การอธิษฐานปลดปล่อย ด้วยความเชื่อ 6 พ.ค.12 Deliverance in May



คำพยานการปลดปล่อยการการอธิษฐานด้วยความเชื่อ

เช้าอาทิตย์วันนี้(๖ พ.ค. ๒๐๑๒) ทีมของเรา (www.idmt.org) ได้รับเชิญให้ไปเทศนาในคริสตจักรในสังกัดกลุ่มคริสตจักรเชิงอนุรักษ์ เนื่องจากมีคนที่มีวิญญาณรบกวนมาโบสถ์ หญิงคนนี้มาขอให้ พี่น้องคริสเตียนทั่วไป อธิษฐานหลายอาทิตย์แต่ยังไม่หายดี เวลาหญิงคนนี้เดินไปไหนก็มันจะมีอาการวูบลงหมดสติไปเฉยๆ บ่อยๆ แขนขาถลอกเพราะล้มลงไปแบบไม่รู้สึกตัว ศิษยาภิบาลได้เชิญให้ทีมปลดปล่อยเราไปอธิษฐาน ผมเลยถือโอกาสท้าทายว่า เอางี้ให้ผมไปเทศนาปลดปล่อยคนทั้ง คจ เลยดีไหม ศบ ก็โอเค ผมขอบคุณพระเจ้าเสมอที่มีโอกาสไปรับใช้ ในคริสตจักรทุกแห่งที่หิวกระหายการปลดปล่อย
ทีมของเรา และตัวผมไปถึงแต่เช้า ผมได้พูดคุยกับคนนำพิธีนมัสการเพื่อทำความเข้าใจวิธีการเทศนาและการอธิษฐานปลดปล่อย ผมบอกว่า การเทศนาของผมไม่ใช่เป็นแบบพิธีการ ผมจะเทศนาตามการทรงนำ เพื่อให้คนได้คืนดีกับพระเจ้า การเทศนาของผมมีผลกระทบต่อคนอย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าจะมีการกลับใจใหม่ คนป่วยจะได้รับการบำบัดเยียวยา ให้หายป่วย หายโรค และเมื่อเทศนาเสร็จผมก็จะอธิษฐานวางมือ และขับผีด้วย

ผมจึงขอร้องพิธีกรวันนี้ช่วยกรุณาสลับโปรแกรมหน่อย คือให้เอาช่วงการถวายทรัพย์มาก่อนการเทศนา แต่พิธีกรเขาบอกว่า "ไม่ได้ค่ะเพราะมันเป็นระเบียบของกลุ่มคริสตจักรของเรามันต้องเป็นแบบนี้"  และอย่างไรก็ตามเธอยืนยันว่าเปลี่ยนไม่ได้ และไม่ยอมเปลี่ยนแม้ว่าจะเป็นการขอร้องของผู้รับใช้พระเจ้าก็ตาม  และเธอยังยืนยันอีกว่า ต้องมีการอธิษฐานปิดการนมัสการอย่างเป็นทางการด้วย  ผมก็รู้สึกว่า เธอจะเคร่งครัดกับระเบียบมากไปหน่อย เหมือนมีอะไรมามัดไว้ ไม่ให้การนมัสการมีอิสระ  ผมก็บอกเธอไปว่า โอ้นี่เอาแบบเต็นสูตรเลยหรือ  ผมนมัสการบางวันยังไม่มีการอธิษฐานเปิด อธิษฐานปิดอะไรสักอย่างเลยนะ  แต่พิธีกรก็ยังดันทุรังต่อไป   ศบ. ก็มากระซิบผมว่า อาจารย์ครับอย่าเทศนานานนะครับ เรามีระเบียบของเราอยู่ เราต้องทำตามระเบียบ ผมเลยบอกว่า ขอสักสามสิบถึงสี่สิบนาทีก็พอ

