สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต The Most Important Things in Life



มีพวกนักคิดเขาพยายามสรุปรวมว่าในชีวิตของมุนษย์มีหลายสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ในบทความนี้ได้นำเสนอข้อคิดเห็นที่นักคิดหลายท่านได้ตั้งไว้ถึง 14 สิ่งที่ยิ่งใหญ่  สิ่งเหล่านี้คงเป็นสิ่งที่น่าจะถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก  สิ่งสำคัญหล่านี้แต่ละข้ออาจแตกต่างกันไปบ้าง ตามความเห็นของนักคิดแต่ละลัทธิ แต่โดยรวมแล้วก็จะมีสิ่งที่คล้ายๆ กันผนวกเข้าไปด้วย  แต่ผมเชื่อว่าสิบสี่สิ่งที่ใครๆ เห็นว่ายิ่งใหญ่สำคัญที่สุด  ยังไม่ยิ่งใหญ่  สำคัญ หรือส่งผลร้ายแรงมากจนได้กลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของมนุษย์  

ทำไมผมจึงไม่เห็นด้วยกับนักคิดคนอื่นๆ  ทำไมเป็นเช่นนั้น ลองพิจารณาดูนะครับ

นักคิดนักเขียนหลายๆ คน แม้แต่นักบวชในหลายศาสนาเขาเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นจริง  พวกเขาคิดว่า  14 สิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตคือ สิ่งเหล่านี้ แต่ผมก็ขอเสนอความเห็นสิบสี่ข้อที่ สวนกระแสหน่อย  เพราะข้อเสนอของผมมีคนผู้รับรอง และมีพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวสนับสนุนไว้ด้วย ดังนั้นข้อเสนอของผมจึงไม่ได้เป็นเพียงความเห็นที่กล่าวอ้างขึ้นมาลอยๆ  ผมขอเชิญชวนให้ท่านลองพิจารณาดูว่ามีเหตุผลหรือเปล่า





" ... 1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา ก็คือตัวเราเอง

  ไม่ใช่หรอก เราจะเป็นศัตรูของตัวเองได้อย่างไร คนโง่เท่านั้นที่ยอมให้ตัวเองเป็นศัตรูกับตัวเอง  ศัตรูตัวร้ายที่สุดคือ ซาตาน วิญญาณชั่ว ต่างหากที่มันมอมเมามนุษย์ด้วยอาหารบาป การทำผิดประเวณี  การเสพติดบาป จนกลายเป็นทาสบาป และถอนตัวไม่ขึ้น จนมนุษย์เกลียดตัวเอง อยากทำดีแต่ทำไม่ได้ทำผิดกฎศีลธรรมจนเป็นนิสัย  มันบอกว่ามนุษย์ไม่สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในศีลธรรมอันดีได้  บางครั้งมันสอนว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหนด้วย คนจึงไม่สนใจตัวเอง  ปล่อยให้ตัวเองทำอะไรตามใจ โดยเฉพาะบาป หลอกให้มนุษย์หลงดำเนินชีวิตไปตามกฎแห่งกรรม  แต่พระเยซูสอนว่า เราสามารถเข้าสู่ชีวิตอมตะฝ่ายวิญญาณได้ด้วยการเชื่อถือในพระองค์ และเปิดใจต้อนรับพระเจ้าองค์เที่ยงแท้


2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเราก็คือ ความอวดดี

ไม่ใช่หรอกครับ  การพยายามหาความร่ำรวยโดยไม่สนใจเรื่องชีวิตหลังความตายต่างหากล่ะ คือความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่สุดๆ  มนุษย์ทั่วไปต้องการมากที่สุดคือความสำเร็จ  ความร่ำรวย  ความสุขทางเพศ ได้กินอาหารดีๆ  มีทรัพย์สมบัติ และได้ไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวให้ไกลที่สุดเท่าที่กำลังทรัพย์ของตนจะให้ได้ ถ้าใครได้บรรลุสิ่งเหล่านี้ถือว่าคุ้มค่าในการเกิดมาเป็นคนแล้ว ถ้าใครทำไม่ได้ถือว่าล้มเหลว  


แต่มันไม่ใช่เลย  เพราะพระเยซูคริสต์ตรัสว่า


 "ผู้ใดได้ทรัพย์สมบัติสิ้นทั้งโลกแต่ต้องสูญเสียชีวิตจะเป็นประโยชน์อะไร" 


คนที่พลาดโอกาสเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้าซิ คือความล้มเหลวอย่างแท้จริง เพราะหลังความตายมีการพิพากษาและการลงโทษวิญญาณที่ทำบาปตอนเป็นมนุษย์  บางท่านอาจไม่เคยได้ยินเลยว่ามันจะมี

