ทำอย่างไรประเทศไทยจึงจะฟื้นฟู- Potipan

ผู้ที่พระเจ้าใช้สร้างสิ่งปรักหักพังโบราณ
“และสิ่งปรักหักพังโบราณของเจ้าจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ (โดยคนของเจ้า)
เจ้า จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อมกำแพงที่พัง
ผู้ซ่อมแซมถนน ให้คืนคงเพื่อจะได้อยู่อาศัย” อิสยาห์ 58:12
สิ่งแรกซึ่งพระเจ้าทรงประสงค์ให้เราทำเพื่อการฟื้นฟูคือการเริ่มต้นที่เมืองของพระเจ้าซึ่งถูกทำลายก่อนที่จะทำสิ่งอื่นใดๆ นั่นก็คือเริ่มที่บรรดา ค.จ. ต่างๆ ของพระองค์ที่ๆ ไฟมอดไป เนหะมีย์ 2:17 “ท่านทั้งหลายเห็นแล้วว่าเราตกอยู่ในความลำบากอย่างไร ที่เยรูซาเล็มสลักหักพังลง และไฟไหม้ประตูเมืองเสียนั้น มาเถิดให้เราสร้างกำแพงเยรูซาเล็มขึ้น เพื่อเราจะไม่ต้องอับอาย” ท่านมองเห็นไหมว่านี่เป็นเรื่องของ ค.จ. ต่างๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งสำคัญยิ่ง หากท่านยังไม่เห็นท่านน่าจะไปดู ค.จ. ต่างๆ ที่ขาดไฟของพระเจ้า และท่านควรจะไปในวันธรรมดา ท่านน่าจะเห็นภาพแห่งความจริง เหมือนที่ เนหะมีย์ 2:13 “ในกลางคืนข้าพเจ้าออกไปทางประตูหุบเขา ( the Valley Gate) ........และข้าพเจ้าได้ตรวจดูกำแพงเยรูซาเล็มที่พังและประตูเมืองที่ถูกไฟทำลาย” เมื่อนึกถึง ค.จ. เหล่านั้นที่สมาชิกหายไปเกือบหมดและปล่อย ค.จ. เป็นแค่สถานที่พบปะกันข้าพเจ้าก็ต้องน้ำตาไหลเพราะพระวิญญาณของพระเจ้าเร้าอยู่ภายในใจข้าพเจ้า การขัดสน โรคภัยไข้เจ็บ การขาดความรัก ไม่มีสันติสุข ล้วนแต่เป็นฝีมือของมารซาตานเหมือนกับที่ศัตรูได้เข้ามาเผาเมืองเยรูซาเล็มของพระเจ้า พระเจ้าทรงต้องการผู้คนของพระองค์ใครก็ได้ที่เห็นเหมือนกับพระองค์และยินดีรับงานนี้ “และสิ่งปรักหักพังโบราณ (สิทธิอำนาจซึ่งพระเจ้าให้อาดัมและเอวา—ผู้แปล) ของเจ้าจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่”
.           
เช่นเดียวกันพระเจ้าทรงใช้พระคำใน อิสยาห์ 58:12 กล่าวแก่บรรดา “ผู้นำ” การฟื้นฟูของพระองค์และผู้ที่สมัครใจรับหน้าที่เป็น “ผู้นำ” การฟื้นฟู พระเจ้าเชื้อเชิญและปรารถนาอย่างยิ่งเพื่อให้ทุกคนเป็น “ผู้นำ” การฟื้นฟูเพื่อการสร้างราชอาณาจักรของพระองค์ในโลกนี้โดยงานต่างๆ ที่แตกต่างกันไป เพราะการฟื้นฟูเกิดได้เพราะคนนี้คือ “ผู้นำ” ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับอีกคนหนึ่งคือ “ผู้ร่วม” การฟื้นฟู “ผู้ร่วม” จะไม่ยอมคิดหรือนำหน้าในงานใหม่ๆ ที่จะบังเกิดขึ้น เขาจะรอจนกว่าเห็นว่ามีการฟื้นฟูแล้วจึงจะปักใจเชื่อ และหากในพื้นที่ (หรือ ใน ค.จ.) ของเขาไม่มี “ผู้นำ” การฟื้นฟูเลย มีแต่ “ผู้ร่วม” การฟื้นฟู เราก็อาจจะไม่เห็นการฟื้นฟูในจังหวัด (หรือใน ค.จ.) ของเขาเกิดขึ้นได้ แน่ทีเดียวที่พระเจ้าจะไม่ทรงยอมให้เป็นเช่นนั้น