โอ้ผมเข้าใจมานานแล้วว่า "วัฒนธรรมและพิธีกรรม" คืออะไร คริสตจักรบางแห่งเขากลัวระเบียบวาระพิธีนมัสการมากยิ่งกว่าการได้รับการปลดปล่อย การหายโรค หรือรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ บางแห่งถือตามพิธีกรรมมากกว่าผลิตผลแห่งการมาเฝ้าพระเจ้า พูดง่ายๆ คือเน้นพิธีการ หรือวิธีการ มากกว่าผลของการนมัสการ

ผมได้รับคำสอนมาว่า ไปเมืองโรมให้ทำแบบชาวโรมบ้างถ้ามันไม่ทำให้งานของพระเจ้าเสียหายมาก ผมจึงยินยอมให้เขาทำตามที่เขาเคยทำ คือไปตามระเบียบพิธีกรรม แต่ขณะที่ผมเทศนาใกล้เสร็จผมได้บอกให้คนที่อยากปลดปล่อยว่า ให้รอหลังเลิกนมัสการแล้วค่อยมารับการอธิษฐาน

ภายหลังเสร็จสิ้นการนมัสการมีพี่น้องที่หิวกระหายการปลดปล่อย ที่เจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและอารมณ์ รออยู่เกือบสามสิบคน ผมจึงเริ่มการอธิษฐานปลดปล่อยปรากฎว่า คนหายโรคกันเยอะเลย แต่มีคนหนึ่งที่เป็นทุกข์มากกว่าใคร คือเป็นโรควูบ ก่อนการนมัสการผมสอบถามเขาว่าเคยไปทำอะไรเกี่ยวกับไสยศาสตร์มาบ้าง เขาบอกว่า "เยอะเลย" ผมจึงอธิษฐาน และก็ได้ผลจริงๆ ผีสำแดงตัวออกมาโดยใช้หลอดเสียงของหญิงคนนี้ พูดโต้ตอบกับผม มันใช้ภาษาพม่าในการพูดกับผม ซึ่งผมไม่เข้าใจภาษาพม่าสักนิด แล้วจะคุยกะผีได้อย่างไร ผมจึงบังคับให้มันพูดภาษาไทย ตอนแรกมันแกล้งทำไขสือ ไม่ยอมพูด แต่เมื่อโดน "ไฟลน" มันจึงยอมพูดกับผมเป็นภาษาไทยที่ผมสามารถเข้าใจได้

ผมจึงถามโน้นถามนี่มันซะหน่อยว่า มันมาทำไม มันบอกว่ามันคือสามีของหญิงคนนี้ ผมก็เลยขับมันออกมา วิญญาณตัวนี้ถูกขับออกไปอย่างไม่ยากนัก พี่น้องก็หายดีกันทุกคน 100%
ผมจึงบอกให้พี่น้องที่หายดีว่า คนที่หายดีแล้วให้ทำบางสิ่งที่แสดงออกถึงการขอบคุณพระเจ้า สำหรับการปลดปล่อยและการหายโรค พี่น้องก็รับคำ ผมจึงจบการอธิษฐานปลดปล่อยด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่มีพี่น้องที่ใจดีพาทีมของเราไปเลี้ยงอาหารเที่ยงที่คล้อยบ่ายไปบ้างแล้ว ที่ร้านอาหารใกล้ๆ บริเวณนั้นก็ขอขอบคุณพระเจ้าและขอบคุณเจ้าภาพมา ณ โอกาสนี้

ที่ผมเล่ามานี้ คือสิทธิอำนาจของผู้เชื่อ ในพระนามพระเยซูเจ้า
ขอพระเจ้าอวยพรให้ผู้เชื่อพระเจ้ามั่นใจว่า พระเจ้ามีจริง พระเจ้าช่วยได้ ให้ยำเกรงพระเจ้า อย่าเล่นกับบาป เพราะจะกลายเป็นทาสของผีมารวิญญาณร้าย พระเจ้าทำงานทุกแห่งไม่ว่าเป็นโบสถ์แบบไหน นมัสการแบบไหน จะสั้นจะยาวไม่สำคัญ ขอให้เรามานมัสการพระเจ้า ด้วยจิตวิญญาณและด้วยความจริงเท่านั้น พระเจ้าช่วยเราได้แน่นอน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)