คนที่เพิ่งมาเป็นคริสเตียนใหม่ๆ คงไม่ทราบว่าแท้ที่จริงแล้ว คนที่นับถือศาสนาคริสต์ไม่ได้พบสันติสุขอย่างที่เขาโฆษณา หรือกล่าวอ้างไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เป้าหมายของการนับถือพระเจ้านั้นคือได้พบสันติสุข มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ หมายความว่าทุกคนได้พบกับความจริงเรื่องพระเจ้าก็จะได้พบ และได้รับความรอดทางวิญญาณ และได้รับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเป็นเหมือนกับคนเกิดใหม่ที่ไีร้เดียงสาและไม่ชอบทำบาป แต่ในความเป็นจริงมันไม่ง่ายนัก
คำว่าสันติสุขเป็นสิ่งที่เกิดจากผลการฝึกปฎิบัติ และการตัดสินใจที่แน่วแน่ แล้วรับการศึกษาในทางของคริสเตียน คือเรียกว่าเป็นผลของคนที่ติดตามพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง ผลที่เกิดจะเห็นได้ชัดหรือไม่ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง อาจจะ 1 ปี 3 ปี 10 ปี หรือ 20-50 ปี หรือ บางคนทั้งชาติก็ยังไม่ค่อยเห็น คือว่าเขาไม่ได้พบสัจจะที่พระเยซูได้กำหนดไว้เลย เป็นเพียงความเหนื่อยล้า ความเบื่อหน่ายในการนับถือศาสนาคริสต์เท่านั้น
การที่จะบรรลุจุดนั่นได้มีคนไม่มากนักที่สามารถไปถึง บางคนไปถึงสัจจะแล้วยังต้องต่อสู้กับกิเลสตัณหาในใจตน แม้แต่ผู้นำทางศาสนาคริสต์หลายคนยังไปไม่ถึง เพราะการแบ่งแยกกันเป็นคณะ แต่ละคณะยังแบ่งเป็นกลุ่มเล็ก กลุ่มน้อย เชื่อและปฏิบัติในข้อเรื่องหยุมๆ หยิมๆ มากกว่าแก่นแท้ของศาสนา พวกเขาไม่ได้ประพฤติตัวดีกว่า หรือแตกต่างไปจากคนที่นับถือศาสนาอื่นๆ เท่าใดนัก นักบวชชาวคริสต์จำนวนไม่น้อยเอาไปเอามาทำเพื่อความอยู่รอดของชีวิตเหมือน ๆ กับสัตว์โลกทั่วไปนั่นเอง ในองค์กรของชาวคริสต์ยังมีรุ่นพี่รุ่นน้อง มีพวกเขา พวกเรา มีการเมือง มีการแย่งอำนาจในการบริหารงานในหน่วยงานที่มีผลประโยชน์ สำหรับหน่วยงานที่ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ปัญหาอาจมีไม่มากนัก
ผู้นำทางศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ที่เรียกตัวเองว่า ผู้รับใช้พระเจ้า ในความเป็นจริงมีกี่คนล่ะที่เป็นคนรับใช้พระเจ้าที่แท้จริง ในจำนวนผู้รับใช้เหล่านี้มีส่วนหนึ่งรับใช้กระเพาะอาหารของเขาเอง และปฏิบัติตนเป็นเหมือนทาสนายเงิน มากกว่าการเป็นผู้รับใช้พระเยซู เนื่องจากนักบวชต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย หรือ นายเงิน เหมือนกับองค์กรต่างๆ ของมนุษย์ทั่วไป
เนื่องจากลำใส้และกระเพาะอาหารของพวกเขาไม่ได้ตันเหมือนหุ่นยนต์ เขาต้องทำหลายอย่างที่ขัดกับจิตสำนึกของพวกเขาเพียงเพื่อให้เขาสามารถดำรงชีพต่อไปได้ เพราะการขาดความเชื่อในพระเจ้าที่แท้จริงบางคนจึงคิดไปว่า ฉันจะเอาอะไรมาให้ลูกเมียกินถ้าฉันไม่โำกง ไม่เป็นคนรับใช้ศาสนา เมื่อเขายอมแลกศักดิ์ศรีของคำว่าผู้รับใช้พระเจ้ากับความอยู่รอดของชีวิต เริ่มจากครั้งแรกครั้งเดียวเป็นหลายๆ ครั้ง นานวันเข้า จิตสำนึกของเขาจึงมืดบอดส่งผลให้ต้องประพฤติตนไปตามสัญชาตญานเพื่อความอยู่รอดของชีวิต เพื่อฐานะ ศักดิ์ศรี ตามค่านิยมของสังคมที่นิยมและนับถือเงินเป็นพระเจ้า เขาต้องการรถยนต์ ต้องการมีบ้าน ต้องมีมือถือ ต้องมีโนต๊บุ๊ค