Why were we born on this planet - เกิดมาทำไม 2



Why were we born on this earth? This is a very important question everybody wants to know.
ทำไม เราจึงเกิดมาบนโลกใบนี้? คำถามที่สำคัญนี้ฉันเชื่อว่าหลายๆคนคงอยากรู้คำตอบแน่นอน แม้ว่าท่านจะเชื่อว่ามีพระผู้สร้างหรือไม่ หรือท่านอาจเชื่อว่าเงินคือพระเจ้า หรือตัวท่านเองคือพระเจ้าผู้ลิขิตชีวิตของตนเอง

You will enjoy the new insights that Rick Warren has, with his wife now having cancer and him having 'wealth' from the book sales. This is an absolutely incredible short interview with Rick Warren, 'Purpose Driven Life ' author and pastor of Saddleback Church in California . (Saddleback Church is an evangelical Christian megachurch located in Lake Forest, California, situated in southern Orange County, affiliated with the Southern Baptist Convention. The church was founded in 1980 by pastor Rick Warren. Weekly church attendance averages nearly 20,000, currently making it the eighth-largest church in the United States (this ranking includes multi-site churches)

นี่คือบทสัมภาษณ์อาจารย์ทางศาสนาคริสต์ที่เป็นผู้ดูแลผู้เชื่อที่อยู่ในสังกัดระดับหมื่นคน ริคได้รับค่าตอบแทนมหาศาลจากการแต่งหนังสือที่ขายดีชื่อว่า “ชีวิตที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์”
(
คริสตจักรชัดเดื้ลแบค เป็นคริสตจักรแนวผู้ประกาศ ตั้งอยู่ที่เมืองเลคฟอเรสต์ แคริฟอรเนีย ทางภาคใต้ของชุมชนออเรนจ์ เป็นคริสตจักรในเครือของคริสเตียนพวก แบ๊ปติสทางตอนใต้
คริสตจัรชัดเดิ้ลแบคเริ่มก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1980 โดย พาสเตอร์ ริค วอเรน มีจำนวนคนที่เข้าร่วมนมัสการประจำทุกๆ วันอาทิตย์ประมาณ 20,000 คน จึงทำให้โบสถ์แห่งนี้กลายเป็นโบสถ์ขนาดจัมโบ้ลำดับที่ 8 ของประเทศสหรัฐอเมริกา

In the interview by Paul Bradshaw with Rick Warren, Rick said:

People ask me, What is the purpose of life?

ในบทสัมพาษณ์นี้ พาสเตอร์ริคได้ตอบคำถามที่ว่า

“วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของชีวิตคืออะไรกันแน่”

And I respond: In a nutshell, life is preparation for eternity. We were not made to last forever, and God wants us to be with Him in Heaven.

One day my heart is going to stop, and that will be the end of my body-- but not the end of me.

I may live 60 to 100 years on earth, but I am going to spend trillions of years in eternity. This is the warm-up act - the dress rehearsal. God wants us to practice on earth what we will do forever in eternity..

พาสเตอร์ริคได้ตอบว่า ชีวิตอาจเปรียบเหมือนเปลือกที่ห่อหุ้มบางอย่างอยู่ ชีวิตคือการเตรียมพร้อมเข้าสู่การเป็นอมตะ ชีวิตมนุษย์ถูกสร้างขึ้นให้อาศัยอยู่ในโลกนี้ ไม่ใช่ให้อยู่คงทนชั่วนิรันดร์ พระเจ้าต้องการให้เราไปอยู่กับพระองค์ในสวรรค์ วันหนึ่งหัวใจของฉันจะหยุดเต้น และเมื่อนั้นก็หมายความว่ามันเป็นวาระสุดท้ายของชีวิตในโลกนี้ของฉัน แต่นั่นไม่ใช่การสิ้นสุดของชีวิตของฉัน

ฉันอาจมีชีวิตแค่ 60 ปี หรือ ยืนยาวไปถึง 100 ปี บนโลกใบนี้, แต่ฉันจะต้องไปใช้ชีวิตเป็นแสนล้านปีในอาณาจักรอันนิรันดร์ที่พระเจ้ากำหนด ชีวิตบนโลกใบนี้เป็นเพียงการอุ่นเครื่อง เหมือนกับการลองสวมเสื้อผ้าเท่านั้น พระเจ้ามีความประสงค์ให้เราลองฝึกฝนตัวเองบนโลกใบนี้ก่อนที่เราจะได้รับอนุญาตให้ไปมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ในอีกภพหนึ่ง

We were made by God and for God, and until you figure that out, life isn't going to make sense.

