Apostasy : การละทิ้งความเชื่อดั่งเดิม
การติดตามพระเจ้าของแต่ละคนอาจมีจุดประสงค์แตกต่างกันไป บางคนติดตามพระเจ้าเพราะต้องการให้พระเจ้าช่วยเหลือในการดำเนินชีวิต เช่น ขอให้อวยพรในการประกอบอาชีพ ในการเรียน ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน และความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต บางคนต้องการหลุดพ้นจากกรรมเก่า บางคนต้องการที่พึ่ง บางคนต้ัองการสันติสุข บางคนเพียงแค่ต้องการหายโรคและอยู่ในศาสนา
เมื่อคนอยู่ในภาวะคับขัน ถูกกดขี่บีบคั้นจะพยายามขอความช่วยเหลือจากคน ถ้าคนช่วยไม่ได้ หมอช่วยไม่ได้ก็จะพยายามเข้าหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อคนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีความปลอดภัย ไม่เจ็บป่วย มีทรัพย์สิ่งของต่างๆ มากขึ้น ความสนใจเรื่องพระเจ้าจะน้อยลงไป แต่อันนี้ก็ไม่ใช่กฎเกณฑ์ที่ตายตัว คนจำนวนไม่น้อยที่เป็นคนฉลาดเขามองไปถึงอนาคต มองไปถึงชีวิตหลังความตาย เมื่อรวยแล้วต้องแสวงหาความมั่นคงทางการเงิน ฐานะ และเมื่อได้ทุกสิ่งแล้วบางคนก็แสวงหาความเป็นอมตะของชีวิต
คนที่ไม่ได้รู้จักพระคริสต์การแสวงหาความสุข ความมั่นคงทางจิตวิญญาณ ความเป็นอมตะแห่งจิตวิญญาณ เพื่อจะได้แน่ใจว่าชีวิตหลังความตายจะดีกว่าเดิมเขาต้องลงทุนสูงมาก บางคนพยายามไปเล่นโยคะ ไปนั่งสมาธิเพื่อทำให้จิตใจสงบสุข อยากพบสันติสุขในจิตใจ บางหลายคนชักนำ จูงใจให้ไปสร้างรูปเคารพ สะสมบุญด้วยวิธีการต่างๆ นานา แต่สุดท้ายพบว่าถูกหลอก เสียทรัพย์ เสียเงิน เสียสุขภาพแต่ไม่ได้อะไรเลย น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยไปแสวงหาความสันติสุขผิดที่ บ้างไปไหว้ผี ไหว้วิญญาณเทพเจ้าแปลกๆ บ้างสะสมรูปเคารพต่างๆ บ้างเสียสละเงินทำทาน ทำบุญเพื่อให้ตัวเองได้รับสันติสุข
น่าเสียดายมากที่คนที่เคยได้เข้ามาอยู่ในศาสนาคริสต์จำนวนไม่น้อยเข้ามาแล้วไม่ได้พบกับสันติสุขที่แท้จริง เพราะมาพบแต่คำสอนทางศาสนาที่สอนให้คนเป็นคนดี แต่ตัวเองทำไม่ได้ หลายคนไม่ได้รับคำสอนที่ถูกต้อง กลายเป็นว่าเข้ามาหาพระเจ้าแต่ได้พบแต่พิธีกรรมทางศาสนา ไม่ได้พบพระเจ้า แต่กลายเป็นสมาชิกที่มาร่วมการประชุมทางศาสนาทุกอาทิตย์แต่ไม่ได้รับสันติสุข ไม่พบกับพระเจ้า ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลง เจ็บป่วย เครียดกว่าเดิม หลายคนจึงเหินห่างไปจากทางแห่งความจริง บางคนละทิ้งความเชื่อไปอย่างน่าเสียดาย
