ทาสที่ไม่ให้อภัย- Unforgiveness

เทศนา เรื่อง ทาสที่ไม่ให้อภัย
ณ คจ.แม่จัน 8 มิถุนายน 2008
โดย RW Mu.

ข้อพระธรรมสำคัญ มัทธิว 18.23-35
23“เหตุฉะนั้นแผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนเจ้าองค์หนึ่งทรงประสงค์จะคิดบัญชีกับทาส 24เมื่อตั้งต้นทำการนั้นแล้ว เขาพาคนหนึ่งซึ่งเป็นหนี้หนึ่งหมื่นตะลันต์ มาเฝ้า...

จุดประสงค์
1. ให้คนของพระเจ้ากลับใจ สารภาพความบาปผิด ความไม่ให้อภัย และรับการปลดปล่อยจากอำนาจ และผลร้ายของการไม่ให้อภัย
2. เจิมคนของพระเจ้าให้เข้าสู่การสร้างใหม่ โดยพระวิญญาณแห่งความรัก และการให้อภัย
3. ประชากรของพระเจ้ามีท่าทีใหม่ต่อการไม่พอใจการร้ายต่างๆ ที่ได้รับ และรู้เท่าทันกลอุบายของซาตาน

คำนำ
ในยุคเศรษฐกิจทุนนิยม การที่จะทำกิจการอันใด หรือ การซื้อสิ่งของต่างๆ ต้องอาศัยการกู้ยืม การกู้ยืมเงินก็ต้องมีการจ่ายดอกเบี้ย หากไม่สามารถจ่ายดอกและเงินต้น ก็ต้องมีการประนอมหนี้ หากไม่มีการชดใช้ในที่สุดก็ต้องมีการฟ้องศาลให้ชดใช้ด้วยการยึดสมบัติ บ้านเรือนไร่นา รถยนต์ เครื่องใช้ต่างๆ ในบ้าน ทำให้เกิดความทุกข์เข็ญ และความสุญเสีย
บางคนทวงหนี้ไม่ได้ถึงกับไปทำร้ายลูกหนี้ บางคนใช้หนี้ไม่ได้ ทำร้ายชีวิตตนเองและครอบครัว
- ยกตัวอย่างการเป็นหนี้สหกรณ์ จะซื้ออะไรก็ต้องไปสหกรณ์ครู หรือธนาคาร
- ยกตัวอย่างการเป็นหนี้สมัยก่อน เอานาไปจำนอง บ้านทีในละครน้ำเน่าหลายๆ เรื่อง ก็มีเรื่องที่ว่าคนจนเอาลูกสาวไปขายไปเป็นทาส หรือ ให้ทำงานใช้หนี้
บทเรียนจากคำอุปมา
**(หนึ่งตะลันต์ เท่ากับ ประมาณ 20000 บาท 1 หมื่นตะลันต์ เท่ากับ 12 ล้านดอลล่า
เท่ากับ 372ล้านบาท) 1 ตะลันต์ เท่ากับ เงิน (20.4 kg of silver) เงิน ในสมัยนั้น
**เงินภาษีที่ เฮโรดเก็บได้ จากประตูเมืองต่อ 1 ปี ได้เงิน แค่ 900 ตะลันต์
ในที่นี้คือ หมายความว่า เป็นค่าเงินที่ประมาณค่าสูงสุด เท่าที่จะประเมินได้
** เงิน 1 เดนาริอัน คือ ค่าแรงของคนงาน 1 วัน
100 เดนาริอัน เท่าค่าแรง 100 วัน เป็นเงิน เท่ากับ 15,000 บาท

คำศัพท์สำคัญ และความหมาย

เจ้าองค์นี้ คือ พระเจ้า ผู้ที่มีความรักและได้ให้อภัยแก่มนุษย์ที่ทำผิดบาป
ทาสที่ไม่ให้อภัย คือ คนที่ทำผิดบาปมากๆ และไม่สามารถจะแก้ไขตัวเองได้เลย เปรียบเหมือนเป็นหนี้มากเกินที่จะชำระ ได้ คือ เป็นเงินถึง 10,000 ตะลันต์ แต่เมื่อเขาอ้อนวอนต่อพระองค์ พระเจ้าได้ให้อภัยต่อบาปของเขา
ทาสที่ได้รับการอภัยไปข่มเหง เพื่อนทาสที่เป็นหนี้แก่เขาเพียงเล็กน้อย หมายถึง การไม่ให้อภัยต่อความผิดที่เพื่อนมนุษย์ที่เรามีความสัมพันธ์ อยู่ด้วย
ผู้ทรมาน คือใคร เอเฟซัส 4.31-32 31จงให้ใจขมขื่น และใจขัดเคือง และใจโกรธ และการทะเลาะเถียงกัน และการพูดให้ร้าย กับการคิดปองร้ายทุกอย่างอยู่ห่างไกลจากท่านเถิด
The devil and his works

