เมื่อใครสักคนเริ่มเติบโตกับพระเจ้า เขาจะสังเกตว่า ตัวเขาจำเป็นต้องเลือกที่จะอยู่ร่วม เพื่อรับใช้ หรือทำพันธกิจ หรือเลือกที่จะผูกพันตัวเองกับคริสตจักรใดสักแห่งเพื่อสำแดงตนว่า เป็นคนที่เติบโตในด้านความเชื่อ บางคนเลือกที่จะออกจากโบสถ์ เพื่อเข้าร่วม หรือริเริ่มพันธกิจบางอย่างที่เขาได้รับเรียกร้องจากเบื้องบนให้ทำ แต่บางคนยังฝังใจกับคำว่าคริสตจักร หรือโบสถ์ ข้อคิดในตอนนี้อาจจะแรงไปสักนิดสำหรับใครบางคน แต่เชื่อว่า ข้อคิดบางอย่างอาจทำให้ใครสักคนสดุดใจ
การเลือกไปเข้าโบสถ์ หรือการไปเข้าร่วมกับคริสตจักรใดอย่างถาวร หรือกึ่งถาวร
อย่าดูแต่ตัวตึก หรืออาคารโบสถ์ ว่าสวยงาม บรรยากาศดี มีม้่านั้่งยาว ๆ เพราะที่นั่นอาจมีเจ้าของคอยหวง คอยบัญชาการเป็นเจ้าของอยู่แล้ว เจ้าของจะแสดงตัวอย่างชัดเจนเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้น
อย่าเลือกโบสถ์ด้วยการดูที่ใบหน้าศิษยาภิบาลว่า สุภาพอ่อนหวาน หรือมีมิตรภาพ เพราะนั่นไม่ใช่เกณฑ์สำคัญในการเลือก ผู้นำความเชื่อหลายคนมีหน้าตาดี มีวาจาสุภาพ แต่สิ่งนี้อาจไม่ใช่เกณฑ์สำคัญในการเลือก เพราะเขาอาจมีความขมขื่นอยู่ภายใน หรือต้องทำหน้าตาให้ดูดี แต่งกายให้สุภาพเพราะเป็นระเบียบของกลุ่มคริสตจักรของเขาก็ได้
อย่าดูแต่ว่า อยู่ใกล้บ้าน การเดินทางสะดวก ใช้เวลาไม่นานก็ถึงแล้ว บางครั้งสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา คริสตจักรที่เล็กๆ ยากจน อาจมีการทรงสถิตที่มากกว่าคริสตจักรใหญ่ๆ ที่อยู่ใกล้ที่พักของเราก็ได้
อย่าไปโบสถ์ที่ใช้วิธีการ หรือกุศโลบายในเชิงบังคับให้ถวายทรัพย์ หรือใช้วิธีการใดๆ เพื่อรีดเอาทรัพย์ไปจากคุณ เพราะการบังคับให้ถวายเงินเป็นการผิดกฎหมาย และไม่มีบัญญัติไว้ในพระคัมภีร์ การถวายที่แท้จริงพระคัมภีร์ยังบอกชัดเจนว่า ให้เป็นการลับด้วยซ้ำ หากคริสตจักรไหน หรือกลุ่มไหนมีการตรวจเช็คการถวายของคุณ ให้คุณรุ้เลยว่า คุณเริ่มกลายเป็นทาสของโบสถ์แล้ว ไม่ใช่ของพระคริสต์ การถวายทรัพย์ต้องเกิดจากความศรัทธาและความเต็มใจของคุณเท่านั้น
อย่าถวายทรัพย์ให้กับโบสถ์ใดๆ ที่เขาเอาแต่ได้ ไม่สนใจคนยากจน เด็กกำพร้าและหญิงหม้าย หรือแม้แต่การถวายเป็นค่าตอบแทนที่พอเพียงให้กับคนที่ทำหน้าที่ผู้นำความเชื่อ ยามเรามี เราถวายให้หนักๆ แต่ยามเรายากจน ขัดสนไม่มีความสนใจคนยากจนเลย