ต้องมีของทันสมัย เหมือนๆ กับชาวบ้านทั่วไป เขาจึงยอมขายตัวเองให้กับนายเงินเพียงเพื่อความอยู่รอด พวกเขาหลายๆ คนจึงกลายเป็นคนโกง คนซื้อใบเสร็จ คนใช้ของนายเงิน กลายเป็น ผู้รับใช้ (ผู้ปกครอง) ผู้รับใช้(ชาว) เกาหลี ผู้รับใช้(ชาว)จีน ผู้รับใช้ฝรั่ง ผู้รับใช้ คณะฯ คนรับใช้ของภาคฯ ของเขตฯ คนรับใช้ของกลุ่มฯ มูลนิธิ หรือ หน่วยงาน จนการรับใช้พระเจ้าเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
พฤติกรรมของทาสเงินที่ทำงานเพื่อความอยู่รอด เห็นได้ชัด คือ ต้องแต่งตัวให้ดูดี พูดจาให้เหมือนว่าเป็นคนในศีลในธรรม ขี่รถยนต์คันหรู เพื่อบ่งบอกฐานะของสปอนเซอร์ การจัดกิจกรรมทุกครั้งต้องถ่ายรูปให้มากๆ ไว้ เพื่อนำไปรายงานนาย เมื่อโครงการของนายเสร็จ นายจะได้จ่ายค่าแรงตามผลงาน
การสั่งสอนหรือเทศนาของเขาเป็นการสอนเพื่อประเทืองปัญญา เป็นการแสดงภูมิรู้ ภูมิธรรม และภูมิปัญญามากกว่าการเทศนาด้วยฤทธิเดชของข่าวประเสริฐของพระเยซู กิจกรรมการสั่งสอนของคนเหล่านี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของพิธีกรรมในการกราบไหว้พระเจ้า หรือที่เรียกกันในภาษาที่พูดกันในหมู่ชาวคริสต์ว่า การนมัสการพระเจ้า พวกเขาจะกำหนดเวลาในการเทศนาไว้อย่างมากไม่เกิน 30 นาที เพราะพวกเขาเชื่อตามหลักของนักมนุษย์วิทยา และงานวิจัยของมนุษย์ และด๊อกเตอร์ทางวิชาการ ทางด้านการเรียนรู้ว่า การรับรู้ของคนนั้นสูงสุดก็ไม่เกินนี้แล้ว พวกเขาไม่คาดหวังอะไรมากไปกว่า การเผยความรู้และโวหารทางศาสนศาสตร์เท่านั้น การคาดหวังในการรับการปลดปล่อย การเปลี่ยนแปลงชีวิต การอัศจรรย์ในชีวิต และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้นับถือคริสต์มีไม่มากนัก เพราะพวกเขาเองยอมรับว่าเป็นภาชนะที่ไม่สอาดเต็มร้อย พวกเขาคาดหวังความเมตตาและพระคุณของพระเจ้ามากกว่าจะยอมกลับใจจริงๆ เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ผู้ที่ติดตามศาสนาคริสต์
การแสดงออกทางพฤติกรรมด้านจิตวิญญาณลดลง หรือเป็นเพียงเอาหน้า พวกเขาไม่ค่อยสนใจกิจกรรมที่คนใช้ของพระเยซูชอบกระทำ อย่างเช่น การรวมพลังอธิษฐานปลดปล่อยเมือง การเข้าช่วยเหลืองานการกุศลของหมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด การประกาศข่าวประเสริฐแบบถึงลูกถึงคน การเข้าร่วมกลุ่มกับต่างคณะ ต่างกลุ่มมีน้อยลงไปทุกที การเยี่ยมเยียนหนุนใจผู้รับใช้พระเจ้าในกลุ่มอื่นๆ หรือต่างคณะไม่มี หรือมีก็เป็นเพียงเอาหน้า ให้ดูเหมือนว่าเราก็ร่วมมือนะ แต่ทำได้ไม่กี่ครั้งพวกเขาจะเลิกถ้าหากพวกเขารู้สึกว่าไม่คุ้มและเป็นการเสียประโยชน์มากกว่าได้ พวกเขาไม่ได้มีจิตใจอยากทำจริงๆ
ทาสเงินจะชอบสร้างสิ่งที่เรียกว่า “อาณาจักรของกู” โบสถ์กู” “องค์กรของ....กู” หรืออาจเรียกชื่อที่แปลก ๆ ไปจากคนอื่นเพื่อบ่งบอกว่า พวกข้าคืออาณาจักร หรือกลุ่มที่มีอุดมการณ์ในการรับใช้สังคมกลุ่มหนึ่ง