3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเราก็คือ การหลอกลวง

ผมว่าไม่นะ  การกระทำที่โง่ที่สุดคือการโยนทิ้งใบปลิวแนะนำเรื่องความรอดบาปโดยการรับเชื่อพระเยซู    การกระทำเช่นนี้เป็นการปิดหูปิดตาตัวเอง ไม่ให้ได้รับรู้ความจริง  โดยมีความเชื่อผิดๆ ศาสนาที่ตนยึดถือ หรือวิญญาณต่างๆ ที่ตนเองกราบไหว้สามารถดลบันดาลให้เข้าสู่สุคติได้  ความคิดว่า  นรก-สวรรค์คือการขู่คนให้เข้าศาสนา   คนฉลาดไม่สนใจเรื่องนรกสวรรค์  สิ่งเหล่านี้ต่างหากล่ะ คือ ความเขลาที่สุด  คนที่ไม่ยอมรับรู้ความคิดใหม่ๆ ที่บอกว่า มนุษย์สามารถรอดพ้นบาปด้วยการยอมรับการไถ่บาปของพระเยซูเจ้า แต่พยายามมองหาทางไปสวรรค์ด้วยการทำดีด้วยตนเอง  การแสวงหาทางรอดด้วยการไปพึ่งพาวิญญาณต่างประเทศ หรือวิญญาณร้าย คือความโง่เขลาที่แท้จริง

4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเราก็คือ ความอิจฉาริษยา

ไม่ใช่หรอก การมีนิสัยที่ชอบอิจฉาริษยา  คือการถูกวิญญาณหลอกว่า ถ้าเราเก่งกว่าคนอื่น ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองด้อยกว่า ไม่ยอมรับศักยะภาพของคนอื่น  การคิดว่าตัวเองต้องได้ดีกว่าคนอื่น  เชื่อว่าเราจะต้องมีความสุขกว่า  ได้ครอบครองมากกว่า  เราสมควรได้รับมากกว่า หรืออย่างน้อยก็เท่า ๆ กับคนอื่น  การเชื่อว่าใครที่ได้เกินหน้าเกินตาเราคือ คนที่ทำให้เราทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นความผิดพลาด  คนเราไม่สามารถจะเป็นเหมือนกัน  หรือมีฐานะเท่าเทียมกันทุกอย่างอยู่แล้ว  เพราะถ้ามนุษย์มีความสามารถเท่ากัน โลกนี้จะตั้งอยู่ไม่ได้แน่ๆ เพราะอะไรขอท่านลองคิดดู

5. ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเราก็คือ การยอมแพ้ตัวเอง

ไม่ใช่หรอก  ความผิดพลาดมหันต์คือ การมีความคิด ความเชื่อว่า มนุษย์สามารถช่วยตัวเองได้ เราสามารถทำดีแล้วได้ไปสวรรค์  เราสามารถซื้อตั๋วไปสวรรค์ด้วยการทำบุญต่างหากล่ะคือความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่  มีใคร หรือเจ้าลัทธิใดบ้างเคยรับรองไหมว่าถ้าทำบุญแล้วได้ไปอยู่สวรรค์ มีพระคัมภีร์เล่มใด บทใดหรือที่บอกว่า ทำบุญเท่านั้นเท่านี้แล้วจะได้ไปอยู่สวรรค์  บุญวัดเป็นปริมาณได้ด้วยหรือ   มีใครบ้างไม่ทำบาป ถ้าทำดีได้ครบถ้วนแล้วได้ไปสวรรค์  มีใครได้ไปคนแรกล่ะ

6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเราก็คือ การหลอกตัวเอง

    สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตคือการหลงเชื่อคำลวงที่ว่า "โลกนี้ไม่มีพระเจ้า"
 ถ้าโลกนี้ไม่มีพระเจ้า ทำไมคนต้องสร้างศาลเจ้าต่างๆ ขึ้นมา  ลองศึกษาประวัติศาสตร์  การสงคราม  การต่อสู้ของมนุษย์  ทุกเผ่าพันธ์คาด  ทั้งในอดีตและในปัจจุบัน คนจำนวนไม่น้อยคาดหวังความเชื่อเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น ถ้าไม่มี "ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดควบคุม วิญญาณต่างๆ คนแย่งกันเป็นใหญ่ จนโลกตั้งอยู่ไม่ได้แน่"

7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตเราก็คือ ความถดถอยของตัวเอง

