ในตอนที่หนึ่งได้กล่าวถึง ความเป็นมาของได้รับการเจิมที่ผมได้รับผ่านการวางมือของผู้รับใช้พระเจ้าที่มีการเจิม แล้วภายหลังผมได้มีประสบการณ์ในการใช้ของประทานแห่งการวางมือในการ อธิษฐานเผื่อผู้อื่น ให้หายจากการป่วยใข้ เป็นการอวยพร ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ทุกคน มีสิทธิอำนาจนี้แต่จะมากหรือน้อย หรือไม่มีเลย ขึ้นอยู่กับ ความเชื่อที่มีอยู่ในวิญญาณของแต่ละคน
การวางมือคืออะไรล่ะ ทำไมต้องวางมือ ไม่ต้องวางได้ไหม มือคนธรรมดาจะเกิดฤทธิ์อำนาจในการเยียวยาได้หรือ สิ่งเหล่านี้อาจะเป็๋นคำถามที่หลายๆ คน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในศาสนาคริสต์มานาน นานมากจนกระทั้งไม่ทันได้รู้สึกว่า ตนเองน่าจะหัดวางมืออธิษฐานเผื่อเพื่อนๆ คนเจ็บใข้ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ในที่ทำงาน ในโรงเรียน ที่ตลาด ในห้างสรรพสินค้า หรือในทุกแห่งที่เราได้รู้จักและสัมผัสกับผู้คน พระเจ้าต้องการให้เราสำแดงความรักของพระเจ้าผ่านการอธิษฐานวางมือ เพราะเมื่อเรากล้าที่จะทำด้วยความรัก พระเจ้าจะรับรองการวางมือของเรา
8. ...อิสราเอลเห็นบุตรทั้งสองของโยเซฟจึงถามว่า
“นี่ใคร”
9. โยเซฟตอบบิดาว่า
“นี่เป็นบุตรที่พระเจ้าประทานแก่ลูกในเมืองนี้”
อิสราเอลจึงว่า “ขอเจ้าพาบุตรทั้งสองเข้ามาเพื่อเราจะได้ให้พรแก่เขา"
17. ฝ่ายโยเซฟเมื่อเห็นบิดาวางมือข้างขวาบนศีรษะของ เอฟราอิมก็ไม่พอใจ จึงจับมือบิดาจะยกจากศีรษะเอฟราอิมวางบนศีรษะมนัสเสห์
18. โยเซฟเตือนบิดาว่า “ไม่ถูก คุณพ่อ เพราะคนนี้เป็นหัวปี ขอพ่อวางมือขวาบนศีรษะคนนี้เถิด”
19. บิดาก็ไม่ยอม ตอบว่า “พ่อรู้แล้ว ลูกเอ๋ย พ่อรู้แล้ว เขาจะเป็นคนเผ่าหนึ่งด้วย และเขาจะใหญ่โตด้วย อย่างไรก็ดีน้องชายจะใหญ่โตกว่าพี่ และพงศ์พันธุ์ของน้องนั้นจะเป็นคนหลายประชาชาติด้วยกัน”
(ปฐมกาลบทที่ 48: 8-19)
ขณะที่ยาโคบ(ชื่อใหม่ อิสราเอล) เห็นบุตรทั้งสองของโยเซฝ ท่านได้ให้เอาเด็กทั้งสองเข้ามา เพื่อวางมืออวยพร แต่ท่านกลับเอาวางมือไขว้กัน และอวยพร
การวางมือส่งผลหลายประการดังนี้
ก. การวางมือคือการส่งต่อ
"คำอวยพรและคำแช่งสาป"(Impartation of blessing and curses)
ในกรณีนี้เป็นการส่งต่อคำอวยพร
การอธิษฐานวางมือจะส่งต่อคำอวยพรแก่คนที่ยอมรับเอา
ส่วนกรณีนี้เป็นการส่งต่อคำแช่งสาป บาปกรรม และภัยพิบัติ
และอาโรนจะเอามือทั้งสองวางบนหัวแพะที่มีชีวิตนั้น และกล่าวคำสารภาพบรรดาบาปของคนอิสราเอล และการทรยศทั้งหมด และบาปทั้งสิ้นให้ตกลงบนหัวแพะนั้น และให้คนที่เตรียมมือไว้พร้อมแล้วมานำแพะไปปล่อยเข้าถิ่นทุรกันดาร เลวีนิติ 16:21:
3. ...ถ้าเครื่องบูชานี้เป็นเครื่องเผาบูชามาจากฝูงโค ก็ให้เขานำสัตว์ตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิ ให้เขานำเครื่องบูชานั้นมาที่ประตูเต็นท์นัดพบ เพื่อให้เขาเป็นที่โปรดปรานต่อพระเจ้า
4.ให้เขาเอามือวางบนหัวสัตว์ซึ่งเป็นเครื่องเผาบูชานั้น และเครื่องเผาบูชานั้นจะเป็นที่ทรงโปรดปรานเพื่อทำ การลบมลทินของผู้นั้น 5แล้วให้เขาฆ่าโคตัวผู้นั้นต่อพระพักตร์พระเจ้า
