าจะเจริญได้อย่างไร  เข้าใจว่าตัวเองเชื่อพระเจ้าแต่ไม่ยอมคืนสิบลด  ไม่ถวายผลแรกให้ผู้รับใช้  การไม่ถวายด้วยใจยินดีน่าจะถือได้ว่าเป็นผู้เชื่อที่ยังไม่แข็งแรงก็ว่าได้ เป็นแค่คริสเตียนเบบี้น่าให้ความเห็นใจมาก

- เป็นคริสตจักรที่ยังมีการเปิดเครื่องบูชาคารวะรูปเคารพ  รูปเหมือนคน ยืนก้มหัวผงกๆ ให้กับรูปเคารพ ของเทพสมมุติโดยไม่มีความรู้สึกสดุ้งสะเทือนอะไรเลย ทั้งๆ ที่การกระทำแบบนี้ แม้แต่มุสลิมเขายังไม่ทำ (อ่านหนังสือ สายตรงศาสนา กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 เดือนตุลาคม 2553, หน้า 12)  สิ่งที่คริสตจักรไทยประณีประนอมแบบนี้มันอาจต่างอะไรกับการกระทำในหนังสือดาเนียลหรือ

หากเปรียบเป็นเครื่องบินที่สภาพไม่เต็มร้อยคงไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกบินอย่างแน่นอน นั่นคือเหตุผลว่าทำไม หลายๆ โบสถ์จึงใส่แต่เกียร์ว่าง และเกียร์หนึ่งไม่ยอมขับเกียร์ห้าเสียที อาจารย์ก็ไม่อยากย้ายโบสถ์บ่อยเลยทำตามพวกผู้ใหญ่ แต่วิญญาณเป็นเด็ก  น่าจะถูกวิญญาณศาสนาครอบงำ คริสต์จักรจึงอยู่ที่เดิมแบบเซ็งๆ

เป็นคริสตจักรที่ไม่ยอมรับการเปิดเผยของพระเจ้าใหม่ๆ ไม่ยอมรับไม่เข้าร่วม แถบยังกีดกันคนอื่นๆ ไม่ใช้เข้าร่วม อ้างไม่มีในพระคัมภีร์ลูกเดียว เหมือนพวกฟาริสีผู้เคร่งครัดในบัญญัติของพระเจ้า มีความเชื่อพระเจ้าอย่างสุดใจ นับถือพระบัญญัติตามตัวหนังสือ แต่คุณธรรมและเมตตาธรรมละทิ้งไปเสียสิ้น

พวกฟาริสีเคยคิดว่าการเปิดเผยของพระเจ้าไม่มีอีกแล้ว และสิ่งที่ได้ทำนายไว้ยังมาไม่ถึง เมื่อพระเยซูคริสต์มาสั่งสอนเรื่องใหม่ๆ ที่พวกเขาไม่ยอมรับ จึงคิดว่าพระเยซูคือพวกนอกรีต ผู้เชื่อที่เหลืออยู่ไม่กี่คนก็กลายเป็นพวกคริสตาม คือทำตามอย่างพฤติกรรมสามัญของชาวโลก คือ กิน ขี้ บี้ นอน และเมาตอนคริสต์มาส และงานเลี้ยงครบรอบวันตามเทศกาลต่างๆ ทั้งของชาวคริสต์ และของชาวโลก

คริสเตียนกลายเป็นเพียงผู้เชื่อที่ถูกกลืนและกลายสภาพเป็นกลุ่มวัฒนธรรมทางความเชื่อที่ผิดเพี้ยน จัดพิธีการพิธีกรรมที่ไม่มีในหลักข้อเชื่อแต่กลับยอมรับกันอย่างหน้าตาเฉย โดยอ้างว่าเป็นประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรม ตัวเองทำยังไม่พอยังสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาให้ทำตามอย่างหน้าด้านๆ อย่างเช่นพิธีผูกข้อมือสู่ขวัญ เรียกขวัญต่างๆ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในคริสตจักรได้อย่างไม่รู้สึกใดๆ ว่าพิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมที่เขาบูชาผี เรียกผีให้มาช่วยซึ่งพิธีกรรมนี้เป็นพิธีกรรมด้านไสยศาสตร์ของคนท้องถิ่นในภูมิภาคต่างๆ ของไทย

คริสตจักรอ่อนแอด้านฝ่ายวิญญาณมักจะจัดกิจกรรมในแต่ละปีมีวันสารพัดสารพัน การเทศนา พิธีกรรมต่างๆ อ้างว่าประยุกต์ให้เข้ากับสังคมวัฒนธรรม แท้ที่จริง ทาสทางวัฒนธรรมเหล่านี้คือพวกนอกรีตของพระเยซูอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาได้ถูกทำให้กลมกลืนไปกับวัฒนธรรมของชาวโลกที่ไม่รู้จักพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ กลายเป็นพวกนับถือศาสนาแต่เปลือกนอก แต่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงภายใน ไม่ยอมปฏิบัติตามพระมหาบัญชา คณะเทียมเท็จบางแห่งใช้สิ่งล่อใจ เงิน ทุนการศึกษา ผลประโยชน์ในการให้คนมาเข้ารีต เพื่อให้มาเข้าชื่อเป็นเพียงสมาชิกมากกว่าการสั่งสอนให้ผู้เชื่อมีสิทธิอำนาจของพระเจ้า