ในบทความตอนนี้จะกล่าวถึงข้อบ่งชี้ และพฤติกรรมที่บอกว่าคนที่กำลังหลงไปจากทางของพระคริสต์ เป็นอย่างไร และ มีอะไรบ้างที่ทำให้เขาเหินห่างไปจากทางแห่งความจริงนั้น
มีพระคัมภีร์ตอนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า
พระวิญญาณได้ตรัสไว้อย่างชัดแจ้งว่าต่อไปภายหน้าจะมีบางคนละทิ้งความเชื่อ โดยหันไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวง และฟังคำสอนของพวกผีปีศาจซึ่งมาจากการหน้าซื่อใจคดของคนที่โกหก คือคนที่จิตสำนึกเป็นทาสของมาร เขาห้ามไม่ให้ทำการสมรส ห้ามบริโภคอาหารบางชนิดซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ให้ผู้ที่เชื่อ และรู้จักความจริงบริโภคด้วยขอบพระคุณ
(พระธรรม 1 ทิโมธี 4 ข้อ 1-3)
การละทิ้งความเชื่อเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น เพราะมีคำพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าว่าจะมีเกิดขึ้น ผมเข้าใจว่าการที่คนจะได้รับสิทธิให้ไปคัดตัวไปอยู่ในเมืองสวรรค์ต้องมีการคัดกรองด้วย ไม่งั้นสวรรค์คงจะมีคนที่สกปรก คนโกง คนชั่วร้าย คนที่เป็นภัยต่อสังคมไปอยู่ และคงจะทำให้สวรรค์ยุ่งเหยิงเหมือนกับโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงต้องมีการคัดกรองคนด้วย อุปมาเหมือนคนที่จะซื้อของ เขาต้องการวัสดุที่เป็นของแท้ เขาจึงไปซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้ และเลือกซื้อสิ่งที่เป็นของแท้ เพราะมันหมายถึงความอุ่นใจในคุณภาพ
เจ้าของบริษัทก็ต้องการรับพนักงานที่ไม่มีนิสัยลักขโมย ไม่โกง เกียจคร้าน อู้งาน เพราะหากบริษัทไหนรับคนประเภทนี้เข้าไปทำงานมากๆ ก็เชื่อได้เลยว่า บริษัทก็จะย่อยยับ หรือไม่ก็ไม่เจริญอย่างที่น่าจะเป็น
ในพระคัมภีร์อีกตอนหนึ่งได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า คนที่ละทิ้งความเชื่อในพระเจ้านั้นจะมีพฤติกรรมอย่างไร ดังปรากฎในหนังสือ โฮเชยา บทที่ 8 ผมขอตัดเอามาบางข้อและอย่างย่อๆ เพื่อจะอธิบายอย่างรวบรัด เพื่อไม่ให้บทความนี้ยาวเกินไป
ก.เพราะเขาได้หักพันธสัญญาของเรา
และละเมิดธรรมบัญญัติของเรา
[ คนที่จะละทิ้งความเชื่อเขาจะไม่ยึดถือสัจจะ พูดคำไหนไม่เป็นคำนั้น ไม่รักษาสัจจะวาจา บนบานส่งเดช พ้นทุกข์แล้วลืม ประเภทเสร็จนาฆ่าควาย เลิกรบประหารขุนศึก เขาจะไม่จดจำคำปฏิญาณที่เขามีไว้กับใคร โดยเฉพาะคำปฏิญาณเมื่อเขากล่าวรับเชื่อพระเจ้าที่บอกว่า เขาจะยอมรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ]