อย่าเลือกว่าโบสถ์นี้เขามีเครื่องดนตรีเยอะ มีทีมนมัสการแยะ เพราะดนตรีดีๆ ไม่ได้เป็นเครื่องบอกว่าพระเจ้าอยู่ที่นั่น หากคุณต้องการฟังดนตรีเพราะๆ คุณอาจจะนั่งเปิดดีวีดี นมัสการของวงดังๆ หรือฮิลล์ซองอะไรประมาณนั้นฟังที่บ้านไม่ดีกว่าหรือ ดนตรีเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กน้อยในการนมัสการพระเจ้าเท่านั้น
คุณอาจไม่ทราบว่า คริสตจักรหลายแห่งเขาเลือกนักดนตรีมาเล่นนมัสการไม่ใช่เพราะ นักดนตรีเหล่านั้นเชื่อพระเจ้า มีจิตใจอยากนมัสการพระเจ้า แต่เขาเลือกมาเพราะไม่มีใครเล่น หรือเพราะว่านักดนตรีอยากเล่น แต่นักดนตรียังไม่รู้จักพระเจ้า และไม่กลับใจอะไรเลย เมื่อเล่นเพลงนมัสการเสร็จ นักดนตรีก็หนีออกจากการนมัสการไปนั่งคุยกันอยู่ข้างนอกโบสถ์ หรือทำอะไรอย่างอื่นไม่สนใจฟังคำสอนอะไรเลย
อย่าไปคริสตจักรที่เขาเรียกชื่อของโบสถ์ว่า "เป็นคริสตจักรของผม" หรือคริสตจักรของอาจารย์นั้น อาจารย์นี้ เพราะเจ้าของที่แท้จริงของคริสตจักร ไม่ใช่ นาย ก นาย ข หรือ หมอ หรือ ด๊อกเตอร์ ในความเป็นจริง คริสตจักรที่แท้จริงเป็นของพระเยซูคริสต์
บางคริสตจักรรู้ข้อนี้ดี ก็เลี่ยงไม่เรียกชื่อโบสถ์ว่าเป็นของใคร แต่มีปัญหาเมื่อไหร่ เจ้าของที่แท้จริงก็ปรากฎตัวออกมา และสามารถจะไล่ใครก็ได้ที่เขาคิดว่า เป็นศัตรู หรือคนที่ขัดขวางความคิดของเขาออกไปจากคริสตจักรนั้น บางแห่งเขาสร้างโบสถ์ใหญ่ๆ เพื่อเอาหน้าตา ให้กับตัวเอง และตระกูลของเขามากกว่าการสร้างโบสถ์เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
อย่าไปร่วมกับคริสตจักรที่เลือกคนบางพวก กีดกัน หรือขับไล่คนอื่นๆ ไม่ให้เข้าร่วม คริสตจักรที่แท้จริง เป็นของสาธารณะใครจะเข้า จะออก สามารถทำได้ ไม่ใช้การผูกมัด หรือทำสัญญาทาส แต่คริสตจักรที่ก้าวหน้าคือคริสตจักรที่พี่น้องมีความรัก มีความสามัคคี มีความผูกพันกันทางจิตใจและวิญญาณมากกว่าการผูกมัด ด้วยสัญญาทาส
หากคุณมีสัญญากับใครคุณจำเป็นต้องรักษาสัญญานั้น ถ้าหากคุณทำสัญญาแล้วคุณไม่รักษา ปัญหาด้านจิตวิญญาณรบกวนจะเกิดกับคุณแน่ๆ หากคุณไม่อยากมีปัญหา หรือไม่สามารถทำตามสัญญาได้ คุณจงไปขอยกเลิกสัญญากับเขาอย่างเป็นทางการ อย่าทิ้งข้อตกลงและสัญญาแบบคนไม่มีสัจจะ ถ้าหากคุณไม่มีสัจจะ ไม่รักษาสัญญา พูดตกลงแล้วไม่ทำตาม คุณก็เป็นแค่ ลูกของมารเท่านั้นไม่ใช่ลูกของพระเจ้า
