การปลดปล่อยคืออะไร:What is deliverance?

Deliverance from worldly, demonic, emotional, physical, spiritual influences of unclean spirits.

พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ และให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเป็นเจ้า

พระธรรมลูกา บทที่ 4 ข้อ 18-19

หลายครั้งที่เราได้ยินคำว่า การปลดปล่อย ความหมายตรงตัวก็ต้องแปลว่าปล่อยออกอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้เข้าใจให้ตรงกันในเรื่องเกี่ยวกับการปลดปล่อยที่ผมพูดถึงในเว็บนี้ ผมขอให้นิยามคำศัพท์ดังนี้

การปลดปล่อยแปลว่า การทำให้หลุดจากพันธนาการ การทำให้พ้นจากการผูกมัด การช่วยให้พ้นจากการเป็นทาส การช่วยให้หลุดพ้นจากเครื่องจองจำ ความสามารถในการละเลิกจากบาปบางอย่าง อารมณ์ร้ายบางอย่างอย่างสิ้นเชิง การหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานจากอาการหวาดกลัว หวาดผวา หรือสิ่งใดที่ขัดขวางไม่ให้ชีวิตมีสันติสุขในการดำเนินชีวิต การได้รับเสรีภาพจากความทุกข์ทรมานจากอดีต หรือคำแช่งสาป โรคร้ายที่คุกคามที่เกิดจากการคุกคามของอำนาจลึกลับ ที่แพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

ถ้าหากจะพูดให้เป็นภาษาที่คนไทยเข้าใจง่ายๆ อาจจะใช้คำว่า สะเดาะห์เคราะห์ การแก้กรรม เอาของออก ตักเวรตัดกรรม ไล่ผี ขับเสนียด หรือ การต่ออายุ อะไรประมาณนั้น แต่ถ้าผมใช้คำเหล่านี้


นักการศาสนาชาวคริสต์ผู้ที่ได้รับการปลูกฝังความรู้ทางศาสนาเพียงด้านเดียวคงหัวเราะจนฟันปลอมแทบหลุดจากปากนะครับ เพราะว่า คำเหล่านี้ นักการศาสนาทั่วไปเขาไม่กล้าใช้ครับ สาเหตุคงเป็นเพราะความไม่คุ้นเคยนั่นเอง อย่างไรก็ตามในเว็บแห่งนี้เรามีจุดประสงค์สำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ เราต้องการช่วยคนที่ไม่เคยรู้เรื่องพระเยซูให้ลองมาศึกษาดูว่า พระเยซูช่วยได้อย่างไร ถุ้าผมใช้ภาษาทางศาสนาคริสต์คนไทยอ่านแล้วจะงงมากไปกว่านี้นะครับ ดังนั้นหากมีพี่น้องที่ยังไม่เคยรู้จักพระเยซูได้อ่าน ก็ให้เข้าใจว่า สิ่งที่เราทำคืออะไรประมาณนี่แหละครับ และเราไม่ได้ชักชวนให้ใครเข้ามาอยู่ในศาสนาคริสต์นะครับ เพราะตัวศาสนาเอง ผู้นำทางศาสนาคริสต์ส่วนหนึ่งเขาอาจไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้มากนัก เขาสนใจสอนแต่เรื่องการรับพระพร ความสำเร็จ ความรอด ความสุขในชีวิต การสอนเรื่องชีวประวัติของพระเยซูเจ้า ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ และประวัติศาสตร์ของชนชาติยิว การถวายทรัพย์เข้าสู่ศาสนจักร และการอุดหนุนองค์กรอะไร ประมาณนั้นมากกว่าการช่วยคนให้พ้นจากความเจ็บใข้ อุปนิสัยที่เลวร้าย และอะไรต่างๆ ที่เกีี่ยวกับการขับวิญญาณ ที่ทีมของเรากำลังพยายามออกไปช่วยคนให้พ้นทุกข์