(ที่น่าตกใจมากสำหรับเราก็คือว่า เมื่อไม่นานมานี้เราได้รับการเปิดเผยมาว่า มีวิญญาณอีกชนิดหนึ่งที่มันปกคลุมอยู่เหนือย่านฟ้าอากาศ พวกมันมีโครงสร้างทางวิญญาณที่เข้มแข็งมาก พวกคริสเตียนจำนวนไม่น้อยยังไม่รู้ ไม่ตระหนักว่า พวกมันยังมีตัวตนอยู่จริง เพราะคริสเตียนส่วนใหญ่ได้เรียนรู้ แค่ เอเฟซัสบทที่ 6 เท่านั้น ไม่ได้รู้มากไปกว่านี้อีก ผู้ที่อ้างว่าเป็นนักการศาสนาของพระเยซูเจ้าระดับใหญ่ๆ ยังต้องก้มหัวให้กับมัน  ยอมรับนับถือมัน ยอมผ่อนหนักผ่อนเบากับมัน จัดพิธีกรรมนมัสการพระเจ้าให้สอดคล้องกับมัน วิญญาณนี้ชื่อของมันน่าตกใจมาก มันมีชื่อว่า  "CULTURE")

คริสตจักรประเภทนี้ถือว่ายังอยู่ในระดับก่อปราสาททรายเล่นๆ เท่านั้น พอคลื่นใหญ่สาดซัดมา ปราสาททรายก็ทลาย โบสถ์ไม่แตกก็ทรุด ทั้งนักการศาสนาและผู้เชื่อต่างกล่าวหากันต่างๆ นานา จำนวนคนมาโบสถ์ไม่เพิ่มไปถึงไหน ที่เห็นตัวเลขเพิ่มขึ้นก็เพราะเป็นการขยายภายในเท่านั้น คือการเกิดลูก แต่ก็ไม่มีใครฟูกฟักดูแลอยู่ดี เด็กๆ มาโบสถ์ตอนเล็กๆ เท่านั้น โตขึ้นก็หายไปหมด อ้างการศึกษา เรียนพิเศษวันอาทิตย์ การทำงาน การแต่งงาน การหากิน ฯลฯ

พวกลูกหลานคริสเตียนที่ห่างโบสถ์เหล่านี้จะเรียกหาพระเจ้าเมื่อเขามีการขึ้นบ้านใหม่ งานศพ เจ็บป่วยใกล้ตาย หรือหากประสบกับอุบัติภัยร้ายแรง หรือเกิดมีโรคร้ายรักษาไม่หาย พวกเขาจะเชิญคริสตจักรไปอธิษฐานปัดรังควาญ ซึ่งพฤติกรรมนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากการที่ชาวโลกเขาไปถามหมอดู คนทรงเจ้า หมอผีหรือ ลัทธิบูชาผีเลย คือใช้พระเจ้าให้เป็นผู้พิทักษ์แต่พออยู่ดีมีสุข จะไม่มีเวลาสำหรับกิจกรรมที่พัฒนาชีวิตฝ่ายวิญญาณเลย ชอบอ้างทำมาหากิน การเรียน การกุศล งานสังคม และความสนุกส่วนตัว

ถ้าเขาหายดีไม่นานก็จะจดจำคำพูดที่เคยว่าไว้เมื่อตอนเจ็บป่วยไม่ได้ เพราะตอนนั้นมันถึงความวิบัติ อับจน ช่วยตัวเองไม่ได้จึงว่าไปอย่างนั้นเอง คนประเภทนี้จะมีชีวิตด้านความเชื่อในพระเจ้าขึ้นๆ ลงๆ เพราะในตัวของเขามีตัวดึง ตัวดูดอยู่ข้างใน คอยขัดขวาง คอยปิดกั้นเขาอยู่ เขายังไม่สามารถเอาชนะ ธรรมชาติบาป และความต้องการของมนุษย์ธรรมดาได้

เขามีแต่ความตั้งใจที่จะทำดี แต่ต้องล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า เขามีชีวิตการกลับใจเหมือนที่มีข้อพระธรรมกล่าวว่า เหมือนสุนัขที่กลับไปเลียกินสิ่งที่มันอาเจียนออกมา หรือเหมือนหมูที่ชอบแปดเปื้อนกับสิ่งสกปรก แม้ว่าจะล้างให้มันสะอาดเท่าใด มันก็ยังกลับไปเกลือกกลั่วกับสิ่งโสโครกครั้งแล้วครั้งเล่า (2 เปโตร 2.22)