ผู้เชื่อหลายคนออกมาจากศาสนาเก่า ที่ทำให้คนต้องตกเป็นทาสแห่งความผิดบาป และความเจ็บป่วย แต่เมื่อเข้ามาอยู่กับบางคริสตจักร แทนที่จะได้เป็นไท กลับกลายว่าต้องตกเป็นทาสของวิญญาณศาสนา ถูกบังคับให้นมัสการพระเจ้าตามที่พิธีกรกำหนดให้ทำ อธิษฐานเสียงดังก็ไม่ได้ ร้องเพลงบางประเภทไม่ได้ พูดฮาเลลูยาไม่ได้ พูดภาษาแปลกๆ ไม่ได้ ใช้ของประทานไม่ได้ เพราะพิธีกรรมทุกอย่างในการนมัสการพระเจ้าถูกกำหนด ถูกบังคับให้ทำตามพิธีกรรมของนายใหญ่ มีการสั่งการมาจากหน่วยเหนือ ไม่มีการยืดหยุ่น ไม่มีการผ่อนผัน ใครที่พบกับคริสตจักรแบบนี้ให้รีบออกมาแต่โดยไว เพราะที่นี้คือวิญญาณศาสนาชัดเจนอยู่แล้ว คุณอยู่ไปอีกสิบปีคุณก็จะเติบโตทางความเชื่อเท่ากับคนที่มีความรู้ ความเข้า ใจและวุฒิภาวะทางวิญญาณเท่าเด็กชั้นอนุบาลสามเท่านั้น
ผมขอบอกคุณตรงๆ นะ เด็กอนุบาลคงไปสู้รบกับผีห่าซาตานที่ไหนไม่ได้ อารมณ์ก็ไม่มั่นคง จิตใจก็อ่อนไหว กลัวแม่กระทั้งความมืด กลัวผี บางคนกลัวแม้กระทั้งแมลงสาป กลัวตุ๊กแก กลัวสัตว์เล็กสัตว์น้อย คนประเภทนี้ ผมขอบอกเลย ต้องรับการปลดปล่อยอย่างเดียวครับ เพราะนี่คือทารก
กลุ่มคนที่ถูกวิญญาณศาสนาครอบงำ เขาจะไม่มีอิสระ ไม่มีเสรีภาพในการนมัสการพระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่า ผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้าได้นั้น ต้องมานมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและด้วยความจริง ไม่ใช่การทำตามพิธีกรรม ไม่ใช่ทำตามกำหนดเวลาว่าต้องร้องเพลงแค่ หนึ่ง หรือสองเพลง หรือร้องเพลงบางประเภทไม่ได้ การเทศนาก็มีกำหนดเวลาผูกมัดไว้หมด เพราะการไปนมัสการพระเจ้าก็เหมือนกับการไปงานรื่นเริงยินดี เหมือนเราไปร้องเพลงเพื่อแสดงความชื่นบาน เหมือนเราได้รับการปลดปล่อย สู่เสรีภาพ
อย่าเลือกโบสถ์เพราะอาจารย์เทศนาแล้วหัวเราะก๊ากๆ แต่ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อย่าเลือกโบสถฺ์ที่สอนแต่การบัพติสมาของยอห์น แต่ไม่สอนเรื่องการบัพติสมาแบบอื่นๆ ที่มีปรากฎชัดในพระคัมภีร์ อย่าเสียเวลาไปนั่งฟังคำสอนของกลุ่มคนใดๆ ที่โจมตีพี่น้องคริสเตียนอื่นๆ ว่าสอนผิด แต่ยกตนข่มท่าน สอนให้เกลียด หรือไม่ให้คบหากับพี่น้องคริสเตียนกลุ่มอื่นๆ แต่ยัดเยียดคำสอนว่า โบสถ์ของเราดีที่สุด
แท้จริงคริสตจักรที่ดีที่สุด ยังไม่เคยมีปรากฎในโลก คริสตจักรแต่ละแห่งจะมีปัญหาภายในอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย การจะหาคริสตจักรที่ดีเลิศประเสริฐศรี ในโลกนี้คุณอาจจะไม่พบ แต่อย่างไรก็ตามคุณก็ยังมีสิทธิที่จะเลือกผูกพันตัวเองกับ คริสตจักรที่ "พอรับได้" เท่าที่คุณพอใจเท่านั้น