การให้อภัยของพระเจ้า

- การอภัยของพระเจ้าเพราะความรัก เป็นพื้นฐานมาจากของครับ (ยอห์น 3.16)
- พระเจ้าได้เตรียมการให้อภัยโทษบาป ก่อนที่เราจะสำนึกผิด พระเจ้าทรงรู้จักเราทุกคนเป็นอย่างดี (ยอห์น 2.25 25เพราะพระองค์ทรงรู้จักมวลมนุษย์ และสำหรับพระองค์ไม่มีความจำเป็นที่จะมีพยานในเรื่องมนุษย์ ด้วยพระองค์เองทรงทราบว่าอะไรมีอยู่ในมนุษย์)
ในจิตใจของมนุษย์ คือ 9จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ผู้ใดจะรู้จักใจนั้นเล่า 10“เราคือพระเจ้าตรวจค้นดูจิต และทดลองดูใจเพื่อให้แก่ทุกคนตามพฤติการณ์ของเขาตามผลแห่งการกระทำของเขา”

การให้อภัยของมนุษย์
- ต้องดูเหตุผลก่อนว่าน่าให้อภัยหรือไม่ ยกตัวอย่าง ชาวนา 2 คนมีทุ่งเลี้ยงสัตว์ที่รั่วติดกัน, รั่ว มันหัก เขาไม่รู้, วัวออกไปในแดนคนอีกคน, หาว่าเขาลักวัว, 2 ปีผ่านไป ได้ฟังเทศน์ กลับใจ,ไปขอโทษ และคืนดีกัน,
- ขนาดของความผิด บางคนบอกว่า จะ “ชาตินี้จะไม่คืนดีกับมัน” หรือ อย่าให้เห็นหน้ากันดีกว่า”
- บางครั้งต้องการการตอบสนองที่ดีก่อนจึงจะอภัยให้ หรือเขาเอาของมาให้เรา มาดำหัวก่อนแล้วจึงอภัยให้
- ความรักของมนุษย์ธรรมดา คือว่า (ตัวอย่าง) ถ้าเด็กคนไหนน่ารัก พูดจาหน้ารักครูก็จะรักและเอาใจใส่คนนั้นเป็นพิเศษ แต่ถ้าเด็กคนไหนไม่หน้ารัก ทำตัวไม่น่ารักครูหลายๆ คนก็ไม่รักเด็กคนนั้น และถ้าเด็กคนใดที่ครูไม่ชอบหน้า มักจะไม่ได้คะแนนดี ในวิชานั้นๆ

การไม่ให้อภัย
- การไม่ให้อภัย เป็นการวางกับดักให้กับตนเอง และครอบครัว เป็นอาวุธที่เข้ามาอย่างเงียบ แต่ผลการทำลายได้ผลดีเกินคาด เพราะคริสเตียนไม่รู้ตัว (ยกตัวอย่างการวางกับดักไก่บ้าน)
- อารมณ์และไฟแห่งความแค้นจะเผาพลาญเรา โรคร้ายแรงพัฒนาจากการที่ฮอโมนต่างๆ ในร่างกายเกิดการไม่สมดุล ความเครียด ทุกข์ใจ ย้ำคิดย้ำทำ ความขมขื่น ความไม่พอใจ
- เป็นการปิดกั้นพระพร ( มาระโก 11.25-26) เมื่อเราให้อภัย เราได้ปลดปล่อยตัวเองจากบ่วงของมาร เราได้ให้อภัยต่อตัวเองด้วย ในขณะเดียวกันเราได้รับการปลดปล่อยพระพรจากเบื้องบนเข้าสู่ชีวิตของเรา การไม่ให้อภัยเป็นการเปิดประตู ให้ผู้ทรมาน เข้ามาสู่ชีวิต ของเรา อย่างถูกต้องตามวิธีการของมาร คือ (เมื่อเราทำผิด เราห่างจากพระศิริของพระเจ้า มารมีช่องที่จะจู่โจมทันที) การให้อภัยเป็นการรับการปลดปล่อยจากการพันธการทางความคิด อารมณ์ ความเกลียดชัง การปิดกั้นแห่งพระพรต่างๆ คำอธิษฐานไม่ได้รับคำตอบ คริสเตียนมีชีวิตอยู่อย่างจืดชืด และไร้ความกระตือรือร้น
- เกิดรากแห่งความขมขื่น ที่จะสร้างปัญหาแก่ตัวเอง และคริสตจักรในปัจจุบันและอนาคต
- เป็นชีวิตที่ไร้ผล หรือมีผลน้อย (ยอห์น 15.5-7)
- กลายเป็นก้อนหินสดุดทำให้คนหกล้ม สำหรับผู้ที่อ่อนแอในความเชื่อ (ข้าพเจ้าไม่ใช่คำว่าผู้เชื่อใหม่ เพราะว่าเราได้เห็นแล้วว่า ผู้เชื่อที่เปิดใจรับพระคำของพระเจ้า มีวิญญาณจิตที่สูงกว่า คนที่เป็นคริสเตียนมานานหลายๆ คนที่ไม่ค่อยอ่านพระคัมภีร์) 11ยิวชาวเมืองนั้นมีจิตใจสูงกว่าชาวเมืองเธสะโลนิกา ด้วยเขามีใจเลื่อมใสรับพระวจนะของพระเจ้า และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน หวังจะรู้ว่าข้อความเหล่านั้นจะจริงดังกล่าวหรือไม่ (กจ.17.11)