การฟื้นฟู คือ การที่พระเจ้าทรงให้มีการกลับคืนของสิทธิและอำนาจของราชอาณาจักรของพระองค์หรือแผ่นดินของพระเจ้าใน ค.จ. และในชีวิตของ วิสุทธิชนของพระองค์ “แผ่นดินของพระเจ้าไม่มาด้วยนิมิตที่จะสังเกตได้......แผ่นดินของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางท่านและอยู่ภายในท่านทั้งหลาย” ลูกา 17:20-21 และมีการปลดปล่อยออกมาสู่โลกภายนอกด้วย “ความจริง” “การรักษาโรคให้หาย” “การขับผีออก” “เรียกคนตายให้ฟื้น” “หมายสำคัญ” และ “การอัศจรรย์” เพื่อประกาศเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า มีคนมารอดมากมายอย่างต่อเนื่องมีการพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลง(transformation)ในตัวบุคคล ในครอบครัว และ ใน ค.จ. และออกไปสู่คนอื่นๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะจบลงเมื่อใด และ ค.จ. จำเริญขึ้นอย่างมากใน “ความเชื่อ” “ความเป็นหนึ่งเดียวกัน” และ “ในการใช้ของประทาน” พร้อมกับมีความชื้นชมยินดีอย่างยิ่งในหมู่ผู้เชื่อ เนื่องจากราชอาณาจักรของพระเจ้าได้ถูกแย่งกลับคืนมาเป็นของพระองค์

ใน ค.จ. และในจังหวัดต่างๆ ท่านจำเป็นที่จะต้องพึ่งพากันและกันเพื่อทำให้งานฟื้นฟูของพระเจ้าสำเร็จ แน่ที่เดียวที่สมาชิกที่ต้องการการเกิดผลอย่างมากจำเป็นต้องออกต่างถิ่นเพื่อปลดปล่อยของประทานซึ่งจะเกิดผลอย่างยิ่ง ซึ่งหลังจากที่สมาชิกได้เรียนรู้ด้วยความหิวกระหายและยอมรับในของประทานเหล่านั้นแล้ว ขณะที่ท่านรับใช้ หรือถือศิลอดอธิษฐาน หรืออธิษฐานประจำวัน ท่านควรมีท่าทีที่ถูกต้องด้วยในงานฟื้นฟูคือ
1. อันดับแรกเกี่ยวกับท่าที การที่จะเป็น “ผู้นำ” ในงานฟื้นฟู ท่านจะต้องไม่มีท่าทีที่เกียวกับ
ตำแหน่ง (อยากเป็นผู้นำ) หรือกับการเป็นผู้รู้ดีสอนคนอื่นๆ จริงอยู่อาจมีบางคนมองท่านด้วยความคิดเช่นว่านี้ แต่ท่านจงเป็นผู้ที่ติดตามพระเยซูคริสต์มีท่าทีที่ถูกคือท่าทีทำงานด้วยหัวใจที่ รัก และ ปรนนิบัติ ผู้อื่น หากท่านไม่มี 2 อย่างนี้แล้วมโนธรรมของท่านก็จะทำให้ท่าน

