ทำไมต้องรู้จักพระเยซู.. อะไรๆ ก็พระเจ้าๆ - Why do I need to know Yeshua?

ทำไมคริสเตียนจึงชอบอ้างว่า พระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าที่ยังเป็นอยู่ พระเจ้าที่เป็นอยู่มีหรือ?

ทำไมเมื่อคนเจ็บป่วย คนโชคร้าย
จึงพยายามหาที่พึ่งทางใจ
ทำไมต้องเชื่อพระเจ้า? พระเจ้ามีจริงหรือ?

มีคำตอบหลายประเด็นไม่ทราบว่าท่านจะลองพิจารณาดูไหมว่า มันเป็นเหตุเป็นผลหรือเปล่า


1. โลกนี้มีการปกครองฝ่ายโลกโดยรัฐบาล ฝ่ายวิญญาณคือโลกแห่งวิญญาณมีการปกครอง
โดยอำนาจใหญยิ่งสุงสุดคือพระเจ้า Yaweh
เมื่อมีการปกครอง ก็มีการบังคับตามกฎหมาย มีการให้รางวัล และการลงโทษ

2. มนุษย์มีชีวิตอยู่ในโลกนี้มีอายุได้ไม่เกิน 120 ปี เพื่อพิสูจน์ว่า เขาประพฤติอย่างไร
เมื่อมนุษย์สิ้นชีวิตแล้วจะต้องมีการพิพากษา ตัดสินว่าดีหรือเลวและจะมีการลงโทษคนทำชั่ว เนื่องจากวิญญาณของมนุษย์ต้องอยู่ต่อไปอย่างนิรันดร์ดังนั้นจึงต้องมีการคัดสรรวิญญาณ ชำระให้วิญญาณบาปเปลี่ยนใหม่ เพื่อจะได้ให้ไปอยู่ในเมืองสวรรค์ เพราะมิเช่นนั้นคนเลวๆ ในโลกนี้คงจะทำให้สวรรค์วุ่นวายเหมือนอย่างในโลกนี้ เมื่อเขากลายเป็นวิญญาณก็คงจะทำแบบเดิม เรื่องนี้คงจะเหมือนกับเจ้าของบริษัทที่ดี ที่ต้องการคัดคนงานตามคุณลักษณะที่ดี เพื่อให้เข้าทำงานตามตำแหน่งต่างๆ พวกเขาต้องคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติที่ดีด้วย

ความรู้ทางโลกสอนและทำให้เราเข้าใจว่า "มนุษย์คือตัวคน" แต่ แท้ที่จริงแล้วมนุษย์นั้นความเป็นตัวตนของเขานั้นอยู่ภายใน คือจิตใจและจิตวิญญาณ จิตวิญญาณนี้คงอยู่ตลอดไปเป็นนิจกาล

3. เพราะโลกมีวิญญาณสองอย่างคือวิญญาณเจ้าโลก และิพระิวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า
ถ้
่าโลกแห่งวิญญาณไม่มีจริงมนุษย์คงมีไม่มีใครเชื่อเรื่องผี หลายๆ คนกลัวผี เคยมีประสบการณ์เรื่องผี เมื่อมีผี ก็ต้องมีผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าผี หรือวิญญาณต่างๆ พระคริสต์ธรรมคัมภีร์สอนไว้อย่างชัดเจนและมีคำจารึกเป็นหนังสือมาหลายพันปีแล้วว่าผู้สร้างสรรพสิ่งคือพระเจ้า พระนามของพระองค์คือ พระเจ้าผู้เป็นอยู่ (Yaweh) เพื่อพิสูจน์ว่าพระเจ้ามีฤทธิอำนาจมากกว่าผี พระเจ้าจึงมอบอำนาจให้ผู้เชื่อพระเยซูมีอำนาจขับผี หรือวิญาณเทพทุกระดับ ทุกชนิดได้ และพระเจ้าได้อนุญาตให้วิญญาณผีปกครองอยู่ทุกแห่งในโลกนี้ในยุคปัจจุบัน นิสัยและธรรมชาิิติของมันคือทำการหลอกลวง ลัก ฆ่า และทำลายมนุษย์ ตามระยะเวลากำหนดของมัน หลังจากนั้นมันจะถูกจับกุมและนำไปทรมานในบึงไฟนรกพร้อมกับคนที่มันหลอกลวงให้ตายในความบาปได้ทั้งในอดีต ปัจจุบันและ อนาคต

4. มนุษย์ในโลกนี้พยายามแสวงหาความสุข ความปลอดภัย ด้วยการแก่งแย่งชิงดี การศึกษา
การทำมาหากิน การครอบครองสิ่งของต่างๆ การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด และ ความโลภ ทำให้มนุษย์ใช้วิธีผิดๆ ละเมิดกฎหมาย ศีลธรรม และคุณธรรม ทำการเบียดเบียนกันและกัน มนุษย์ถูกหลอกว่าการลงโทษฝ่ายวิญญาณ หรือการตกนรกไม่มีความจริง และไม่ต้องกลัว

พวกคริสเตียนพยายามออกไปสั่งสอนคนทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ให้กลับใจเลิกบาป หันมานมัสการพระเจ้าแท้ที่มีชีวิตอยู่ คริสเตียนประกาศด้วยวิธีการต่างๆ บางประเทศประกาศด้วยวิธีการผิดๆ ทำการเผยแพร์เรื่องพระเจ้าด้วยบีบบังคับ โดยการเข้าไปยึดครองประเทศอื่นเพื่อสอนศาสนาคริสต์ แต่ในปัจจุบันวิธีการนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วเนื่องจากความเจริญ และความเข้าใจในพระคัมภีร์ของคริสเตียนดีขึ้น

5. มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปและเสื่อมจากศักดิ์ศรีที่พระเจ้าได้สร้างมนุษย์ไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างโลก
มนุษย์พยายามสร้างศาสนา และพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แท้ที่จริงมนุษย์ต้องการพระเจ้า พระคริสต์ธรรมคัมภีร์ ได้เขียนไว้ว่า มนุษย์ไม่สามารถไปหาพระเจ้าได้ด้วยวิธีการ หรือเข้าใจพระเจ้าได้ด้วยความคิดอันจำกัดของมนุษย์ ในเรื่องนี้เปรียบเหมือนกับ เราจะพยายามอธิบายให้เด็กอายุ 2 ขวบเข้าใจถึงคุณค่าของเงิน 1000 ล้านบาท และให้เขาไปจัดการกับเงินจำนวนนี้ เพราะมันเกินความคิด เกินระดับสติปัญญาและเกินความรับรู้ของเด็ก

6. มนุษย์ถึงที่อับจน หรือใกล้ความตายจะแสวงหาความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ

ถ้าท่านลองสังเกตพฤติกรรมของคนในสังคมจะพบว่า คนส่วนใหญ่สนใจแต่เรื่อง การเรียน ทำงาน ตำแหน่ง เกียรติ ฐานะที่เท่าเทียมคนอื่น หรือดีกว่าคนอื่น แสวงหาเงิน สมบัติ ซื้อของ มีความเชื่อว่า การครอบครองสมบัติมากๆ คือความมั่นคงของชีวิต ยิ่งได้ของใหม่ ของทันสมัยยิ่งมีสุขใจ แต่สิ่งเหล่านี้มันเป็นเพียงสิ่งที่ให้ความพอใจชั่วคราวเท่านั้น ลองคิดดูิซิ สามปีก่อนมีไอโฟน 1 ตอนนี้สร้างถึงรุ่นที่ 4 แล้ว แล้วคนที่ใช้รุ่นเก่า เขาอาจมีความพอใจ ภูมิใจเหมือนกับตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ หรือเปล่า คนเราชอบสร้างอนาคต ชอบการมีความสุขทางเพศ มีความสุขใจกับงานอดิเรก ดีใจกับการเที่ยวสนุก

หลายคนเมื่อมีวัตถุ และสมบัติเพียงพอกับความสามารถของตัว บางไม่สนใจเรื่องพระเจ้าเลย หรือหากสนใจก็เป็นเพียงเพื่อเสริมบารมีของตน หรือเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจเท่านั้น แต่ไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในศีลธรรม หรือมีการปฎิบัติตัว ทำตามมโนธรรมที่ดีในจิตใจ หากชีวิตของเขาไม่ถึงที่อับจน ถูกโกง ตกงาน โชคร้าย ได้รับอุบัติเหตุ เจ็บป่วยเรื้อรัง แพทย์รักษาไม่หาย ถูกคนรักทรยศ สามีภรรยานอกใจ ลูกเสียคนทำให้ช้ำใจ แก่ตัว ถูกโชคร้าย ถูกวิญญาณร้ายรบกวน เห็นผีหรือเกินความหวาดกลัว หรือใกล้จะเข้าสู่ความตาย มนุษย์จะไม่สนใจเรื่องพระเจ้า

คนที่ประสบกับเหตุการณ์วิบัติ เคราะ์ห์กรรม อุบัติเหตุ หรือเหตุร้ายเหล่านี้ พวกเขาจะแสวงความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิต่างๆ เช่นการไปดูหมอ ไปหาคนทรง ไปดูไผ่ โยเร ไปหาหมอดู ปรึกษาผีทำนาย ผีญ่านาง ไปผูกดวง ไปทำการสะเดาะห์เคราะห์กรรม ไปนอนโลงศพ ทำพิธีเรียกขวัญ ต่ออายุ เพื่อให้พ้นจากภัยพิบัติต่างๆ แต่น่าเสียดาย คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักพระเยซูจึงไปหาผิดที่ ไปเสียเงินฟรีๆ เสียเวลา เสียสุขภาพจิต บางคนกลับถูกไสยศาสตร์ที่ไปหา ครอบงำซ้ำเติมอีก พยายามแสวงหาความช่วยเหลือแต่ไม่ได้อะไรเพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียง วิญญาณชั่วร้ายที่ปลอมตัวมาในรูปแบบต่างๆ เบื้องหลังวิญญาณเหล่านี้คือการบูชารูปเคารพ บูชาผี ไสยศาสตร์ การประยุกต์ใช้อำนาจของซาตานในรูปแบบต่างๆ ต้องมีการเสียเครื่องบูชา เสียเงินให้แก่ผู้ที่หากินกับสิ่งเหล่านี้

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่พระเจ้า บางครั้งการไปพึ่งพิงสิ่งเหล่านี้ แทนที่จะบรรเทากลับกลายเป็นการถูกซ้ำเิติมให้ทุกข์ทรมานเพิ่มขึ้น
ถูกต้ม ถูกตุ้น ถูกซ้ำเิติมจากคนที่หวังไปพึงพิง ถูกวิญญาณชั่วที่นักไสยเวทย์พึงพิงแอบเข้ามาสิงในร่างกาย ทำให้เจ็บป่วย แพทย์รักษาไม่หาย เกิดมีโรคแทรกซ้อนหลายๆ โรค อย่างน่าสมเพช

