ทุกคนเผยพระวจนะได้

คุณทุกคนเผยพระวจนะได้

เมื่อไรก็ตามที่จะมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นในทางของพระเจ้า หรือในคริสตจักรที่ใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณทุกอย่าง อย่างเต็มขนาด หรือในขณะที่เกิดการเก็บกวาดบ้านของพระองค์ เราจะไม่สามารถยับยั้งการใช้ของประทานการเผยพระวจนะได้เลย เพราะว่าเราจะสัมผัสถึงพลังการเจิมและรู้สึกถึงน้ำพระทัยอันร้อนแรงของพระเจ้าต่อคริสตจักรและต่อคนของพระองค์
(ดังนั้นคุณควรเผยพระวจนะ)
“การเผยพระวจนะ” คือ การนำถ้อยคำที่มาจากหัวใจของพระเจ้ามาสู่ผู้คน เป็นความสามารถฝ่ายวิญญาณที่จะเข้าใจความคิดของพระเจ้าที่มีต่อบางคนหรือบางสิ่งและพูดสิ่งเหล่านั้นออกมา ของประทานทุกอย่างในฝ่ายวิญญาณรวมทั้งการเผยพระวจนะนั้นเป็นการสำแดงออกของหัวใจของพระเจ้า เมื่อคริสตจักรได้ปลดปล่อยของประทานทุกอย่างออกมามากเท่าไรโลกนี้จะเห็นพระเยซูชัดมากขึ้นเท่านั้น
(ดังนั้นคุณควรเผยพระวจนะ)
พระคำ 1 โครินธ์ 14:1 กล่าวว่า “จงมุ่งหาความรักและขวนขวายของประทานฝ่ายพระวิญญาณด้วยความจริงใจ เฉพาะอย่างยิ่งการเผยพระวจนะ” จึงเป็นสิ่งดีอย่างยิ่งที่เราทุกคนจะปรารถนาแสวงหาของประทานการเผย พระวจนะ ความปรารถนาเช่นนี้เป็นสิ่งดี และพระเจ้าจะประทานตามความปรารถนาในจิตใจของคุณ คุณควรอธิษฐานของพระเจ้าช่วยคุณที่จะได้เรียนรู้ในของประทานนี้ อย่าคิดว่าเราต้องมีความสามารถพิเศษอื่นๆ ก่อน เพราะผู้เผยพระวจนะแท้หลายคนของโลกก็ได้เริ่มต้นเมื่อเขาไม่มีของประทานพิเศษใดๆ เลย เราสามารถเรียนรู้จากองค์พระผู้เป็นเจ้าในทุกสิ่งที่เราปรารถนาและหิวกระหายได้ และพระองค์ก็จะประทานให้เสมอ(ดังนั้นคุณควรเผยพระวจนะ)

การเผยพระวจนะยังช่วยในการเตรียมการฟื้นฟูของคริสตจักรและของประเทศชาติเช่นเดียวกับที่ท่านยอห์นได้ถูกใช้ให้เตรียมหัวใจของชาวยิวในการเสด็จมาของพระคริสต์ (ลก 3:4-6) ยอห์น 17:17 กล่าวว่า “ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง” ถ้อยคำที่ใช้ในการเผยพระวจนะ คือ ถ้อยคำที่เป็นการดลใจจากพระเจ้า ซึ่งเรียงลำดับความสำคัญดังนี้

1. คำเผยโดยตรงจาก “พระวจนะของพระเจ้าในพระคัมภีร์” ซึ่งดีที่สุดเพราะไม่ผิดพลาด ไม่มีความไม่
สมบูรณ์ เป็นถ้อยคำแห่งความจริงซึ่งไม่มีการปนโดยสภาพวิสัยของมนุษย์
(ดังนั้นคุณควรเผยพระวจนะ)

2. คำซึ่งผู้เผยที่ได้รับการดลใจซึ่งต้องเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการเปิดเผยข้อลำลึกของพระราชกิจของพระ
วิญญาณและความจริงในพระเยซูคริสต์ แต่คำเผยพระวจนะเช่นนี้จะต้องมีการวินิฉัยว่ามาจากวิญญาณ
ใด เพราะมีวิสัยของมนุษย์ปนอยู่ จะทดสอบว่าเป็นคำที่มาจากพระเจ้าโดยการพิจารณาดังนี้
คำนั้นสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้าหรือไม่
คำนั้นยืนยันกับพระลักษณะของพระเจ้าหรือไม่
คำนั้นเสริมสร้างผู้ที่ได้ยินหรือไม่
จิตวิญญาณของเราเป็นพยานยืนยันกับถ้อยคำเหล่านั้นหรือไม่
(ดังนั้นคุณควรเผยพระวจนะ)

3. คำเผยพระวจนะจะต้องจำกัดอยู่ในเป้าหมาย 3 ประการนี้เท่านั้น คือ
เพื่อทำให้จำเริญขึ้น (ช่วยทำให้ผู้ฟังก้าวสูงขึ้นไปอีกระดับกับพระเจ้า)
เพื่อหนุนจิตชูใจ (ช่วยให้ผู้ฟังกระตือลือล้น และกระหายแสวงหา)
เพื่อปลอบโยน (ช่วยให้ผู้ฟังเข้มแข็งขึ้น)
นอกเหนือจากนี้แล้วไม่ควรเผย
(ดังนั้นคุณควรเผยพระวจนะ)