ข้อคิดจากการให้อภัย (ข้าพเจ้าไม่ได้นำกฎเกณฑ์ใหม่ๆ มาให้ท่าน )
- การให้อภัยเป็นงานฝ่ายวิญญาณ เป็นเห็นแก่ความชอบธรรมของพระเจ้า 1 เปโตร 2. 19
- จงระลึกเสมอว่า เป็นพระมหาบัญญัติ มัทธิว 22.37-41 ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
- การให้อภัยเป็นเครื่องหมายของ การมีชีวิตฝ่ายวิญญาณที่เป็นอยู่ในพระคริสต์
1 ยอห์น 3.14 14เราทั้งหลายรู้ว่า เราได้พ้นจากความตายไปสู่ชีวิตแล้ว ก็เพราะเรารักพี่น้อง ผู้ใดที่ไม่รัก ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความตาย 15ผู้ใดที่เกลียดชังพี่น้องของตนผู้นั้นก็เป็นผู้ฆ่าคน และท่านทั้งหลายก็รู้แล้วว่า ผู้ฆ่าคนนั้นไม่มีชีวิตนิรันดร์ดำรงอยู่ในเขาเลย 16
- ให้อภัยแล้วให้อภัยอย่างแท้จริง อย่าเอามาพูดถึงมันอีก (มัทธิว 18.21 -22 ก่อนเรื่องนี้) และไม่มีการจำกัด หากเราพูดถึงมันอีก ก็เหมือน เราเอายังมีความฝังใจลึกๆ 21ขณะนั้นเปโตรมาทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า หากพี่น้องของข้าพระองค์จะกระทำผิดต่อข้าพระองค์เรื่อยไป ข้าพระองค์ควรจะยกความผิดของเขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือ” 22พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เรามิได้ว่าเพียงเจ็ดครั้งเท่านั้น แต่เจ็ดครั้งคูณด้วยเจ็ดสิบ
- เราจำเป็นต้องมีชีวิตด้วยความเชื่อฟังพระเจ้า ตลอดเวลา การให้อภัยเป็นการตัดสินใจ ไม่ใช่ ความรู้สึกอยากจะอภัยเท่านั้น แต่เป็นเจตนารมณ์ เป็นพระมหาบัญชาของพระองค์เพื่อเรา
- การให้อภัยเป็นการเลือกที่จะเชื่อฟังพระเจ้า เพราะรู้ว่า เราก็เป็นคนที่ผิดพลาดอยู่เสมอ และเป็นการตอบสนองต่อพระคุณของพระเจ้า มัทธิว 7.2 และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น 3
- การที่ไม่สามารถให้อภัยได้ เพราะเราคุ้นเคยกับนิสัยบาปของ ชาวโลกที่เราประพฤติตาม ด้วยตัณหา ความต้องการฝ่ายเนื้อหนัง ความคิดในใจ ตามสันดาน พระเจ้าได้เรียกเรา ให้เขาสู่โลกแห่งความรัก และสันติสุข เราไม่สามารถให้อภัยด้วยกำลัง และความคิดของเราได้แต่ต้องอาศัยพลังเหนือธรรมชาติ คือพลังแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตอยู่ในเราผู้เชื่อทุกคน
- เมื่อเราโกรธ หรือไม่พอ หรือได้รับการดูถูก กล่าวหา เราไม่พอ ธรรมชาติ คือเราจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนที่สาม สี่ ห้า ฟัง เพื่อขอความเห็นใจ Justify ว่าเราเป็นฝ่ายถูก แต่ข้าพเจ้าของบอกท่านว่า ท่านไม่ได้ทำให้เรื่องมันดีขึ้น แต่ท่านกำลังขยายความขัดแย้ง
และ กำลังสร้างความแตกแยก
- คราวต่อไปเมื่อท่านพบกับความ เจ็บใจ ถูกใส่ร้าย โดนตำหนิโดยไร้ความผิด จงใช้ยุทธภัณฑ์ฝ่ายวิญญาณ คือ อธิษฐานเผื่อ และพระเจ้าจะทรงปิติในตัวท่าน ยากอบ 4.7 “ 7เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร และมันจะหนีท่านไป 8
- เมื่อประชากรกลับใจ (2 พงศาวดาร 7.14) 15 (จะรักษาแปลว่า จะยกเลิกคำสาปที่มีอยู่ และรักษาคริสตจักรให้หายจากการป่วยใข้ทางวิญญาณ และฟื้นฟูคริสตจักรของพระองค์)