1.1 กลัวผู้อื่นกล่าวว่าท่านทำงานเพื่อเอาชื่อเสียง และท่านจึง
1.2 ไม่อยากเป็น “ผู้นำ” การฟื้นฟูแต่อยากเป็นเพียง “ผู้ร่วม” และที่แย่ที่สุดคือ
1.3 ท่านกำลังมองเห็นว่าคนอื่นๆ ทำงานเอาแต่น่าเพื่อชื่อเสียงทุกคน ดังนั้นท่านจึงไม่ทำอะไรเลย และไม่สนใจไม่มีภาระกับการฟื้นฟูเท่าที่ควร

2. “ผู้นำ” การฟื้นฟูเท่านั้นที่มองเห็นการฟื้นฟูและพูดประกาศ(เป็นพยาน)การฟื้นฟู “ผู้ร่วม” การฟื้นฟูมองไม่ชัดและพูดปฏิเสธการเกิดการฟื้นฟู เขามองไม่เห็นกำแพงเมืองซึ่งถูกทำลายอยู่หรือสิทธิของพระเจ้าที่ถูกแย่งชิงไป (คุณต้องเข้าใจเขาเพราะเขาอาจเกิดมาก็เห็นกำแพงเมืองนั้นถูกทำลายอยู่แล้วเขาจึงไม่ได้เห็นข้อแตกต่าง) ทั้งน้ำตาของเขาไม่เคยไหลออกเพื่อสิ่งเหล่านี้ แม้เขาอยู่ในการฟื้นฟูแล้วเขาก็ยังอธิษฐานว่า “ขอพระเจ้าประทานการฟื้นฟูและเชื่อว่าพระเจ้าจะให้มีการฟื้นฟู” โดยไม่ได้คิดว่าตนเองจะเป็นผู้นั้นที่พระเจ้าจะใช้ในการนำการฟื้นฟู “ผู้ร่วม” การฟื้นฟูจะคิดเช่นนี้และรอไปเรื่อยๆ (จนกว่าพระเยซูจะเสด็จกลับมา) “ผู้ร่วม” การฟื้นฟูคือผู้ที่ท่านจะต้องเปลี่ยนเขาให้เป็น “ผู้นำ” การฟื้นฟู ซึ่งหมายถึงว่า “ผู้ร่วม” การฟื้นฟู คือผู้ที่พร้อมแล้วที่ท่านจะร่วมมือกับพระเจ้าในการเปลี่ยนเขาให้เป็น “ผู้นำ” การฟื้นฟู เนหะมีย์ 2:18 “......และเขาทั้งหลายพูดว่า ให้เราลุกขึ้นสร้างเถิด เขาก็ปลงใจลงมือทำการดีนั้น” แล้วงานของพระเจ้าในด้านต่างๆ ในการฟื้นฟูก็จะเดิน และ เมื่อนั้นท่านจะมี
2.1 ผู้นำในด้านการนมัสการฟื้นฟู
2.2 ผู้นำในด้านถือศิลอดอธิษฐานเพื่อการฟื้นฟู
2.3 ผู้นำในด้านแจกใบปลิวเป็นพยานเพื่อการฟื้นฟู
2.4 ผู้นำในด้านคำเทศนากลับใจใหม่ในการฟื้นฟู
2.5 ผู้นำในด้านวางมือรักษาโรคให้หายและการอัศจรรย์
2.6 ผู้นำในด้านเผยพระวจนะ
.
ใน อิสยาห์ 58:12 พระเจ้าทรงต้องการ “ผู้นำ” ซึ่งไม่จำเป็นที่ผู้นั้นจะต้องที่มีความสามารถอยู่ก่อนแล้วในทุกสิ่งหรือในบางสิ่งข้างต้น 1 ซมอ.16:7 “........มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอกแต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ” พระองค์ทรงต้องการผู้ที่ “มีหัวใจ” และให้ทั้งหมดหัวใจกับการฟื้นฟูของพระองค์ ท่านจะร้องไห้เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ ค.จ. เป็นอยู่ขณะนี้ยังห่างไกลจากสิ่งที่ควรเป็น แต่หยดน้ำตานี้มาจากพระเจ้าและจะยืนยันว่าพระองค์อยู่กับท่านทุกเวลา เนหะมีย์ 2:18 “และข้าพเจ้าบอกถึงการที่พระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่กับข้าพเจ้าเพื่อยังผลดี........”. เมื่อผู้ร่วมการฟื้นฟูได้ลุกขึ้นกลายมาเป็นผู้นำการฟื้นฟูในท้องถิ่นและในจังหวัดหรือแม้แต่ข้ามจังหวัดของเขา เมื่อถึงวันนั้น น้ำตาของท่านที่เคยไหลออกก็จะพบที่พักแห่งความยินดีของมัน พระเจ้ายังทรงให้สัญญาแก่ผู้ที่ไม่มีความสามารถแต่มีหัวใจที่สัตย์ซื่อเหล่านี้อีกว่า “ เจ้า จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อมกำแพงที่พัง”