อย่างไรก็ตามเราก็ต้องเข้าใจว่า แต่ละส่วนขององค์กรทางศาสนา ก็ย่อมมีความแตกต่างกัน ทั้งด้านจุดประสงค์ เป้าหมาย นิมิต และความสามารถเฉพาะทางของแต่ละองค์กร เราจึงไม่ควรถือว่า ชาวคริสต์หลงลืมอะไรที่สำคัญไปจนหมด เหลือแต่กากเดนของแก่นสารทางความคิด ความเชื่อ วัฒนธรรม และพิธีกรรมทางศาสนา

ตามความเชื่อของคริสตชน บางคนมีความเข้าใจว่าการเข้ามารับเชื่อในศาสนาคริสต์จะทำให้ทุกคนได้หลุดพ้นจากอำนาจของบาป และความตาย มีสันติสุข ได้รับชีวิตนิรันดร์เมื่อตายไปแล้ว อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง ยังมีศาสนิกในศาสนาคริสต์จำนวนมากที่ยังเป็นเพียงคนอยู่ในศาสนาเท่านั้น ไม่ได้เข้าถึงแก่นของความเชื่อ และไม่สามารถจะปฏิบัติศาสนกิจ หรือได้รับการฝึกตนให้เข้าถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าได้ คนส่วนหนึ่งไม่สามารถหลุดพ้น หรือปฎิบัติตนให้สมกับการเป็นผู้เชื่อที่แท้จริงได้ ไม่สามารถได้รับสันติสุขจากการที่เข้ามาอยู่ในศาสนาคริสต์ได้ ยังมีชีวิตที่เหมือนถูกผูกมัดให้ติดอยู่กับอารมณ์ร้ายๆ และอุปนิสัยดั่งเดิม มีความประพฤติ มีความคิด จิตใจและการกระทำที่ต่ำกว่ามาตรฐานทางศีลธรรมที่ผู้เชื่อชาวคริสต์ทั่วไปคาดหวังให้เป็น ดังนั้นจึงเกิดมีพันธกิจปลดปล่อยเกิดขึ้น

ในต่างประเทศพันธกิจปลดปล่อยนี้มีมานาน แม้แต่ศาสนาคาทอลิกก็มีนักบวชที่มึความชำนาญพิเศษในการปลดปล่อย นักบวชเหล่านี้จะสามารถขับวิญญาณออกจากคน อธิษฐานเผื่อคนป่วยให้หายได้ คริสเตียนนิกายโปรเตสแตนท์มีความแตกแยกในกลุ่มความเชื่อ และมีลัทธิความเชื่อที่หลากหลาย มีจำนวนลัทธิและกลุ่มความเชื่อเป็นร้อย ไม่สามารถแยกแยะได้เลยว่า กลุ่มไหนดีหรือกลุ่มในยังเป็นแค่ความเชื่อ และการปฎิบัติตามพิธีกรรมทางศาสนา อย่างไรก็ตามยังมีความเชื่อแบบหนึ่งที่แม้คนจะแตกต่างกันด้วยแนวปฎิบัติในการนมัสการพระเจ้า แต่พวกเขายังคงมีความเชื่อเหมือนกัน คือ เขาเชื่อว่า พระเยซูคริสต์ ยังคงทำการอัศจรรย์ผ่านผู้เชื่อได้

ตามพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ ก่อนที่พระเยซูจะหายตัวไปจากโลก ในหนังสือพระธรรมมาระโกบทที่ 16 ได้กล่าวถึง คำสัญญาที่บอกว่าพระเยซูคริสต์จะอยู่กับผู้เชื่อ โดยรูปแบบของลม คือพระวิญญาณบริสุทธฺ์ ผู้ที่มนุษย์ธรรมดาจะไม่สามารถสัมผัสได้ และที่ไหนมีคนเชื่อจะเกิดการอัศจรรย์แห่งการหายโรคและ การวางมือบนคนป่วยให้หาย และมีการขับวิญญาณเกิดขึ้นได้ สิ่งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และในทีมของเรา เราได้เห็นสิ่งเหล่านี้เป็นร้อยๆ ครั้ง เราจึงบันทึกเหตุการณ์ด้วยวีดีทัศน์ คลิปเสียง และเขียนถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ เหล่านี้ออกมาอย่างมากมาย เป็นระยะๆ เพื่อกระตุ้นเตือนให้คริสตชน หันกลับมาหาคำสอนดั่งเดิม พระกิตติคุณดั่งเดิมที่นำคนมาหาพระเยซูด้วยการทำการอัศจรรย์ การรักษาโรคด้วยฤทธิ์อำนาจผ่านผู้เชื่อ และการขับวิญญาณร้ายออกจากคน ไม่ใช่ด้วยการให้ผลประโยชน์ การให้สิ่งเกื้อกลู หรือซื้อใจคนด้วยวัตถุ หรือผลประโยชน์ ด้วยแรงสนับสนุนจากองค์ต่างชาติ หรือด้วยวิธีการใดๆ ที่เกิดจากความคิดของมนุษย์ธรรมดา