นี่คือความจริงที่หลายคนประสพ คนหลายคนเข็ดหลาบกับการที่รับเอาความเชื่อใดๆ อีก กลายเป็นคนที่ไม่เชื่อถืออะไร คิดไปว่าโลกนี้ไม่มีพระเจ้าที่แท้จริง คนเหล่านี้จึงทำตัวให้สุขใจ กินๆ เที่ยวๆ และมีความสุขทางเพศ ทางปาก ทางหู ทางตาไปวันๆ หลอกตัวเองอย่างไม่รู้ตัวไปเรื่อยๆ มีชีวิตอยู่ไปอย่างไร้จุดหมายที่แท้จริง หลงคิดไปว่าชีวิตมันมีแค่นี้ "ตายไปก็พ้นทุกข์" บางคนเบื่อชีวิต จนคิดฆ่าตัวตายให้มันพ้นจากชีวิตที่ อ้างว้าง และเดียวดาย แม้จะอยู่อาศัยในเมืองมีคนมากมาย เดินไปทางไหนถึงมีผู้คนมากมายแต่ไม่มีใครพูดกับใคร หากนั่งรถเมล์คนนั่งติดกันก็ไม่มีใครพูดกับใคร หวาดระแวง กลัว ไม่รู้ว่าจะหาใครที่จริงใจ พูดคุยด้วย หรือทำตัวเป็นเพื่อนแท้ ได้ที่ไหน ไม่มีเลย ในเมืองใหญ่ถึงมีคนมากกลับเดียวดายเหมือนเดินในป่าทึบเพียงคนเดียว

ผมในฐานะผู้ที่ได้สัมพันธ์กับพระเจ้า มาเกือบ ห้าสิบปี แต่เพิ่งมาพบกับพระเยซูจริงๆ เพียงไม่เกิน 7 ปีเท่านั้น ผมจึงขอบอกใครๆ ที่ต้องการเจอของจริง พระเจ้าจริงที่แน่จริง ดีจริง ลองอธิษฐาน กล่าวพระนามของพระองค์ซิ บอกว่า "ถ้าพระเยซูช่วยได้จริง ขอให้ลูกได้พบกับสัจจะที่แท้จริงด้วยเถิด" ลองภาวนาด้วยความจริงใจ ก่อนนอนทุกวัน ไม่เกิน 1 เดือน ท่านจะได้พบแน่ๆ เชื่อเถอะ

>><< เราจะเป็นคนที่มีชัยเหนือความบาป ความชั่วและมีความสุขที่แท้จริงได้อย่างไร

คำถามนี้เป็นคำถามที่คนมักจะถามอยู่เสมอ ในบทความนี้มีคำตอบสำหรับคนที่ต้องการแสวงหาความจริง

ตามความเป็นจริง พระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้บันทึกไว้ในพระธรรมปฐมกาลว่า ในตอนแรกนั้นพระเจ้าได้สร้างมนุษย์ให้มีจิตวิญญาณ ความคิด และจิตใจที่สอาด ผ่องแผ้ว อยู่ในสวนสวรรค์ที่มีพร้อมทุกอย่าง มนุษย์ที่ยังไม่ได้ทำบาปมีใจกล้าที่จะพูดคุยกับพระผู้สร้างอย่างปกติทุกๆ วัน แต่ต่อมามนุษย์คู่แรกได้หลงผิด หลงเชื่อคำหลอกลวงของวิญญาณร้าย ที่เราเรียกมันว่า ซาตาน ที่ได้มาล่อลวงชักชวนให้หลง ทำผิดข้อห้ามที่พระเจ้าได้ห้ามไว้ เพราะหลงเชื่อคำล่อลวงของมาร ที่ว่าพระเจ้ากลัวว่ามนุษย์จะเป็นเหมือนพระเจ้าจึงห้ามไม่ให้กินผลไม้ทิพย์ ด้วยความอยากรู้ อยากเห็น และหวังจะได้ก่อให้เกิดปัญญา มนุษย์จึงหลงทำบาป

การฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของพระเจ้า ทำให้มนุษย์ถูกตัดขาดจากพระเจ้า ขาดจากพระศิริ และไม่สามารถมีชีวิตอยู่โดยสามารถปฏิบัติตามกฎศีลธรรม ตามบทบัญญัติแห่งศาสนาที่ตนนับถือ และมโนธรรมที่ดีที่พระเจ้าได้ใส่ไว้ในจิตใจตั้งแต่เริ่มแรกได้ เนื่องจากความผิดบาป นิสัยบาป ยีนส์บาป ดังนั้นคำแช่งสาปแห่งบรรพบุรุธ โรคตามสายเลือด การถูกครอบงำด้วยวิญญาณชั่วต่างๆ สิ่งเหล่านี้จึงติดตามมนุษย์มาจนถึงคนทุกชาติพันธุ์ วิธีการที่จะทำให้มนุษย์ได้คืนดีกับพระเจ้าก็คือ การไถ่บาปด้วยการเสียเลือดเนื้อของผู้่บริสุทธฺ์ที่สุด นี่คือเหตุผลสำคัญที่พระเยซูคริสต์ได้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ คือเพื่อช่วยคนบาปให้รอดพ้นจากโทษบาปแห่งการละเมิดบทบัญญัติแห่งศาสนาและศีลธรรมด้วยความเชื่อในพระนามของพระองค์ พระเยซูสามารถดำเนินชีวิตอย่างขาวสอาด และมีชัยชนะเหนือความต้องการของเนื้อหนัง ตามธรรมดาของมนุษย์ได้