คริสตจักรจำนวนมากมายที่เกิดจากแรงสนับสนุนจากลัทธิต่างชาติจัดกิจกรรมทางศาสนาไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนพิธีกรรมอะไรต่างๆ ต้องเป็นไปตามที่คณะหรือนายสั่งให้ทำ ทำแปลกแยกออกไปทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นบทเพลง อุปกรณ์ประกอบศาสนพิธี การแต่งกายของนักบวช เพราะเหตุความกลัวพวกเขาไม่กล้าเตะโครงสร้างขององค์กรและคำสั่งของนาย พวกเขาไม่กล้าคิดทำสิ่งใหม่ที่สร้างสรรค์ พวกเขาถูกคลุมด้วยกฎ ระเบียบ และแนวทางปฎิบัติที่ช่วยให้มวลสมาชิกกลายเป็น ลูกแกะอ่อนที่สัตย์ซื่อ พร้อมที่จะยอมให้ผู้นำพาไปในที่ใดๆ ก็ได้ตามที่นายต้องการ มากกว่าการดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของพระเยซูคริสต์ คือเตรียมธรรมิกชนให้พร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง นั่นคือการเป็นสาวกที่เต็มล้นด้วยฤทธิ์เดชของผู้เชื่อในพระนามพระเยซูเพื่อออกไปประกาศการยกบาปคือความรอดจากบาปที่พระเยซูสั่งให้กระทำ
ทาสเงินเหล่านี้จะชำนาญในการตัดตอนพระคัมภีร์เอามาเป็นบางข้อ บางตอนและเอาหลักนั้นมาผูกมัดคริสเตียนในเดินอยู่ในกรอบแห่งระเีบียบของลัทธิและคณะต่างๆ ในศาสนาคริสต์ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองอาจต้องเข้ามาสืบสวน กำกับติดตามพฤติกรรมของ ลัทธิต่างๆ ที่แอบอ้างเข้ามาตั้งมูลนิธิต่างๆ ในประเทศไทย โดยมีจุดประสงค์สำคัญเบื้องหลังการประกาศศาสนาคือเพื่อสร้างอาณาจักร นิคมของพลเมืองของประเทศที่มีเงิน สร้างสถานที่พักผ่อน บ้านตากอากาศ เพื่อส่งเสริมให้พลเมืองของตนมาทำงาน มาขยายอิทธิทางความคิด และคำสอนที่ผิดเพี้ยนของคริสตศาสนา โดยอาศัยคนไทยหัวใจทาสเงินที่ยอมแลกศักดิ์ศรีความเป็นคนไทย รับโอนเงินจากต่างประเทศมาซื้อที่ดินในนามของตน หรือญาติพี่น้อง จัดตั้งองค์กร องค์การในรูปแบบต่างๆ เพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตน ความร่ำรวยส่วนตน มากกว่าความคิดที่จะช่วยเหลือหรือสงเคราะห์พี่้น้องคนไทยอย่างแท้จริง น่าเสียดายที่องค์กรที่ตั้งใจทำสิ่งดีๆ เหล่านี้อาจโดนผลกระทบไปด้วย แต่ก็ยังดีกว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำความคิดของคนไทย และชักนำไปในทางผิดๆ
สำหรับข้าพเจ้าแล้วหากพระเยซูไม่ได้ฟื้นขึ้นจากความ ตายและพระองค์ไม่สามารถใช้ฤทธิ์เดชผ่านผู้เชื่อของพระองค์เหมือนในสมัยที่ พระองค์มาเดินอยู่ในโลกนี้อย่างมนุษย์เป็นๆ ผมว่าการมาเชื่อพระเยซูเป็นการเหนื่อยเปล่า เพราะแค่การสอนวิธีให้เป็นคนดี ศาสนาไหนเขาก็สอนกันมานานแล้ว บางศาสนาสอนมานานก่อนพระเยซูเกิดเสียอีก แต่คนในโลกนี้ก็ยังเป็นคนไม่ดีอยู่เป็นจำนวนมาก คุกยังล้น และคริสเตียนที่อยู่ในคุกเพราะผิดผัว ผิดเมีย โกง หรือทำผิดกฎหมายก็มีอยู่ไม่น้อย
โดยแท้จริงแล้วคนที่อยู่ในศาสนาคริสต์ที่ไม่ได้พบกับ พระเยซูโดยส่วนตัว ส่วนใหญ่เป็นแค่ผู้สวมหน้ากากศาสนาคริสต์ตอนเข้าโบสถ์เท่านั้น เขาจะเป็นคนดีมากๆ เมื่อมาที่โบสถ์ แต่งกายสุภาพ บางคนถึงกับแต่งตัวไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศ และบริบทของสังคมไทย อากาศร้อนจัดยังอุตส่าห์ผูกไทด์ ใส่สูท น่าสงสารมาก หลายคนพูดจาอ่อนหวาน มีจรรยามารยาท แต่พอคนพวกนี้กลับไปบ้านก็จะทำตัวเหมือนชาวโลกทั่วไป เขาไม่สามารถเอาชนะความต้องการของร่างกาย ความอยากได้ ความอยากมี อยากเอา ความโลภ และตัณหาทุกชนิดมีมากเหมือนกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไป การพูดจากับคนใกล้ชิดและคนในครอบครัวไม่มีความอ่อนหวานเหมือนตอนไปโบสถ์เลย