ในความเชื่อคริสเตียนแบบโปแตสแตนท์ โบสถ์คริสต์ทั่วไปอาจไม่รู้จักพันธกิจการปลดปล่อย แม้แต่ผู้อาวุโสทางความเชื่อที่สุด หรือเป็นศาสนาจารย์ไปร่ำเรียนมาจากเมืองนอก จากมหาวิทยาลัยดังๆ จากอเมริกา ก็อาจไม่รู้จัก หรือไม่เข้าใจเรื่องการปลดปล่อย บางคนไม่เข้าใจ ไม่ศึกษา ไม่เคยได้รับการสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ กลับคิดไปว่า พันธกิจการปลดปล่อย หรือกิจกรรมการปลดปล่อยเป็นการปฏิบัติของลัทธินอกรีต

ความเข้าใจแบบนี้พี่น้องทั้งหลายต้องระวังให้ดี การเป็นผู้เชื่อต้องดำเนินชีวิตเลียนแบบที่พระเยซูคริสต์ ได้สำแดงตนเมื่อพระองค์ยังอยู่ในโลกนี้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่เกิดมาจากผู้หญิงชื่อมารีย์ คริสตจักรจำนวนเป็นพันๆ นักเทศน์สายธรรมาจารย์ได้รับการสอนแต่เรื่องพระคัมภีร์ ความรู้เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล รอบรู้และชำนาญมาก จนไปเถียงๆใครๆเขาก็ต้องยอมแพ้ ในความรู้เรื่องพระคัมภีร์ แต่ที่น่าประหลาดใจคือว่า คนที่รู้พระคัมภีร์เหล่านี้ส่วนหนึ่ง ทำไมถึงไม่ทำตามที่พระเยซู และเหล่าสาวกกระทำ

นักการศาสนา อาจารย์ทางศาสนาพยายามสอนคริสเตียนเป็นร้อยๆ พันๆ ครั้งว่า "ให้เราเลียนแบบพระเยซู" พวกเขาพยายามสอนว่า การเลียนแบบพระเยซูคือ การทำตัวให้เป็นคนที่รักคนอื่น เข้าใจคนอื่น เผื่อแผ่ต่อคนอื่น ให้อภัยคนอื่น อดทนต่อความโง่ของคนอื่น การถวายทรัพย์ แต่สำหรับนักปลดปล่อย พวกเราสอนเพิ่มเติมอีกว่า การทำตัวเลียนแบบพระคริสต์คือ การดำเนินชีวิตอย่างคงเส้นคงวากับพระเจ้าโดยการพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมใจ ความรัก และออกไปเป็นพยานเรื่องการยกบาปของพระเยซูคริสต์ ด้วยการอธิษฐานวางมือคนป่วยให้หาย ปลดปล่อยคนออกจากการผูกมัดของอารมณ์และนิสัยที่เลวร้าย ตามแบบที่พระเยซูคริสต์และสาวกได้กระทำ คือการออกไปรักษาคนป่วยให้หาย และขับวิญญาณออกจากคนที่ถูกรบกวน

การกล่าวเช่นนี้ฟังดูเหมือนเป็นการกล่าวเกินความจริง หรืออวดตัว หรืออุตริ อย่างไรก็ตามนักนักอธิษฐานปลดปล่อยทั่วไปจะรู้ว่า ที่พวกเขาสามารถทำได้นั้นไม่ใช่เพราะพวกเขาดีกว่าคนอื่นหรือ มีความวิเศษกว่าคนอื่น แต่เพราะว่าพวกเขาได้รับคำสอนและเข้าถึงฤทธฺ์อำนาจของพระเจ้าที่มอบให้ผู้เชื่อตามพระสัญญาในพระธรรม มาระโกบทที่ 16 ข้อ 17-18