พระเยซูมีอะไรที่พิเศษกว่ามนุษย์ทั่วไปหรือ

พระเยซูประกาศตนว่ามาจากพระเจ้าและเป็นพระเจ้า: การเป็นพระเจ้าของพระเยซูมิได้เกิดจากการที่คนอื่น หรือผู้ติดตามคำสอนแต่งตั้งให้พระองค์เป็น หรือมีคนยกเอาคุณงามความดีหรือคำสอนที่มนุษย์ค้นพบ หรือบัญญัติขึ้นและถูกยกเป็นพระเจ้า แต่ พระเยซูบอกว่า เราคือพระผู้ช่วยให้รอดของชาวโลก พระองค์พูดและสอนในสิ่งที่พระเจ้ากำหนดไว้ให้พระองค์สอน ให้พระองค์พูด
พระองค์คือพระเจ้าที่ลงมาเกิดรับสภาพเป็นมนุษย์ เพื่อไถ่มนุษย์ออกจากการรับโทษจากการทำบาป

พระเยซูบอกว่า "เราเป็นทางนั้น" ที่จะนำไปสู่สันติสุขอันนิรันดร์ พระเยซูไม่ได้บอกว่า เราเป็นผู้ชี้ทาง
แต่พระองค์เป็นเส้นทาง ที่นำเราไปสู่เป้าหมายสูงสุดที่มนุษย์ทุกคนแสวงหา คือความสุขที่แท้จริงอันนิรันดร์ ไม่ใช่แค่เป็นความสุขชั่วคราว, ความสำเร็จ, สุขภาพ, ร่างกายที่สมบูรณ์ แต่ว่า คือความสันติสุขอันมั่นคงถาวร

พระเยซูบอกว่า "เราเป็นความจริง" และ "เราเป็นชีวิต" ไม่มีใครไปหาพระเจ้าได้ยกเว้นมาทางเรา

การมีชัยเหนือความอยากอาหาร: พระเยซูอดน้ำและอาหารเป็นเวลา 40 วันในทะเลทราย ก่อนที่พระองค์จะออกไปทำความดี รักษาผู้คน และบอกเกี่ยวกับการมาแห่งการปกครองของพระเจ้า ซึ่งชาวคริสต์เรียกสิ่งนี้ว่า แผ่นดินของพระเจ้า ซึ่งเป็นอาณาจักรที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่มีอยู่จริง

การกำเนิดอย่างอัศจรรย์: พระเยซูไม่ได้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ของมนุษย์ชายและหญิงตามธรรมชาติ แต่เกิดจากหญิงพรหมจารี ด้วยฤทธิอำนาจของพระวิญญาณของพระเจ้า พระเยซูมีเชื้อสายเป็นกษัตริย์แต่ยอมลดฐานะมาเกิดในที่อันต้อยต่ำคือรางหญ้าในคอกสัตว์ เทศกาลคริสต์มาสที่คนทุกชาติฉลองกันทั่วโลกก็เพราะพระองค์ยังเป็นอยู่นั่นเองคนทั่งโลกจึงมีการฉลองวันเกิดให้กับพระเยซู

ชัยชนะเหนือผีและวิญญาณ: ตลอดเวลา 3 ปีที่พระเยซูออกไปประกาศเรื่องการมาของแผ่นดินของพระเจ้า หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า การปกครองของพระเจ้าด้านความคิด ความเชื่อและจิตวิญญาณ พระเยซูได้ขับผีออกจากคนต่างๆ มากมาย คนหายจากการเป็นโรคหลายอย่างด้วยการขับผีให้ออกไป

ชัยชนะเหนือความป่วยไข้: พระเยซูทำการอัศจรรย์ได้ด้วยฤทธิเดชของพระเจ้า ที่เรียกว่าพระวิญญาณบริสุทธิที่ประทับอยู่ในตัวของพระเยซู พระองค์ไปที่ใดก็รักษาโรคภัยไข้เจ็บของประชาชนที่ได้รับความทุกข์ยากจากโรค ภัยต่างๆ รักษาคนเจ็บป่วยให้หายจากโรคที่แพทย์ไม่สามารถรักษาไม่หาย ทั้งโรคที่เกิดกับร่างกาย และโรคที่เกี่ยวกับจิตใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ และพระเยซูยังสามารถเรียกคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้

ชัยชนะเหนือความตาย: นอกจากพระเยซูจะเรียกคนตายให้ฟื้นได้แล้ว ศัตรูทางความคิด ความเชื่อของพระองค์ที่เรียกว่า พวกอาจารย์ทางศาสนา (ธรรมาจารย์) ได้ใส่ความและปั้นพยานเท็จปรักปรำ พวกเขาลงโทษด้วยการเฆียนตี ทรมาน ทำทารุณกรรมต่างๆ จนพระองค์บอบช้ำอย่างสาหัส แล้วยังส่งตัวพระองค์ให้ผู้ปกครองประเทศอิสราเอลในขณะนั้น คือตัวแทนของจักรวรรดิ์โรมัน ให้ตัดสินประหารชีวิตพระองค์ด้วยการเอาไปแขวนไว้บนไม้กางเขน โดยการตอกตะปูที่ข้อมือทั้งสองข้าง ที่หลังเท้าทั้งสองข้าง และเอาหนามแหลมสานเป็นมงกุญสวมไว้ที่ศรีษะของพระองค์ และเขียนป้ายประจานด้วยคำว่า พระเยซูกษัตริย์ของพวกยิว เขายอมปล่อยตัวนักโทษที่เลวร้ายเพื่อให้พระเยซูถูกฆ่าตาย เมื่อพระเยซูคริสต์สิ้นชีวิตแล้ว พวกสาวกของพระองค์ได้ขอนำพระศพไปฝังไว้ในอุโมงค์หินแห่งหนึ่งในวันศุกร์