3. ในขณะที่ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าไปอยู่ในการฟื้นฟูที่กำลังเกิดขึ้นแล้วเช่น มีการเทศนาคนกลับใจมาเชื่อพระเจ้า มีการหายโรค มีการเปลี่ยนแปลงนิสัยความเป็นอยู่พ้นจากการเป็นทาสยาเสพติด เป็นต้น แต่ผู้นั้นกลับบอกว่า “ขอพระเจ้าทรงฟื้นฟูและเชื่อว่าจะเห็นการฟื้นฟู” การพูดเช่นนี้เท่ากับว่าผู้นั้นได้ปฏิเสธความจริงที่การฟื้นฟูกำลังบังเกิดขึ้นแล้ว คำพูดหรือคำเทศนาของผู้นั้นจะถูกตัดการเจิมทันทีเพราะเขาปฏิเสธการทำงานของพระเจ้า และพูดเป็นนัยให้กลับไปเริ่มงานฟื้นฟูตั้งแต่แรกคือด้วยคำอธิษฐาน แทนที่จะสานต่องานฟื้นฟูด้วยงานการประกาศเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า การนำคนมารอด และการนมัสการอธิษฐานสรรเสริญพระเจ้า และตั้ง ค.จ. เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับตัวอย่างเมื่อผู้เทศนาผู้หนึ่งเทศนาเรื่องการรักษาโรคอย่าละเอียดแต่ไม่มีการเจิมในคำเทศนาเลยเพราะเขากลับพูดในระหว่างเริ่มต้นคำเทศนาว่า “วันนี้ผมจะเทศนาเรื่องการรักษาโรคแต่ผมก็ไม่ทราบว่าวันนี้พระเจ้าจะทรงรักษาโรคที่คุณเป็นอยู่หรือเปล่า” นี่เป็นการปฏิเสธไม่สนใจกับสิทธิอำนาจและพระคุณของพระเจ้าโดยตรง และเขาไม่ใช่ผู้ที่พระเจ้าจะใช้ได้ในพันธะกิจรักษาโรค และเป็นสิ่งที่เสียเวลาของที่ประชุมเปล่าๆ หากผู้เทศนาเองไม่กลับใจในทัศนะคติใหม่
แล้วท่านจะเป็นผู้ซ่อมสิ่งปรักหักพังและกำแพงที่พังได้อย่างไร
คำตอบ คือ ท่านจะต้องไม่ “วิจารณ์” สิ่งปรักหักพัง (ของ ค.จ.) แต่ท่านจะต้อง “ซ่อม”
“พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า วิบัติแก่ผู้เผยพระวจนะโฉดเขลา ผู้ติดตามวิญญาณของตนเอง และไม่เคยได้เห็นอะไรเลย อิสราเอลเอ๋ยผู้เผยพระวจนะของเจ้าเหมือนสุนัขจิ้งจอกท่ามกลางสิ่งปรักหักพัง เจ้าไม่ได้ขึ้นไปถึงที่ชำรุด และไม่ได้สร้างกำแพงเพื่อพงศ์พันธ์อิสราเอล เพื่อให้ตั้งอยู่ได้ในสงครามในวันแห่งพระเจ้า”