ตอนที่ 4

Level B: Growing in Spirit: ระดับเริ่มเติบโตฝ่ายวิญญาณ

- มาโบสถ์แต่เช้า เพราะมีการเตรียมตัวมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว
- เริ่มท่องพระคัมภีร์ได้หลายข้อแล้วและยังหมั่นทบทวนอยู่เสมอ
- แต่งตัวเหมาะสมกับกาลเทศะ ดูดีสะอาดเรียบร้อย ไม่ต้องมีใครคอยติคอยว่าก็ทำได้เอง
- ตั้งใจเข้าร่วมการนมัสการ มีใจจดจ่อที่พระเจ้า ผู้นำสอนอะไรจดใหญ่เชียวแต่ไม่ค่อยเอาไปทบทวนสัก ที เหมือนผู้บริหารองค์กรย่อมบางคนที่พอไปประชุมกลับบ้านก็ทิ้งแฟ้มเอกสารการประชุมไว้หลังเบาะรถ

- อธิษฐานนำกลุ่มได้ อธิษฐานเป็นนิสัย ชอบขอบพระคุณพระเจ้า
- เริ่มมีภาระใจในการอธิษฐานเพื่องานของผู้นำ เพื่อคริสตจักร และกลุ่มของตนเอง
- มีเรื่องเป็นพยานเล่าเรื่องประสบการณ์กับพระเจ้าปีละหลายเรื่อง
- ทำงานพระเจ้าเกิดผลดีขึ้นมาก แต่ยังติดอยู่กับการพยายามทำให้ผู้อื่นยอมรับ มากกว่าการทำด้วยจริงใจ และรู้จักภาระหน้าที่ของผู้เชื่อแท้

- สามารถเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มของตน คนอื่นสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงดีขึ้นเรื่อยๆ
- กระตุ้นคนอื่นให้มาโบสถ์ ชวนคนอื่นให้มาโบสถ์ สมัครใจรับใช้งานต่างๆ ของคริสตจักร และสม่ำเสมอ คงทนในการปฎิบัติพอสมควร แต่ถ้าขาดแรงเสริมไม่นานก็ท้อ และบางครั้งจะบอกว่าขอพอก่อน ทำมามากแล้ว
- อยากให้คริสตจักรจัดฟื้นฟู จัดกลุ่มอธิษฐานประจำสัปดาห์และสามารถเข้าร่วมสม่ำเสมอ
- การอ่านพระคัมภีร์และอธิษฐานถือเป็นสิ่งที่รักและเป็นสิ่งที่ขาด เหมือนเป็นอาหารที่ชอบ
- อธิษฐานเผื่อผู้อื่น ผู้นำ ศิษยาภิบาล นักเทศน์ นักประกาศที่ตนเองรู้จัก เผื่อการกลับใจของเมือง
- สามารถถวายทรัพย์ได้มากกว่าร้อยละสิบ บางครั้งถวายพิเศษให้นักเทศน์ที่ตนชื่นชอบและมีภาระใจสำหรับคนอื่น

- รู้จักของประทานฝ่ายวิญญาณ และยอมรับสิทธิอำนาจโดยไม่โต้แย้ง
- ชอบการประกาศหรือเล่าเรื่องพระเจ้าให้คนอื่นฟังเพราะต้องการให้มีสมาชิกเพิ่ม
- มักจะมีคนเดินเข้ามาหาในชีวิต เพื่อรับความรอด หรือฟังคำพยานบ่อยๆ มีคำพยานสดใหม่เสมอ
- สามารถจะกล่าวขอโทษ และยอมรับความผิดพลาดของตน ไม่กลัวเสียหน้า สามารถยอมทนต่อความไม่เป็นธรรมเพื่อเห็นแก่พระคริสต์พอสมควร

- สุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขอารมณ์ดีมาก สุขภาพฝ่ายวิญญาณดี ร่างกายแทบไม่มีการเจ็บป่วยเลย
- มีความเชื่อว่าการนำคนมาเชื่อพระเจ้า มาถึงความรอดเป็นเรื่องไม่ยากเลย ใครๆ ก็ทำได้เพราะเรารักเขา สงสารเขาที่ถูกมารรบกวน ถูกโรคภัยรุมเร้า แนะนำคนให้มารู้จักพระเจ้าด้วยคำพยานส่วนตัวกับพระเจ้า

- คนประเภทนี้จะมีมากในกลุ่มผู้ที่เริ่มรับเชื่อใหม่ แต่ต่อมาไม่นาน ก็จะถูกดูดกลืน ปกคลุม ถูกพวกฟาริสีในโบสถ์เขม่น เบียด บี้ เสียดสี ริษยา เหยียบย่ำซ้ำเติมเมื่อผิดพลาด หลายคนท้อถอยกลายเป็นไม้ตายซาก หรือเป็นต้นไม้บอนไซด้านวิญญาณ บางคนน่าสมเพชมากกว่านั้นคือถอยไปเป็นพวกอยู่ในบัญชีผู้มีสิทธิได้ฝังร่างกายของตนเองในป่าช้าของคริสตจักรเท่านั้น บางคนโกรธพวกนักการศาสนาหัวใจทาสเงินหรือทาสรับใช้ของคณะบางคน เกิดหินสดุดทางความเชื่อจนต้องถอยห่างไปจากความเชื่อ ไม่ยอมเข้าโบสถ์คริสต์อีกเลยเพราะได้รับความคิดว่า แท้จริงศาสนาไหนก็เหมือนกัน คริสเตียนก็ไม่ได้ดีไปกว่าผู้เชื่อทางศาสนาอื่น ยังมีอิจฉาริษยา อาฆาต และไร้ความรัก และความจริงใจ เหมือนมนุษย์ทั่วไป