ผมได้รับประสบการณ์นี้มาหลายปี ได้ศึกษาหนังสือหลายเล่ม ได้ออกไปอธิษฐานเผื่อผุ้คนมากมาย ถึงเวลานี่้คิดว่าเป็นจำนวนหลายร้อยคน ผมจึงอยากแบ่งปันสิ่งที่เป็นสิทธิอำนาจของผู้เชื่อและองค์ความรู้เกี่ยวกับการปลดปล่อยแก่ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ทุกคนที่อยากเกิดผล ไม่อยากเป็นคนเดิมที่ล้มๆ ลุกๆ เป็นคริสเตียนมาหลายปีแต่ไม่สามารถเป็นพยานอย่างเกิดผล ไม่สามารถนำใครมารอดได้เป็นเวลานานมาแล้ว หรือเกิดผลน้อย เป็นผู้นำแต่ยังแอบมีความอ่อนแอที่บอกใครไม่ได้ ผมอยากท้าทาย และท้าชวน อยากให้ทุกคนที่สนใจลองมาศึกษาเรื่องการปลดปล่อยดูซิครับ

พระเยซูคริสต์ยังมีพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เมื่อผู้เชื่อกล้าที่จะก้าวออกไปอธิษฐานวางมือคนป่วยด้วยความเชื่อ คนป่วยจะต้องหายโรคอย่างแน่นอน ผมขอแนะนำให้ทุกท่านที่สนใจเรื่องนี้ อ่านเรื่องราวการปลดปล่อย และชมวีดีโอคลิปจากคนป่วยที่ได้รับการอธิษฐานวางมือแล้วหายโรค อ่านคำพยานของคนที่ถูกวิญญาณรบกวน คนป่วยที่ทุกข์ทรมานได้รับการรักษาให้หายในเว็บแห่งนี้ และยังมีที่อื่นๆ อีกมากมายในต่างประเทศ แต่สำหรับประเทศไทย เว็บอย่างนี้ ที่กล้าฟันธงแบบนี้คงหายากหน่อยครับ เพราะนิสัยคนไทยเราไม่ค่อยกล้าแสดงออกครับ อย่างไรก็ตามเว็บนี้คนเขียนเว็บอาจจะเขียนผิดๆ ถูกๆ สกดผิดไปบ้าง ก็ขออภัยด้วยนะครับ อย่างไร พยายามทำดีแต่มีผิดบ้างคิดว่าก็ยังดีกว่าคนที่คิดเก่งแต่ไม่ได้ทำอะไร มีดีแต่วิจารณ์คนอื่น

ขอพระเจ้าอวยพระพร ให้ผู้เชื่อทุกคนเป็นผู้เชื่อที่ได้รับของประทานแห่งพระจิตทุกคน อาเมน

พี่น้องทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามาหาท่านเพื่อประกาศความล้ำลึกของพระเจ้าแก่พวกท่านนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้มาด้วยถ้อยคำหวานหูหรือด้วยความฉลาดปราดเปรื่อง เพราะข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะไม่แสดงความรู้เรื่องใดๆในหมู่พวกท่านเลย เว้นแต่เรื่องพระเยซูคริสต์และการที่พระองค์ทรงถูกตรึงที่กางเขน และข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลายด้วยความอ่อนแอ ด้วยความกลัวและความหวาดหวั่นมาก

คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นการพูดชักชวนด้วยปัญญา แต่เป็นการสำแดงพระวิญญาณและฤทธานุภาพ เพื่อความเชื่อของพวกท่านจะไม่ขึ้นกับปัญญาของมนุษย์ แต่ขึ้นกับฤทธิ์เดชของพระเจ้า

พระธรรม 1โครินธ์ 2: 1-5


MORE in English

What is Deliverance?

