ตอบคำถามประเด็น ผมไม่ใช่ซุปเปอร์แมน

ขอบคุณที่เขียนแนะนำนะครับ

ผมขอตอบสนองอย่างนี้ก็แล้วกัน 

ผมเคยมีวิวาทะกับอาจารย์ใหญ่ ของคณะหนึ่งที่ไม่เชื่อเรื่องนี้
นอกจากนี้ยังมีคนที่ผมรู้จักดีอีกคนหนึ่งที่จบ ป.โทจากวิทยาลัยพระคัมภีร์จากต่างประเทศ  ตอนนี้คาดว่าเขากำลังจะขอทุนไปเรียนปริญญาเอก ด้านศาสนศาสตร์ หรือไม่งั้นก็คงตลอนตลอน ไปสอนความรู้ทางศาสนา  ตามสาขาต่างๆ ของคณะฯ  ผมว่าก็ดีนะ ถ้าเรียนแล้ว เกิดมีของประทานที่เป็นฤทธิ์เดชแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิต  แต่น่าเสียดายที่เพื่อนผมมันบอกว่า การเจิมไม่มีในหลักข้อเชื่อของเขา และมันพูดว่า “ผมจะใช้แต่ความรู้อย่างเดียวก็พอ"

หลายคนชอบพูดว่า "เราไม่เอาฤทธิ์เดช เราไม่เชื่อเรื่องนี้” 

คนบางคนบอกว่า ฤทธิ์เดชแบบนี้ไม่จำเป็น  ถ้าเราวางมือคนหายโรคได้ ก็ไม่ต้องมีโรงพยาบาล คนไม่ต้องไปเรียนแพทย์  แล้วก็ไม่ต้องมีคนป่วยคนตาย  ผมคิดว่าเพื่อนของผมก็พูดถูกของมันนะ แต่มันถูกแค่ส่วนเดียว คือมันพูดแบบเห็นแก่ตัวของมัน คือมันเห็นความป่วยใข้ของคนอื่นๆ เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต  แต่ถ้าความป่วยใข้ร้ายแรงไม่เกิดกับตัวมัน เมียของมัน และ
ลูกๆ ของมัน มันคงไม่รู้สึกอะไร  การเจ็บป่วยเมื่อหมอรักษาไม่ได้แล้ว มันจะทำอย่างไรต่อไป  นั่งรอความตาย  รับการทรมานต่อไปวันแล้ววันเล่า งั้นหรือ

คนพวกนี้สามารถยืนเฉยมองดูพี่น้องตายไปเพราะโรคภัยง่ายๆ ถ้าเราใช้ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า แต่เป็นโรคที่การแพทย์ปัจจุบันยังรักษาไม่ได้อย่างไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ ไหนบอก

ทุกคนมีพระวิญญาณอยู่ด้วย แล้วทำไมไม่เห็นมีฤทธิ์มีเดชอะไรเลย ให้สมาชิก อยู่ไปวันๆ รอไปสวรรค์งั้นหรือ  ทำไมไม่ลองหัดทำดูไม่ยากเลย  ไม่เสียอะไรเลย  อาจจะขายหน้า 

เชื่อไหมว่า นักการศาสนาจำนวนมากที่ไปเยี่ยมคนป่วยชาวคริสต์ที่ป่วยใกล้ตายอยู่ในโรงพยาบาลคริสเตียน หรือที่บ้าน นักการศาสนาหลายคนไปเพราะมันเป็นหน้าที่  บางคนไป

เพื่อไปให้กำลังใจญาติๆ ให้รู้ว่า นี่อาจารย์ก็มาดูใจแล้วนะ มาอธิษฐานให้แล้วนะ  แต่มีสักกี่คนที่ไปแล้ว วางมือแล้วคนป่วยหายป่วย ลุกขึ้นมาเลย  ไปแล้วอยากจะช่วยด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า แบบมั่นใจๆ เลยน่ะ

เราน่าจะกล้าที่จะทำในสิ่งที่เป็นคำสั่งของพระเยซู คืออธิษฐานวางมือคนป่วย ในตอนแรกๆ เมื่อพยายามวางมือคนป่วยจำนวนสิบคน  อาจจะหายป่วยเพียงคนเดียว แต่ผมคิดว่า สิบคน หายหนึ่งคนก็คือ อัตรา 10 เปอร์เซนต์นะ  ดีกว่าไม่หาย 100 เปอรเซนต์  แล้วหมอที่โรงพยาบาลเรียนมาตั้งหลายปี  ตอนเป็นเด็กมัธยมท่องหนังสือ และเรียนพิเศษแทบตายจนได้เป็นแพทย์ รักษาโรคหายทุกคนหรือเปล่าล่ะ

เรื่องการใช้น้ำมันในการเจิม เพื่อนมันก็บอกว่า มันไม่เอาอีก มันอ้างว่าคณะของผมไม่ทำ