4. ทุกๆ ที่เมื่อมีการนมัสการจะต้องเป็นความรับผิดชอบของผู้นำหรือท่านศิษยาภิบาล ที่การนมัสการจะ
ไปให้ถึงจุดพบกับพระเจ้า เพื่อรับการเจิมด้วยไฟของพระวิญญาณ และการเผยพระวจนะจะเกิดขึ้นใด้ในเวลาต่อไปนี้
ขณะที่ประชุมนมัสการถึงจุดสูงสุด และเมื่อเสียงเพลงเบาลงเป็นช่วงเวลาที่จะเผยพระวจนะ
แต่ไม่ใช่ช่วงเวลาต่อไปนี้ คือ ขณะนักร้องร้องเพลง ขณะเดินถุงถวาย ขณะเทศนา
ขอพระเจ้าให้คุณเรียนรู้ในการสังเกตการนำของพระวิญญาณและการเจิมที่ปกคลุมอยู่ในการนมัสการ
ไม่ว่าจะเป็นที่คริสตจักรหรือที่บ้านกลุ่มเซลใดๆ
(ดังนั้นคุณควรเผยพระวจนะ)

5. ก่อนที่จะไปร่วมประชุมนมัสการทุกๆ ครั้ง คุณควรจะเตรียมใจด้วยการอธิษฐานที่บ้านและพูดภาษาแปลกๆ เพิ่อ เป็นการชาร์จไฟ และขอพระเจ้าที่พระองค์เองจะให้ถ้อยคำ และให้คุณมีหัวใจปรารถนาที่จะเผยพระวจนะแก่คนของพระองค์
คุณเป็นผู้เผยพระวจนะได้ หากพระเจ้าตรัสให้คุณเผยว่า “ เรารักเจ้าด้วยความรักที่ไม่มีสิ้นสุด พระเจ้ารักคุณเช่นนั้นจริงๆ” ซึ่งอาจจะสั้นแต่ก็เป็นการเผยพระวจนะที่ดียอดเยี่ยมสำหรับทุกคนแล้ว คุณต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะว่ายิ่งคุณเผยพระวจนะมากเท่าไรคุณก็จะได้รับเพิ่มมากขึ้นและดีขึ้นเท่านั้น
(ดังนั้นคุณควรเผยพระวจนะ)
ชีวิตของคุณจะมีรสชาติมีสีสันก็ต่อเมื่อคุณได้นำความรู้นั้นมาใช้ในราชกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น คุณไม่มีทางที่จะเป็นผู้ประกาศที่ดีได้โดยแค่ไปนั่งอยู่ในการสัมมนาสอนการประกาศ เว้นแต่จะได้ออกประกาศในที่ต่างๆ หรือที่ต่างถิ่นโดยการนำจากผู้ดูแลฝึคสอน

คริสตจักรฯ ปรารถนาให้คุณประดับของประทานฝ่ายวิญญาณทุกๆ อย่าง เพื่องานของพระคริสต์ที่คุณจะต้องทำจะเสร็จสมบูรณ์เพื่อความรื่นเริงยินดีอย่างที่สุดในวันที่คุณได้อยู่กับพระองค์

(ดังนั้นคุณควรเผยพระวจนะ)
การเริ่มต้นก็ง่ายเพียงแต่คุณหัดฟังเสียงของพระเจ้าและพูดกับผู้ฟังในทำนองนี้ “ผมเชื่อว่า พระเจ้าต้องการให้คุณทราบว่า...............” หรือ “ฉันรู้สึกว่า พระเจ้าทรงสำแดงบางสิ่งเกี่ยวกับคุณให้ฉันทราบ..............”

คำสอน ของผู้รับใช้พระเจ้าคนหนึ่งที่ส่งมาให้ - ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ1/29/2553

    อยากทราบประวัติคุณโพธิพันธุ์

    ตอบลบ
  2. คุณโพธิ์ เป็นคหบดี ที่อายุไม่มากนัก จบการศึกษาจากต่างประเทศ
    ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเรื่องธุรกิจ ปัจจุบันไม่ทำการงานอาชีพเพื่อหารายได้แล้ว แต่พอมีพอกินไปอีกนาน

    ท่านได้อุทิศตนสำหรับการรับใช้พระเจ้า โดยการสอนตามคริสตจักรต่างๆ ที่สนใจ ท่านมีภาระใจสำหรับการสอน และการฟื้นฟูอย่างมาก คริสตจักรใดที่เชิญท่านไปสอน ท่านจะไม่รับค่าตอบแทนในการสอนใดๆ บางครั้งก็ยังช่วยคริสตจักรที่ยังไม่พร้อมด้านการเงินด้วย

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ1/30/2553

    คำพยานเรื่องพระเยซูนั้นคือหัวใจของการเผยพระวจนะ

    Rev.19:10

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)