Life is a series of problems: Either you are in one now, you're just coming out of one, or you're getting ready to go into another one.

The reason for this is that God is more interested in your character than your comfort; God is more interested in making your life holy than He is in making your life happy.

ชีวิตของเราถูกสร้างโดยพระเจ้า เพื่อพระเจ้า จนกว่าเราจะเข้าใจสิ่งนี้ก่อน เราจึงจะสามารถจินตนาการให้เข้าใจถึงเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต
ชีวิตคือการเผชิญปัญหาที่เป็นขั้นตอนต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะประสบกับปัญหาอย่างหนึ่งอย่างใด หรือเพิ่งจะผ่านพ้นอุปสรรค์อย่างหนึ่ง คุณยังจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาอีกอย่างหนึ่งอีก ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ล่ะ นี่เป็นเพราะว่าพระเจ้าสนใจสิ่งที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณมากกว่าเพียงความสุขสบายส่วนตัวของคุณ, พระเจ้าสนใจที่จะพยายามขัดเกลาชีวิตของคุณให้บริสุทธิ์ มากกว่าทำให้ชีวิตของคุณมีแค่ความสบายและมีความสุข

We can be reasonably happy here on earth, but that's not the goal of life. The goal is to grow in character, in Christ likeness.

This past year has been the greatest year of my life but also the toughest, with my wife, Kay, getting cancer.

I used to think that life was hills and valleys - you go through a dark time, then you go to the mountaintop, back and forth. I don't believe that anymore.

เราบางคนอาจมีเหตุผลที่ดีในการมีชีวิตที่มีความสุขบนโลกนี้, แต่สิ่งนี้ไม่ใช้เป้าหมายของชีวิตนะ, เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตคือสร้างสรรค์คุณลักษณะอุปนิสัยแบบพระคริสต์ต่างหากล่ะ
ในปีที่ผ่านไปรู้สึกว่าเป็นปีที่ดูยิ่งใหญ่สำหรับฉัน แต่ก็เป็นปีที่ยากลำบากมากด้วย, เพราะภรรยาของฉันคุณ เคย์ ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
ฉันเคยคิดว่าชีวิตเป็นเหมือนกับการขึ้นเขาลงห้วยลุ่มๆ ดอนๆ + เราอาจมีเวลาแห่งชีวิตเหมือนอยู่ในความมืดมิด, ต่อมาชีวิตมันดูเหมือนอยู่บนที่สูงสุดของภูผา, ไปๆ มาๆ, ฉันไม่เชื่อย่างนี้อีกแล้วล่ะ

Rather than life being hills and valleys, I believe that it's kind of like two rails on a railroad track, and at all times you have something good and something bad in your life..

No matter how good things are in your life, there is always something bad that needs to be worked on.

And no matter how bad things are in your life, there is always something good you can thank God for.

You can focus on your purposes, or you can focus on your problems:

ชีวิตเป็นมากกว่าการขึ้นเขาลงห้วยนะ, ฉันเชื่อว่าชีวิตน่าจะเป็นเหมือนรางรถไฟคู่, ในทุกขณะของชีวิตคุณจะต้องพบทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งไม่ดีในชีวิต
ไม่ว่าสิ่งดีในชีวิตจะทำให้คุณเป็นสุขมากเพียงใด, ชีวิตก็ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอยู่เรื่อยไปและไม่ว่าสิ่งเลวๆ ในชีวิตจะเป็นอย่างไร, ชีวิตก็ยังมีสิ่งที่ดีๆ ให้เราขอบคุณพระเจ้าอยู่เสมอ
แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกว่าจะเล็งเป้าหมายของชีวิตไปทางไหน, เป้าหมายเพื่อจุดประสงค์ของชีวิตหรือวางเป้าหมายไปที่ปัญหาชีวิต

If you focus on your problems, you're going into self-centeredness, which is my problem, my issues, my pain.' But one of the easiest ways to get rid of pain is to get your focus off yourself and onto God and others.