Level A: Reproductive Life: ระดับชีวิตที่เกิดผล


- มีใจร่าเริงยินดีในพระเจ้า อารมณ์แจ่มใสมั่นคง อารมณ์ไม่เสียง่าย ใครด่าก็ไม่ค่อยจะเอาเรื่องกับเขา ให้อภัยตลอด
- ชอบการร้องเพลงของคริสเตียนเป็นประจำ พยายามฝึกร้อง ลงทุนซื้อหนังสือเพลงและซีดี
- มีความรักเต็มล้น รักคนอื่น ชอบช่วยเหลือคนอื่น ทักทายใครๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างจริงใจ
- การท่องข้อพระคัมภีร์และการภาวนาพระคำถือเป็นความสุขและกิจวัตร
- ถวายทรัพย์อย่างเต็มใจทั้งๆที่ไม่ค่อยจะมี แต่ก็สัญญาถวายได้
- ถวายทรัพย์มากกว่าร้อยละสิบอย่างสม่ำเสมอ บางครั้งเทหมดกระเป๋ายังได้ เพราะเข้าใจเรื่องการหว่านและมาตรฐานการอวยพรของพระเจ้า

- สามารถล้างเท้าเด็กหนุ่มๆ ที่มารับเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ รักผู้เชื่อด้วยหัวใจผู้รับใช้แท้จริง

- การอธิษฐานของคนระดับนี้มุ่งไปเพื่อการเจริญและสวัสดิภาพของผู้อื่น ผู้นำฝ่ายวิญญาณ คนรอบข้าง เพื่อนบ้าน ผู้นำคริสตจักร คริสตจักรระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค จนถึงระดับโลก
- การนำคนมาเชื่อพระเจ้าไม่ใช่เป็นภาระแต่เพราะอยากให้เขาได้รับความรอด อยากให้คนอื่นมีสันติสุข
- พูดเป็นพยาน และนำคนมาเชื่อพระเจ้ามากกว่า 1 คนต่อปี และรู้สึกว่าตนเองเกิดผลน้อยไม่น่าพอใจ
- หิวกระหายของประทานของพระเจ้า เชื่อในฤทธิ์เดชของพระเจ้า การวางมือรักษาโรค การอัศจรรย์ต่างๆ และอยากทำเองได้ อยากมีทีมไปประกาศ อยากมีประสบการณ์มากขึ้นกับพระเจ้า แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่มี

- ยอมรับความอ่อนแอของผู้นำ ผู้อภิบาล อธิษฐานเผื่อ หนุนใจผู้นำให้รับใช้เป็นประจำ
- ยอมรับความอ่อนแอของตนเอง พยายามพัฒนาตนเองอยู่เสมอ มีจิตใจที่รับการสอนได้ ติติงได้ สามารถกลับใจได้เสมอเมื่อผิดพลาด ยอมให้ผู้น้อยอธิษฐานเผื่อ
- ยอมรับต่อสิทธิอำนาจและของประทานฝ่ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ของผู้อื่นและมีใจถ่อมด้วยใจจริง
- แสวงหาการเจิมของพระเจ้า มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้อื่น หนุนใจคนรอบข้าง หิวกระหายอยู่เสมอ

- หากถูกต่อต้านหรือปฏิเสธไม่ให้เข้ากลุ่มหรือเสียสิทธิอันพึงมีพึงได้ หรือกองมรดก เนื่องจากมีความเชื่อในพระเจ้า สามารถจะตัดญาติขาดมิตรกับวงค์ตระกูลและญาติมิตรได้ แถมยังมีใจเผื่อแผ่อธิษฐานให้คนที่เกลียดตนเองอีกต่างหาก

- มีของประทานฝ่ายวิญญาณที่ยังไม่มากนัก บางครั้งมีๆ หายๆ แต่ถ้าขาดคนสอนคนสนับสนุนความเชื่อ
หลายคนกลายเป็นหมันฝ่ายวิญญาณ เป็นเหมือนไข่จากโรงงานซีพี มีแต่ไข่ไม่มีเชื้อที่จะขยายพันธุ์ได้

- คนประเภทนี้หลายคนเกิดผลดีแล้วกลับมุ่งสร้างอาณาจักรของตนเอง โบสถ์ตนเอง กลุ่มของตนเอง เพื่อให้คนยอมรับความสามารถมากกว่าการถวายเกียรติแด่พระเยซูเจ้า กลายเป็นคนหยิ่งยะโส ไม่เชื่อฟังผู้นำอีกต่อไป บางคนอาจแยกตัวและกบฎต่อผู้นำที่ไม่กระตือรือร้นในการประกาศข่าวประเสริฐ