     สิ่งที่น่าสังเวชที่สุด คือการที่วิญญาณของคนบาปถูกโยนเข้าไปในกองไฟไม่รู้ดับ เพราะเขาไม่เชื่อว่านรกไม่มีจริง  นรกไม่มีไว้สำหรับคนบาป  เขาเชื่อคำลวงคำสอนที่ว่า "สวรรค์อยู่ในอก  นรกอยู่ในใจ"  ตายไปช่างหัวมัน ตายแล้วก็สบายแล้ว ไม่ต้องมาทุกข์ทรมานเหมือนตอนเป็นมนุษย์ต่างหาก ถ้าวิญญาณไม่มีจริงทำไมคนไทย คนจีน คนเวียตนาม คนลาว คนเขมร ต้องกราบไหว้วิญญาณบรรพบุรุธล่ะ  

8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเราก็คือ ความอุตสาหะ วิริยะ

 สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตคือ การได้ช่วยเหลือดวงวิญญาณให้รอดจากบาป และเวรกรรม การช่วยคนให้พ้นทุกข์  พ้นเวรกรรม หายป่วยหายไข้ด้วยคำอธิษฐานง่ายๆ ในพระนามพระเยซูเพื่อช่วยคนให้พ้นจากอำนาจของผีวิญญาณชั่วต่างหากล่ะ  คือสิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุด

9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเราก็คือ ความสิ้นหวัง

ความล้มละลายที่สุดในชีวิตคือ ความพยายามสร้างฐานะด้วยการทำบาป และการเอาเปรียบคนอื่นอย่างไร้คุณธรรม  สิ่งที่น่าสิ้นหวังมากที่สุดอีกอย่างหนึ่ง คือการเชื่อว่าความมั่งมีจะทำให้ชีวิตมีสันติสุข ลองไปถามเศรษฐีหลายๆ คนตอนใกล้ตายซิ เขาอยากได้อะไรมากที่สุด ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติแต่เป็นความรัก และการได้อยู่ใกล้คนที่เรารักอย่างมีความสุขก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะจากไปต่างหากคือความมั่งมีของชีวิตที่แท้จริง

10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเราก็คือ สุขภาพที่ สมบูรณ์

ทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตคือ ความเชื่อในพระเจ้าเที่ยงแท้ต่างหากล่ะ เพราะด้วยความเชื่อในพระเจ้านี้เอง เราจึงได้รับการยกบาป และมีชีวิตที่สันติสุขในโลกนี้ ไม่ต้องเจ็บป่วย  ไม่ต้องเป็นหวัดตามฤดูกาล  ไม่ต้องกลัวโรคหวัดสองพันอะไรสักอย่าง ไม่ต้องเอาผ้าคลุ้มจมูกเวลาไปไหนๆ  ไม่เจ็บไม่ป่วย  จิตใจ ร่างกายแข็งแรง ยังไม่พอ ยังมีวิญญาณที่มีสันติสุข ต่างหาก คือทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุด  เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า  สันติสุขที่เราให้แก่ท่านไม่เหมือนโลกให้ เราไม่ต้องรอให้ตายก่อนจึงจะพบพระเจ้า  เพราะพระเยซูเป็นพระเจ้าที่เป็นอยู่ เราสามารถอธิษฐานขอต่อพระองค์ได้ทุกเวลา


11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ หนี้บุญคุณ

หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ หนี้แห่งการไถ่ของพระเยซูเจ้า มนุษย์บาปอย่างเรา  หากต้องให้ลูกของพระราชามาตายนี้แทบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้ามาตายแทนบาปของเรา เพื่อให้เราได้คืนดีกับพระเจ้า  แต่น่าเสียดาย คริสเตียนเป็นล้าน ๆคน เมื่อได้รู้จักพระเยซูจริงๆ แล้ว  ไม่คิดตอบแทนบุญคุณผู้สื่อสารความรอดของพระเยซู  พวกเขาดีแต่ขอ ขอ ขอ และ ขอ ขอเพื่อให้ตัวเองและครอบครัวได้อยู่สุขสบายเป็นพอ  