พวกศัตรูของพระเยซูเกรงว่าจะมีคนมาลักพระศพของพระองค์จึงจัดการให้ทหารมี 1 หมู่ไปเฝ้าปากทางเข้าอุโมงค์ไว้ตลอดเวลา พระเยซูสิ้นชีวิตในตอนเย็นวันศูกร์แล้วถูกนำไปฝังไว้แต่ในวันที่ 3 คือเช้าวันอาทิตย์ (ชาวคริสต์เรียกว่า วันอิสเตอร์) เกิดแผ่นดินไหวสั่นสท้าน ก้อนหินก้อนใหญ่ที่ปิดปากอุโมงค์ฝังพระศพของพระเยซูได้กลิ้งออกอย่างอัศจรรย์ เมื่อสาวกของพระเยซูเข้าไปดูในอุโมงค์ก็ไม่พบพระเยซู พวกเขาตื่นตกใจระคนดีใจที่ได้เห็นทูตของพระเจ้าบอกเขาว่าพระเยซูเป็นขึ้นแล้ว

ต่อมาพระเยซูได้ปรากฎตัวในที่ต่างๆ ต่อสาวกของพระองค์หลายๆ คน สาวกบางคนคิดว่าพระเยซูเป็นผี แต่พระเยซูก็ให้พวกเขาจับดูเนื้อหนังของพระองค์ และมีครั้งหนึ่งพระเยซูได้กินปลาปิ้งกับสาวกของพระองค์ด้วย พระเยซูได้สั่งสอนถึงเรื่องราวของพระเจ้าเพิ่มเติมหลังจากเป็นขึ้นจากความตาย
หลังจากนั้นพระองค์ได้พาสาวกไปยังเนินเขาแห่งหนึ่ง พระเยซูสั่งถ้อยคำมีใจความสำัคัญว่า ให้สาวกออกไปประกาศเรื่องการยกโทษความบาปของมนุษย์ให้แก่คนทุกชาติ ทุกภาษา ทั่วโลก เพื่อให้พวกเขารู้ว่าพระเจ้าได้ประกาศการยกโทษบาปของมนุษย์แล้ว

โดยการเชื่อถือข่าวที่พวกคริสเตียนนำไปเล่าให้ืทุกคนฟัง คือเรื่องที่พระเยซูได้ตายที่ไม้กางเขนนั้นเป็นความสำเร็จในแผนการไถ่บาป เป็นการยกโทษบาปของมนุษย์ทุกคน เพราะความบาปเกิดจากคนๆ เดียว และโดยการตายของบุตรของพระเจ้าเพียงผู้เดียวก็สามารถยกบาปโทษของคนทั้งโลกได้เช่นเดียวกัน

เนื่องจากการประกาศเรื่องการยกบาปนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับคนทั่วไป คนทั่วไปจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หรือสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร พระเยซูจึงให้สาวกของพระองค์ทำการอัศจรรย์ต่างๆ คล้ายๆ กับที่พระเยซูเคยทำด้วยการอธิษฐานวางมือบนคนเจ็บ คนป่วย คนเหล่านั้นจะหายโรค เมื่อมีคนถูกวิญญาณร้ายรบกวน หรือถูกของ ถูกผีเข้า พวกคริสเตียนจะสามารถขับผี ปัดรังครวญได้ โดยไม่ต้องมีการเสียค่าใช้จ่าย หรือเรียกร้องเอาผลประโยชน์ใดๆ เพียงแต่คนที่ได้รับการรักษาจะต้องกลับตัวเป็นคนดี เลิกนิสัยบาป เลิกกราบไหว้ รูปเคารพต่างๆ ที่มือมนุษย์ได้สร้างขึ้น หรือสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ เช่น ภูเขา ยอดดอย ต้นไม้ใหญ่ แม่น้ำ ท้องฟ้า และดวงดาว หรือวิญญาณต่างๆ เช่น ภูติผี เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ผีญ่านาง ผีบอป เทพฯใดๆ หรือผีใดๆ ก็ตามที่สิงสถิตในที่ต่างๆ

พระเยซูจะคุ้มครองและดลบันดาลให้คนใดๆ ที่เชื่อในพระองค์มีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี มีความสุข เมื่อเรามีชีวิตอยู่ครบตามวาระแล้ว เมื่อตายไปพระเยซูจะให้เทวดา (ทูตสวรรค์) ของพระองค์มารับเอาวิญญาณที่ตายไปขณะมีเชื่อถือในพระองค์ไปอยู่กับพระองค์ในเมืองสวรรค์

คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าองค์เที่ยงแท้จะตกอยู่ในสภาพถูกเอาเปรียบ ถูกให้เสียทรัพย์ด้่วยการก่อสร้างถาวรวัตถุ หรือ หรือแสวงหาทางออกด้วยการทำบุญ ทำทาน หรือซื้อบุญ หรือไปสวรรค์ด้วยวิธีง่ายๆ คือให้คนอื่นซื้อบุญเผื่อให้ หรือ ทำทานไปให้เช่น เผารถจำลอง เผาบ้านจำลอง เผาตึกจำลอง หรือของจริงๆ หรือสิ่งใดๆ ไปให้ผู้ตายเพื่อจะได้ใช้ในชีวิตหลังความตาย