นี่คือพฤติกรรมที่แสดงออกของคนที่เรียกว่าผู้ถือศาสนาแต่เปลือก แต่ถ้าผู้ใดได้พบกับพระเยซูคริสต์และรู้จักพระองค์โดยส่วนตัว เขาจะสามารถเ็ป็นคนดี เป็นคนใหม่ได้โดยไม่ยากนัก เขาจะไม่โกง ไม่กิน ไม่โกหก ไม่ถือศาสนาแต่ปาก รู้จักให้อภัย รู้จักยอมเสียเปรียบคนอื่น รู้จักยอมเสียสละเพื่อคนอื่น ด่าก็ไม่โกรธ ยอมรับใช้คนอื่นด้วยความถ่อมใจอย่างไม่เสแสร้าง มีความเมตตา เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักปฏิบัติในสิ่งที่ใครๆ ก็เห็นว่าดี สิ่งเหล่านี้เป็นผลจากการที่เขาได้ยอมยกจิตใจของเขาให้พระเยซูคริสต์เป็นผู้ ปกครองจิตใจ ของเขานั่นเอง ครอบครัวของเขาพบความสุข มีปัญหาอะไรก็มีพระเยซูคริสต์คอยช่วยเหลือ สบายไปตลอดชีวิตถึงลูก ถึงหลาน ตายไปยังไม่ต้องไปเหนื่อย ไม่ต้องไปชดใช้กรรม ไม่ต้องถูกพิพากษาโทษ
อย่างไรก็ เราต้องขอบพระคุณพระเจ้าที่พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า เราไม่ได้รอดพ้นบาปด้วยการทำดี หรือทำบุญมาก หรือเป็นคนที่บริสุทธิ์เลิศเลอ แต่ทุกคนที่มาหาพระเยซูนอกจากจะได้รับการปลดปล่อยให้พ้นบาปจากอำนาจของความ บาป และวิญญาณร้ายแล้ว เรายังได้รับชีวิตหลังความตายที่เป็นอมตะ เป็นสุขตลอดไปด้วย พระคริสต์ธรรม เอเฟซัส บทที่ 2 ข้อที่ 2-9 ได้กล่าวว่า
พระองค์ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ แม้ว่าท่านตายแล้วโดยการละเมิดและการบาป ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยประพฤติตามวิถีของโลกนี้ตามเจ้าแห่งอำนาจในย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในบุตรแห่งการไม่เชื่อฟัง เมื่อก่อนเราทั้งปวงเคยประพฤติเป็นพรรคพวกกับคนเหล่านั้นที่ประพฤติตามตัณหา ของเนื้อหนังเช่นกัน คือกระทำตามความปรารถนาของเนื้อหนังและความคิดในใจ ตามสันดานเราจึงเป็นบุตรแห่งพระอาชญาเหมือนอย่างคนอื่น
แต่พระเจ้า ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ) และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์ เพื่อว่าในยุคต่อๆไป พระองค์จะได้ทรงสำแดงพระคุณของพระองค์อันอุดมเหลือล้น ในการซึ่งพระองค์ได้ทรงเมตตาเราในพระเยซูคริสต์
ด้วยว่า ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอด
โดยพระคุณเพราะความเชื่อ
และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้
ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้
เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นบางครั้งเราเองก็โง่เช่นกัน ไม่เชื่อฟัง หลงผิด เป็นทาสของกิเลสตัณหาและการเริงสำราญต่างๆ ใช้ชีวิตอย่างเลวร้าย ริษยา น่าชัง และเกลียดชังกันและกัน
แต่ว่าเมื่อพระเจ้าผู้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงพระกรุณาโปรด และประทานความรักแก่มนุษย์ปรากฏแล้ว
พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้รอด
มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง
แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่
และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
..............................................