อย่าเลือกโบสถ์ที่สอนว่า ผีกับคริสเตียนไม่เกี่ยวข้องกัน หรือต่างคนต่างอยู่ แท้จริงผู้เชื่อพระเยซูทุกคนจะตกเป็นเป้าหมายการทำลายของวิญญาณชั่ว ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขากลับใจจากบาป และยอมรับว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา อย่างไรก็ตามคริสเตียนจำนวนไม่น้อย ไม่เคยรู้ว่าเขาต้องต่อสู้กับผีและวิญญาณร้าย เนื่องจากไม่ได้รับคำสอน และบางคนยังกลัวผีอยู่เลย แท้ที่จริงคนที่ไม่กลับใจจริงๆ ไม่ได้เป็นลูกของพระเจ้าทางวิญญาณ แต่เขาแค่ได้ชื่อว่า เป็นสมาชิกศาสนาคริสต์ธรรมดาเท่านั้น ไม่ใช่คนที่อยู่ในการปกครองของพระเจ้า เขาอาจเป็นสมาชิกของโบสถ์ แต่ยังไม่มีชื่อในบัญชีในสวรรค์
อย่าเลือกโบสถ์ที่สอนให้คนเป็นคนดี เพื่อเป็นคนมีผลความประพฤติหรือพฤติกรรมที่เหมือนคนเป็นคนดี แต่คนในคริสตจักรนั้นชอบทะเลาะ นินทา ด่าทอ แตกแยก แบ่งสีแบ่งกลุ่ม แบ่งพวก ถ้าคุณอยากเป็นคนดีด้วยคำสอนทางศาสนา ไม่จำเป็นต้องเข้าศาสนาคริสต์คุณก็สามารถจะเป็นคนดีได้ เพราะคำสอนศาสนาไหนๆ เขาก็สอนให้เป็นคนดีทั้งนั้น ถ้าชุมชนที่สอนให้เป็นคนดี แต่มีคนมีพฤติกรรมไม่ดีอยู่เป็นจำนวนมาก คุณอย่าเสียเวลาพาตัวเองและครอบครัวไปเสียเวลากับคนประเภทนี้เลย เขาเพียงต้องการให้คุณไปนั่งให้เต็มมานั่ง ให้คุณเป็นสมาชิกนั่งฟังเขาทุกวันอาทิตย์เท่านั้นเอง เสียเวลาเปล่าๆ
อย่าเลือกโบสถ์ที่ในโบสถ์นั้นมีเสียงไอ แค๊กๆ ตลอดการนมัสการ มีคนป่วยเยอะๆ เพราะที่นี้ไม่ใช่ชุมชนแห่งสันติสุข ชุมชนที่มีคนป่วยเยอะๆ แสดงว่า สิริได้จากไปจากโบสถ์นั้นนานแล้ว ผมได้ข่าวว่าสมัยที่โรคทางเดินหายใจระบาด คริสตจักรหลายแห่งมีคนเอาผ้ามัดปาก ผูกจมูกมานั่งในโบสถ์ให้ขายหน้าพระเจ้าด้วย ตลกจัง
อย่าเลือกโบสถ์ที่มีคนนั่งรถเข็น ที่เป็นคนหนุ่มๆ แต่พิการ คนเป็นอัมพาตเยอะๆ เพราะดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ คนที่เชือพระเจ้าจะมีสันติสุขได้อย่างไร ถ้าคนของเขาไม่มีสุขภาพดี ในโบสถ์มีแต่คนกินยา คนป่วย คนอัมพาต คนพิการ คนเป็นโรคประสาท คนมีเป็นโรคสารพัน ถ้าเป็นดังนี้ หากคุณเข้าไปอยู่ วันหนึ่งคุณอาจจะเป็นเหมือนคนเหล่านี้ก็ได้
อย่าเลือกไปโบสถ์ใดๆ เพราะเขามีทึ่ฝังศพให้ฝังฟรีๆ ถ้าไปที่นั่นแล้วคุณอาจมีที่ฝังศพให้ร่างกายที่ตายแล้วของคุณ แต่วิญญาณของคุณแคระแกรน หรือเป็นหมันทางวิญญาณ หรือตายมันไม่คุ้มเลย