- มักจะมีของอะไรมาฝากผู้นำเสมอ อาจจะเป็นอาหาร ขนม ของฝาก มีความรู้สึกรักคริสตจักรอย่างมาก มีจิตใจผูกพันกับคริสตจักรและพี่น้องอย่างมาก การใส่ซองถวายพิเศษคือเรื่องที่เขาชอบทำจริงๆ

- หากคริสตจักรมีงานด่วน งานพิเศษ หรืองานเป็นผู้นำนมัสการ หรือให้เป็นพยาน บอกมาเลยฉันพร้อมเสมอ "ทันทีได้เลยจ๊ะ ศบ."

ผู้เชื่อระดับนี้มีมากพอควร แต่เมื่อมาถึงจุดนี้จะเกิดอาการผกผันขึ้นๆ ลงๆ เนื่องจากการต่อสู้ระหว่างเนื้อหนังและจิตวิญญาณ บวกกับแรงต้านของพญามารและเหล่าสมุนของมันที่สิงสู่อยู่ในผู้เชื่อระดับอ่อนแอ และผู้เชื่อเทียมเท็จที่หากินกับศาสนา ผู้เชื่อในระดับนี้จำนวนมาก หยุดการเคลือนไหวเพราะเบื่อกับระบบการปกครอง การบริหารของเหล่านักพึ่งพาอาศัยองค์กร หลายคนกลายเป็นเพียงขอนไม้ลอยน้ำ มีค่าเพียงทำฟืน หรือเอาไปเป็นท่อนไม้สำหรับเพาะเห็ดหูหนูเท่านั้น


ตอนที่ 5


Level AA: Disciple of Christ: ระดับสาวกพระคริสต์

--มีคุณลักษณะของคริสเตียนระดับ A เริ่มมีวินัยฝ่ายวิญญาณที่เข้มแข็งและมั่นคง
- เป้าการดำเนินชีวิตคือเพื่อเป็นเครื่องบูชาอันมีชีวิตอยู่ หลุดพ้นจากนิสัยบาปอย่างสิ้นเชิง (1 ยอห์น 5.18)
- ไม่ต้องทำการสารบาปแบบท่องจำทุกอาทิตย์ตามพิธีอีกแล้ว เพราะไม่มีธรรมชาติบาปแล้ว แต่ก็ยังเป็นปุถุชนอยู่ดี หากทำบาปจะรีบสารภาพบาปเอง บางครั้งรู้สึกหย่อนยาน ติดขัดฝ่ายวิญญาณจะรีบไปหาอาจารย์ใหญ่ หรืออาจารย์พี่เลี้ยงเพื่อรับการซ่อมแซมโดยด่วน

- มีความจริงใจต่อพระเจ้าและพี่น้องทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตรวจสอบได้ว่าดีจริง
- มีของประทานฝ่ายวิญญาณ มีความเชื่อสามารถอธิษฐานวางมือเผื่อผู้อื่นได้อย่างเกิดผล
- การอธิษฐานเป็นอาหารที่ขาดไม่ได้ มุ่งอธิษฐานเพื่อผู้อื่นด้วยใจรักอย่างสม่ำเสมอ
- อธิษฐานเพื่อการสามัคคีธรรมของคริสตจักร คณะและนิกาย ไม่แบ่งแยกคณะหรือพรรคพวก

- วางใจในพระเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข สามารถผ่านการทดสอบ ความทุกข์ การข่มเหง การปฏิเสธนานาประการที่ผ่านเข้ามาเป็นระยะ ๆ ตลอดเวลาแห่งการรับใช้ไดั อุปสรรคและขวางหนามกลายเป็นเพียงบันไดให้เขาเหยียบย่ำเพื่อก้าวเดินขึ้นไปสู่การเจิมระดับสูงกับพระเจ้าเท่านั้น เพราะเขาติดสนิทกับเถาองุ่นเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว

- มีชีวิตแห่งการอธิษฐาน การถืออดเป็นกิจวัตรที่ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ มีวินัยฝ่ายวิญญาณคงเส้นคงวา
- มีชีวิตที่เกิดผล นำคนเชื่อพระเจ้ามากมาย รักพระเจ้าสุดใจ วางใจในพระเยซูอย่างไม่กลัวตาย
- มีสิทธิอำนาจฝ่ายวิญญาณ มีของประทานเกิดขึ้นอย่างเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาความเชื่อที่เพิ่มขึ้น
- มีคำสอน คำพยานที่สดใหม่ การรับการเปิดเผยใหม่ๆ จากพระเจ้าเป็นเรื่องปกติ

- มุ่งสร้างอาณาจักรฝ่ายวิญญาณของพระเจ้า มากกว่าการสร้างอาณาจักรของตนเอง ตัวตนของเขาเล็กลงทุกวัน พระเยซูคริสต์ใหญ่ขึ้นในชีวิตทุกๆ วัน (ยอห์น 3.30)