ขอบคุณมากค่ะ เราเองมีความคิดบางอย่างที่ไม่เคลียร์ ประมาณนี้หมือนกัน
ตอบลบพยายามต่อไป
ตอบลบถ้าท่านได้พบกับสัจจะ สัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท
ยอห์น 8.32
แท้จริงชีวิตในการเป็นสาวกพระคริสต์มันน่าตื่นเต้น และสุขใจ อิ่มใจจริงๆ
แล้ววันนั้นจะมาถึงทุกคนที่เข้าใจสัจจะ
ถูกต้องทุกอย่าง ที่เขียนมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพระวิญญาณบริสุทะิ์หรืออะไรต่างๆ
ตอบลบแต่ขอเสนอนิดเดียวครับว่า ขอให้เขียนบทความแบบนี้เป็นเน้นการเขียนแบบอธิบายให้เข้าใจ ที่ไม่ใช่ลักษณะของการโจมตี ถ้าคริสเตียนอ่านแล้วไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้าเข้ามาอ่าน
เขาจะบอกว่าไม่เห้นคริสเตียนมันจะรักกันตรงไหนเลย ด่ากันไป ว่ากันมาเหมือนกันหรือนี่
ไม่ต่าง ๆ อะไรกับคนอื่นนะ คริสเตียนก็ไม่เห็นวิเศษอะไรเลย น่ากลัวครับ เราพูดความจริงได้ แต่พูดแล้้วคนอื่นสะดุด และเลิกเชื่อพระเจ้าไปท่านต้องรับผิดชอบกับพระเจ้านะครับ
ขอบคุณสำหรับบทความสะท้อนจากใจ
ขอพระเจ้าอวยพระพรท่านผู้เขียนบทความนี้นะครับ เสนอความคิดว่า
ตอบลบ1. ศาสนาจารย์ ศิษยาภิบาล ครูศาสนา ผู้ปกครอง ผู้นำ และฆราวาส ถ้าไม่เข้าใจในสิทะิอำนาจของตนเองที่พระเจ้ามอบให้นั้นแล้ว ก็จะเป็นแบบนี้คือ โจมตีซึ่งกันและกัน ถ้าคริสตจักรไม่เกิดผลเขาต้องรับผิดชอบต่อพระเจ้าเอง ไม่ใช่เราที่พิพากษา
2. ผมก็ทำพันธกิจการปลดปล่อยเหมือนกัน เขาไม่เข้าใจก็อย่าไปพยายามให้เขาเข้าใจเลยครับ พระเยซูบอกว่า ใครไม่ฟังปัดเท้าแล้วออกมาจากเขาเถอะ
3. ขอเพียงอย่าก้าวล่วงสิทะิอำนาจของผู้รับใช้ เพราะเขาต้องถูกพิพากษาจากพระเจ้าเอง
4. ขอผู้เขียนเป็นห่วงชีวิตฝ่ายวิญญาณของผู้เชื่อใหม่นะครับ
5. ขอผู้เขียนทำบทความดีๆๆออกมาอีกในแนวการหนุนใจให้เติบโตในความเชื่อมากๆๆนะครับ
ุ6. ขออย่าว่ากันไปมาอีกเลยครับ ผมก็เป็นศิษยาภิบาลเหมือนกัน พระเจ้ารักเราโดยไม่มีเงื่อนไขว่าใครจะมีตำแหน่งอะไร เราสาวกพระเยซูก็ไม่ควรม่เงื่อนไขเหมือนกันครับ
เราไม่สามารถเข้าใจพระเจ้าด้วยสติปัญญาของมนุษย์ นั่นคือความจริง (1 โครินธ์ 1.21)
ตอบลบคนที่จะมาหาพระเจ้าได้นั้นเพราะพระบิดานำเขามาเอง (ยอห์น 6.44)
เราต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง ศาสนา (การบริหารองค์กร)
กับความเชื่อและการรับความรอดในพระเยซูคริสต์ (จิตวิญญาณ)
และการทำงานเพื่อเลี้ยงชีพของนักการศาสนา (ร่างกาย ความอยู่รอดของชีวิต - ผู้สืบทอดศาสนา หรือ สาวกพระคริสต์ผู้ส่งต่อฤทธิอำนาจของพระเจ้า -เราเลือกได้ว่าจะเป็นใคร)