Deliverance means to loose the bounds of wickedness.
A lot of people are under the bondage of wickedness. If you look at the lives of many people, you will discover a wide array of wicked occurrences. If your life is surrounded by wicked mysterious happenings, you need to go for deliverance as fast as you can.

Deliverance centers on the destruction of the yoke of the enemy. A yoke is anything that hinders or sets you back. Whatever sets you back from moving forward in your life is a yoke. God’s will is that you move forward and attain divine goals set for your life. When the contrary happens, there is a bondage hanging above your life.

Deliverance is to break curses and evil covenants.
The ancestors of many people were cursed and the curses have flown down the family line. For example, if a person struggles without any tangible achievement in life, there is a problem somewhere.

Deliverance is the spiritual cleansing of an environment.
Some people bought or built houses on land lot that were once cursed; or live in an apartment building with a co-tenant that is under curses and their lives and family are affected. Unless deliverance is conducted on such persons or families, things will remain negative.

Deliverance is the breaking of satanic chain that has made fruitfulness or prosperity impossible for people.
There is an invisible chain which has acted as a stubborn barrier between you and your success. A lot of people have tried their possible best for prosperity but nothing has been experienced that can be termed real prosperity.

Deliverance is the removal of invisible loads laid on people.
What many people carry goes beyond just burdens of life. Men and women bear burdens that are laid on their backs by the kingdom of darkness. When such a burden becomes too heavy (it will always be) people will always be forced to act irrationally.

Deliverance is uprooting evil seeds from people’s lives.
Unknown to many people like you, evil seeds would have been consumed in the days of ignorance. Such seeds often grow into invisible evil trees in the lives of many people. How can someone succeed in life, if an evil tree has grown in his or her life?

Deliverance is the removal of satanic embargo.
In many instances, some people struggle with unseen embargoes. No matter how hardworking you are, you will be working like an elephant but eating like a rat. Success becomes a tale in the life of such a person. One single embargo in your life can keep you in satanic slavery forever.


Deliverance is the release from the power of darkness.
Many people are under the bondage of powers of darkness and they don’t know. They are not free to move towards the divine direction. Instead of going forward, they keep going backward. There is every indication that satanic powers have kept them under bondage. It takes deliverance to set you free. Don’t wait another day take a step today.

Deliverance is being set free from compulsive evil habits and actions.
There are some people who knowingly or unknowingly often misbehave and cause problems repeatedly in their own lives. If you fall into this group, you need to undergo deliverance.

Deliverance is being set free from habits that enslave.
Many people struggle with enslaving habits secretly. Deliverance is the answer.

Deliverance is freedom from stubborn hindrances to spiritual growth.
A lot of people (even minister) find it difficult to make necessary spiritual progress. Many people have struggled for years in order to be baptized with the Holy Ghost without success. Of course, demonic bondage will make such spiritual experiences difficult to attain.

Deliverance involves in being completely set free from past occult bondage.
A good number of so-called children of God are yet to experience total deliverance from the occult. This kind of deliverance is needed for those who have gone very far with the devil.

Deliverance is being set free from chronic sinful habits.
If you are involved one way or the other in any sinful habit whatsoever or any addiction, you need serious deliverance.

Deliverance includes being set free from sickness that defies medical diagnosis.
If you have tried every possibilities medically speaking because of sickness and efforts towards getting the best of medical help has yielded no result, you need serious deliverance. Jesus is the greatest doctor I’ve ever seen, He can and will heal you.

Deliverance means being set free from restlessness, mental confusion and other malignant problems.
As a child of God, you must not struggle with restlessness, mind blankness and memory failure. If you have experienced such conditions, you need deliverance. Don’t wait another day.

Deliverance is being set free from inexplicable family break ups (divorce) and recurrent squabbles in the family.
You were raised by a single parent; and you also end up being a single parent; you have being divorced or going through divorce, you have many children with different fathers, there are demonic activities in your home. When your marriage is suffering attacks from the spirit called “Home Destroyer”. When your spouse is avoiding his/her responsibilities in marriage/home, you need serious deliverance. Don’t wait another day, seek and get deliverance today.

