Why do you sing "How Great Thou Art?" ไหนว่าพระเจ้ายิ่งไหญ่?


แล้วเราจะร้องเพลงว่า “พระเจ้ายิ่งใหญ่” ได้อย่างสบายใจหรือ ?

จากการรับใช้พระเจ้าอย่างศาสนาจ๋า สู่ชีวิตการรับใช้ที่ยอมเปลี่ยนแปลงโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์


บทความนี้ผมขอร้องให้เพื่อนช่วยเขียนมาครับ สามปีก่อนเขาเป็นฝ่ายศาสนพิธีจ๋า ตอนนี้เขาได้รับประสบการณ์ใหม่ เขาก็ยังเป็นศาสนพิธีจ๋า อยู่บ้าง แต่เขาเกิดผลมากมาย คริสตจักรเติบโต ความเชื่อเริ่มหยั่งราก และแข็งแรงขึ้นมาก เพราะอะไรหรือลองติดตามดูนะครับ
***............................................................**

ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นจากประสบการณ์ที่พบเจอมากับตนเอง ข้าพเจ้ารับใช้พระเจ้าในคริสตจักรเล็กๆ แถวชนบท เมื่อข้าพเจ้าเริ่มทำงานก็มักจะหยิ่งในความรู้ทางศาสนศาสตร์ที่ตนเองได้เรียนมา พยายามทำงานให้สมาชิกพอใจและพยายามคิดว่าจะทำอะไรให้พระเจ้าพอพระทัย ข้าพเจ้าทำงานไปเรื่อยๆ

จนมีวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งซึ่งไม่เชื่อพระเจ้าได้ เข้ามาหาข้าพเจ้าที่คริสตจักร เขาประสบอุบัติเหตุขาหัก ข้าพเจ้าก็แนะนำเขาว่าให้ไปหาหมอเพื่อทำการรักษา เขาก็ตอบว่าไม่มีเงิน เขาเป็นคนไร้สัญชาติ ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ทำอย่างไร เขาก็พูดขึ้นว่าเขาจะกลับไปบ้านเกิดเพื่อให้พ่อแม่พาไปทำพิธีกรรมพื้นบ้าน (คนเหนือเรียกว่า “ เป่า” หมายถึง ใช้คาถาของผู้ทำพิธีกรรมเพื่อรักษาขาที่หัก )

หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็อธิษฐานเผื่อเขา ด้วยคำพูดประโยคเดียวที่ทุกคนใช้เหมือนกันคือ “ พระเจ้าทรงเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ ขอรักษาชายคนนี้ให้หาย แต่ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า” เขาก็กลับออกไป อีกประมาณสามสัปดาห์ เขาก็กลับมาหาข้าพเจ้าที่คริสตจักร บอกว่าตอนนี้เขาเดินได้แล้ว วิ่งก็ได้ โดยไม่ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล ข้าพเจ้าก็ตกใจไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเดินได้เร็วมาก เขาบอกว่าหมอพื้นบ้านใช้การเป่าอยู่ ๗ วันก็หายเป็นปกติ ข้าพเจ้าก็ร่วมดีใจไปกับเขาด้วย

แต่มีคำถามหนึ่งเกิดขึ้นมาใจหัวนี้ว่า “ ทำไมพระเจ้าของเรายิ่งใหญ่มาก ไม่สามารถช่วยเหลือชายผู้ขาหักได้ แต่ปล่อยให้หมอพื้นบ้านรักษาด้วยคาถาหายได้” พอถึงวันอาทิตย์ เราก็นมัสการพระเจ้าด้วยเพลงที่ว่า “ จิตข้าฯสรรเสริญ พระเจ้าองค์พระผู้ช่วย พระองค์ยิ่งใหญ่ พระองค์ยิ่งใหญ่ ” มันยิ่งเป็นการตอกย้ำอีกว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่ตรงไหน ไม่เห็นมีคำตอบให้ชายผู้ขาหักได้

ข้าพเจ้าก็เริ่มที่จะศึกษาเกี่ยวกับพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ว่า พระองค์มาตายไถ่บาปอย่างเดียวหรือ สุดท้ายข้าพเจ้าได้คำตอบว่า ไม่ใช่เพียงอย่างเดียว พระองค์มาเพื่อปลดปล่อยจากอำนาจแห่งความบาป ปลดปล่อยจากการเป็นทาสของผี ปลดปล่อยจากโรคภัยไข้เจ็บ ปลดปล่อยอีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งก็เป็นพระราชกิจส่วนใหญ่ของพระเยซูคริสต์ ปลดปล่อยผู้เชื่อในพระนามของพระเยซู ทำให้ข้าพเจ้าเริ่มคิดว่า ถ้าเราช่วยปลดปล่อยคนเหล่านั้นได้อย่างพระเยซูคริสต์ จะมีคนมาเชื่ออีกมากมาย