อันไหนที่่ไม่ได้มีกล่าวอ้างในพระคัมภีร์ตรงๆ มันไม่เอาอยู่แล้ว
แต่ถ้าอันไหนมีในพระคัมภีร์ มันก็บอกว่า คณะของมันไม่มี เราไม่เอา เราไม่ทำ แล้วอย่างนี้ มันจะไปประกาศกะใคร มันน่าจะยอมรับว่ามันทำไม่เป็นมากกว่า แล้วพยายามหาอาจารย์มาสอนให้มันทำได้ จะดีกว่าเป็นนักมวยตาบอดที่ดีแต่ชกลม การประกาศข่าว

หรือสอนเรื่องความเชื่อกับคริสเตียนก็มีแค่นี้หรือ  คือเรื่องความรู้ทางศาสนา  วีรบุรุธในพระคัมภีร์เดิม  ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ได้บทเรียนอะไร เราควรทำตัวอย่างไร  สรุป  และจบการสอน แค่นั้นหรือ
การสอนมีแค่นี้แล้วหรือ

ผมอยากให้เราลองพิจารณาดูว่า ถ้าเราฉีกทุกๆ หน้าในหนังสือพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ทุกๆ หน้าที่มีคำว่า รักษาโรคและคำว่า ขับผี ออกจากพระคัมภีร์ กิติคุณทั้งสี่ และ

หนังสือกิจการ มันจะเหลือหน้ากระดาษสำหรับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์สักกี่หน้า  และผมเชื่อว่ากิตติคุณที่เหลือ  เมื่ออ่านแล้วคงน่าเบื่อ มันคงไม่ผิดกับหนังสือธรรมะคำสอนของศาสนาทั่วๆ ไปก็สอนวิธีการต่างๆ ให้คนทำดี อันที่จริงก็ไม่มีใครทำดีได้ร้อยเปอร์เซนต์อยู่แล้ว  แล้วถ้าพระเยซูไม่ทำการอัศจรรย์ สาวกไม่ทำการอัศจรรย์ คนแค่ 120 คนจะพลิกโลกทั้งใบได้หรือ

ใครที่ไปเรียนประวัติศาสตร์ชาติไทยมา คงได้รับรู้ว่ามิชชั่นนารีที่มาเมืองไทยได้เป็นร้อยๆ ปี  แต่ไม่สามารถไม่พลิกเมืองไทยได้เพราะเขาส่วนใหญ่นำเข้ามาในเมืองไทยไม่สมประกอบ เอาแต่เปลื่อกไม้มา คืออะไรล่ะ ...

หลักข้อเชื่อของอัตรทูต  คำสอน เงิน ผลประโยชน์ล่อใจ  ความรู้ทั่วไป ระบบการบริหารจัดการ และความรู้ทางศาสนาเข้ามา แต่ลืมเอาฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ามาด้วยใช่หรือไม่ใช่

เมืองไทยเป็นเมืองแห่งไสยศาสตร์และการนับถือวิญญาณใช่หรือไม่ใช่
ศาสนศาสตร์จะสู้กับวิญญาณเจ้าที่ได้หรือ  มีนักศาสนศาสตร์คนไหนกล้าไปรื้อถอนศาลเจ้าในระดับบิ๊กได้บ้างล่ะ  อยากลองของไหม ที่เขาบอกว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่น่ะ  ผมเคยได้ยินแต่คนพูดว่า ต่างคนต่างอยู่นะผีนะ เราอย่าไปยุ่งกะมัน  อย่าแตะต้องความเชื่อของคนอื่น  ถ้าเขาเชื่อผิดๆ ก็จงปล่อยเขาให้ตายไปอย่างน่าเวทนาอย่างนั้นหรือ

นักการศาสนาสอนให้ชาวคริสต์ทำตามพระเยซู  ทำตามเรื่องอะไรล่ะ นอกจากการทำตัวเป็นสมาชิกที่ดี ให้เกื้อหนุนคริสตจักร  ไม่ดื้อ  ไม่สร้างปัญญาให้กับสังคม และศาสนจักร

มันต่างกันตรงไหน กับคำสอนของศาสนาอื่น ที่บอกวิธีให้คนเป็นคนดี มีสุข ประสบความสำเร็จ และยังเพิ่มอีกว่าต้องช่วยกันพยุงและป้องกันพระศาสนา

มีคำกล่าวว่า  "ให้เราอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข"  ทุกวันนี้ชาวคริสต์คณะต่างๆ ก็อยู่กันอย่างมีสันติมิใช่หรือ  คือตัวใคร ตัวมัน ไม่ทะเลาะกัน แต่ก็ไม่สามารถทำงานร่วมกันอย่างเกิดผล  ทำงานคนละทิศละทาง แบบไม่มีการประสานงานกัน ไม่เอาเงินมาเทลงในงานเดียวกัน  มาแต่ตัว บางคนมาแค่ให้เห็นหน้าเท่านั้นไม่ได้ตั้งใจร่วมแบบร่วมเป็นร่วมตาย ต่างคน ไม่มีการทำงานระดับยุทธศาสตร์

ต่างสร้างกำแพงของอาณาจักรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ใช่หรือไม่ใช่

คนข้างบนบอกว่า ทุกคณะนิกาย ทุกลัทธิเราต้องสามัคคีกันนะ ระดับเอ็กครูสซีฝนัดกินกาแฟด้วยกันบอกว่า เราร่วมงานกันนะ

พอลับหลังก็บอกให้พวกข้างล่างว่า พวกเราอย่าไปกีดกันคณะอื่นนะ แต่เวลาจะสอนอะไร จะฟื้นฟู หรืออบรมพิเศษอะไร ขอให้เอาอาจารย์จากภาคของเรา ชาวคณะของเราเท่านั้นก่อนนะ เพราะคนของเราก็มีคุณภาพ  แล้วเวลาโบสถ์คณะอื่นมันจัดงานอะไร ก็ต้องระวังนะ  เดียวมีคำสอนผิดเข้ามา ขี้เกียจตามแก้  พวกเราอยู่กันไปอย่างนี้แหละ

เทศกาลคริสตมาสมาทีเราก็เมากันได้เต็มที่เหมือนเดิม  เพราะคำสอนของเราการดื่มเหล้ามันไม่ได้ผิดศีลข้อไหนเลยนี่นา

มีการกระซิบกันเบาๆ ว่า  “พวกเราก็อยู่กันเงียบๆ นะ อย่าไปยุ่งกันคณะอื่นเลย เดี๋ยวสปอนเซอร์โดนตัด แล้วตัวใครตัวมันนะ ถึงเวลานั้นผมช่วยคุณไม่ได้นะ”

.....
คณะทีมปลดปล่อยของผมเคยไล่ผีให้อนุชนของโบสถ์พวกไม่เชื่อเรื่องผีที่สิ่งในคริสเตียนอีกแห่งหนึ่งมาแล้ว ตอนที่เรากำลังพยายามช่วยกันขับ เพราะมีผีจำนวนมากมันพากันมาเข้าสิง  เราก็ช่วยกันขับเป็นชั่วโมงเลย  อาจารย์ของเขายืนดูแบบงงๆ ถึงมันเห็นการขับผีด้วยตาของตนเองมันก็อาจไม่เชื่อหรอก

ตอนนั้นผมยังมัดมือคนถูกผีสิงให้มือมันติดกันโดยไม่ต้องใช้เชื่อกด้วย  (เราเคยถ่ายวีดทัศน์อีกคนหนึ่งใส่ไว้ในยูทูปแล้ว)หลังจากขับผีผ่านไป มันยังไม่รู้จักขอบคุณผมที่ทำอะไรที่เป็นคุณประโยชน์ให้กับคนของเขาด้วย พอวันหลัง พอพบหน้าผมอีกที มันไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย แต่กลับทำท่าทางแปลก ๆ เหมือนกับผมเป็นตัวประหลาดสำหรับพวกเขาอีก 

อันนี้้ไม่ได้ดูถูกความเชื่อหรอกนะ แต่ผมกำลังพยายามจะสื่อสารว่า...

 เลิกได้ไหมกับสิ่งที่เป็น เทดดิชั่นที่มันไม่เวิร์ค แล้วคุณยังไม่กล้าเปลี่ยนเพราะความหวาดกลัววิญญาณศาสนา หรืออะไรบางอย่างเท่านั้น
แล้วคนของพระเจ้าจะช่วยคนไม่เชื่อ คริสเตียนอ่อนแอ ให้พ้นทุกข์ พ้นความป่วยใข้ได้อย่างไร  พวกหมอผี  หมอดูมันยังเก่งกว่านักการศาสนาอีกหลายๆ คน นะ   พออะไรของ

ชาวบ้านหายลองไปถามมันนะ  มันรู้ มันบอกได้ ผีชนิดไหนเข้ามาทำร้ายคน มันบอกได้  แต่คนที่อ้างตัวว่าเป็นอาจารย์ใหญ่ของเรา  ทำได้แค่บอกวิธีการไปสวรรค์  การทำตัวเป็น

สมาชิกที่ดี  ชีวีประสบความสำเร็จ  แนะนำวิธีรักษาสุขภาพ และวิธีการต่างๆ ในการอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข  แค่นี้แล้วหรือ อะไรคือความแตกต่าง ระหว่างคำสอนของลัทธิความ

เชื่ออื่นบ้างล่ะ  เรื่องแบบนี้ลัทธิไหนมันก็สอนได้ไม่ใช่หรือ 




กลับไปหน้า ผมไม่ใช่ซูปเปอร์แมน

กลับไปหน้าแรกของบล็อคนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)