Deliverance is being set free from the binding power of an evil trend of recurrent family troubles and tragedy.
When you count two or three people in your family that have ended up in prison, or suffered from drug addiction, or untimely death, or unexplainable sickness, or rebellious children, or poverty flow in your bloodline, or failed at the edge of breakthrough. You need serious deliverance, run without delay and seek deliverance.

Deliverance is being set free from mysterious spiritual experiences.
If you go through normal channels of prayers, spiritual discipline and application of the Word of God, yet victory is elusive, you need deliverance.

You need to cry unto God for deliverance today. If you have spent your life journey in the wilderness, you need to run to God as fast as your feet can carry you. If you are contemplating quitting this battle of life (suicide), you must go for deliverance as soon as possible.

If you have concluded that you have had more than a fair share of life’s problems, you need to visit the deliverance clinic as soon as possible.

If bad luck has continued to trail your life in spite of the fact that you are a child of God, you need deliverance. If you have discovered that the same kind of bondage that is found in the life of any member of your immediate and extended family is visibly present in your life; don’t wait another day, go for deliverance today.

At Global Vision Ministries, we’d love to help because we are called for this purpose. Contact us today or join us in any of our services and we will help you through. You life will never be the same again.


Deliverance is defined as ‘a rescue from bondage or danger.’ Deliverance in the Bible is the acts of God whereby He rescues His people from peril. In the Old Testament, deliverance is focused primarily on God’s removal of those who are in the midst of trouble or danger. He rescues His people from their enemies (1 Samuel 17:37; 2 Kings 20:6), and from the hand of the wicked (Psalm 7:2, 17:13, 18:16-19, 59:2). He preserves them from famine (Psalm 33:19), death (Psalm 22:19-21), and the grave (Psalm 56:13, 86:13; Hosea 13:14). The most striking example of deliverance is the exodus from Egypt (Exodus 3:8, 6:6, 8:10). Here is God defined as the Deliverer of Israel who rescues His people, not because they deserve to be rescued, but as an expression of His mercy and love (Psalm 51:1, 71:2, 86:13).

In the New Testament, God is always the subject—and His people are always the object—of deliverance. The descriptions of temporal deliverance in the Old Testament serve as symbolic representations of the spiritual deliverance from sin which is available only through Christ. He offers deliverance from mankind’s greatest peril—sin, evil, death and judgment. By God’s power, believers are delivered from this present evil age (Galatians 1:4) and from the power of Satan’s reign (Colossians 1:13). All aspects of deliverance are available only through the person and work of Jesus Christ, who was Himself delivered up for us (Romans 4:25) so that we would be delivered from eternal punishment for sin. Only Jesus rescues us from the “wrath to come” (1 Thessalonians 1:10).

The Four parts of deliverance ministry


Deliverance is the removal of spiritual oppression through prayer, reading of the scriptures, casting out of demons and/or counseling. Deliverance is not about converting to a religion, or being "born again," but helping individuals overcome sinful behaviors and non-Christlike ways of thinking.

  1. History

    • According to The Committee for Skeptical Inquiry's website, the deliverance ministry movement began in the 1960s.

    Purpose

    • The purpose of a deliverance ministry is to help those who are held captive. Captivity can be as a result of oppression, depression or demonic possession.

    Scriptural Basis

    • The scriptural basis for deliverance ministry comes from Ephesians 6:10-20, which talks about putting on the full armor of God, and Luke 4:18, which talks about how the Spirit of the Lord is upon us to preach deliverance to those who are held captive.

    Important Elements

    • According to GreatBibleStudy.com the four important elements of deliverance ministry are: inner healing, tearing down strongholds, removing legal rights and casting out demons.

    Types of Deliverance Ministers

    • There are three different types of deliverance ministers according to chapter 16 of "The Spirit of Jesus and His Enemies" by A.J. Stevens; they include Catholic exorcists, Anglican exorcists and Pentecostal and Charismatic deliverance ministers.

Ads by Google

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ5/20/2555

    สิ่งที่ผมเตือนคือปีนี้ช่วงต้นปีประเทศไทยจะเจอภัยแล้ง และไฟไหม้และพายุที่แรงที่พัดถล่มและให้ระวังอีกทีปลายปีตั้งแต่เดือนกันยาไปอาจมีภัยพิบัติที่รุนแรงแต่ผมยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)