พวกเขาปิดปากเงียบไม่กล้าเป็นพยานเรื่องที่บอกว่า มนุษย์สามารถรอดพ้นจากบาป และอำนาจของวิญญาณร้ายด้วยการรับเชื่อว่าพระเยซูคือพระเจ้า   พวกชาวคริสต์หลายคนไม่เคยได้เรียนในโบสถ์คริสต์ว่า ก่อนที่คนไทยคนแรกจะได้รู้จักพระเยซู และกลับใจจากบาป หันมานับถือพระเยซูนั้น  มิชชั่นนารีที่มาประกาศเรื่องความรอดบาปด้วยความเชื่อนี้ ใช้เวลากี่ปี พวกเขาได้ตายไปกี่คน  ลูกและภรรยาของพวกเขาตายไปเพราะไม่คุ้นเคยกับโรคเขตร้อนไปแล้วกี่คน  ประเทศที่ส่งพวกมิชชั่นนารีมาต้องทุ่มเงินไปเป็นเงินกี่ล้านบาท  


เมื่อพวกคริสเตียนอ่อนแอได้รับความรอดแล้วพวกเขาไม่ส่งต่อความเชื่อ พวกเขาเห็นแก่ตัวไหมล่ะ  พวกเขาจำนวนมาก  ทำตัวกลมกลืนกับโลก และเป็นทาสของนิสัยบาป  พวกเขานมัสการพระเจ้าส่วนตัวไม่เป็น  เขาไปหาพระเจ้าตามพิธีกรรมเท่านั้น  บางคนเป็นคริสเตียนในวันอาทิตย์แค่สองชั่วโมง  พอกลับบ้านนิสัยบาปก็เข้าครอบครองทันที   มีชีวิตที่ล้มๆ ลุกๆ  ไม่มีสันติสุข  คนประเภทนี้หลายคนไม่รู้วิธีการเป็นพยาน  ไม่รุ้ว่าจะพูดอย่างไรเพื่อนำคนมารอดด้วยซ้ำ  พวกเขาหลายคนคิดจะโยนภาระการประกาศเรื่องความรอดนี้ให้กับคนที่มีตำแหน่งเป็น ศิษยาภิบาลเป็นผู้ทำหน้าที่ส่งต่อความเชื่อเพียงคนเดียวเท่านั้น  บางคนยิ่งเข้าใจคลาดเคลื่อนไปมาก ยังมีความคิดว่า เราจ้างอาจารย์ให้ทำแล้ว เราไม่ต้องทำ

12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเราก็คือ การให้อภัย และความเมตตากรุณา

ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการได้รับการยกโทษบาป ได้รับการอภัยบาปจากพระเจ้าต่างหากล่ะ  ไม่ใช่เราเป็นคนให้ แล้วได้หลุดพ้นจากคำแช่งสาปแห่งศีลธรรม หรือกฎทางศาสนา การได้รับความรอดด้วยความเชื่อเท่านั้นยิ่งใหญ่กว่าของขวัญใดๆ   พระเยซูคริสต์ คือของขวัญแห่งการรอดบาปนี้ แต่คนที่จะสามารถรับของขวัญแห่งการรอดพ้นบาปและเวรกรรมนี้ได้ เขาต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นคนบาป  ไม่สามารถทำดีได้มาตรฐานทางศีลธรรมทางศาสนาได้เท่านั้น

13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเราก็คือ การมองโลกในแง่ ร้ายและไร้เหตุผล

ข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ คือ การลืมอธิษฐาน เพื่อขอการเลี้ยงดู และปกป้องจากพระเจ้า เป็นเวลาวันแล้ววันเล่าต่างหากล่ะ  เพราะคนที่ดำเนินชีวิตด้วยความหยิ่งพึ่งพาตนเอง  พึ่งพากำลัง ความสามารถ เงิน และอำนาจวาสนา  ไม่พึ่งพาพระเจ้า    ในที่สุดเขาจะพบว่า เขาช่วยตัวเองไม่ได้ เขาไม่สามารถดำเนินชีวิตแบบ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้เลย"


 เพราะมนุษย์ตั้งแต่เกิดมาเป็นทารกก็ต้องพึ่งพาคนอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  มนุษย์ไม่สามารถอยู่ลำพังโดดเดียวได้เลย  มนุษย์ต้องป่วย ต้องเจ็บ  ต้องพึ่งพ่อแม่ ญาติ พี่น้อง สังคม และโรงพยาบาล  แม้แต่ตอนตายก็ต้องให้คนอื่นเอาไปเผา เอาไปฝัง  แล้วจะพึ่งตัวเองได้อย่างไร  แม้ว่าจะเป็นสังคมระดับเล็กๆ ไปจนถึงระดับประเทศก็ไม่สามารถจะอยู่แบบ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้เลย" ลองคิดดูมีประเทศไหนบ้างไม่พึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศ


14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตเราก็คือการ ให้ทาน

สิ่งที่ทำให้เราอิ่มใจมากที่สุดคือ การนำคนบาปให้รอดจากเวรกรรม นิสัยบาป  โรคภัยร้ายแรงที่แพทย์รักษาไม่ได้  เงินซื้อไม่ได้  การถูกวิญญาณรบกวน และการเจ็บป่วยที่หายด้วยคำอธิษฐานในพระนามพระเยซู  ใครที่ไม่เคยนำใครมารอดจะไม่ได้สัมผัสประสบการณ์นี้อย่างแน่นอน  การให้ทานอะไรก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่า  การให้ถ้อยคำของพระเจ้าที่บอกว่า 

"เพราะว่าพระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคน จึงได้ประทานพระบุตรของพระเจ้าให้มาตายแทนบาปของมนุษย์  ถ้าหากใครเชื่อ ศรัทธาและไว้วางใจพระเยซูเจ้าแล้ว ชีวิตของเขาจะไม่พินาศแต่จะมีชีวิตเป็นอมตะ"

ขอพระเจ้าอวยพระพรผู้ที่มีโอกาสได้อ่านบทความนี้

Composed by Rice Mu: Sept 26, 2011

 

สิบสี่ข้อ นี่มาจาก...

http://poung34.blogspot.com/2011/03/14.htmlhttp://forum.dmc.tv/index.php?topic=1980.0

ขอพระเจ้าอวยพร

Rice Mu October 2011

6 ความคิดเห็น:

  1. I observed that the both way are really different.I think the human can not do,it is only GOD who has fower,May God use the misonnary go to every where for bring the new of GOD to people who have not know about Jesus Christ.

    ตอบลบ
  2. Thanks ,many blessings

    ตอบลบ
  3. Dear Reewat.
    I'm Sone ORASITH,Who has got better healling by praying in Jesus name on last year.Did you remember me?my house is near Mr,Kingmanosone's house.How about you?As you hard working right now? May GOD bless you,and sucess on your responsibilities.

    ตอบลบ
  4. Dear Sone,

    Thank you for your support and encouragement.
    This is the power of the Gospel of Jesus.
    I am the servant. We do what He commands us to do.
    Miracles come because the Gospel is true and Jesus is alive.
    Amen

    RW

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ5/20/2555

    อิสยาห์ 1:11

    11พระเจ้าตรัสว่า "เครื่องบูชาอันมากมายของเจ้านั้น จะเป็นประโยชน์อะไรแก่เรา เราเอือมแกะตัวผู้อันเป็นเครื่องเผาบูชา และไขมันของสัตว์ที่ขุนไว้นั้นแล้ว เรามิได้ปีติยินดีในเลือดของวัวผู้ หรือลูกแกะหรือแพะผู้
    12"เมื่อเจ้าเข้ามาเฝ้าเรา ผู้ใดขอให้เจ้าทำอย่างนี้ ที่เหยียบย่ำเข้ามาในบริเวณพระนิเวศของเรา
    13อย่านำเครื่องถวายอนิจจังมาอีกเลย เครื่องบูชาอันเป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังต่อเรา วันเทศกาลข้างขึ้นและวันสะบาโตและการเรียกประชุม เราทนต่อความบาปชั่วและการประชุมตามพิธีไม่ได้อีก

    14ใจของเราเกลียด วันเทศกาลข้างขึ้นของเจ้าและวันเทศกาล ตามกำหนดของเจ้า มันกลายเป็นภาระแก่เรา เราแบกเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว
    15เมื่อเจ้ากางมือของเจ้าออก เราจะซ่อนหน้าของเราเสียจากเจ้า แม้ว่าเจ้าจะอธิษฐานมากมาย เราจะไม่ฟัง มือของเจ้าเปรอะไปด้วยโลหิต
    16จงชำระตัว จงทำตัวให้สะอาด จงเอากรรมชั่วของเจ้าออกไปให้พ้น จากสายตาของเรา จงเลิกกระทำชั่ว
    17จงฝึกกระทำดี จงแสวงหาความยุติธรรม จงบรรเทาผู้ถูกบีบบังคับ จงป้องกันให้ลูกกำพร้าพ่อ จงสู้ความเพื่อหญิงม่าย

    ตอบลบ
  6. ยิวฝ่ายวิญญาณ4/19/2557

    เงินและทองเราไม่มี แต่สิ่งที่เรามีจะให้ท่าน ในนาม พระเยซูแห่ง นาซาเร็จ ลุกขึ้น ลุกขึ้น แล้วเดิน ปรัชญาของชาวโลก และชาวคริสต์ย่อมไม่เหมือนกันครับ
    ขอ​พระ​คุณ​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า จง​ดำรง​อยู่​กับ​จิต​วิญญาณ​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เถิด

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)