เอเสเคียล 13:3-5
ท่านไม่จำเป็นต้องไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อจะหาพบข้อบกพร่องของ ค.จ. แท้ที่จริงท่านไม่จำเป็นต้องเป็น ค.ต. ด้วยซ้ำหากท่านจะหาข้อบกพร่องของ ค.จ. แต่หากท่านต้องการเป็นเหมือนพระคริสต์ท่านจะต้องตายเพื่อ ค.จ. คือตายเพื่อความบาปของประชาชน หมายถึงท่านจะต้องเป็นผู้อธิษฐานวิงวอนและยืนอยู่ในช่องว่างระหว่างกำแพง ช่องว่างคือระยะห่างระหว่าง สิ่งที่มันเป็นอยู่เดียวนี้---กับ---สิ่งที่มันควรเป็น The ‘gap’ is the distance between the way things are and the way things should be.
ท่านได้เห็นบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือ? นั่นก็เพราะพระเยซูคริสต์ปรารถนาให้ท่านยืนอยู่ระหว่างช่องว่างนั้นและเห็นมันเปลี่ยนแปลง เราบางคนอาจเคยร้องว่า “ใครคือผู้ที่พระเยซูจะนำมาฟื้นฟูและเปลี่ยนแปลง ค.จ. ของพระองค์?” เราพูดเช่นนี้ก็เพราะเราคิดว่าคงจะเป็นผู้อื่นที่พระองค์ทรงใช้สำหรับงานนี้ แต่ใน อิสยาห์ 58:12 พระองค์กำลังพูดกับเราว่า “เจ้าเป็นชายและหญิงที่คนทั้งหลายกำลังมองหา” You be the men and women that others are looking for. พระองค์ขอให้ท่านเป็น “ผู้ทำการฟื้นฟู” เมื่อมีการฟื้นฟูสิ่งแรกที่จะหายไปคือ คำกล่าวหา คำตำหนิ การว่ากล่าวข้อผิดข้อบกพร่องและคำพูดซุบซิบนินทาใน ค.จ. ก็จะหายไป

พันธะกิจในยุคสุดท้าย (end-time ministries)
อีกอย่างหนึ่งสิ่งที่ท่านต้องทำในการฟื้นฟูรวมถึงจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการลื้อฟื้น ค.จ. ต่างๆให้เข้าส่วนในพระกายเดียวกัน ในความเป็นหนึ่ง ในความรัก และในความบริสุทธิ์ ไม่ใช่เฉพาะในนิกายเดียวกันเท่านั้นแต่ทั้งจังหวัด “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าจะเสด็จมา และที่พระองค์จะทรงรวบรวมเราทั้งหลายไปเป็นของพระองค์นั้น.........” 2 ธส. 2:1 “พระองค์ทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว ทั้งสี่ทิศนั้นตั้งแต่สุดฟ้าข้างนี้ถึงสุดฟ้าข้างโน้น” มธ. 24:31 การรวบรวมคนของพระองค์นั้นหมายถึงทางด้านร่างกายและจิตวิญญาณที่เป็นหนึ่งเดียวในคนทั้งปวงของพระองค์ด้วย “อีกประการหนึ่ง แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนอวนที่ลากอยู่ในทะเล ติดปลารวมทุกชนิด เมื่อเต็มแล้วเขาก็ลากขึ้นฝั่ง นั่งเลือกเอาแต่ที่ดีใส่ตะกร้า.......” มธ.13:47-48 “ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา และผู้ใดที่ไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป” มธ. 12:30 นี่เป็นพระคำหลายข้อแต่ท่านจำเป็นที่จะต้องทราบว่างานฟื้นฟูไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะในเรื่องส่วนบุคคลเท่านั้น เนื่องจากเราได้ก้าวเข้าสุดยุคสุดท้ายแล้วในขั้นตอนของการเตรียม ค.จ. เพื่อรับเสด็จการกลับมาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า