ข. อิสราเอลได้ทอดทิ้งความดีเสียแล้ว
ศัตรูจะไล่ติดตามเขา
[คนที่จะเลิกจากความเชื่อ จะหลงติดตามความชั่วร้าย เช่น ความเกลียดชัง ความแค้น ความเพลิดเพลิด ความสนุกสนาน เขาไม่ตระหนักไม่รู้ตัวว่าเขากำลังถูกศัตรูคอยแอบติดตามเฝ้าทำลายเขาอยู่ (คริสเตียนทั่วไปไม่ทราบหรอกว่ามีวิญญาณชั่วคอยติดตามทำลายเขาอยู่ เพราะอาจารย์บางคนสอนผิดๆ ว่า คริสเตียนไม่มีผีรบกวน พระคริสต์ทำสำเร็จแล้วทุกอย่างเราไม่ต้องทำอะไร ยังทำบาปได้เรื่อยๆ ]
ค.เขาทั้งหลายได้แต่งตั้งกษัตริย์ แต่เรามิได้เสนอให้ทำ
เขาทั้งหลายแต่งตั้งเจ้านาย แต่เราไม่รู้เรื่องเลย
[ ผู้ที่กำลังจะละทิ้งความเชื่อในพระเจ้า ไม่รู้ตัวว่าเขากำลังปล่อยให้ตัวเขาเองคือกษัตริย์ปกครองตัวเอง เขาอาจจะนับถือศาสนาเหมือนกันแต่ตัวเขาเองไม่ยอมเสียประโยชน์ใดๆ ให้กับพระเจ้า ไม่ยอมให้ความยำเกรงพระเจ้าให้สมกับว่าพระองค์เป็นผู้ปกครอง และปกป้องชีวิตของเขา เขาไม่นับถือยำเกรงทั้งที่รู้ว่าพระอยู่กับเขา เขายังถืออภิสิทธิ และติดเป็นทาสบาป ดังนั้นเขาอยากทำอะไรก็ได้ตามใจ
ที่สำคัญคนเหล่านี้ทำตัวเป็นเพียงแค่ราษฎรชั้นสอง คือคนที่รัฐต้องคอยดูแลประคบประหงม ต้องคอยเอาใจ ราษฎรยากจนทางวิญญาณเหล่านี้ไม่ยอมเสียภาษีให้กับอาณาจักรสวรรค์ หรือเสียบ้างไม่เสียบ้าง ส่วนใหญ่จะโกงภาษี ยัดยอก ซ้อนเร้น ไม่เชื่อฟังบัญญัติ แต่อยากได้สิทธิพิเศษต่างๆ ตามสิทธิเหมือนประชากรของพระเจ้าที่เขาอุทิศตัวเพื่ออาณาจักรแห่งสวรรค์
คนที่กำลังอยู่ในความเชื่อถดถอยเขาอาจยกใครบางคน ดารา หรืองาน หรือสิ่งใดๆ เป็นเจ้านายเหนือชีวิตของเขาเช่น สามี/ภรรยา, เจ้านาย, พ่อแม่, เพื่อน, สมาคม, กลุ่มสังสรรค์ หรืออะไรๆ ที่เขาต้องยอมทำตาม]
ง.เขาทั้งหลายสร้างรูปเคารพด้วยเงินและทองคำของเขา
เพื่อแก่ความพินาศของเขาเอง
[ผู้ที่กำลังละทิ้งความเชื่อเขาจะมีสิ่งที่ใจเขาผูกพันอย่างมาก ทั้งๆ ที่รู้ตัวแต่ห้ามใจไม่ได้ เช่น ความสนุกทางเพศ การเฝ้าดูภาพลามก คลิปอนาจาร, เกมคอมพิวเตอร์ที่เล่นข้ามวันข้ามคืน การพนัน เขาใช้จ่ายเงินไปกับการสะสมสิ่งต่างๆ ที่เขาชอบและพอใจ เขามีความสุขกับการงาน อาชีพ งานอดิเรก การอ่านนิยายบางประเภทจนติดงอมแงม ติดความบันเทิง มือถือ ของไฮเทค หรืออะไรต่างๆ ที่เขาเรียกว่า "วัตถุ" มากกว่าความสนใจในการแสดงความสัมพันธ์กับพระคริสต์อย่างเพียงพอ และสมดุล ]
จ. เพราะว่าเขาหว่านลม เขาจึงต้องเกี่ยวลมบ้าหมู
ต้นข้าวไม่มีรวง จะไม่เกิดข้าวสำหรับทำแป้ง