หลายคริสตจักรที่ทำได้สมดุล ก็เติบโต ในต่างประเทศ คริสตจักรแห่งเดียว มีสมาชิกเป็นหมื่นๆ แสนๆ ของพี่ไทยเรา 300 คนก็ยืดแล้ว ห้ามคนอื่นเข้าโบสถ์คณะตัวเองกลัวสอนผิด กลัวลูกแกะหาย สมาชิกเจ็บป่วยทั้งร่างกายและวิญญาณเกือบทั้งโบสถ์ ไม่ใช่เพราะร่างกายไม่แข็งแรงนะ มันเป็นจากสาเหตุอื่นมากกว่า
เปรียบเทียบกับลัทธิความเชื่อในประเทศไทย หลายคณะมีคนเชื่อ ไม่ถึงแสน บางคณะมีแสนกว่าคนแต่มีโบสถ์เล็กๆ น้อยๆ เป็นร้อยๆ โบสถ์
คริสตจักรอัครสาวกไม่สามารถเกิดได้ในประเทศไทยมากนัก เพราะการจัดการและบริหารองค์กรล้มเหลวใช่หรือไม่
ผมขอถามว่า ถ้าวันนี้อาจารย์ที่โบสถ์ตาย จะมีคนที่มีคุณภาพมาแทนอาจารย์ได้หรือไม่ หรือว่า ปล่อยให้โบสถ์ยุบไปอีกสักพัก รอจนหาผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณที่ดีมาเป็นแทน แต่จะหาได้จากไหนล่ะ น่าคิดไหม
พระเยซูคริสต์ อยู่ในโลกนี้แค่ 3 ปี พระองค์สร้างสาวก 82 คนเป็นอย่างต่ำ
ถามว่า นักการศาสนาของไทย รับใช้มาคริสตจักร บางคนเป็น 30-40 ปี บางคน 50 ปี ผมถามว่า ท่านสร้างสาวกที่ประกอบด้วยสิทธิอำนาจแบบสาวกพระเยซูได้กี่คน
หรือท่านเองก็ยังไม่เป็นสาวก เป็นแค่นักการศาสนา เป็นลูกจ้างของโบสถ์
ยังกระวกกระวายกับลูกแกะที่ดื้อด้านและไม่โตอย่างที่เป็นอยู่นี้
การจ้างผู้รับใช้ให้เป็นผู้สั่งสอน เป็นผู้นำจิตวิญญาณ
แต่ไม่มีสิทธิอำนาจในการบริหาร ทำอะไรนิดต้องวิ่งไปหากรรมการ ขออนุมัติ อาจเปรียบสภาพนี้เป็นเหมือนสงครามตอนเสียกรุงศรีครั้งที่สองไม่มีผิดนะผมว่า คนที่หัวเราะเยาะท่านคือศัตรูสองเขานั่นไง
มันคือน้ำเน่าชัดๆ แล้วมีใครอยากจะแก้ไขบ้าง
คนที่รับผลประโยชน์ที่แท้จริงในคริสตจักรคือใคร ผมไม่เชื่อว่า ผู้อภิบาลจะเป็นคนรับผลประโยชน์นั้น เพราะได้กันคนละไม่กี่บาท ไม่เพียงพอกับความจำเป็นด้วยซ้ำ คนที่คอยยิ้มอยู่ข้างหลังเงามืดนั่นไง มันหัวเราะเยาะที่คริสเตียนต่างแย่งชิงผลประโยชน์อันน้อยนิดที่มีอยู่
อย่าิคิดว่าผมด่าเลยผมไม่ได้ด่า ผมคิดว่าผมกำลังสะท้อนให้ท่านเห็นความจริง ความอ่อนแอบางอย่างของคริสเตียนไทย เพราะถ้าผมไม่พูดอีกคน ใครจะรับรู้ เพราะรอบๆ ตัวท่านมีแต่คนคอยประจบสอพลอ เป็นคริสเตียนต้องสุภาพ ไม่หรอกบางครั้งต้องโหดบ้างดูท่านเอลีชาซิ แค่มีคนมาด่าท่านว่าหัวล้าน ท่านแช่งให้ตายไปหลายคน (II Kings 2:23)
ผมขอชมเชยอาจารย์ท่านหนึ่ง ขอเอ่ยนามในที่นี้เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน คือ