เลวีนิติ 1:3-4
ผู้ถือกุญแจคือผู้ที่ได้รับสิทธิอำนาจและมีสิทธิอำนาจ
มาสเตอร์คีย์ คือกุญแจเพียงดอกเดียวไขได้ทุกลุ๊อค ทุกประตู
ข. การวางมือเป็นการส่งต่อสิทธิอำนาจ/ มอบสิทธิอำนาจในการปกครอง (Authority)
และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงนำโยชูวาบุตรนูนผู้มีพระวิญญาณอยู่ ภายในเขามา
จงเอามือของเจ้าวางบนเขา
19. ตั้งเขาไว้ต่อหน้าเอเลอาซาร์ปุโรหิตและต่อหน้าชุมนุมชนทั้งหมด และเจ้าจงกำชับเขาต่อหน้าชุมนุมชน
20. เจ้าจงให้เกียรติยศอย่างของเจ้าแก่เขา เพื่อให้ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดเชื่อฟังเขา
21. และเขาจะยืนอยู่ต่อหน้าเอเลอาซาร์ปุโรหิต ผู้ซึ่งจะทูลถามเพื่อเขาตามหลักตัดสินของอูริม(ศีล ฉลากศักดิ์สิทธิ์) ต่อพระเจ้าและคนทั้งปวงจะออกไป และเข้ามาตามคำของปุโรหิตทั้งเจ้ากับคนทั้งปวงใน อิสราเอลนั้น คือชุมนุมชนทั้งหมด”
22. และโมเสสกระทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชาท่าน ท่านจึงนำโยชูวาให้มายืนต่อหน้าเอเลอาซาร์ปุโรหิต และต่อหน้าชุมนุมชนทั้งหมด
23. และท่านเอามือวางบนโยชูวา และกำชับเขาตามที่พระเจ้าตรัสสั่งทางโมเสส
ขณะที่โมเสสแก่และใกล้จะหมดวาระ พระเจ้าได้สั่งให้โมเสส ส่งต่อการปกครองการนำคนของพระเจ้า โดยการวางมือ ไม่เพียงแต่ะจะเป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งการมอบอำนาจเท่านั้น ยังเป็นการส่งต่อสิทธิอำนาจและการเจิมของพระเจ้า เพื่อให้คนที่จะทำงาน มีพลังอำนาจพิเศษของพระเจ้าในการทำงานด้วย
โยชูวาบุตรนูนก็ประกอบด้วยสติปัญญา เพราะโมเสสได้เอามือของท่านวางบนเขา ดังนั้นประชาชนอิสราเอลจึงเชื่อฟังเขา และได้กระทำดังที่พระเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้
(เฉลยธรรมบัญญัติ 34.9)
เมื่อผู้มีการเจิมของพระเจ้าวางมือและอวยพรผู้ใด ผู้รับการวางมือก็ได้รับสิทธิอำนาจและพระพรตามนั้น นอกจากนี้เขายังได้รับ สติปัญญา จากพระธรรม ตอนที่อ้างถึงนี้ โยชูวาก็ประกอบไปด้วยสติปัญญา ภาษาอังกฤษ ฉบับ (ESV) ใช้คำว่า เต็มไปด้วย แปลว่ามีปัญญาเต็มเปี่ยมเพียงพอสำหรับภาระงานที่ได้รับ
ค. การวางมือเป็นการทำให้เกิดผลดี (Blessed person)
6. คนทั้งเจ็ดนี้เขาให้มายืนต่อหน้าพวกอัครทูต แล้วพวกอัครทูตก็อธิษฐานและวางมือบนเขา
(กิจการ 6.6
ในสมัยคริสตจักรแรกเริ่ม เมื่อมีการเลือกคนให้เข้าสู่่งาน ก่อนที่จะให้พวกเขาออกไปปฎิบัติหน้าที่ อัครทูตได้วางมือบนคนเหล่านั้น ในข้อต่อมา หนังสือกิจการ (6.7)ได้บันทึกไว้ว่า
"การประกาศพระวจนะของพระเจ้าได้เจริญขึ้นและจำพวกศิษย์ก็ทวีขึ้นเป็นอันมากในกรุงเยรูซาเล็ม และพวกปุโรหิตเป็นอันมากก็ได้เชื่อในพระศาสนา"
ง. การวางมือเป็นการส่งต่อของประทานฝ่ายวิญญาณจิต
(Spiritual Gifts)
อัครทูตเปาโลเป็นผู้ที่ทำงานของพระเจ้าในการประกาศ หนุนใจคริสตจักร อย่างเกิดผล และมีประสิทธิภาพมากเนื่องจากท่านมีของประทานแห่งวิญญาณจิต และท่านได้ "ถ่ายทอด" ของประทานนี้แก่คนที่สัตย์ซื่อในการับใช้