ถึงจะเกิด คนต่างด้าวก็เอาไปกิน
[ คนที่กำลังจะหลงไปจากทางแห่งสัจจะ มักจะผูกพันตัวเองไปกับกิจกรรมนานา ที่สร้างความสนุก ความเพลิดเพลินใจ การสะสมทรัพย์สิ่งของ มากกว่าการใช้เวลาในการสามัคคีธรรมกับพี่น้องคริสตชน เขามีข้ออ้างที่ฟังดูมีเหตุเสมอในการไม่เข้าร่วมการสามัคคีธรรมกับพี่น้อง ภายหลังเขาพบว่าสิ่งที่เขาทำทำไมไม่เจริญ ทำอะไรไม่เกิดผลเหมือนก่อน ทำอะไรก็มีคนตัดหน้า ของจะได้เห็นๆ กลับหลุดมือไปง่ายๆ ]
อันนี้ก่อนนั้นผมทำบ่อย เวลาคริสตจักรมีกิจกรรมพิเศษให้ไปช่วยงาน ผมจะอ้างสารพัด อ้างงาน อ้างลูก อ้างโน้นอ้างนี่ แท้จริงผมแอบไปตีสนุ๊กเกอร์ ไปตกปลา เพราะผมคิดว่างานคริสตจักรมีคนเยอะแล้ว หากจนมุมจริงๆ ผมก็จ้างคนอื่นไปทำแทน]
ฉ. เขาทั้งหลายขึ้นไปหาอัสซีเรีย ดังลาป่าที่ท่องเที่ยวอยู่ลำพัง
เอฟราอิมได้จ้างคนรักมา
[ คนที่กำลังจะหลงไป/หรือหลงไปจากทางแห่งสัจจะแล้ว หากมีปัญหาเขาไม่อธิษฐาน เขาไม่พึ่งพาพระเจ้าก่อน หากเจ็บป่วยเขาก็จะแสวงหาความช่วยเหลือจากยา และหมอก่อน หากเป็นโรคที่ไม่หายจริงๆ เขาจึงจะมาอธิษฐานของการอัศจรรย์ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีการอัศจรรย์อยู่แล้วสำหรับคนไม่มีความเชื่อ ]
ช. ถึงเราจะเขียนธรรมบัญญัติไว้ให้สักหมื่นข้อ
เขาจะถือว่าเป็นเพียงของแปลก
[ คนที่กำลังจะหลงไปจากความเชื่อ ไม่สนใจการศึกษาพระวจนะของพระเจ้า เพราะเป็นสิ่งที่อ่านแล้วเข้าใจยาก เขาไม่มีจิตใจอยากจะเรียนรู้ การอ่านพระคัมภีร์ก่อนนอนเป็นเพียงการปฏิบัติตัวตามกิจวัตรของคริสตชนตามคำสอนทางศาสนาเท่านั้น เขาไม่สามารถจดจำอะไรได้เลย จากสิ่งที่เขาอ่าน หากเวลาผ่านไปแล้วเพียงแค่สามวัน เขาจะลืมทุกสิ่ง แต่ละปีพระคัมภีร์ข้อเดียวก็อาจจะจำไม่ได้เลย
การที่จะลงทุนหาหนังสือพระคัมภีร์อย่างดีสักเล่มมาเป็นหนังสือประจำชีพคงยาก เขาอ้างไม่มีเงิน แพงและ ไม่มีความคิดจะซื้อของดีเลย หากเขามีพระคัมภีร์สักเล่มก็เป็นของที่มีแต่พระคัมภีร์ใหม่ หรือของแจกฟรีเท่านั้น สังเกตคนประเภทนี้มีมือถือราคาแพงๆ แต่พระคัมภีร์เอาของฟรี และไม่ชอบพกไปด้วย]
ซ. ส่วนเครื่องสัตวบูชาที่ถวายแก่เรานั้น เขาถวายเนื้อและรับประทานเนื้อนั้น
แต่พระเจ้ามิได้พอพระทัยในตัวเขา บัดนี้พระองค์จะทรงระลึกถึงความชั่วของเขา