- พระเยซูคือเจ้าของชีวิตอย่างแท้จริง สามารถสละได้ทุกอย่างทั้งครอบครัว ภรรยา บุตร ความสบายส่วนตัวและทรัพย์แห่งตน มีชีวิตประจำวันที่เต็มล้นไปด้วยการเจิมของพระวิญญาณและสันติสุข

- เต็มไปด้วยใจที่ร้อนรนเพื่อพระเจ้า ชอบช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักต่อผู้คนมากกว่าการมุ่งเอาประโยชน์จากเขา หรือเอาคนมาเป็นสมาชิก มาเป็นทาสในอาณาจักรของอาตมา ชอบช่วยเหลือผู้เชื่อ
และผู้รับใช้ทั่วไปโดยไม่จำกัดคณะ แต่อย่างไรก็ตามนักการศาสนามืออาชีพจะไม่ไว้ใจเขา บางคนกลับคิดว่าเขามีแผนแย่งลูกแกะอยู่ดี

- เขามีความถ่อมใจเห็นว่าผู้อื่นดีกว่าตัว ไม่ยื้อแย่งแข่งขัน มุ่งสร้างสันติและเอื้อเฝื้อต่อทุกคน
- ดำเนินชีวิตด้วยการทรงนำและดลใจจากพระเจ้า มีประสบการณ์กับพระเจ้าเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
- กล้าเปิดเผยความอ่อนแอของตนเอง ไม่มีวาระซ่อนเร้น ยอมรับตนเอง ไม่หลอกตนเอง
- กล้าที่จะตักเตือน และหนุนใจคนของพระเจ้า มีความถ่อมใจและรู้จักกาลเทศะ แสวงหาการทรงนำของพระเจ้าในการทำกิจการต่างๆ แสวงหาการเปิดเผยของพระเจ้าในเทศนาสั่งสอนมากกว่าการ ใช้สติปัญญาของตน

- มักจะพบกับการต่อต้านจากคริสเตียนที่อ่อนแอ นักการศาสนา คณะที่ถูกวิญญาณผิดพลาดครอบครองกีดกั้นปิดกั้น ถูกวิญญาณอิจฉา อาจถูกนินทาว่าร้ายต่างๆ เนื่องๆ แต่เขาไม่ท้อถอย ยังสู้ต่อไป เมื่อประตูอันหนึ่งปิด ประตูที่กว้างกว่าใหญ่กว่าก็ถูกเปิดออกโดยพระเยซูคริสต์เจ้า เพราะไม่มีใครจะต่อต้านผู้ที่พระเจ้ารับรองได้ (กจ. 5.39)

- สามารถจะแบ่งสมาชิกที่มีอยู่หลายร้อยให้ออกไปตั้งคริสตจักรใหม่ ๆ โดยไม่กลัวว่าจะเสียรายได้ หรือกลัวว่าอาณาจักรของอาตมาจะเสียหายหรือเล็กลง แถบยังแบ่งเงินกองทุนจากคลังให้ไปเริ่มต้นคริสตจักรใหม่อีกด้วย

นอกจากนี้ยังอธิษฐานเผื่อ คอยติดต่อหนุนใจผู้่รับใช้ทั่วไปอย่างสม่ำเสมอ

- ยอมตายเพื่อความเชื่ออย่างหน้าตาเฉย ลูกเมีย สามี ครอบครัว และตัวเองไม่สำคัญกว่างานของพระเจ้า

- คนแบบนี้ หนึ่งหมื่นคนอาจจะหาไม่ได้สักคน เพราะความเชื่อและการปฏิบัติของนักการศาสนาบางส่วนที่มีอยู่ หลายๆ คนทำตัวเป็นแค่ลูกจ้างคณะ เป็นนักการมืออาชีพเก่งทำมาหากิน การทำงานเป็นเพียงเพื่อปากท้องมากกว่าการรับใช้พระเจ้าตามพระมหาบัญชา

นักการศาสนาบางส่วน จึงทำตัวเป็นเหมือนคนงานก่อสร้างกำแพงเยรีโค หรืออาตมาณาจักร คนที่มีความคิดผิดเพี้ยน ในการรับใช้พระเจ้ากลับมีมากขึ้น นักการศาสนาหลายคนไม่สามารถพัฒนาตนเองไปถึงจุดนี้ เป็นคนที่ยังไปไม่ถึง ไม่เกิดการทะลุทะลวงฝ่ายวิญญาณ (Spiritual break through) คนเหล่านี้บางคนจึงอ้างว่าของประทานแห่งการเป็นทูตของพระคริสต์ และของประทานฝ่ายวิญญาณอื่น ไม่มีอีกแล้ว ถ้าใครเกิดมีก็ไม่ยอมรับ อ้างว่าเป็นพวกลัทธิเทียมเท็จ ของอาตมาซิของจริง การสอนด้วยศาสนศาสตร์ของเราถูกต้อง เป็นของแท้ แต่ได้รับเงินเป็นถังๆ จากหน่วยสนับสนุน แท้ที่จริงอาณาจักรเงินตราเท่านั้นคือเบื้องหลังขององค์กรเหล่านี้