อย่าเลือกเพราะว่า เขาเน้นแค่พระคัมภีร์บางข้อ บางตอน เลือกเชื่อบางอย่างโบสถ์ที่ดีต้องเชื่อพระคัมภีร์ทุกข้อ ทุกตอนไม่ใช่เอาแต่เฉพาะบางตอน หรือบางข้อ หรือไม่เชื่อพระคัมภีร์ทั้งเล่ม
การเลือกโบสถ์ อย่าเลือกเพราะว่า เป็นโบสถ์ที่ฝรั่งเลี้ยง เกาหลีเลี้ยง แต่ไม่ทำการประกาศฯ หรือทำการประกาศข่าวประเสริฐ แต่อยู่ในระบบนายใหญ่ ไม่ให้เกียรติผู้รับใช้คนไทย หรือผู้นำความเชื่อชาวไทย ถ้าคุณไปโบสถ์แบบนี้ คุณกำลังเข้าสู่ศาสนาที่ตายแล้ว เมื่อคุณอยู่นานไป คุณจะได้รับอิทธิพล และกลายเป็นนักการศาสนาที่มืดทึบ ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะคุณกลายเป็นทาสของศาสนาไปแล้ว
อย่าเลือกไปโบสถ์เพราะว่ามีหลักปฎิบัติ มีหลักการสุดหรู หลักข้อเชื่อที่ดีเลิศ แต่การปฎิบัติไม่เอาไหน ไม่มีการสนใจคนยากจน หญิงหม้ายและเด็กกำพร้า โบถส์เอาเงินไปใช้กับเรื่องการก่อสร้าง และถาวรวัตถุมากกว่า การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณ คริสตจักรจ้างศิษยาภิบาลด้วยเงินเดือนที่ถูกกว่า คนจบปริญญาตรี จ้างสามีให้เป็นคนรับใช้คนเดียวแต่ใช้งานทั้งเมีย ทั้งลูกของเขาเหมือนทาส แต่ละปีไม่มีวันหยุดพักผ่อน ไม่มีโบนัส ถ้าคุณไปโบสถ์แบบนี้ คุณกำลังส่งเสริมให้มีระบบทาสยุคใหม่เกิดขึ้น
การเลือกโบสถ์ อย่าคิดว่าโบสถ์ไหนก็เหมือนกัน แน่นอน รถยนต์เหมือนกันแต่ ถ้าเทียบกันด้วยประสิทธิ์ภาพ และการผลิต รถยนต์มีหลายเกรด หลายระดับ โบสถ์ก็เช่นเดียวกัน อย่าเลือกโบสถ์ที่สอนแต่ความรู้ระดับประถมศึกษา ทั้งปีทั้งชาติ เพราะมีแต่คนโง่เท่านั้นที่่เรียนหนังสือซ้ำชั้นเป็นปีเป็นชาติแต่ไม่เคยก้าวหน้าไปถึงไหน โบสถ์แบบนี้มีอยู่มากมายในทุกประเทศ จงเลือกโบสถ์ที่สร้างคนและส่งคนออกไปตั้งคริสตจักร อย่ายอมเสียเงินให้กับคริสตจักรที่มีสมาชิกจำนวนเป็นร้อยๆ คนแต่ไม่ยอมส่งคนออกไปสร้างคริสตจักรลูกเลย อย่าเสียเวลากับผุ้นำความเชื่อที่มุ่งสร้างอาณาจักรของตนเอง
ผู้นำที่มุ่งสร้างอาณาจักรของตนเองมันจะพูดว่า
"คริสตจักรของเราสอนดีที่สุดแล้ว"
"อย่าไปฟังคำสอนของคณะอื่น หรือกลุ่มอื่นเพราะเขาสอนผิดไปจากพระคัมภีร์"
"ให้เรามาอยู่ร่วมกัน สร้างสรร คริสตจักรของเราให้ยิ่งใหญ๋ ก้าวหน้ากว่าทุกๆ โบสถ์ในระแวกนี้"
"ผุ้นำของเราเป็นผู้ที่มีการติดต่อกับพระเจ้ามากที่สุด ผู้นำของเราเป็นผู้ที่พระเจ้าเจิมมากกว่าที่อื่น ที่อื่นเขาไม่ดีเท่าเรา คริสตจักรของเราเท่านั้นที่ดีที่สุด"
"คริสตจักรนี้คือของผม ผมสร้างมากับมือ ด้วยความเพียรพยายาม ผมสร้างที่นี้ใช้เวลาทั้งชีวิต ..."
