นิกายโปรเทสแตนท์ ของคณะใหญ่ของประเทศไทย
การดำเนินการ
1. จัดการอบรมพี่เลี้ยงสำหรับ กรอกใบติดสินใจรับเชื่อ หรือข้อมูลในการติดต่อกลับ 2 ครั้ง2. จัดหาเวที เครื่องไฟ ทราบว่าคืนละ 40,000 บาท (งานนี้ทุนหนา)
3. จัดทำเอกสารแจกในงาน
4. ระดับบิ๊กของคณะมาเกือบครบ ในพิธีเปิด
การจัดกิจกรรม
1. มีการนมัสการแบบฟื้นฟู เพลงสั้น + เพลงยาว+ เพลงร่วมสมัย ต่อเนื่อง รวดเดียวจบ
2. ขั้นด้วยคำพยานชีวิตของดาราที่เป็นคริสเตียน พอจะมีคนรู้จักอยู่บ้าง
3. คำเทศนาของ ดร.วิล เกรแฮม
4. เมื่อเทศนาจบ ประมาณ 30-40 นาที จะมีการเรียกให้ตัดสินใจรับเชื่อพระเจ้า
5. อธิษฐานนำรับเชื่อจาก ผู้เทศนาบนเวที พี่เลี้ยงออกมาจดชื่อคนรับเชื่อ
6. แยกย้ายกันกลับบ้าน
ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
ก. เป็นการดีที่คริสเตียนจะมารวมกันเฉลิมฉลองใหญ่ปีละอย่างน้อย 1 ครั้ง เหมือนงานนี้ข. ถ้าคริสเตียนทำได้อย่างชาวยิวจากทุกที่ทุกตำบล ทั่วแว้นแคว้น ที่มารวมกันที่กรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสคา ชาวคริสต์ในแต่จังหวัด คงจะมีความสามัคคีกันมากขึ้น กำแพงแห่งคณะ กลุ่ม หรือ พวกคงจะพังลงบ้าง หรือกลายเป็นเพียง รั่วหรือคอก
ค. การนมัสการทำไมจึงเป็นแบบ ข้อ 1 ด้านบน อาจเป็นเพราะ...
- ทำให้คนเข้าถึงพระเจ้าได้ง่ายขึ้น
- เร้าอารมณ์ เพราะเพลงมันต่อเนื่องและใช้เวลาพอสมควร
- มีการเต้นโลดขณะร้องเพลง เหมือนกับการนมัสการของดาวิด
- คริสต์จักรในเครือนี้หลายๆ แห่ง ผู้นำคริสตจักร และ/หรือ ศบ. หัวเก่า ติดวิญญาณศาสนาคิดว่าทำไม่ได้ และไม่ดี และไม่ควรทำ โบสถ์เราก็ไม่มีเงินซื้อเครื่องดนตรี เด็กเราก็ไม่มาโบสถ์ คนสอนก็ไม่มี เด็กส่วนใหญ่ไปเรียนพิเศษวันอาทิตย์ เราไม่มีเด็กแล้ว (อนาคตเราก็จะไม่มีคนมาโบสถ์แล้ว)
- ไม่เน้นพิธีรีตรองทางศาสนพิธี ไม่เน้นยกย่อง พิธีกรคนอ่านระเบียบพิธี หรือเจ้าหน้าที่แผนกใดๆ
- ที่สำคัญที่สุด การนมัสการแบบฟื้นฟู น่าจะดึงดูดความสนใจของคนได้มากกว่า
- ในงานนี้ผมมองไม่เห็นหัวหน้าใหญ่ของหลายๆ คณะ และไม่เห็น คณะกรรมการของหัวหน้าใหญ่จากคณะอื่นๆ มาร่วม หรือถ้ามาก็ไม่เปิดเผยตัวเอง เพราะอะไรหนออาจเป็นเพราะในใจลึกๆ ของคนพวกนี้ มันยังเก็บความแค้น ความเจ็บใจ ความเจ็บป่วยและความเจ็บปวดได้ในใจของเขาอยู่? คริสเตียนจึงมีคณะ กลุ่ม พวก และการแบ่งแยกเผ่าพันธ์
- เมื่อการนมัสการพระเจ้าแบบฟื้นฟูดึงดูดคนได้ดี ทำไมคริสตจักรหลายแห่งไม่คิดประยุกต์ใช้ละ ทำไมจึงร้องแต่เพลงสมัยเมื่อหลายร้อยปีก่อน อยู่อย่างเดิม ไม่พัฒนาให้ร่วมสมัย รู้ว่ามันน่าเบื่อสำหรับคนใหม่ๆ ทำไมไม่ปรับเปลียนล่ะ ทำไมต้องยึดติดกับว่า เพลงไทยนมัสการคือเพลงของบรรพบุรุธของฉัน เพลงชีวิตคริสเตียนคือเพลงพวกนั้น หรือในทางกลับกัน บางคนอาจมีความคิดว่า เพลงคัลเลอร์ซองคือเพลงของพวกปัญญาอ่อน เพลงทำนองก๊อปปี้จากเพลงวอชีิบของ วงดนตรีต่างประเทศทำไมได้รับความนิยมและคริสต์จักรน้องใหม่หลายๆ แห่งเปิดรับได้ แต่คริสตจักรที่มีแต่ไม้ใกล้ฝัง ผู้ปกครองและศิษยาภิบาลหัวเก่ารับไม่ได้ เพราะเกินความสามารถในการรับรู้ของสมอง หรือว่า ไม่รับเพราะต้องการให้คริสตจักรเป็นแบบศาสนจักรโรมอันยิ่งใหญ่ในยุคแรก จึงอยากให้ยิ่งใหญ่เหมือนในสมัยยุคเริ่มแรกที่นับวันจะเสื่อมและพังทลายกลายเป็นเพียง ศาสนาที่ตายแล้ว