ถ้าหากคุณมุ่งความสนใจไปที่ปัญหา, ก็หมายความว่าคุณกำลังมุ่งเข้าสู่ชีวิตที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ตัวเอง, ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราอาจเรียกมันว่า ปัญหาของฉัน เรื่องยุ่งๆ ของฉัน ความเจ็บปวดของฉัน
แต่วิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะขจัดความเจ็บปวดออกจากชีวิตของคุณ ก็คือการเล็งเป้าหมายชีวิตไปที่พระเจ้าและคนอื่นๆ มากกว่า

We discovered quickly that in spite of the prayers of hundreds of thousands of people, God was not going to heal Kay or make it easy for her- It has been very difficult for her, and yet God has strengthened her character, given her a ministry of helping other people, given her a testimony, drawn her closer to Him and to people.

You have to learn to deal with both the good and the bad of life.

เราได้ค้นพบอย่างรวดเร็วว่า ทั้งๆ ที่มีคนเป็นร้อยเป็นพัน เป็นหมื่นๆ คนช่วยกันอธิษฐานเผื่อความเจ็บป่วยของเคย์ภรรยาของฉัน คือขอให้เขาหายป่วยจากการเป็นมะเร็งร้าย แต่พระเจ้าไม่รักษาเคย์ หรือทำให้เคย์มีชีวิตที่สบายขึ้น สิ่งนี้มันเป็นเรื่องลำบากสำหรับเคย์มาก, แต่ด้วยเหตุแห่งความเจ็บป่วยนี้พระเจ้าได้เสริมกำลังให้เคย์มีอุปนิสัยที่เข้มแข็งขึ้น, พระองค์ได้ประทานพันธกิจแห่งการเยียวยาผู้ป่วยมะเร็งคนอื่นๆ, พระเจ้าได้ประทานคำพยานที่เธอจะสามารถเล่าถึงพระคุณของพระเจ้าในความเจ็บป่วยของเธอ พระเจ้าได้ฉุดดึงเคย์ให้เข้าไปใกล้พระองค์และคนอื่นๆ มากขึ้น

แท้ที่จริงชีวิตคือการเรียนรู้ที่จะจัดการกับเรื่องที่ดีและเรื่องที่เลวร้ายในชีวิตไปพร้อมๆ กัน

Actually, sometimes learning to deal with the good is harder. For instance, this past year, all of a sudden, when the book sold 15 million copies, it made me instantly very wealthy. It also brought a lot of notoriety that I had never had to deal with before. I don't think God gives you money or notoriety for your own ego or for you to live a life of ease.

จริงๆ แล้วบางทีการเรียนรู้ที่จะจัดการกับสิ่งดีในชีวิตมันยากกว่านะ ยกตัวอย่างนะ ในปีที่ผ่านไปเพียงระยะเวลาไม่นาน หนังสือที่ฉันแต่งขึ้นได้ขายออกไปถึง 15 ล้านเล่ม มันทำให้ฉันร่ำรวยขึ้นผิดหูผิดตาอย่างรวดเร็วมาก แต่มันก็ทำให้ฉันมีชื่อเสียงมากมายจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี ฉันไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะประทานความมั่งคั่งกับชื่อเสียงที่โด่งดังเพื่อตอบสนองความอยากส่วนตัวของเรา หรือเพียงเพื่อให้ชีวิตของเราเป็นอยู่อย่างสุขสบายเท่านั้น

So I began to ask God what He wanted me to do with this money, notoriety and influence. He gave me two different passages that helped me decide what to do, II Corinthians 9 and Psalm 72.