อ.ชัยรัตน์ สงวนรัมย์ และภรรยา อ.พรทวี สงวนรัมย์ แห่งคริสตจักรฟ้าครามที่ตอนนี้ (สิงหาคม 2010) ท่้านมีสมาชิกประมาณ 160+ คน แต่ท่านรับเงินเดือน เดือนละ 300,000 บาท
มีผู้นำคริสเตียนคนใดบ้างที่สร้างคริสตจักรแล้วรับเงินเดือนสามแสน อย่างมากก็กินบุญเก่า กินเศษขนมปังฝรั่ง หรือเศษกิมจิเกาหลี เท่านั้นที่ได้รับ เพราะของเขาคนรักพระเจ้าจริงถวายไม่อั้น ผู้นำอธิษฐานถืออดจนหัวเข่าแตก บางคนเป็นโรคกระเพาะเข้าโรงพยาบาล
ของพี่ไทยเรา ผู้นำทำเป็นตัวอย่างหรือเปล่าล่ะ
ผมขอยอมรับว่าท่านอ.ชัยรัตน์ เป็นผู้นำนักปฏิรูปศาสนาที่แท้จริงครับ
เดินด้วยความเชื่อ สอนพี่น้องให้มีความเชื่อ ทำตามความเชื่อ จึงเกิดผลอย่างนี้ ภายในเวลา 15 ปี ที่จริงผมว่ายังนานไปด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม เพราะท่านไม่มีใครนำ ไม่มีสอน คลำทางมาเอง จึงอาจเสียเวลาไปบ้าง
แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ท่านมีความเชื่อมากจึงเกิดผลอย่างนี้
ขอบคุณพระเจ้า
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ลบคุณ saleb scan ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งไปโบส์นุ้นโบส์นี้แล้วไปวิภาควิจาร์เขาผมว่าคุณแย่มาก หรือคุณโกรธแค้นกันเรื่องอะไรหรือเปล่า ไม่ใช่คุณไปทำผิดอะไรแล้วเขาไล่ออกจากโบส์มาเหรอหาว่าเขาไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ แล้วคุณดีแค่ไหน
ตอบลบคุณไม่เคยเห็นคุณจึงพูดแบบนี้ ถ้าคุณเห็นตาคุณจะเปิดออก
ลบผมเซเล ผมไม่โกรธคุณที่คุณว่าผมหรอก ถ้าคุณอยู่ที่คริสตจักรนี้ให้ได้ก่อนคุณถึงมาขอโทษผมก็ไม่สาย คุณไม่ระบุชื่อ
จริงอย่างมาก ให้เขาเข้าไปอยู่สักสามเดือนจะรู้
ลบผมไม่เคยหยาบคายนะครับ และที่เขียนไปไม่ได้ใส่ร้ายใครผมบอกให้คุณที่กระหายความจริงไปดูไปศึกษาว่าจริงมั้ยตามที่เขียนไว้และวิธีการระดมทุนมาเป็นเงินเดือนเขาทำกันยังไงถูกต้องหรือไม่ แต่กระทู้ที่คุณตั้งกลับหมิ่นเหม่ที่จะใส่ร้ายผม ความคิดนี้เหมือนขาดวุฒิภาวะ เรื่องมันคือมันมีการเขียนบทความเชียร์กัน มีคนอ่านเป็นแสนเป็นล้านผมเห็นว่ามันไม่ตรงตามที่คุณเชียร์ก็มาสะกิดว่าเออ ก่อนเขียนอะไรไปดูสักหน่อยมั้ย วิธีการ ข้อพระคัมภีร์ จริยธรรม ภาพลวงตาหรือเปล่า รับใช้พระเจ้าหรือรับใช้ตัวเอง ถ้ามันไม่จริงอย่างที่คุณเขียนระวังคุณจะกลายเป็นตัวตลก การแสดงความเห็นของคุณไม่ระบุชื่อผมว่าเอาอารณ์เป็นตัวตั้ง