พ่อแม่ที่ฉลาดไม่ส่งลูกไปเรียนหนังสือกับโรงเรียนที่ไม่มีการสอนอย่างเป็นระบบ ถ้านักเรียนในโรงเรียนนั้นไม่มีคุณภาพแล้วคุณจะส่งลูกของคุณเข้าไปเรียนทำไม ฉันใดก็ฉันนั้น คริสตจักรที่ไม่สอนเรื่องการใช้ฤทธิ์เดชของพระเจ้า คนในคริสตจักรนั้นเขาไม่รู้จักของประทานแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า เขาก็จะสอนคุณให้เป็นแค่สมาชิกที่ให้นั่งฟัง ไปประจำ ถวายทรัพย์หนักๆ แต่เขาจะไม่สามารถสอนคุณให้เป็นสาวก หรือใช้ของประทานแห่งพระวิญญาณของพระเจ้าได้ ถ้าเขายังเป็นแค่โรงเรียนประถมศึกษา
แท้จริงเป้าหมายของการเป็นคริสเตียนก็คือ การรับการพัฒนาให้เป็นคนที่ ถ่อมใจ สัตย์ซื่อ มีความรัก มีความพร้อมในการรับใช้คนอื่น เพื่อเป็นบุคคลที่พร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง
ถ้าหากคุณเป็นแค่คนที่อยากจะไปนั่งในโบสถ์สักแห่งเพื่อคุณจะได้คิด หรือเชื่ออย่างหนักแน่นว่า คุณจะได้ไปสวรรค์ คุณไม่จำเป็นต้องเลือกโบสถ์ เพราะโบสถ์คริสต์ทุกแห่งเขาก็สอนให้ไปสวรรค์กันทั้งนั้น แต่ในความจริงเป็นดังนี้คือว่า มีเพียงไม่กี่โบสถ์เท่านั้นที่สอนคนให้เป็นผู้เชื่อที่มีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า เป็นคนที่พร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง
ผมขอบอกคุณตรงๆ ว่า คุณไม่สามารถพบพระเจ้าผู้เป็นอยู่ด้วยการไปอยู่ในโบสถ์ แต่คุณจะพบพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ เมื่อคุณกลับใจจากบาปจริงๆ และเป็นการพบพระเจ้าเป็นการส่วนตัวเท่านั้น โบสถ์ไหนๆ ก็ไม่สามารถทำให้คุณเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ ถ้าคุณไม่สำนึกบาป และกลับใจใหม่
คิดให้ดีก่อนที่จะเอาตัวเองไปผูกพันกับโบสถ์ใดๆ ถ้าหากคุณอยากจะได้รับพระพร เติบโต และก้าวไปกับพระเจ้าองค์นี้ แท้จริงผมขอบอกให้คุณทราบว่า แม้ว่าศาสนาคริสต์จะนับถือพระเจ้า แต่ว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รู้จักกับพระองค์จริงๆ เพราะพระเจ้าองค์นี้ไม่ใช่ศาสนาคริสต์ และไม่ใช่ของศาสนาคริสต์แต่เพียงผู้เดียวด้วย พระองค์คือพระเจ้าแห่งปิ่นสากล พระองค์ปกครองเหนือทุกสิ่ง ทุกอย่าง ไม่ว่าคน หรือสิ่งใดๆ จะนับถือว่าพระองค์เป็นพระเจ้าหรือไม่ พระเจ้าองค์นี้คือ องค์พระเยซูคริสต์ แห่งนาซาเร็ธ
เจอแต่โบส เอาแต่พวกพ้องทั้งนั้นครับ
ตอบลบไม่เห็นด้วยกับข้อความนี้ครับ...