- ผู้รับใช้ระดับสาวกมักจะโทรไปหนุนใจเพื่อนๆ ผู้รับใช้ ไต่ถามทุกข์สุข นัดหมายมาประชุมอธิษฐานถืออดได้เป็นเวลาครั้งละ หลายๆ วัน เขามักได้รับการเปิดเผยแปลกใหม่จากพระเจ้า พวกวิญญาณไม่ถึงจะกล่าวหาว่าเขาบ้าและเพี้ยนเพราะเขามักอ้างว่าได้ยินเสียงพระเจ้า (กจ. 13.2,10.9. 16.6-7, )

- การไม่ได้รับการเปิดเผยอะไรใหม่ๆ จากพระเจ้าในแต่ละอาทิตย์ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
- คำเทศนา คำสั่งสอน ประกอบด้วยสิทธิอำนาจในการปลดปล่อยและความรัก กล้าที่ตักเตือนคนได้เสมอโดยไม่กลัวที่จะเสียผลประโยชน์ของตนเอง ไม่กลัวไหปลาร้า หรือไหใส่ข้าวจะแตก

- ชอบเปลี่ยนคำเทศนากระทันหัน และยอมเสียหน้าเมื่อพระเจ้าบอกให้ทำบางอย่างที่ตนเองไม่คาดคิดอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่ใกล้ถึงเวลาเทศนาแล้วยังไม่รู้ว่าจะเทศน์เรื่องอะไร แต่ก็ได้รับการเปิดเผยใหม่ๆ เสมอ

- การเทศนาคือสิทธิอำนาจและวาระพิเศษเป็นการจัดสรรของพระเจ้าที่ได้รับ เพื่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้ฟัง เขามุ่งมั่นนำคนเข้าสู่วิถีของพระเจ้ามากกว่าการสำแดง ข้อมูล สถิติ เรื่องตลก ข่าวล่า ประสบการณ์ต่างประเทศ หรือภูมิรู้ ภูมิปัญญาของอาตมา แท้จริงการกล่าวอ้างเรื่องเหล่ามากเกินไป เป็นเพียงการยกตนข่มท่าน และสร้างภาพลักษณ์ภายนอกให้คนยอมรับเท่านั้น

- เขาแบ่งปันของประทานและถ่ายทอดการเจิมด้วยการอธิษฐานวางมือผู้อื่นคือภาระกิจสำคัญ (โรม 1.11, 2 ทม 1.6) เขาพยายามสร้างผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระเป็นเจ้า แต่ละปีเขาได้สาวกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่กลัวว่าลูกศิษย์ของเขาจะเก่งกว่าเขา เขาสอนอย่างหมดใส้หมดพุง อุทิศเวลาในการสร้างคนด้วยใจรัก
หากเขาตายวันใด เขายังมีผู้ที่จะสามารถสืบทอดที่มีคุณลัษณะของผู้รับใช้พระเจ้าแท้อย่างแน่นอน

สรุป
การเป็นผู้เขื่อในพระเยซูคริสต์ไม่ใช่สิ่งที่ง่าย หลายคนเข้ามาเป็นคริสเตียนมีคนแนะนำว่า ถ้าเชื่อพระเจ้าแล้วจะดี สุขสบาย ไม่มีความทุกข์ยากเดือลร้อน ซึ่งก็เป็นความจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น หากผู้เชื่อได้รับการพัฒนาให้มีความเชื่อมากขึ้น จะได้รับการทดสอบ ถูกทดลองความเชื่อด้วยสถานการณ์และเหตุการณ์ที่ไม่อาจไม่พึงพอใจอยู่เนืองๆ เพราะพระเยซูคริสต์ต้องการให้ลูกของพระองค์เข้มแข็งและ กลายเป็นสาวกในที่สุด เพราะการเป็นคริสเตียนแท้จริงคือดำเนินชีวิตที่ทวนกับกระแสของโลก เป็นการมีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้กับมารร้าย และสมุนของมัน ดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเป็นผู้เชื่อแท้ของพระคริสต์

การจะไปถึงจุดแห่งความเจริญเติบโตฝ่ายความคิด จิตวิญญาณ และมีสิทธิอำนาจในการสั่งสอน ประกาศ และมีชัยชนะเหนือวิญญาณร้ายได้ต้องใช้เวลา ผู้เชื่อต้องผ่านการทดสอบมากมาย

พี่น้องหลายคนคงเคยมีลูก ทุกคนต้องการให้ลูกเก่ง ช่วยตนเองได้ คงไม่มีใครส่งลูกไปโรงเรียนที่คุณครูสอนลูกแบบเดิมๆ เพื่อให้ลูกได้ทำแต่ในสิ่งทีง่ายๆ ครูจะสอนแต่เลขบวก และลบเท่านั้นแต่ไม่สอน คูณ หาร และเศษส่วน การคิดคำนวณระดับสูง เพราะกลัวว่าเด็กจะทำไม่ได้ ถ้าประเทศไหนสอนเลขเพียงแค่นี้ ประเทศนั้นก็คงไม่มีนักวิทยาศาสตร์ นักเคมี นักประดิษฐ์ นักสร้างสิ่งใหม่ๆ มากนั้น เพราะพื้นฐานความรู้ยังมีไม่เพียงพอ

