เครื่องรางมหามงคล อภิมหาลาภจริงหรือ








ประชาอิสราเอลเอ๋ย
จงฟังพระวจนะซึ่งพระเจ้าตรัสกับเจ้า 

พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า  

  “อย่าเอาอย่างบรรดาประชาชาติ 
 หรืออย่าคร้ามกลัวเพราะหมายสำคัญของท้องฟ้า 
 ตามที่บรรดาประชาชาติคร้ามกลัวนั้น"
 
 "เพราะธรรมเนียมของชนชาติทั้งหลายก็เท็จ 
  เขาตัดต้นไม้มาจากป่าต้นหนึ่ง 
 เป็นสิ่งที่มือช่างได้กระทำด้วยขวาน"
  
 เขาทั้งหลายก็เอาเงินและทองมาประดับ 
 เขาตอกไว้แน่นด้วยค้อนและตะปู 
 มันก็เคลื่อนไหวไปมาไม่ได้ 
 รูปเคารพของเขาก็เหมือนหุ่นหลอกกา
อยู่ในสวนแตงกวา   

 มันพูดไม่ได้ 
  คนต้องขนมันไป   

 เพราะมันเดินไม่ได้ 
  อย่ากลัวมันเลย 
 เพราะมันทำร้ายไม่ได้ 
 มันก็ทำดีไม่ได้ด้วย”

 
 ข้าแต่พระเจ้า  หามีผู้ใดเหมือนพระองค์ไม่ 
 พระองค์ทรงเป็นใหญ่และพระนามของพระองค์มีฤทธิ์มาก
  
 ข้าแต่พระราชาแห่งบรรดาประชาชาติ ผู้ใดจะไม่ยำเกรงพระองค์ 
 เพราะพระองค์สมควรแก่การอย่างนี้ 
  เพราะในบรรดาปราชญ์ของบรรดาประชาชาติ 
 และในบรรดาราชอาณาจักรทั้งสิ้นของเขา 
 ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์
 
เขาทั้งหลายทั้งบัดซบและโง่เขลา 
 การตีสอนของรูปเคารพนั้นก็เป็นแต่ไม้
  
 เครื่องเงินทุบนั้นเขาเอามาจากทารชิช 
  และเอาทองคำมาจากเมืองอุฟาส 
 เป็นผลงานของช่างฝีมือและเป็นผลน้ำมือของช่างทอง 
  เสื้อผ้าของรูปเคารพนั้นสีครามและสีม่วง 
  เป็นผลงานของคนชำนาญทั้งนั้น 

แต่พระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ 
  พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และเป็นพระมหากษัตริย์เนืองนิตย์ 
 พอทรงพระพิโรธแผ่นดินก็หวั่นไหว 
  และบรรดาประชาชาติจะทนต่อความกริ้วของพระองค์ไม่ได้ 

เจ้าจงพูดกับเขาทั้งปวงดังนี้ว่า
  “บรรดาพระเจ้าผู้ที่มิได้ทรงสร้างสวรรค์และโลกจะพินาศไปจากโลก
และจากภายใต้สวรรค์”(ความข้อนี้ ในต้นฉบับเขียนเป็นภาษาอารัม)  

ผู้ทรงสร้างโลกด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ 
 ผู้ทรงสถาปนาพิภพไว้ด้วยสติปัญญาของพระองค์ 
  และทรงคลี่ท้องฟ้าออกด้วย   ความเข้าใจของพระองค์ 

เมื่อพระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียง ก็มีเสียงน้ำคะนองในท้องฟ้า 
  และทรงกระทำให้หมอกลอยขึ้นจากปลายพิภพ 
  ทรงกระทำฟ้าแลบเพื่อฝน 
  และทรงนำลมมาจากพระคลังของพระองค์ 

มนุษย์ทุกคนบัดซบและไม่มีความรู้ 
 ช่างทองทุกคนจะได้อายเพราะรูปเคารพของตน 
 เพราะรูปเคารพหล่อของเขาเป็นของเท็จ 
  และไม่มีลมหายใจในรูปเคารพนั้น 

มันเป็นของไร้ค่า และเป็นผลงานที่น่าเยาะเย้ย 

มัน
จะต้อง
พินาศ
เมื่อถึงเวลา
การลงโทษ 
 


จากพระธรรมเยเรมีห์ บทที่ 10

ตอนที่สอง

วิบัติแก่ผู้ที่กล่าวแก่สิ่งที่ทำด้วยไม้ว่า   "จงตื่นเถิด"   
แก่หินใบ้ว่า "จงลุกขึ้นเถิด"  
 สิ่งนี้สั่งสอนอะไรได้หรือ  
 ดูเถิด  สิ่งนั้นกะไหล่ทองคำหรือเงิน  
 แต่ไม่มีลมหายใจในสิ่งนั้นเลย  