การกระจัดกระจายและการแบ่งฝ่ายในระหว่างฝูงแกะของพระองค์ได้เกิดขึ้นมาช้านานพอควรแล้ว พระเยซูได้ทรงตั้งพระทัยเพื่อการเยียวยารักษาพระกายของพระองค์ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ในหนังสือ เยเรมีย์ 23:1 พระองค์ทรงเตือนด้วยความเสียพระทัยว่า “พระเจ้าตรัสว่า วิบัติจงมีแก่ผู้เลี้ยงแกะ ผู้ทำลายและกระจายแกะของลานหญ้าของเรา” พระองค์ไม่ทรงพอพระทัยในการแบ่งแยกในพระกายของพระองค์ แน่นอนมีเวลาแห่งการลงโทษซึ่งจะมาถึงในไม่ช้าสำหรับผู้รับใช้ที่ยังคงมุ่งสร้างอาณาจักรของตนเองแทนที่จะปล่ำสู้เพื่อสร้างราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้า เยเรมีย์ 23:2 “.......ดูเถิดเราจะเอาใจใส่เจ้า เพราะการกระทำที่ชั่วของเจ้า”

ศ.บ. มีหน้าที่จะต้องสร้างและส่งเสริมสมาชิกให้เข้มแข็งออกรับใช้ในต่างที่ให้เกิดของประทานและการใช้ของประทานอย่างมากมาย จำนวนสมาชิกก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากตามการอวยพรของพระเจ้า และแผ่นดินของพระเจ้าก็จะขยายออกไปอย่างรวดเร็วตามการทรงสถิตของพระองค์
ใน ยอห์น บทที่ 10 พระเยซูได้ตรัสอย่าชัดเจนว่าพระองค์จะทรงรวบรวมฝูงแกะเป็นฝูงเดียวและให้มีผู้เลี้ยงเดียว (ข้อ 16) เพราะพระองค์ให้เรารู้ว่าลักษณะของสุนัขป่านั้นต้องการชิงแกะไปและกระจายแกะส่วนลักษณะของลูกจ้างก็ไม่เป็นห่วงแกะ(คือผู้นำที่เป็นห่วงตนเอง)จึงยอมปล่อยให้แกะกระจัดกระจายไป (ข้อ 12-13)

ในความจริงในเวลานี้เรากำลังอยู่ในยุคแห่งการมีส่วนร่วมใน “การรวบรวม” ของพระองค์ เราจะต้องถ่อมใจของเราและยอมจำนนมอบหัวใจต่อความปรารถนาของพระเยซู เพื่อว่า ศ.บ. ทั้งหลายในยุคสุดท้ายจะอยู่ในการทรงเลี้ยงที่ดีขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเยซูคริสต์ และเพื่อการรวบรวมส่วนที่ยังเหลืออยู่เพื่อมีการเจิมในการเกิดผลและเพิ่มจำนวนอีกอย่างมาก ขั้นตอนนี้กำลังเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าสิ่งขวางกั้นระหว่างพี่น้องผู้เชื่อจะหลอมทำลายลงและเอาชนะโดยสภาพความรักของพระคริสต์ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับมาเราจะเป็นฝูงแกะเดียวและมีผู้เลี้ยงเดียว เราจะเป็นฝูงแกะที่บริสุทธิ์และปราศจากตำหนิร่วมประชุมในสถานที่ต่างๆ แต่บัพติศมาเข้าเป็นการเดียวกัน ท่านคือ “ผู้ซ่อมแซมถนน ให้คืนคงเพื่อจะได้ อาศัยอยู่” และผู้ที่จะมาอาศัยอยู่ก็คือ.......................................?.***
เยเรมีย์ 1:12 “แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า เจ้าเห็นถูกต้องดีแล้ว เพราะเราเฝ้าดูถ้อยคำของเราเพื่อให้กระทำ
สำเร็จ”
สุภาษิต 3:7 “อย่าคิดว่าตนฉลาด จงยำเกรงพระเจ้า และหันจากความชั่ว”

1 ความคิดเห็น:

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)