- การเทศนานำคนกลับใจของ ดร.วิล ดีมากสามารถดึงดูดคริสเตียนที่อ่อนล้าจากการติดตามศาสนาให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ในการนับถือพระเยซูคริสต์อีกครั้ง แต่เมื่อเขากลับไปเจอสภาพ เสื่อมโทรมของตัวอาคารโบสถ์และการนมัสการอย่างจืดชืด และเน้นพิธีรีตรองอย่างเดิมเขาจะกลับทำตัวแบบเดิมไหม
- ผู้คนที่มาจากทั่วสารทิศคาดหวังว่าจะมีการอธิษฐานเผื่อคนป่วยที่หอบสังขารมาในงานนี้ เพราะคิดว่าพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์จะมาพร้อมด้วยฤทธิเดชและการหายโรค แต่น่าเสียดาย หลานของนายบิลลี่ นักประกาศ (Evangelist) ที่ทำการประกาศด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ด้วยการหายโรค หลังจากผ่านไปหลายสิบปี พันธกิจที่มีมรดกทางด้านฤทธิเดช ความคิดและทรัพย์สมบัติกลายเป็นเพียง เถาต้นองุ่นที่กลายพันธุ์เป็นเพียงต้นผักปั๋ง เป็นเพียงนักพูดชนะใจคนมากกว่าการสำแดงถึงฤทธิเดชของพระเจ้าในการรักษาโรคอย่างอัศจรรย์ที่เป็นของคู่กัน น่าเสียดายจริงๆ ไม่รู้ ดร.วิลกลัวอะไร กลัวคนไม่หาย กลัววิญญาณศาสนา กลัวตำรวจจับ หรือว่าเขาไม่เชื่อว่าการอัศจรรย์ในพระนามของพระเยซูไม่มีในคำเทศนาของเขา น่าเสียดายจริงๆ
- ใครแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ช่วยแปลแล้วส่งอีเมล์ให้ ดร. วิลอ่านด้วยจะขอบคุณมาก
ขอบ่นแค่นี้ สวัสดี
A letter to Will Graham
....................................
Februaty 7, 2010
Dear Dr. Will Graham
Firstly, I need to say thank you for your visitation to my province, Chiang Rai, Thailand (A province where you go to preach the festival of peace and riding the elephants).
Your preaching and message of peace were good and as you can see many Christians came back to God.
As a baby in Christian ministry, I should like to comment on your preaching.
May I ask you this..
Why didn't you pray for the healing of sick people.
Why did you teach only the message without the miraculous power in the Name of Jesus. Are you afriad you will loose your face when sick people would not get healed?
Did somebody scare you that you can not do healing prayer?
Many people brought sick people to your meeting but you did not pray for the sick. They were very upset with the Gospel of Jesus which always come with power of healing that you preached.
You may or may not read this email but I am sure I can remind you or your staff something because I have experienced many times that the Gospel of Jesus always comes with power.
Do you use Billy Graham only the Name to attract people but do not use the power that Billy had used?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)