จากพระธรรมฮาบากุก (Habakkuk) 2:19

ท่านรู้แล้วว่าแต่ก่อนท่านยังเป็นคนต่างศาสนาอยู่นั้น ท่านถูกชักนำให้หลงไปนับถือรูปเคารพซึ่งพูดไม่ได้
พระธรรม 1 โครินธ์ 12.2

เหตุว่าเท่าที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็แจ้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงแก่เขาแล้ว ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว สภาพที่ไม่ปรากฏของพระเจ้านั้น คือฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์ ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย เพราะถึงแม้ว่าเขาทั้งหลายได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็มิได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือหาได้ขอบพระคุณไม่ 

แต่เขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระและจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป เขาอ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา   เขาจึงกลายเป็นคนโง่เขลาไป และเขาได้เอาพระสิริของพระเจ้าผู้เป็นอมตะมาแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตายหรือรูปนก รูปสัตว์จตุบาท และรูปสัตว์เลื้อยคลาน  

 เหตุฉะนั้น   พระเจ้าจึงทรงปล่อยเขาให้ประพฤติอุลามกตามราคะตัณหาในใจของเขาให้เขากระทำสิ่งซึ่งน่าอัปยศทางกายต่อกัน

เพราะว่าเขาได้เอาความจริงเรื่องพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ และได้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้ แทนพระองค์ผู้ทรงสร้าง ผู้ซึ่งควรจะได้รับความสรรเสริญเป็นนิตย์  

 อาเมน    พระธรรมโรม 1.20-25

 รูปเคารพของคนเหล่านั้นเป็นเงินและทองคำ  
 เป็นหัตถกรรมของมนุษย์  
 รูปเหล่านั้นมีปาก  แต่พูดไม่ได้  
มีตา  แต่ดูไม่ได้  
 มีหู  แต่ฟังไม่ได้ยิน  
 มีจมูก  แต่ดมไม่ได้  
 มีมือ  แต่คลำไม่ได้  
 มีเท้า  แต่เดินไม่ได้  
 รูปเหล่านั้นทำเสียงในคอไม่ได้  
 ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น  
 เออ บรรดาผู้ที่วางใจในรูปเหล่านั้นก็เช่นกัน  
จากพระธรรมสดุดี 115.4

... (หากพวกเจ้าทั้งหลายไม่สามารถมองเห็นสัณฐานของพระเจ้าได้)
จงระวังเถิด เกรงว่าท่านทั้งหลายจะหลงทำรูปเคารพ แกะสลักสำหรับตัวท่านทั้งหลาย เป็นสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด

เป็นรูปตัวผู้หรือตัวเมีย
เหมือนสัตว์เดียรัจฉานอย่างใดในโลก  
เหมือนนกที่มีปีกบินไปในอากาศ
เหมือนสิ่งใดๆที่คลานอยู่บนดิน  
เหมือนปลาอย่างใดที่อยู่ในน้ำใต้แผ่นดินโลก


และจงระวังให้ดีเกรงว่าพวกท่านเงยหน้าขึ้นดู
ท้องฟ้าและเมื่อท่านเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว คือบริวารของท้องฟ้า
พวกท่านจะถูกเหนี่ยวรั้งให้นมัสการและปรนนิบัติ
สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งซึ่งพระยาเวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงแบ่งแก่ชนชาติทั้งหลายทั่วใต้ฟ้าทั้งสิ้น
จากพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 4.16

“อย่าทำรูปเคารพสำหรับตนเป็นรูปสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือซึ่งมีอยู่ที่แผ่นดินเบื้องล่าง หรือซึ่งมีอยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน
จากพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ 5:8

พระเจ้าที่แท้จริงมนุษย์จะสร้างขึ้นด้วยมือของตนเองหรือ
เบื้องหลังรูปเคารพและรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคือใครกันแน่

คำภีร์ศักดิ์สิทธิ์ได้จารึกไว้ในพระธรรมฟิลิปปีบทที่ 2 ข้อที่ 9-11 ดังนี้

"เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์ เพื่อเพราะพระนามนั้นทุกเข่าในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลกใต้พื้นแผ่นดินโลกจะคุกลงกราบพระเยซู และเพื่อทุกลิ้นจะยอมรับว่า...
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)