เพราะพระเยซูเรายิ่งใหญ่จริงๆ รักษาคนตาบอดหาย รักษาคนง่อยเดินได้ ข้าพเจ้าก็คิดว่า ตาบอดหาย มะเร็งก็น่าจะหาย เอดส์ก็น่าจะหาย หรือโรคที่วิทยาศาสตร์รักษาไม่ได้มีมากมาย ข้าพเจ้าเริ่มเดินหน้าศึกษาจากการสัมมนาต่างๆ และมีคริสตจักรที่อยู่ฝ่ายวิญญาณเป็นพี่เลี้ยงช่วยสอน ช่วยแนะนำ จนในที่สุดคริสตจักรที่ข้าพเจ้ารับใช้อยู่นั้น ได้มีพันธกิจการปลดปล่อยจากโรคภัยไข้เจ็บ และเราก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากคนป่วยที่หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ผู้ป่วยจากหมู่บ้านใกล้เคียงก็เริ่มเข้ามากันมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องออกไปหาเขาเลยเขามาหายเพื่อขอเราอธิษฐานหายโรคโดยนามพระเยซูคริสต์


แต่ก็เป็นที่น่าเสียใจ คือ คริสเตียนด้วยกันเองต่อต้าน บอกว่าถ้าอย่างนั้นมีโรงพยาบาลไว้ทำไม ข้าพเจ้าขอบอกไว้ตรงนี้ว่า พระเจ้าทรงให้มีโรงพยาบาลสำหรับผู้ที่ยังไม่กลับใจใหม่เท่านั้นและมีไว้สำหรับโรคภัยไข้เจ็บบางชนิดที่พระเจ้าก็ต้องการรักษาผ่านทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ข้าพเจ้าไม่ได้ปฏิเสธ 
โรงพยาบาล แต่ข้าพเจ้าคิดว่าพวกคริสเตียนเหล่านี้เขาจะร้องเพลงว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ได้อย่างไร เพราะในชีวิตเขาไม่เคยสำแดงออกมาถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า มีแต่ประชุมและทะเลาะกัน วางโครงการว่าจะทำอย่างไรให้โบสถ์มีกำไร สนใจเฉพาะวัตถุ

คำถามว่าดีไหม ดีครับ ข้าพเจ้าไม่ได้ปฏิเสธ แต่ขอให้วัตถุกับฝ่ายวิญญาณไปคู่กัน เพื่อเราจะได้ร้องเพลงว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่จริงๆ สำหรับท่านที่ไม่เชื่อ ข้าพเจ้าขอร้องท่านว่า อย่าไปบอกว่าเขาสอนผิด สอนเพี้ยน ไม่ถูกต้องตามศาสนศาสตร์ บางครั้งเราเองตีความพระคัมภีร์เข้าข้างตนเองก็มี ต่างคนต่างช่วยกันเพื่อพระนามของพระเจ้าจะออกไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก ถ้ามัวแต่ใช้กฎ ระเบียบของคณะนิกาย อีก ๑๐ ปี ข้างหน้าคริสเตียนก็จะเหลือแค่ ๐.๐๐๐๑ เปอร์เซ็นต์ เพราะเชื่อพระเจ้าแล้วมีแต่นั่งทะเลาะกันว่าโบสถ์ฉันดีกว่า สอนถูกต้อง โบสถ์สอนผิด บางครั้งคริสเตียนชอบทำหน้าที่แทนพระเจ้าพระบิดา คือตัดสินคนอื่น

อาจารย์เปาโลบอกว่า ทำอย่างไรก็ได้ขอให้ประกาศพระนามพระเจ้า ขอท้าชวนให้ทุกฝ่าย เลิกเอาการตีความพระคัมภีร์หยุมๆหยิมๆ มาทะเลาะกันเลยครับ จับมือก้าวไปพร้อมกัน คนเหนึ่งประกาศแบบปลดปล่อยก็ให้เขาทำ คนหนึ่งประกาศแบบสงเคราะห์ปล่อยเขาทำ คนหนึ่งประกาศแบบสายสัมพันธ์ก็ปล่อยเขาทำเพราะทุกคนทำเพื่อพระนามพระเจ้า

อาเมนไหมครับ

โดย เมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อ

กลับไปหน้าแรก HOME click

3 ความคิดเห็น:

  1. ผมขอหนุนใจผู้เชื่อรุ่นใหม่ทุกคนนะครับ การวางมือรักษาโรคให้คนป่วยหาย เป็นสิทธิ์อำนาจ การขับผีออกจากคนป่วยเป็นสิทธิอำนาจ
    ลูกศิษย์ของผมทุกคน มีของประทาน คนละอย่างสอนอย่าง
    ทำให้งานประกาศข่าวประเสริฐได้ผมดี บางคนมีการสังเกตวิญญาณ บางคนเห็นผีอยู่ในตัวคน บางคน เห็นภาพการเปิดเผยจากพระเจ้า อย่างผมรู้วิธี เราจึงขับผีและอธิษฐานเผื่อคนในกลุ่มอธิษฐานของเราเสมอ ผมขอหนุนใจผู้เชื่อพระเยซูรีบขอการเจิมด้วยฤทธิ์เดชโดยด่วนครับ ไม่มีการฤทธิ์อำนาจมันเปลื้องเงิน เปลื้องแรง เปลื้องค่าน้ำมันรถนะครับ แต่ถ้าทุนหนาก็ตามสบายครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ1/03/2554

    ็Haleluyah !

    ตอบลบ
  3. ลุกขึ้นฉายแสงได้แล้วครับพี่น้องที่รักในพระคริสต์

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)