พวกที่เชื่อในพระเยซูอย่างแท้จริงเมื่อใกล้ตายพวกเขาจะไม่ทุรนทุราย และพวกเขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการไปพบพระเจ้า หรือรู้วิธีเดินทาง หรือาศัยพาหนะ เช่น สุพรรณหงษ์ทองคำ เรือบุศบกส์ ปราสาทกี่ชันๆ หรือกงเต็ก หรืออะไรๆ ที่มนุษย์จินตนาการไปต่างๆ นาๆ ตามความเชื่อของคนแต่ละชาติ แต่ละศาสนา แต่ละเผาพันธุ์ในการไปสวรรค์ เพราะทูตของพระเยซูจะพาพวกเขาไปสวรรค์เอง

คนที่เชื่อในพระเยซูสามารถไปสู่สวรรค์ได้ เปรียบเหมือนกับคนที่จะเดินทางไปในต่างประเทศที่เจริญแล้ว คนที่จะเข้าไปในประเทศอื่นจะต้องขอรับวีซ่า เพื่อรับอนุญาตจากรัฐบาลประเทศนั้นๆ อนุญาตให้เข้าประเทศอย่างถูกต้องได้ คนที่เชื่อพระเยซูก็เช่นเดียวกันพวกจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปอยู่ในสวรรค์พร้อมกับผู้เชื่อคนอื่นๆ ที่ได้เชื่อถือในพระนามของพระเยซูเพราะกลับตัวกลับใจจากความบาป ประพฤติตนเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ ไม่โกงไม่กิน เป็นพ่อแม่ที่ดี เป็นสามี ภรรยาที่ดี ไม่เล่นชู้ ไม่ส่ำส่อนทางเพศ ไม่หน้าไหว้หลังหลอก เป็นคนงานที่ดี เป็นเพื่อนบ้านที่ดี พวกเขาสามารถเป็นคนดีได้เพราะพระเจ้าช่วยเปลี่ยนจิตใจเขาให้เป็นคนดีอย่างอัศจรรย์ อย่างไรก็ตามตามหลักของพระเจ้าแล้วมนุษย์ไม่ได้เข้าสู่สวรรค์ด้วยกระพยายามประพฤติดี แต่พวกเขาได้เข้าสู่สันติสุขนิรันดร์ด้วยการเชื่อในพระเยซูอย่างแท้จริง เชื่อด้วยใจ ปฎิบัติด้วยคำพูดและการกระทำเท่านั้น ไม่ใช่ด้วยคุณงามความดี หรือทรัพยของตน

พระเยซูคือพระเจ้าที่จะเดินทางจากสวรรค์มาตัดสินความผิดบาปของมนุษย์ทุกคน:

พระึคริสต์ธรรมคัมภีร์บอกว่า มีกำหนดสำหรับมนุษย์ทุกคนว่า จะมีการตายหนเดียว และหลังจากนั้นเขาจะต้องเข้าสู่การพิพากษา

หลังจากที่พระเยซูได้ฟื้นคืนชีพจากหลุมฝังศพ พระองค์ได้ปรากฎตัวแก่ สาวก และประชาชนผู้ติดตามพระองค์ เป็นเวลา 40 วัน ก่อนที่พระเยซูจะจากไปพระองค์ได้ปรากฎตัวต่อคนจำนวนถึง 500 ร้อยคนบนเนินเขาแห่งหนึ่งในประเทศอิสราเอล พระเยซูได้สั่งพวกสาวกของพระองค์ว่า

(จากพระธรรมมัทธิว บทที่ 28 ข้อ 18-20)

"พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับ เขาว่า “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”

มีพระเจ้าองค์ใดบ้างที่สัญญาว่าจะอยู่กับคนที่เชื่อถือในพระองค์ตลอดไปจนกว่าจะสิ้นยุค (ถึงวาระสุดท้ายของโลก) เพราะศาสนาในโลกนี้ล้วนแต่เหลือไว้เพียงคำสอนกับสาวก เหลือธาตุธุลี เครื่องแต่งกาย ปูชนียสถาน หรือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์และคำสอนเท่านั้น แต่พระเยซูคริสต์ยังเป็นอยู่ ยังช่วยได้ พระเยซูรักเราทุกคน ถ้าเราเชื่อในพระองค์ พระองค์ถือว่าเราเป็นลูกของพระองค์ มีพระเจ้าองค์ใดเรียกผู้เชื่อว่าเป็นลูกบ้าง พระเจ้ารักเราเหมือนลูก หลายคนอาจมีพ่อแม่ที่ไม่ค่อยดี แต่พระเยซูเป็นพ่อที่ดีของเราทุกคนแม้ว่าเรายังไม่รู้จักพระองค์ หรือทำตัวไม่ดี ไม่น่ารัก เป็นคนเลว หรือเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ

พระเยซูเป็นพระเจ้าที่ได้ตายไปแล้วแต่กลับเป็นขึ้นมาใหม่และยังเป็นอยู่
พระเยซูยังคงทำการอัศจรรย์ผ่านผู้ติดตามพระองค์ ด้วยการรักษาโรคอย่างอัศจรรย์ พระองค์สั่งให้คริสเตียนขับผี วางมือบนคนป่วย การรักษาโรคยังเกิดขึ้นทุกวัน

