If you choose to love you will have every thing that is good for a life
รักทำไม ทำไมต้องรัก
ขอให้เรารักกันและกันเพราะการกระทำอย่างนั้นก็ได้ทำให้พระบัญญัติทุกข้อสำเร็จ
ความรักอันบริสุทธิ์นั้นบังเกิดมาจากพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าเป็นความรัก พระเจ้าได้แสดงความรักของพระองค์ต่อมนุษย์ออกมาโดยการ ยอมให้พระบุตรของพระองค์ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อจะสามารถไถ่เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่หลงทำบาปให้พ้นจากอำนาจแห่งความชั่วร้าย และมารซาตาน
พระบุตรของพระเจ้าได้แสดงความรักของพระองค์ด้วยการยอมเชื่อฟังพระเจ้า โดยลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ที่ต่ำต้อย ยอมรับการเลี้ยงดูจากมนุษย์ เพื่อจะทำภารกิจแห่งความรักของพระเจ้าคือการไถ่ของพระองค์ให้สำเร็จโดยการยอมถูกตรึงตายอย่างทรมานที่ไม้กางเขน
ความรักเป็นเป้าหมายสูงสุดอย่างหนึ่งของชีวิต มนุษย์ เราทั้งหลายจะได้พบกับพระเจ้า หรือต้องลงนรกก็เพราะเหตุแห่งการเลือกที่จะรัก หรือเลือกที่จะทำสิ่งที่ตรงข้ามกับความรักนั่นเอง
ความรักเป็นสิ่งมีค่า คนที่จะรักษาความรักไว้ หรือมีได้ครอบครองความรักจึงต้องมีการลงทุน
พระบิดาได้ประทานความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลายเพราะเหตุพระองค์ทรงยอมเสียสละพระบุตรของพระองค์ให้มารับการตายเพื่อไถ่บาปให้มนุษย์ได้หลุดพ้นจากอำนาจแห่งความบาป และคำแช่งสาปแห่งการไม่เชื่อฟัง
ในพระคัมภีร์ได้ให้นิยามความรักไว้ว่า ความรักคือความอดทนนาน ความปลาบปลื้มในความดี การมองเห็นส่วนที่ดีของคนอื่น การไม่เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว
แต่คนที่มีความรักบกพร่อง มองเห็นความรักเป็นเรื่องการเอาแต่ได้ การครอบครอง การได้มีความสุขจากการเสพสมทางเพศ การยึดถือไว้เพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว เมื่อไม่ได้สมใจก็กลายเป็นความเกลียด การทำลายล้างชีวิต
เราจึงได้พบเห็นข่าวว่า คนได้ฆ่าผู้อื่นที่ตนเองรัก แล้วฆ่าตัวเองให้ตายไปด้วย ทั้งๆ ที่คนที่เกี่ยวข้องยังไม่อยากจะตาย แต่เพราะความเห็นแก่ตัว คนที่ขาดความรักที่แท้จริง จึงถูกจิตแห่งความหลอกลวงชักพาให้ทำลายชีวิตคู่รัก หรือครอบครัวของตนเพื่อตอบสนองความเห็นแก่ตัวของตน
ต้นไม้ขาดสารอาหารบางอย่างจะไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ ไม่สามารถออกดอกผลที่งดงามน่ารับประทานได้ฉันใด คนที่มีชีวิตที่ปราศจากความรักอันแท้จริง ชีวิตก็จะไม่สามารถเกิดผลอันงดงามได้ฉันนั้น
ความรักอันบริสุทธิ์ จึงเป็นเหมือนเครื่องบำรุงชีวิตจิตใจของมนุษย์อย่างแท้จริง คนที่มีความรักเขาจะสามารถอดทนต่อความยากลำบากเพื่อความรัก เขาจะรู้จักเสียสละ เขาจะรู้จักอดกลั้นใจ เขาจะมองโลก มองคนอื่นในแง่ดี เขาจะไม่สิ้นหวังในความรัก เขาจะเชื่อในส่วนที่ดีของคนที่เขารัก เขาจะมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่เขารักโดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนมากเกินไป แต่คาดหวังเพียงให้คนที่เขารักได้มีความสุข มีความสบาย และอยากเห็นคนที่เขารักปลอดภัย มั่นคง