[ คนที่กำลังจะหลงไปจากพระเจ้า หรือคนที่มีความเชื่อสั้นประมาณหางอึ่งจะไม่เข้าใจการตอบแทนบุญคุณคนของพระเจ้า หรือถวายให้กับคนที่ควรถวาย หรือช่วยเหลือคนด้อยโอกาส เด็กกำพร้าและหญิงหม้าย เขาเป็นคนตระหนี่ไม่เข้าใจเรื่องการถวาย เขาอาจจะยอมควักปัจจัยให้ทานไปบ้าง แต่เขาไม่สามารถส่งคืนในสิ่งที่เป็นส่วนของพระเจ้าได้ หากได้ถวายไปบ้างเขาก็จะทำไม่สม่ำเสมอ ทำบ้างไม่ทำบ้าง ข้ออ้างของเขาคือว่าเงินไม่พอใช้ ไม่จำเป็นโบสถ์รวยแล้ว ผู้รับใช้รวยแล้ว การถวายไม่ใช่บัญญัติทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ แล้วแต่ความพอใจ
ความเชื่อใจในการเลี้ยงดูของพระเจ้าไม่อยู่ในความเชื่อของเขาเลย เขาจะยักยอกเบียดบังเอาส่วนของพระเจ้าไปกิน ไปใช้จ่ายส่วนตัว ยิ่งเขาโกงพระเจ้ามากเท่าไรเขาก็ยิ่งมีรายจ่ายเกินความสามารถไปเรื่อยๆ ปีแล้วปีเล่า มีเหตุให้เสียทรัพย์เข้ามาตลอดเนื่องจาก อุบัติเหตุ เจ็บป่วย และญาติมิตร เพื่อนฝูง คนกู้ยืมเงิน ขโมย หนี้สูญ หนีหนี้และข้าวของเสียหาย และเหตุไม่คาดฝันเบียดเบียนอยู่เสมอ เพราะเขาไม่ได้สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าด้วยการประพฤติ เขาสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าแค่บริเวณหลอดลมขึ้นมาถึงใบหน้าเท่านั้น ไม่สามารถสัตย์ซื่อด้วยมือ และหัวใจได้ ]
พี่น้องคริสตชนที่พระเจ้านำทางมาอ่านบทความนี้ ลองพิจารณาดูว่า คนใกล้ชิดท่าน พี่น้อง สามี/ภรรยา และตัวท่านเองมีตัวชี้วัดเหล่านี้ปรากฎอยู่หรือเปล่า ผู้ใดอยากจะเป็นคนที่เติบโตในความเชื่อ เขาจำเป็นต้องกลับใจใหม่ เพราะพระเจ้ายังคาดหวังความเจริญเติบโตในความเชื่อของคนของพระองค์ พระองค์อยากจะอวยพรผู้เชื่อให้เกิดผลมาก ทั้งส่วนตัว ครอบครัว การงาน ความสำเร็จ และทุกๆ ด้านของชีวิต
แต่ถ้าใครสักคนยังเป็นแค่ผู้เชื่อพระเจ้า ยังทำในสิ่งที่ฝืนมโนสำนึกตามความรับรู้ของเขา คงไม่มีใครไปบังคับเขาได้ นอกจากเขาคนนั้นจะต้องแสวงหาทางออกเอาเอง เพราะพระเจ้าองค์นี้ไม่ได้เป็นเพียงยักษ์ในตะเกียงวิเศษที่ใครๆ ก็จะจิกใช้ ขอใช้ บนบานแล้วไม่แก้ ได้ดีแล้วไม่แสดงความขอบคุณ แต่ปฏิบัติต่อพระองค์อย่างไม่ชอบธรรม และไม่เป็นธรรม
แท้จริงอาจเป็นไปได้ว่า มีคำสอนที่บิดเบือนเรื่องการแสดงความกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณ และพระเจ้าคำสอนนี้แพร์ไป และผู้เชื่อบางคนก็เข้าใจผิดไปมาก คนทั่วไปในหมู่คริสตชนบางกลุ่มที่สอนว่า ในการมานมัสการพระเจ้า พระเจ้าไม่ต้องการอะไรจากประชากรของพระองค์ แท้จริงคำสอนนี้เป็นคำสอนเท็จโดยแท้ พระคริสตธรรมคัมภีร์หลายตอนได้สอนว่า "อย่าให้ผู้ใดมาเฝ้าพระเจ้ามือเปล่า" ในพระคริสตธรรมพันธสัญญาใหม่ได้สอนว่า ฝ่ายผู้ที่รับคำสอนควรแบ่งปันสิ่งที่ดีให้กับผู้ที่สอนตนเถิด