หากท่านสนใจลองค้นหาดูในอินเตอร์เนท หรือดูรายการทีวีดาวเทียมผ่านรายการทีวีต่างๆ อาทิ GodTV หรือ TBN ฯลฯ ท่านก็จะพบความจริงว่า คริสเตียนที่แท้จริงไม่ใช่ศาสนาคริสต์ แต่เป็นการที่เราได้รู้จักพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ ที่เราไม่ต้องพก ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องเช่า ไม่ต้องพาไปกับเรา ไม่ต้องร่ายคาถาปลุกเสก พระองค์นี้ไม่บุกสลายเพราะมองไม่เห็น ไม่ต้องเสียเงินซื้อพระ หรือเครื่องรางใดๆ หรือต้องซื้อเครื่องบูชาใดๆ ถวาย เพื่อทำให้พระเยซูพอใจ เพื่อพระองค์จะได้อวยพรท่าน ท่านไม่ต้องทำพิธีกรรมต่างๆ เพื่อจะได้พระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า เพราะสารพัดทุกสิ่งล้วนเป็นมาจากพระเจ้า และเป็นของพระเจ้า

พระเยซูประกาศว่า มนุษย์ไม่สามารถทำความดีให้ครบถ้วนเพื่อจะได้ไปสวรรค์
พระเยซูประกาศว่า พระองค์มาจากพระเจ้า มาเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดจากบาป ความทุกข์ และโรคภัย

พระเยซูประกาศว่า มนุษย์ไม่สามารถแสวงหาพระเจ้าควบคู่ไปกับการลุ่มหลงทรัพย์สมบัติแห่งโลก
พระเยซูประกาศว่า มนุษย์จะรอดได้โดยการกลับใจใหม่ เลิกสิ่งเก่า รับเอาพระองค์เป็นพระเจ้าเท่านั้น

สาวกพระเยซู ประกาศว่า เราไม่สามารถซื้อความรอดบาป หรือทำบุญมากๆ หรือทำความดีใดๆ
เพื่อจะได้ไปสวรรค์แต่เราจะได้รับการยกบาปด้วยความเชื่อในพระนามของพระเยซูเท่านั้น


คนทำบาป ทำผิดกฎหมายต้องได้รับโทษฉันใด คนที่ไม่กลับใจจากการทำชั่วและไม่ได้ขอการยกโทษจากพระเจ้าขณะมีชีวิตอยู่ เมื่อเขาตายไป วิญญาณของเขาจะต้องถูกพิพากษาลงโทษให้ไปตกอยู่ในสภาพอันน่ากลัวคือบึงไฟที่เผาไหม้จิตวิญญาณ เป็นเปลวไฟที่ไม่มีวันดับสูญ

วิธีการที่ท่านจะได้รับพระเยซูเป็นพระเจ้า

1. ท่านรู้สึกตัวถึงพฤติกรรมบาป หรือการทำบาปของท่าน และยอมรับว่าในจิตใจลึกๆ ของท่านว่าท่านได้เคยทำบาปมากมาย ท่านตกอยู่ในอำนาจของความบาป มีบางอย่างคอยชักจูงในท่านทำบาปอยู่เรื่อยๆ พฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมทางศาสนา หรือมโนธรรม ท่านไม่อยากทำแต่ท่านยังฝืนทำอยู่เหมือนติด หรือถูกบังคับให้ทำ

2. ท่านต้องถ่อมใจ ถ่อมตัวลง แสดงออกด้วยการคุกเข่าลงและยอมพูดสารภาพความบาปต่อพระเยซูคริสต์ และขอการอภัยบาป

3. ออกปากพูดว่า พระเยซูคริสต์คือพระเยซูคริสต์คือองค์พระเจ้าที่เที่ยงแท้และมีชีวิตอยู่ ลูกขอยอมรับพระองค์

4. ออกปากเชิญพระวิญญาณของพระเจ้าที่ทำให้พระเยซูคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตาย เข้ามาอยู่ในชีวิต ในร่างกาย ในวิญญาณ เป็นพระผู้ช่วยเหลือในทุกๆ ด้านของชีวิต

5. ละเว้นความชั่วทั้งปวง และเริ่มศึกษาชีวิตและคำสอนของพระเยซูจากพระคริสต์ธรรมคัมภีร์

6. หากท่านมีโอกาสก็ให้เลือกโบสถ์ที่จะไป เพราะในปัจจุบันมีโบสถ์คริสต์จำนวนมากกลายเป็นเพียงศาสนสถาน ตั้งขึ้นเพื่อหลอกเอาเงิน หรือเพื่อผลประโยชน์บางอย่างจากคนไม่รู้ หรือชักจูงให้คนเข้าไปอยู่ในศาสนาคริสต์ เพื่อนักบวชชาวคริสต์จะได้เอาชื่อของท่าน หรือถ่ายรูปของท่านไปเบิกเงินจากองค์กรต่างชาติที่สนับสนุนเขาเพื่อความสุขสบายส่วนตัว แต่พวกนักสอนศาสนาคริสต์จำนวนไม่น้อย หรือคริสเตียนที่เกิดจากพ่อแม่ที่มีชื่อในบัตรประชาชนว่า นับถือศาสนาคริสต์ แต่มีพฤติกรรมไม่ต่างไปจากคนบาปทั่วๆ ไป

