หนูกลัวอ๊วก I donot want to vomit

"หนูกลัวอ๊วก”

เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เด็กสาวคนหนึ่ง (น้องพร-นามสมมุติ) อายุประมาณ ๑๗ ปีได้มาหาผม เธอคงพอจะทราบเรื่อง หรือได้ยินเรื่องราวที่อาจารย์คนหนึ่งมักจะอธิษฐานให้ใครต่อใครหายป่วย วันนั้นเธอได้มาหาผมและถามว่า “อาจารย์คะหนูปวดหลังค่ะ อาจารย์อธิษฐานให้หนูได้ไหมค่ะ”

ผมก็รีบตอบทันควันว่า “ได้สิ แล้วหนูพร้อมจะอธิษฐานเมื่อไหร่” สาวน้อยตอบว่า หนูอยากจะมาให้อาจารย์อธิษฐานในช่วงพักเที่ยงได้ไหมค่ะ เพราะตอนนี้หนูติดเรียนอยู่”



ผมมองเห็นเธอมีบางสิ่งห้อยอยู่ที่คอ เป็นสายสร้อยเส้นใหญ่เลย ผมจึงซักถามเธอว่า เธอแขวนอะไรไว้ที่คอ เธอบอกว่าเป็นตะกรุด ผมจึงบอกว่าหากหนูจะอธิษฐานฝากตะกรุดไว้ที่อาจารย์ก่อนก็ได้ แล้วเราก็แยกกันไป พอถึงเวลาเที่ยงผมก็นั่งไปคอยน้องพรอยู่ในห้องพัก
 หลายวันต่อมา นับเวลาได้ประมาณสองอาทิตย์ ผมก็ได้พบหน้าน้องพรอีกครั้งในช่วงพักเบรค เธอมานั่งรอในห้องเรียนที่ผมใช้สอนอยู่ พอเจอหน้าผมก็ยิงคำถามเลย “ ไหนว่าจะมาขอให้อาจารย์อธิษฐานให้ แล้วทำไมไม่เห็นมาล่ะ ไม่สบาย ไม่มาโรงเรียนหรือ” เพื่อนของเธอ รีบตอบแทนว่า “อาจารย์ค่ะ มันไม่กล้ามา มันกลัวว่ามันจะอ๊วกเหมือนที่เห็นในวีดีโอของอาจารย์” มันบอกว่ากำลังทำใจอยู่ คงเป็นปลายๆ เดือนมันถึงจะมาค่ะ”

ผมก็ถามหนูพรว่าจริงเหรอ เธอก็บอกว่าจริงค่ะ และวันนี้หนูยังเจ็บหลังอยู่หรือเปล่า ผมถามต่อ เธอก็ตอบว่ายังเจ็บอยู่ พอผมซักประวัติไป ก็ได้ความว่า น้องพรเป็นโรคปวดหลังเคยไปตรวจรักษาจากแพทย์ แพทย์บอกว่า เป็นโรคกระดูกที่ยืดขยายตัวเร็วเกินไป เพราะน้องพรโตไวกว่าคนปกติในวัยเดียวกัน จึงทำให้ร่างกายขาดแคลเซี่ยม จึงทำให้มีอาการปวดหลังหนึบๆ  ผมฟังดูแล้วนึกขำในความรู้ของหมอคนนี้ (พี่น้องอย่าเข้าใจว่า ผมดูถูกความรู้ทางการแพทย์นะครับ แต่โปรดทราบว่า ความรู้ทางการแพทย์ยังศึกษาไปไม่ถึง "รากฝ่ายวิญญาณ หรือผีร้ายวิญญาณชั่วที่มาทำให้คนเจ็บป่วย) 

ผมก็บอกว่า "แต่อาจารย์เชื่อว่า โรคแบบนี้สามารถรับการอธิษฐานให้หาย ดีได้ หากหนูยอมเปิดใจให้พระเจ้า" น้องพรเปิดใจอยู่แล้ว แต่ที่ไม่กล้ามาอธิษฐานเพราะกลัวอ๊วก ผมจึงบอกว่า

“วันนี้หนูไม่ต้องอ๊วกก็ได้ อาจารย์จะอธิษฐานเบาๆ หนูจะได้ไม่ต้องอ๊วกไง เอาไหม”

น้องพรก็เปิดใจต้อนรับให้พระเจ้ารักษา ผมก็นำเธออธิษฐานต้อนรับพระเจ้า และอธิษฐานวางมือเธอไป

พอถึงเวลาเรียนน้องพรก็นั่งเรียนไปพร้อมๆ กับเพื่อนๆตามปกติ  เวลาผ่านไปประมาณสิบห้านาที น้องพรก็ลุกขึ้นยืน เอามือปิดปาก พร้อมกับบอกว่า “อาจารย์ค่ะหนูอยากจะอ๊วกค่ะ” ผมก็เลยอนุญาตให้เธอรีบวิ่งไปเข้าห้อง น้ำที่ใกล้ที่สุด พร้อมกับมีเพื่อนไปส่งหนึ่งคน สักพักน้องพรกลับมา พร้อมกับสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับรายงานว่าอาการปวดหลังหายไปหมด และรู้สึกโล่งสบาย หลังจากไปอ๊วกเอา "บางสิ่ง" ออกไปจากร่างกาย

ขอบพระคุณพระเจ้านี่คือพระคุณและฤทธิ์เดชแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูเจ้า ขอพระเจ้าได้รับเกียรติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)