ข้อพระธรรม สำคัญ
มัทธิว 18.23-35
23“เหตุฉะนั้นแผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนเจ้าองค์หนึ่งทรงประสงค์จะคิดบัญชีกับทาส 24เมื่อตั้งต้นทำการนั้นแล้ว เขาพาคนหนึ่งซึ่งเป็นหนี้หนึ่งหมื่นตะลันต์(หนึ่งตะลันต์ มีค่าประมาณสองหมื่นบาท) มาเฝ้า 25ท่านจึงสั่งให้ขายตัวกับทั้งเมีย และลูกและบรรดาสิ่งของที่เขามีอยู่นั้นเอามาใช้หนี้ เพราะเขาไม่มีเงินจะใช้หนี้ 26ทาสลูกหนี้ผู้นั้นจึงกราบลงวิงวอนว่า 'ข้าแต่ท่าน ขอโปรดผัดไว้ก่อน แล้วข้าพเจ้าจะใช้หนี้ทั้งสิ้น' 27เจ้าองค์นั้นมีพระทัยเมตตา โปรดยกหนี้ปล่อยตัวเขาไป 28แต่ทาสผู้นั้นออกไปพบคนหนึ่งเป็นเพื่อนทาสด้วยกัน ซึ่งเป็นหนี้เขาอยู่หนึ่งร้อยเดนาริอัน จึงจับคนนั้นบีบคอว่า 'จงใช้หนี้ให้ข้า' 29เพื่อนทาสคนนั้นได้กราบลงอ้อนวอนว่า 'ขอโปรดผัดไว้ก่อนแล้วข้าพเจ้าจะใช้ให้' 30แต่เขาไม่ยอม จึงนำทาสลูกหนี้นั้นไปจำจองไว้จนกว่าจะใช้เงินนั้น 31ฝ่ายพวกเพื่อนทาสเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ก็พากันสลดใจยิ่งนัก จึงนำเหตุการณ์ทั้งปวงไปกราบทูลเจ้าองค์นั้น 32ท่านจึงทรงเรียกทาสนั้นมาสั่งว่า 'อ้ายข้าชาติชั่ว เราได้โปรดยกหนี้ให้เอ็งหมด เพราะเอ็งได้อ้อนวอนเรา 33เอ็งควรจะเมตตาเพื่อนทาสด้วยกัน เหมือนเราได้เมตตาเอ็งมิใช่หรือ' 34แล้วเจ้าองค์นั้นกริ้ว จึงมอบผู้นั้นไว้แก่เจ้าหน้าที่ให้ทรมาน จนกว่าจะใช้หนี้หมด 35พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงกระทำแก่ท่านทุกคนอย่างนั้น ถ้าหากว่าท่านแต่ละคนไม่ยกโทษให้แก่พี่น้องของท่านด้วยใจกว้างขวาง”

Supporting Scriptures

2 Chorintian 2.9-11
9นี่คือเหตุที่ข้าพเจ้าได้เขียนถึงท่าน หวังจะลองใจท่านดูว่า ท่านจะยอมเชื่อฟังทุกสิ่งทุกประการหรือไม่ 10ถ้าพวกท่านจะยกโทษให้ผู้ใด ข้าพเจ้าก็จะยกโทษของผู้นั้นด้วย ถ้าข้าพเจ้ายกโทษของคนใดๆ ข้าพเจ้าได้ยกโทษของคนนั้น เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายต่อพระพักตร์พระคริสต์ 11เพื่อไม่ให้ซาตานมีชัยเหนือเรา เพราะเรารู้กลอุบายของมันแล้ว

1 คร 13.5 5 ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด 6
ลูกา 23.34 34ฝ่ายพระเยซูจึงทรงอธิษฐานว่า “โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร” เขาก็เอาฉลองพระองค์ จับฉลากแบ่งปันกัน 35

มัทธิว 7.2 และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น 3

1 เปโตร 2. 19
19เพราะว่าผู้ที่ได้รับความเห็นชอบว่าดีนั้น ก็ต่อเมื่อเขาเห็นแก่พระเจ้าและยอมอดทนต่อความทุกข์ที่ไร้ความเป็นธรรม

ผลการเทศนา-
พี่น้องกลับใจประมาณ 5 คน
ได้รับการเจิม พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำ ขอบพระคุณพระเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)