คนที่เลือกที่จะรักอย่างพระคริสต์ เขาจึงเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง เหมือนมีพลังแห่งชีวิตทำให้เขามีสุขภาพอารมณ์ จิตใจ และจิตวิญญาณที่ดี
คนที่เลือกความรัก เขาก็เลือกชีวิต เพราะเมื่อเขาเลือกที่จะรัก เขาได้เลือกเอาการเชื่อฟังพระเจ้ามาครอบครองเป็นเจ้าเหนือชีวิตของเขา และความรักนี้แหละคือเกราะป้องกันชีวิตทำให้ผีมารวิญญาณชั่วไม่สามารถเข้ามาทำลายชีวิตทุกๆ ด้านของเขาได้เพราะชีวิตเขามีภูมิต้านทานชีวิตที่ดีแล้ว
เราไม่สามารถจะทำลายเชื้อโรคทุกชนิดให้หมดสิ้นไปจากโลกได้ เราเพียงแค่สามารถป้องกันเชื้อโรคบางชนิดไม่ให้เข้าสู่ร่างกายของเราด้วยการไม่เปิดโอกาสให้เชื้อโรคเข้ามาสู่ร่างกายของเราได้
แม้เชื้อโรคบางอย่างจะสามารถปนเปื้อนเข้ามาสู่ชีวิตของเราได้ทางการกินอาหาร การสัมผัส หรือทางการสูดดม แต่ถ้าคนไหนมีระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่แข็งแรง เขาก็จะไม่เจ็บป่วยง่าย เขาจะมีความมั่นคงทางอารมณ์จิตใจ เขาจะไม่อารมณ์เสียง่ายๆ เพราะเหตุเชื้อโรค หรือสิ่งไม่ดีใดๆ ที่มากระทบชีวิตได้เช่นกัน
ความรักเป็นเหมือนภูมิคุ้มกันชีวิต เป็นเหมือนสารอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตที่ดีเลิศครบถ้วนที่สุดที่พระเจ้าได้ประทานให้กับเราทั้งหลาย แล้วเราจะตอบสนองต่อความรักของพระเจ้าได้อย่างไร
พระคริสต์ได้สอนสาวกว่า ถ้าผู้ใดรักพระเจ้าเขาจะแสดงตัวว่าเป็นสาวกของพระองค์ด้วยการ “รักซึ่งกันและกัน” และถ้าผู้ใดรักพระองค์ ผู้นั้นก็จะปฏิบัติตามคำสอนแห่งพระบัญญัติครบถ้วนแล้ว
คนที่ถือพระวจนะจึงสำแดงตนออกมาเป็นบุคคลแห่งความรัก เป็นบุคคลแห่งความเสียสละ เขาจะสะท้อนพระลักษณะของพระเจ้าที่สถิตอยู่ในตัวเขาออกมาอย่างเป็นธรรมชาติผ่านทางการพูดการเขียนที่ประกอบด้วยความรัก การแสดงออกทางสีหน้า แววตาที่บ่งบอกถึงพระลักษณะแห่งความรักของพระเจ้า
ยามใดที่เขาถูกปะทะด้วยความเข้าใจผิด การถูกด่าทั้งๆที่เขาไม่ผิด เขาจะไม่ตอบโต้อย่างหยาบคาย เขาไม่แช่งด่า แต่เขาจะถ่อมใจยอมรับการชี้แนะ เขาไม่เย่อหยิ่ง เขาไม่ถือตัวดีกว่าคนอื่น เขาไม่คิดเห็นแก่ตนฝ่ายเดียว แต่เขารู้จักการเสียสละ การให้ตามวาระและโอกาสและเขาให้ยืมโดยไม่หวังกำไร
ยามใดที่เขาถูกปะทะด้วยความเข้าใจผิด การถูกด่าทั้งๆที่เขาไม่ผิด เขาจะไม่ตอบโต้อย่างหยาบคาย เขาไม่แช่งด่า แต่เขาจะถ่อมใจยอมรับการชี้แนะ เขาไม่เย่อหยิ่ง เขาไม่ถือตัวดีกว่าคนอื่น เขาไม่คิดเห็นแก่ตนฝ่ายเดียว แต่เขารู้จักการเสียสละ การให้ตามวาระและโอกาสและเขาให้ยืมโดยไม่หวังกำไร
ผู้ใดที่มีความรักของพระคริสต์ครอบครองใจอยู่จึงแสดงความเมตตาของพระเจ้าที่มีอยู่ในตัวเขาออกมาโดยไม่ต้องมีใครบังคับ ไม่ต้องเสแสร้งทำออกมา หรือด้วยการถูกชักจูงด้วยผลประโยชน์ แต่เขาให้ด้วยใจยินดี แม้เขาไม่มีที่จะให้แต่เขาก็ยังจะพยายามช่วยเป็นตัวกลางส่งต่อความรักผ่านตัวเขาได้