ในท้ายบทความนี้ มีพระธรรมอีกตอนหนึ่งกล่าวหนุนใจไว้ดังนี้ ว่า
"คนทุจริตเอ๋ยไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลกนั้น คือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า เหตุฉะนั้น ผู้ใดใคร่เป็นมิตรกับโลก ผู้นั้นก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า
หรือท่านคิดว่าเป็นสิ่งไร้สาระหรือ ที่พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นห่วงวิญญาณที่ได้ทรงประทานให้อยู่ในเราทั้งหลาย”
พระธรรมยากอบ 4.4-5
ในตอนท้ายของพระธรรมโฮเชยา พระเจ้าได้เรียกร้องให้ประชากร ผู้เชื่อกลับมาหาพระองค์ ดังนี้ ว่า
"โอ อิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาหา พระยาเวห์พระเจ้าของเจ้า
ที่เจ้าสะดุดก็เพราะความผิดบาปของเจ้า
จงนำถ้อยคำมาด้วย และกลับมาหาพระเจ้า"
จงทูลพระองค์ว่า
“ขอทรงโปรดยกความผิดบาปทั้งหมด ขอทรงรับสิ่งดี ข้าพระองค์จึงจะนำผลริมฝีปากมาถวาย"
(พระธรรมโฮเชยา 14.1)
หากผู้ใดอยากจะกลับใจจากบางอย่างที่พระเจ้าเปิดเผยให้ท่านทราบจากการอ่านบทความนี้ ผมใคร่เสนอให้ท่านอธิษฐานตามบทอธิษฐานนี้ด้วยความจริงใจ สารภาพในสิ่งที่ท่านพลั้งเผลอ และกลับตัวเสียใหม่ ผมเชื่อว่าพระเจ้าจะคืนดีกับท่านและจะกลับเอรการอวยพรมาให้ท่านท่านอย่างแน่นอน
คำอธิษฐาน
พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่สูงสุดเหนือนามทุกนามในฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ลูกขอมาหาพระองค์ในพระนามพระเยซูคริสต์ ลูกได้ทราบแล้วว่า ลูกเกือบจะหลงไปจากทางแห่งพระพรของพระองค์ ลูกได้ละเลยพระวจนะ และการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าและพี่น้อง ลูกมีบาปที่อยากจะสารภาพต่อพระองค์ เพื่อขอการปลดปล่อยและ ชำระ คือ ....................
ลูกขอพระเจ้าทรงยกโทษด้วยฤทธิ์แห่งพระโลหิตของพระคริสต์ที่ตายเพื่อไถ่บาปของลูกบนไม้กางเขน ลูกขอพระเจ้าทรงรื้อฟื้นและสร้างความสัมพันธ์กับพระองค์ใหม่ในทุกๆ ด้านที่อ่อนแอ และถดถอย ลูกขอเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเข้ามาเป็นพระผู้ช่วย ผู้ปลอมโยน และเป็นพระครู ขอทรงสอนลูกและปลดปล่อยลูกให้เป็นไทอย่างแท้จริง อาเมน
Original message: Rice Mu. October 6, 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)