ดังนั้นฉันจึงเริ่มถามพระเจ้าว่าพระองค์ต้องการให้ฉันทำอย่างไรกับความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และอิทธิพล พระเจ้าประทานถ้วยคำสองตอนจากพระธรรม 2 โครินธ์ บทที่ 9 และพระธรรมสดุดี ของพระองค์ที่ช่วยให้ฉันตัดสินใจในการดำเนินชีวิต

First, in spite of all the money coming in, we would not change our lifestyle one bit.. We made no major purchases.

ประการแรก, ทั้งๆ ที่เงินมากมายกำลังไหลเข้ามาในกระเป๋า, เราจะไม่เปลี่ยนวิถีแห่งการดำเนินชีวิตสักนิดเดียว, เราไม่ได้ซื้อข้าวของอะไรที่แพงๆ

Second, about midway through last year, I stopped taking a salary from the church.

ประการที่สอง, ประมาณกลางปีที่แล้ว, ฉันได้หยุดรับเงินเดือนค่าตอบแทนจากการเป็นทำงานจากคริสตจักรที่ฉันดูแลอยู่

Third, we set up foundations to fund an initiative we call The Peace Plan to plant churches, equip leaders, assist the poor, care for the sick, and educate the next generation.

ประการที่สาม, เราได้ตั้งกองทุนเพื่อการเริ่มต้นปลูกสร้างคริสตจักรที่เราเรียกว่า “โครงการปลูกสร้างคริสตจักร, เตรียมผู้นำ, ช่วยเหลือคนยากไร้, กองทุนสำหรับคนเจ็บป่วย, และการให้การศึกษาสำหรับคนรุ่นต่อไป

Fourth, I added up all that the church had paid me in the 24 years since I started the church, and I gave it all back. It was liberating to be able to serve God for free.

ประการที่สี่, ฉันได้คำนวณว่าตลอดเวลาที่ฉันได้ทำงานให้คริสตจักรเป็นเวลาถึง 24 ปี คริสตจักรได้จ่ายค่าตอบแทนให้กับฉันเป็นเงินเท่าไหร่ ฉันได้จ่ายคืนเท่ากับจำนวนเงินทั้งหมดที่คริสตจักรได้จ่ายให้ฉัน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกปลดปล่อยว่า ฉันได้รับใช้พระเจ้าโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน คือการรับใช้ฟรีๆ

We need to ask ourselves: Am I going to live for possessions? Popularity?

Am I going to be driven by pressures? Guilt? Bitterness? Materialism? Or am I going to be driven by God's purposes (for my life)?

มีคำถามที่เราต้องถามตนเอง: ฉันกำลังมีชีวิตอยู่เพื่อการครอบครองหรือ? เพื่อเป็นที่นิยมชมชอบหรือ?
ชีวิตของเรากำลังถูกกระตุ้นด้วยแรงกดดันต่างๆ บางอย่าง เช่น ความรู้สึกโทษตัวเอง, ความขมขื่น ความอยากได้อยากมีในทรัพย์สิ่งของ, หรือว่า... ชีวิตของเราน่าจะถูกพลักดันโดยพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตเรา

When I get up in the morning, I sit on the side of my bed and say, God, if I don't get anything else done today, I want to know You more and love You better. God didn't put me on earth just to fulfill a to-do list. He's more interested in what I am than what I do.

เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า, ฉันนั่งอธิษฐานที่ข้างเตียงว่า พระเจ้า, หากวันนี้ไม่สามารถทำความสำเร็จใดๆ ลูกอยากรู้จักพระองค์และรักพระองค์มากขึ้นเก่าเดิม “พระเจ้าไม่ได้มีพระประสงค์เพียงเพื่อให้ฉันมาทำสิ่งในสิ่งที่เป็นแค่รายการที่ต้องทำประจำวันเท่านั้น”

"พระองค์สนใจในสิ่งที่ฉันเป็นมากกว่าสิ่งที่ฉันทำ"

That's why we're called human beings, not human doings.

นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงเรียนคนว่า มนุษย์ผู้เป็นอยู่, ไม่ใช่ มนุษย์ผู้กำลังทำงาน

Happy moments, PRAISE GOD.

เมื่อมีสุข จงสรรเสริญพระเจ้า

Difficult moments, SEEK GOD.
เมื่อประสบความลำบาก, จงแสวงหาพระเจ้า

Quiet moments, WORSHIP GOD.
ในยามเงียบสงบ, จงนมัสการพระเจ้า

Painful moments, TRUST GOD.
เมื่อยามเจ็บปวด, จงวางใจพระเจ้า

Every moment, THANK GOD..
ในทุกๆ ขณะของชีวิต, จงขอบพระคุณพระเจ้า

If you do not pass it on, nothing will happen. But it will just be nice to pass it on to a friend....just like I have done.
ถ้าคุณไม่ส่งต่อสิ่งนี้, คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มันคงจะเข้าท่ามากขึ้นถ้าคุณส่งต่อบทความนี้ให้กับเพื่อนสักคนหนึ่ง, เหมือนที่ฉันได้ส่งต่อมาให้คุณ - กรุณาแบ่งปันข้อคิดนี้ให้กับเพื่อนๆ ของคุณให้มากที่สุด เพื่อเป็นพระพรสำหรับเขา

God's Blessings

ขอพระเจ้าอวยพระพรมากมาย

Jesus said: Then Jesus told his disciples, “If anyone would come after me, let him deny himself and take up his cross and follow me. For whoever would save his life will lose it, but whoever loses his life for my sake will find it. For what will it profit a man if he gains the whole world and forfeits his life? Or what shall a man give in return for his life?" Mathew 16.24-26

ขณะนั้นพระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามาให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเองและรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา พระธรรมมัทธิว 16.24 -26

แปลโดย RW : September 23, 2010

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ คริสตจักร Saddleback

http://www.saddleback.com

http://en.wikipedia.org/wiki/Saddleback_Church

5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ3/26/2554

    ผมอยากได้รับการปลดปล่อยผมจะเอาลูกเเกะผมปลดปล่อยด้วยผมเชื่อว่าพระเจ้าจะเคลื่อนในหมู่บ้านผมช่วยสอนวิธีขอการเจิมด้วยครับผมอยากรับใช้พระเจ้าสุดใจไม่อยากทำให้งานพระเจ้าสะดุดเพราะความอ่อนเเอในเนื้อหนังถ้าเอาสิ่งไม่ดีออกงานของพระเจ้าในหมู่บ้านผมคงเกิดผลมากครับได้โปรดเมตตาผมด้วยครับ lovegod2524@hotmail.comzผมมีลูกเเกะเกือบ20คนไม่นับคนที่ยังไม่ได้ตามหลงหายมารล่่อลวงนับประมาณ50คนผมอยากให้อาจารย์ที่อ่านข้อความนี้ช่วยผมด้วยผมมั่นใจว่าอาจารย์รับใช้พระเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์อาจารย์อาจไม่มีเวลาเเต่ได้โปรดตอบกลับมาด้วยครับผมมีรูปของผม ในผู้ติดตามที่ใส่ชุดสูท ผมมีตัวตนครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ3/26/2554

    ผมพยามติดต่ออาจารย์ทุกวิธีทางหวังว่าอาจารย์จะตอบกลับมานะครับ ขอพระเจ้าเสริมกำลังครับผมLovegod2524@hotmail.com

    ตอบลบ
  3. สมใจแล้วใช่ไหมครับ
    โอ้ แต่อยู่ไกลน่าดูนะครับ ถึงสกลนครเลยทีเดียว
    ถึงไกลแค่ไหน ผมก็ยังไม่หาได้ ขอบคุณพระเจ้า

    ตอบลบ
  4. I absolutely love the interview by Rick Warren. I totally agree with him that we were not made to last forever, and God wants us to be with Him in Heaven. Faith Celebration Center

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)