ผู้มีความรักของพระคริสต์นั้นอดทนต่อความยากลำบากต่อความเชื่อในพระคริสต์ด้วย เขายึดถือความศรัทธาในพระองค์ได้โดยไม่ตอบโต้อย่างหยาบคาย เขาไม่ยอมให้ความชั่วชนะความดีในตัวเขา เขายอมถูกดูหมิ่น ยอมถูกหยามเพราะเหตุความเชื่อฟังตามพระวจนะมากกว่าจะทำตามอย่างวิถีและวัฒนธรรมของผู้นับถือเงินและกราบไหว้สิ่งอื่นเป็นพระเจ้า
พระคริสต์ได้ตั้งมาตรฐานในการเป็นสาวกของพระองค์ไว้ข้อหนึ่งคือว่า
“ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา"
[ยน.13:35]
คำสั่งสำคัญที่อัครทูตได้สั่งสอนผู้เชื่อ คือ
“สิ่งที่เราสั่งท่านทั้งหลายไว้ก็คือ ท่านจงรักกันและกัน”
และ “ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า”(1ยน.4)
เนื่องในวันที่ชาวโลกถือเป็นวันแห่งความรัก ข้าพเจ้าอยากเชื้อเชิญให้ผู้เชื่อพระเจ้าทั้งหลายได้ลองพิจารณาดูว่า ท่านยังดำเนินชีวิตอยู่ในความรักตามอย่างของพระคริสต์หรือไม่ ข้าพเจ้าอยากหนุนใจในท่านที่จะปฏิญาณตัวว่า จะยึดถือความรักเป็นหลักการในการดำเนินชีวิตอย่างจริงจัง และตลอดไปเพื่อชีวิตของท่านจะได้พบความสันติสุขอย่างแท้จริงทั้งในชีวิตปัจจุบันและในอนาคต
ข้าพเจ้าเชื่อและมีประสบการณ์ว่า
ถ้าผู้ใดที่ยอมตนอยู่ในคำสอนแห่งความรักเขาจะเป็นผู้มีสุขภาพดี อารมณ์ดี และมีครอบครัวที่อบอุ่น ทุกคนในครอบครัวจะได้บ่มเพาะชีวิตด้วยสิ่งเลิศที่สุดในโลก และเขาจะมีเมล็ดแห่งความรักในตัวเอง และเมล็ดแห่งความรักนี้จะแพร่กระจายออกไปสู่สังคม ชุมชน และทุกแห่งที่พวกเขาเหยียบย่างไป เพราะว่าพระพรมากมายจะไหลไปสู่ชีวิตของทุกคนที่มีความรักตามคำสั่งสอนอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์
สุดท้ายนี้ขอจบบทความนี้ด้วยพระวจนะที่กล่าว่า
"ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า ถ้าเราทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน พระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในเราทั้งหลาย และความรักของพระองค์ก็สมบูรณ์อยู่ในเรา" (1ยน.4:12)
ถ้าผู้ใดยึดมั่นอยู่ในความรัก เขาก็ได้อยู่ในพระเจ้าแล้ว และจะไม่มีสิ่งชั่วร้ายใดๆ มาทำอันตรายชีวิตของเขาได้ และเขาได้แสดงตัวว่าเป็นคนของพระเจ้าแล้วอย่างแท้จริง
และข้าพเจ้าเชื่อว่า ผู้ที่มีความรักของพระเจ้าครอบครองใจ เขาก็เป็นประชากรแห่งแผ่นดินของพระเจ้าอย่างแท้จริงแล้วอย่างแน่นอน
ถ้าผู้ใดยึดมั่นอยู่ในความรัก เขาก็ได้อยู่ในพระเจ้าแล้ว และจะไม่มีสิ่งชั่วร้ายใดๆ มาทำอันตรายชีวิตของเขาได้ และเขาได้แสดงตัวว่าเป็นคนของพระเจ้าแล้วอย่างแท้จริง
และข้าพเจ้าเชื่อว่า ผู้ที่มีความรักของพระเจ้าครอบครองใจ เขาก็เป็นประชากรแห่งแผ่นดินของพระเจ้าอย่างแท้จริงแล้วอย่างแน่นอน
ชาโลม
เขียนโดย Rice Mu
14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015
Tags; ความรัก +ความหมายของความรัก + บทความเรื่องความรัก + รักอย่างพระคริสต์ + การเป็นสาวก + การปลดปล่อย + ชัยชนะเหนือศัตรู + การขับผี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)