(a.) อัครทูตเปาโลได้รับการวางมือจาก อานาเนีย จนท่านประกอบไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
...แล้วอานาเนียก็ไป และเข้าไปในตึก วางมือบนเซาโล กล่าวว่า
“พี่เซาโลเอ๋ย องค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระเยซูได้ทรงปรากฏแก่ท่านกลางทางที่ท่านมานั้น
ได้ทรงใช้ข้าพเจ้ามาเพื่อท่านจะเห็นได้อีก
และเพื่อท่านจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เต็มบริบูรณ์”
(b.) อัครทูตเปาโลวางมือส่งต่อการเจิมให้แก่ศิษย์คนอื่นๆ
10. ข้าพเจ้าทูลขอว่า ถ้าเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าแล้ว ให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปเยี่ยมท่านทั้งหลาย โดยอย่างหนึ่งอย่างใดในที่สุดนี้
11. เพราะข้าพเจ้าปรารถนาที่จะได้พบท่านทั้งหลาย เพื่อจะได้นำของประทานฝ่ายวิญญาณจิตมาให้แก่ท่านบ้าง เพื่อเสริมกำลังท่านทั้งหลาย (โรม 1.11)
จ. ของประทานที่ได้รับจากการวางมือจะต้องพัฒนาขึ้น ด้วยการฝึกฝน และเพียรใช้
5. ข้าพเจ้าระลึกถึงความเชื่ออย่างจริงใจของท่าน อันเป็นความเชื่อซึ่งเมื่อก่อนได้มีอยู่ในโลอิสยายของท่าน และในยูนีสมารดาของท่าน และบัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีอยู่ในท่าน
6. อันของประทานของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในท่าน โดยที่ข้าพเจ้าได้เอามือวางบนท่านนั้น ขอเตือนว่าท่านจงกระทำให้รุ่งเรืองขึ้น (2 ทิโมธี 1.6)
จากพระธรรมข้างบนนี้หมายความว่า ของประทานสามารถจะส่งต่อให้ผู้ที่มีความสัตย์ซื่อในการรับใช้ และของประทานนี้จะต้องเอาไปพัฒนา แปลว่า ต้องมีความเพียรพยายามในการใช้จึงจะเจริญ และเกิดผลอย่างที่คาดหวัง พระเจ้าปรารถนาให้ทุกคนที่ได้รับของประทานฯ นำไป "เพียรใช้" จนเห็นผลแห่งฤทธิ์เดชแห่งของประทานนั้นๆ
อาจเปรียบได้ว่า เมื่อเราได้ปลูกเมล็ดพันธุ์พืชแล้ว เราต้องหมั่นรดน้ำ พรวนดิน และเอาใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ เราจึงได้รับผล เหมือนกับ เมล็ดพืชที่กลายเป็นต้นไม้ ที่เกิดดอก ออกผล สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา ใช้ความเพียร สิ่งใดที่ได้มาโดยง่าย คนอาจไม่เห็นคุณค่า สิ่งใดไม่ได้แลกมาด้วยความเพียร คนจะภาคภูมิใจได้อย่างไร เช่นเดียวกับ นักวิ่งมาราธอนที่ฝึกฝน จนเข้มแข็ง หมั่นฝึกซ้อมอย่างหนักหลายปี จนกลายเป็นแชมป์ รางวัลแห่งการเป็นนักวิ่งมาราธอนจึงเป็นรางวัลที่แสดงถึง ความมานะภาคเพียรของผู้ชนะ
ฉ. การวางมือเพื่อส่งต่อไฟแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า
( a.) วางมือให้คนที่เชื่อแล้ว ได้รับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
1. ขณะที่อปอลโลยังอยู่ในเมืองโครินธ์ เปาโลได้ไปตามที่ดอน แล้วมายังเมืองเอเฟซัส ท่านพบสาวกบางคนที่นั่น
2. จึงถามเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายเชื่อนั้น ท่านได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือเปล่า”
เขาตอบว่า
“เปล่า เรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นเราก็ยังไม่เคยได้ยินเลย”
3. เปาโลจึงถามเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านได้รับบัพติศมาอันใดเล่า”
เขาตอบว่า
“บัพติศมาของยอห์น”
4. เปาโลจึงว่า
“ยอห์นให้รับบัพติศมาสำแดงถึงการกลับใจใหม่ แล้วบอกคนทั้งปวงให้เชื่อในพระองค์ผู้จะเสด็จมาภายหลังคือพระเยซู”
5. เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น เขาจึงรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูเจ้า
6. เมื่อเปาโลได้วางมือบนเขาแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาบนเขา เขาจึงพูดภาษาแปลกๆและได้ทำนายด้วย
7. คนเหล่านั้นมีประมาณสิบสองคน
(b.) บัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่จำกัดเฉพาะคนยิว
14. เมื่อพวกอัครทูตซึ่งอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม ได้ยินว่าชาวสะมาเรียได้รับพระวจนะของพระเจ้าแล้ว จึงให้เปโตรกับยอห์นไปหาเขา
15.ครั้นเปโตรกับยอห์นไปถึงก็อธิษฐานเผื่อเขา เพื่อให้เขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์
16. ด้วยว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ยังไม่ได้เสด็จลงมาสถิตกับผู้ใด เป็นแต่ได้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซูเจ้าเท่านั้น
17. เปโตรกับยอห์นจึงวางมือบนเขา แล้วเขาทั้งหลายก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์
วิญญานบริสุทธิ์ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ การพูดภาษาอื่นๆ ที่เราไม่เคยเรียนมาก่อน
"เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงตั้งต้นพูดภาษาอื่นๆตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด" (กิจการ 2.4)
**หมายเหตุ ในที่นี้โปรดเข้าใจให้ชัดเจนว่า การได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ กับการบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็น คำที่ใกล้เคียงกันมาก หลายท่านอาจใช้คำทั้งสองคำ แทนกัน แต่ผลของทั้งสองคำนี้แตกต่างกันอย่างมาก คนที่ได้รับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณจะมีผลที่เกิดขึ้นชัดเจน คือ เขาจะประกอบไปด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า สามารถทำการอิทธิฤทธิ์ การอัศจรรย์ในพระนามพระเยซูคริสต์ได้อย่างเห็นผลชัดเจน" -
นักโต้แย้งทางศาสนาบางคนที่ถูกวิญญาณศาสนาครอบงำชอบอ้างว่า
"เราไม่จำเป็นต้องได้รับการบัพติสมาด้วยพระวิญญาณก็ได้"
"แต่ให้ดูผลของพระวิญญาณที่มีอยู่ในคนที่ผ่านการได้รับบัพติสมา"
ซึ่งในข้ออ้างนี้อาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน การรับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณ เป็นการรับอิทธิฤทธิ์ของพระเจ้าเพื่อทำการของพระเจ้าอย่างเกิดผล ไม่ควรนำเอาผลของพระวิญญาณมาตัดสิน ความประพฤติของแต่ละคน คนที่ชอบอ้างผลของพระวิญญาน คือ
คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน (กาลาเทีย 5.22)
เพราะทุกคนก็ยังเป็นคนบาป และมักจะพลั้งเพลออยู่ดี ไม่มีมนุษย์ธรรมดาคนใดที่ อุจจระไม่มีกลิ่นเหม็น แต่ที่เราได้รับสิ่งดีจากพระเจ้า เรารับเอาด้วยความเชื่อ ความถ่อมใจ และเราได้รับเนื่องจากพระคุณของพระเจ้า ทางไม้กางเขน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ เราไม่ได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเพราะว่าเรามีตำแหน่งทางศาสนา ด้วยความดีของเรา แต่เราได้รับตามพระคุณเท่านั้น
แท้ที่จริงสิ่งที่เราอ้างว่าเป็นผลของพระวิญญาณนี้ ไม่ได้มีเฉพาะในศาสนาคริสต์เท่านั้น คนอื่นๆ ที่เขาเชื่อถือ และปฎิบัติตามหลักคำสอนของศาสนาต่างๆ ก็มีอย่างนี้เช่นเดียวกัน ผลของพระวิญญาณเหล่านี้ ไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ หรือเป็นเครื่องประกันว่า คนที่มีสิ่งเหล่านี้จะได้รับรางวัลจากพระเจ้า ด้วยการได้รับอนุญาตให้วิญญาณของเขา เข้าไปสู่สวรรค์ พระคัมภีร์สอนว่า เราได้รับความรอดพ้นบาป ด้วยความเชื่อในการไถ่ของพระเยซูคริสต์ เท่านั้น ไม่ใช่ด้วยการประพฤติตามหลักคำสอนทางศาสนา หรือผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น
คนที่ชอบอ้างผลของพระวิญญาณ มักจะเป็นผู้ที่ไม่มีการเจิมของพระเจ้า เขาไม่สามารถต่อสู้กับวิญญาณร้ายที่สิ่งสู่ในมนุษย์ได้ ไม่สามารถแก้ "ของขึ้น หรือครูขึ้นได้" ไม่สามารถทำอะไรที่สามารถมากกว่า พวกหมอดู และหมอไสยศาสตร์ได้ เพราะพวกเขาไม่มีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า มีแต่ความรู้ทางศาสนาสำหรับสอนแนวปฎิบัติให้คนเป็นคนดีเท่านั้น
เป็นที่น่าเสียดายที่ ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้รับใช้จำนวนมาก ไม่แสวงหาของประทานและสิทธิอำนาจของพระเจ้า แต่กลับแสวงหาที่ทำงานที่มั่นคง แสวงหาเงินเดือนและค่าตอบแทนที่สูง แสวงหาตำแหน่งทางศาสนาเพื่อแสวงหาการยอมรับจากมนุษย์ ผลประโยขน์ ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต การสร้างฐานะ และการรับผิดชอบต่อครอบครัว มากกว่าการแสวงหาการยอมรับของพระเจ้า
การเทศนาสั่งสอนของนักการศาสนาจำนวนมากในปัจจุบันจึงเป็นไปเพียงการพูดเพื่อประโลมใจ เน้นการเจริญทางด้านปัญญา ความสำเร็จ สุขภาพดี และการร่ำรวยด้วยการสอนวิธีการต่างๆ ที่หนุนใจให้คนเข้ามาหาพระเจ้าเพื่อรับพระพร มากกว่าการเทศนาให้คนกลับใจจากบาปหนา บาปซ่อน การแยกตัวออกจากวิถีของสังคมที่เน่าเหม็น การเข้าถึงฤทธิ์เดช และสิทธิอำนาจของพระเจ้าเพื่อสร้างคนให้เป็นนักปลดปล่อย นักอธิษฐานวิงวอน และเป็นสาวกของพระคริสต์ เพื่อขยายแผ่นดินของพระเจ้า
แล้วเราจะวางมืออย่างไร เพื่อให้คนป่วยหายจากการป่วยใข้และโรคเรื้อรังล่ะ
โปรดติดตามตอนที่ 3 เร็วๆ นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)