องค์กรที่เรียกว่าโบสถ์หลายๆ แห่งชักจูงให้ทำพิธีกรรมต่างๆ แปลกๆ บางครั้งเหมือนกับการบูชารูปเคารพทั่วไป หรือการกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิที่อยู่ตามบ้านเรือนทั่วไปที่ช่วยอะไรไม่ได้ การเข้าไปอยู่เป็นเพียงเพื่อให้เข้าอยู่ในคณะนั้น คณะนี้ แบ่งพรรค แบ่งพวก ถือตัวว่าดีกว่าผู้ื่อื่น สอนให้เกลียดคริสเตียนอื่น ไม่ให้เข้าไปร่วมกับการชุมนุมขององค์กรคริสเตียนโบสถ์อย่างนี้ท่านอย่าเข้าไป เสียเวลา เสียเงินเปล่าๆ

ขอพระเจ้าเปิดใจท่านให้เข้าใจข้อความแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตเหล่านี้ เทอญ

คำอธิษฐานขอต้อนรับพระเยซู (คำพูดที่พูดด้วยความจริงใจและมีสัจจะต่อพระเจ้า)

เพราะพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าที่ ไม่ได้สถิตย์อยู่ในวัตถุ สิ่งของ ภูเขา แม่น้ำ เนินสูง ต้นไม้ หรือสิ่งก่อสร้างทางศาสนา ศาลเจ้า หรือเป็นเหมือนผี หรือเทพต่างๆ ที่สถิตอยู่ในเทวสถานที่มือมนุษย์ได้สร้างไว้ พระองค์สถิตทั่วไปหมด พระองค์จะได้ยินคำอธิษฐานอย่างจริงใจของคนบาปที่ต้องการให้พระองค์ช่วยเหลือ

ท่านสามารถอธิษฐานอย่างง่ายๆ ตามแบบนี้

พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ พระเจ้าผู้เป็นอยู่ ข้าพระองค์ขอเรียกพระองค์ว่า พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ ข้าพเจ้าเป็นคนบาป ตกอยู่ในนิสัยบาป เคยทำบาป ไม่สามารถช่วยตัวเองให้พ้นจากโทษแห่งการทำบาปได้ วันนี้รู้ตัวว่าเป็นคนบาป ต้องการการยกโทษบาป ขออาศัยพระบารมีของพระเยซูที่ได้ตายเพื่อคนบาปบนไม้กางเขน ขอฤทธิเดชจากเลือดอันศักดิ์สิทธิของพระองค์ชำระล้างความบาปของข้าฯทั้งสิ้น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าฯ ขอเป็นลูกของพระเจ้าและกลับใจ เลิกจากการบาปทั้งปวง หันกลับมาหาพระเจ้าเที่ยงแท้ ขอพระเจ้าเมตตาประทานชีวิตใหม่ และวิถีชีวิตแห่งความสันติสุขของพระเจ้า

ขอเชิญพระเยซูคริสต์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ โปรดเข้ามาสถิตอยู่ในชีวิต ในความคิด
ในจิตใจ ในจิตวิญญาณของข้าฯ โปรดสอน เตือน นำ และดลบันดาลให้ชีวิตของข้าฯ ปลอดภัยจากอำนาจของซาตานและความบาป ให้ข้าฯ ปลอดภัยอยู่ในพระองค์จนถึงชีวิตนิรันดร์ ข้าฯ ขอกล่าวคำอธิษฐานนี้ด้วยความสัจจริง ในพระนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอพระเจ้าอวยพระพร

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ4/21/2553

    "สาวกพระเยซู ประกาศว่า เราไม่สามารถซื้อความรอดบาป หรือทำบุญมากๆ หรือทำความดีใดๆ
    เพื่อจะได้ไปสวรรค์แต่เราจะได้รับการยกบาปด้วยความเชื่อในพระนามของพระเยซู เท่านั้น"

    หมายความว่าถ้า "เชื่อในพระนามของพระเยซู" ต่อให้ทำตัวเลวทรามต่ำช้าสามารมาตลอดชีวิตก็จะได้ขึ้นสวรรค์เหรอ?

    ตอบลบ
  2. คนที่เชื่อพระเยซูจริงๆ เขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยใหม่
    เขาจะเป็นคนใจคอเยือกเย็น มีเมตตา มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ รู้จักที่จะแบ่งปัน และมีอะไรๆ ดีๆ ทีคนในสังคมกำหนดว่าคนดีต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

    แต่น่าเสียดายถ้าหากเราจะบอกว่า การทำดีทำให้คนได้ไปสวรรค์ มีใครทำดีจริงๆ ไม่เคยผิดบาปบ้างล่ะ พระเจ้าให้เราได้รับความรอดด้วยความเมตตาของพระเจ้าเท่านั้น พระเจ้าจะเมตตาคนที่เสียใจต่อการทำบาป และเลิกทำบาป ฝึกตนแบบวิถีแห่งความรัก และดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมใจ และเชื่อฟังพระเจ้า

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ3/21/2554

    ต่อให้เราเคยทำบาปมามากอย่างไร พระเจ้าทรงอภัยให้ได้ แต่เราเองต้องกลับใจจะไม่กลับไปทำมันอีก พระเจ้าจะทรงทอดพระเนตรที่จิตใจ นี่คือสิ่งที่ยุติธรรมที่สุด หากไม่งั้นแล้วคนบางคนที่เกิดมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่ดีทำให้ตัวเองพลาดพลั้งในการดำเนินชีวิต คนเหล่านี้คงต้องตกนรกเป็นแน่ถ้าไม่มีพระเจ้าให้โอกาสกับเค้า และมันคงไม่ยุติธรรมเลยเพราะเราต่างได้เกิดอยู่ในที่ที่ต่างกัน

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)