ตอบลบและผมจะพูดไว้เลยว่าหากท่านที่เขียนจะเอาวิธีที่เขาได้เงินเดือนเยอะๆแบบนี้ไปทำ ท่านจะได้เยอะกว่าเขาอีก แต่ประเด็นคือท่านจะกล้าทำหรือเปล่า ผมดูผมศึกษาวิเคราะห์ มีการทำคาราวานนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อนำเสนอแนวคิดนี้ มีศิษยาภิบาลไม่น้อยกว่า 1000 ท่าน สมาชิกทั่วไปไม่น้อยกว่า 5000 คนในประเทศนี้ได้ยินได้ฟังได้โต้แย้งได้ซักค้านมาแล้วและมีศิษยาภิบาลไม่ถึง 10 คนที่อยากได้เงินเดือนเยอะแบบนั้น อีก 990 กว่าทำไมเขาไม่เอา และมีสมาชิกที่เห็นด้วยเพียง 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นด้วย ตรงนี้แหละที่มันบีบหัวใจ
ตอบลบคุณเอ๋ย และอย่าโกรธกันนะถ้าดีจริงอย่าที่เขียนเชียร์กันก็ต้องมีศิษยาภิบาล รับรับเงินเดือนสี่แสน ห้าแสนเต็มประเทศไทยแล้วสิครับท่าน
คุณชี้แจงมาเลยคุณไม่ระบุชื่อ ถ้าคุณรู้จริง สิ่งที่คุณควรรู้อีกอย่างด้วยคือผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการคริสเตียนไทยเขาได้ยินเรื่องนี้เขาเฝ้าดูเขาเคยไปดูด้วยแต่ทำไมเขาไม่เอา ถ้ารู้จริงตอบมาสิ สหกิจ แบ๊บติส และคณะอื่นๆเขาก็ไม่นำแนวทางนี้มาเป็นต้นแบบ นี่แหละปริศนา
ตอบลบจริงค่ะ
ลบผมไม่แน่ใจว่า คุณ Seleb scan ต้องการอะไรแน่
ตอบลบถ้าใครใช้หน้ากากผี ไม่สามารถหาตัวตนที่แท้จริงได้ ผมขอบอกว่า อย่ามาออกความเห็น ในบล๊อคนี้เลย ผมไม่อยากจะคุยกะผี หรือคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผยโฉมหน้าตัวเอง
ตอบลบคริสตจักรนี้ โกหก เงินเดือน 300000 เหรอ ได้จริง ไม่เกิน 50000 แต่โกหกคนทั้งประเทศ ถ้า 300000 จริงคงมีบ้านหลังใหญ่ คำพูดมึงๆ กูๆ ด่าสมาชิกตอแหล ว่าคริสตจักรอื่นเป็นส้นตีน คริสตจักรตัวเป็นหน้าพระเยซู
ตอบลบคนที่ชื่นชมเข้าไปอยู่สิ จะรู้จริง
ศบ บอกตั้งเงินเดือน 300000 แต่รับจริงเท่าไรก็ได้ เงินก็มาจากการเป็นนายหน้าซื้อขายรถให้สมาชิก เรารู้จักพี่คนหนึ่ง อยู่มานาน พอออกไปก็อธิษฐานสาปแช่ง เรื่องนี้เรื่องจริง
ตอบลบใครขายกิ๊ปชอ็ป แพนเค้ก พอออกจากโบสถ์ก็เอารถคืน ตามล่าไม่ให้ขายของ ตามด่าถึงที่ อธิษฐานแช่ง ให้เป็นขอทาน ก็มี
ร้อยวันพันปีเทศนาแต่ เงิน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ใครมาเชื่อพระเยซูจะร่ำรวย มันก็จริงแต่ถ้าเขาไม่รวยทันที ใครรับผิดชอบ ความรอดไม่ใช่ ใครในโลกให้
ตอบลบมาจากพระเจ้าเท่านั้น
ในฐานะที่ผมเคยอยู่มาก่อน ผมบอกเลยว่าแกบังคับเราทุกเรื่อง และที่สำคัญพูดจาเรียกใครไปเตือนก็จะบอกว่า พูดมานี่เพราะรักนะจึงเตือน แต่ผมบอกเลยว่า ด่าแบบแสบใส้
ตอบลบความจริงเหรอครับ
ลบ