ฉันใดก็ฉันนั้น พระเจ้าต้องการให้คริสเตียนเรียนรู้และพัฒนาความเชื่อขึ้นไปเรื่อยๆ ตลอดชั่วชีวิตของเรา ดังนั้นจึงขอหนุนใจว่า จงก้าวไปกับพระเจ้าด้วยวินัยฝ่ายวิญญาณและด้วยการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น หากท่านคิดและพยายามเดินไปกับพระเจ้าด้วยความพยายามของร่างกายและความคิดของท่าน ท่านขาดวินัยฝ่ายวิญญาณไม่นานท่านจะร่วงจากอันดับที่ควรจะเป็น  บางครั้งก็ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ระหว่างรอยต่อของความเชื่อระดับสูง กับระดับต่ำ ทำให้การงานของพระเจ้าไม่เกิดผลเท่าที่ควร

อัครสาวกเปาโลได้เขียนไว้ดังนี้
(ฟิลิปปี 3 ข้อที่ 12 -17)

12. มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้วหรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว

13 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า

14 ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัยเพื่อจะได้รับรางวัลซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ

15 เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงคิดอย่างนั้นและถ้าท่านคิดอย่างอื่น พระเจ้าก็จะทรงโปรดให้เรื่องนั้นประจักษ์แก่ท่านด้วย

16 แต่เราได้แค่ไหนแล้วก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป

17 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ท่านจงร่วมกันตามแบบอย่างของข้าพเจ้า ท่านมีพวกเราเป็นตัวอย่างแล้ว จงดูคนที่ประพฤติตามแบบนั้น


ขอพระเจ้าอวยพระพรคริสเตียนทุกคนให้เจริญขึ้นกับพระเจ้า
กลับไปหน้าแรก

10 ความคิดเห็น:

  1. 4 ปีกว่า
    กำลังอยู่ระดับอนุบาลเองค่ะ..

    ตอบลบ
  2. อนุบาลวันนี้ ถ้าขยัน และหมั่นฝึก ก็จะกลายเป็นสาวกได้นะครับ
    ขอพระเจ้าเสริมกำลังนะครับ

    ตอบลบ
  3. ขออนุญาตเอาไปสร้างเป็น Quiz ไว้สำหรับผู้เชื่อให้ลองทดสอบดูได้ไหมคะ

    ตอบลบ
  4. เชิญตามสบาย และอย่าลืม ส่ง Quiz ให้ผมเอาไปให้น้อง ๆทำบ้างนะครับ
    reewat@hotmail.com

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ3/26/2554

    ผมจะติตต่ออาจารย์เเละทีงานได้ยังงัยครับผมต้องการความช่วยเหลือLovegod2524@hotmail.com

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณที่สนใจเรื่องของประทานและการปลดปล่อย
    ติดต่อผมได้ตามอีเมล์ที่ระบุ จากหน้าเว็บนะครับ
    idmcteam@gmail.com

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ8/26/2554

    ขอเก็บๆๆตุนมาปรับปรุงตัวเองค่ะอาจารย์..

    ตอบลบ
  8. 555 ถูกใจมากค่ะ เพราะไม่มีใครสามารถพูดได้โดยไม่กลัวไหปลาร้าขว้างใส่ ดีมากค่ะเพราะรู้จักพระเจ้ามานานมักไม่เคยสาวกพระเยซู แต่เจอแต่สาวกกูรๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  9. เรื่องจริงทั้งนั้นเชื่อพระเจ้ามาหลายปีเจอมาเยอะสารพัดรูปแบบ
    แต่ไม่มีใครกล้าพูดตรงๆๆเขียนแบบนี้ในบล็อกคงได้แต่ถ้าพูดตรงๆๆรับรองงานเข้าแน่ แถมยังบอกทำไมไม่พูดในแง่บวกพวกความเชื่อน้อยต้องมีความเชื่อ
    โบถ์หรือคริสตจักรอยู่ตรงหน้าบ้านยังไม่เข้าเลย
    นับประสาอะไรจะไปโบถ์ที่อื่น
    หนังสือพระคัมภีร์แจกฟรีมีมากมายหนังสือฝ่ายวิญญาณมีมากมายยังไม่อ่านเลย
    อย่าหวังให้แสวงหาการอ่านพระคัมภีร์และหนังสือฝ่ายวิญญาณที่ต้องจ่ายตังค์เลย
    โบถ์ไหนไม่เติบโตท้ายที่สุดก็ปิดไปเองเพราะไม่มีคนเหลือไปโบถ์ไงล่ะ

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ2/07/2557

    ฮาเลลูยา สรรเสริญพระเจ้า

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)