ตอบลบ"อย่าเลือกโบสถ์ที่มีคนนั่งรถเข็น ที่เป็นคนหนุ่มๆ แต่พิการ คนเป็นอัมพาตเยอะๆ เพราะดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ คนที่เชือพระเจ้าจะมีสันติสุขได้อย่างไร ถ้าคนของเขาไม่มีสุขภาพดี ในโบสถ์มีแต่คนกินยา คนป่วย คนอัมพาต คนพิการ คนเป็นโรคประสาท คนมีเป็นโรคสารพัน ถ้าเป็นดังนี้ หากคุณเข้าไปอยู่ วันหนึ่งคุณอาจจะเป็นเหมือนคนเหล่านี้ก็ได้"
ผมคิดว่า สันติสุขมาจากหัวใจที่รักและต้องการพระเจ้า แม้ร่างกายจะไม่ปกติ ถ้าคิดกลับกัน โบสถ์ที่มีคนผิดปกติเยอะๆ น่าจะเป็นที่ชื่นชมยินดี เพราะผลแห่งพระวิญาณบริสุทธิ์ มีความปราณีในโบสถ์นั้น เช่นพระเยซูทรงต้อนรับคนที่ป่วย และทรงรักษาเขาให้หาย...
ลองเปรียบเทียบกับหลายคนในโบสถ์ที่ร่างกายปกติ แต่หัวใจที่พิการ ก็มีเยอะไป .. ขอพระเจ้าอวยพร
ไม่เห็นด้วยเหมือนกันครับ
ลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบต้องขออภัยหากข้อความนี้ทำให้เข้าใจไปว่า คนป่วย คนพิการ คือพวกที่ไม่เป็นที่ต้อนรับของคริสตชน
ตอบลบขอชี้แจงดังนี้ว่า เราต้องแยกแยะให้ออกว่า คริสตจักรทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นคริสตจักรแนวอนุรักษ์ หรือคริสตจักรแนวไหน ไม่สำคัญ แต่บทความกำลังแนะนำคนใหม่ให้ไปอยู่ใน โบสถ์ที่มีการพัฒนาคน มีสันติสุข มากกว่าไปอยู่กับโบสถ์ที่มีคนป่วยเต็มโบสถ์ เพราะไม่มีความแตกต่างกันใดๆ กับการเข้าไปเทศนาในสถานธรรมของศาสนาทั่วไป
ในบทความนี้เราไม่ส่งเสริมให้คนไปอยู่กับชุมชนที่เจ็บป่วย และไร้ประสิทธิภาพ
เราต้องแยกแยะให้ออกว่า คนป่วยที่ไปรับการรักษาที่โบสถ์ กับคนป่วยที่อยู่ประจำในโบสถ์ ต้องจำแนกให้ออกว่า อะไรคืออะไร คนพิการ คนป่วยไม่ใช่คนน่ารังเกียจในสังคม แต่โบสถ์ที่มีคนป่วยอยู่ประจำในโบสถ์เยอะๆ ไม่มีการรักษาโรค ไม่มีการอัศจรรย์ในโบสถ์ ในทัศนะของผม ผมแนะนำผู้เชื่อใหม่ว่า อย่าเข้าไปร่วมโบสถ์แบบนี้จะดีกว่า
เคยไปโบถ์ที่บอกว่าตัวเองถูกต้องที่สุดแต่เวลาจัดงานปีใหม่เล่นละครเรื่องไร้สาระไม่มีเรื่องพระเจ้าเลย แถมตอนมีเวลาหักขมปังน้ำองุ่นถือถาดมาสามถาดถาดที่สามเปิดมาบังคับให้จ่ายเงินค่าถวายทรัพย์ถ้าเราไม่ให้เค้าก็บอกว่าวันนี้ไม่ถวายเหรอ
ตอบลบตั้งแต่นั้นมาไม่ไปอีกเลยเพราะเจอนักเทศน์เดินห้างทุกที
บางโบสก็เทศนา เน้นเรื่องความร่ำรวย มั่งมี เด่นดัง ให้เป็นที่ถูกใจของคนฟัง
ตอบลบแร้วเราจะรู้ได้อย่างไรคะว่าโบสไหนเป็นโบสจิงโบสไหนเป็นโบสปลอมเพราะทุกวันนี้เห็นมีนิกายใหม่เกิดขึ้นเยอะแยะเรยค่ะ
ตอบลบคนพิการ ก็คือคนมีหัวใจ เป็นลูกของพระเจ้าเหมือนกัน คนตาบอดพระเยซูทรงรักษา คนเป็นง่อย แล้วเดินได้ คนหูหนวกให้ได้ยินล้วนแต่น้ำพระทัยของพระเยซูทรงปลดเปลื้องความทุกข์ทนมานให้หมดสิ้น
ตอบลบ