บันทึกผู้กล้า> เชื่อแล้วรับการปลดปล่อย Memorandum of a brave woman who comes to pray for deliverance



นี่คงเป็นบันทึกที่คงจะช่วยให้หลายๆ คน  ทั้งที่รู้จักพระเยซู คนไหว้เจ้า คนไหว้ต้นไม้ คนไหว้เทพ คนไหว้มังกร  และคนไม่เคยเชื่อพระเจ้าองค์ใดเลย มาอ่านแล้ว อาจเลียนแบบความกล้าหาญของน้องคนนี้ 
แต่ก่อนที่ท่านจะได้อ่าน ผมก็ขอให้อ่านจดหมายอีเมล์ของคนที่อ่านบล็อคของผมแล้วอยากหายบ้าง เขาว่าดังนี้
............................................................
From: tarpxxxx @hotmail.com
To: reewat@hotmail.com
Subject: สอบถามเรื่องวิญญาณร้าย
Date: Sun, 20 Feb 2011 16:36:16 +0700

พอดีได้อ่านบล๊อคในเว็ปคุณ ผมคริสเตียนครับ แต่ว่ามีปัญหาเรื่องฝันร้ายบ่อยๆแปลก ๆ อยากให้ช่วยติดต่อกลับที่เมลล์
หรือเบอร์โทรนี้ได้มั๊ยครับ ขอบคุณครับ ??-081-7723XXX

..............................................................

ช่วงก่อนหน้านี้ผมได้รับอีเมล์ประเภทนี้ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับDate: Mon, 31 Jan 2011 23:03:07 -0800
From: xxxetaixx@yahoo.com
Subject: ขอรับการช่วยเหลือ
To: reewat@hotmail.com


สวัสดีค่ะ ได้เข้าไปอ่านเรื่องราวจาก http://reewat.blogspot.com/ มีอาการป่วยที่เรื้อรัง ต้องการขอรับการรักษาและช่วยเหลือค่ะ ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรบ้างคะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ลงชื่อ xxxxx
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


ผมจึงตอบเขากลับไปดังนี้ครับ ลองอ่านดูนะครับ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีครับ 

ขอบคุณที่ติดต่อมา ผมจะเล่าสิ่งนี้ให้คุณฟังก่อนแล้วคุณค่อยตัดสินใจโทร หรือติดต่อมาหาผมแล้วกัน
อาจใช้อีเมล์ หรือหากจะใช้โทรศัพท์ กรุณาโทรตอนค่ำๆ  นะครับ ช่วงนี้ผมยุ่งตอนกลางวัน 

อาทิตย์นี้ 18-20 ก.พ. 2011 

มีผู้หญิงคนหนึ่งได้เปิดเจอเว็บของผม เนื่องจากเธอป่วยมาได้ประมาณ 3 ปี เธอคงตัดสินใจอยู่นาน ก่อนการตัดสินใจเธอได้อ่านบทความของผมในเว็บบล็อคแห่งนี้อีกหลายบทความเพื่อพิจารณาประกอบการตัดสินใจ หลายบทความก็ดีอยู่ แต่บางอันก็ทั้งแสบทั้งคัน เพราะเจ้าของบล็อคชอบเอาปากกาไปเกาตรงจุดคันๆ ของคนอื่นเป็นบางครั้ง (ขออย่าได้ถือสา) แต่เธอก็คงจะได้ใจความอะไรอยู่บ้าง เธอจึงได้ติดต่อเข้ามาหาผม ผมขอเรียกเธอว่า น้องมาช่า ก็แล้วกัน

คุณมาช่าเป็นคนมีการศึกษาสูงและมีหน้าที่การงานที่ดี  เธอบอกกับผมตอนหลังว่าเคยไปทำงานต่างประเทศมาแล้ว ผมเชื่อว่าจากหน้าที่การงานที่ทำ คุณมาช่าคงมีฐานะการเงินที่ดีพอสมควร (ผมสังเกตถ้าไม่งั้นคงไม่ลงทุนนั่งเครื่องบินมาที่จังหวัดที่ผมอยู่ได้หรอก) แต่มาช่าไม่มีสันติสุข  เธอมีอาการของโรคหลายอย่างรุมเร้า ทั้ง ปวดไหล่ ท้อง กระดูก เพลีย นอนไม่หลับ ตื่นมาก็เพลีย

คุณมาช่าตัดสินใจเดินทางโดยสารเครื่องบิน ไปกลับจากกรุงเทพ ถึงจังหวัดที่ผมอยู่ เธอมาถึงที่นี้เช้าวันเสาร์ มาช่าสำแดงความเชื่อของเธอ ด้วยการลงทุนนั่งเครื่องบิน ด้วยตั๋วที่เหลือที่นั่งใบสุดท้ายมาเพื่อรับการอธิษฐานเยียวยา ไปกลับก็เป็นเงินหลายพันบาท และยังไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่หาย  แต่ก็ตั้งความหวังไว้อยากให้เหมือนคนอื่นๆ ที่เขาได้รับอธิษฐานแล้วหายดี เธอตั้งใจมารับการปลดปล่อย ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยเห็นหน้าจริงๆ ของผม ไม่เคยรู้จักผมส่วนตัว ในใจของเขาคงมีความคิดแวบๆ เกี่ยวกับผมว่า  คนที่มันชอบเขียนประชด นักการศาสนาชาวคริสต์นี่มันของจริง หรือกำมะลอ นักโม้ นักเขียนล่องหน หรืออาจเป็นนักต้มตุ๋นกันแน่ เธอคงคิดอยู่นานหลายวันเหมือนกัน แต่ในที่สุด...จากคำพยานและข้อเขียนเป็นสิบๆ บทความ  ที่กล่าวถึงความสำเร็จในการอธิษฐานด้วยพระนามพระเยซู  คงพอทำให้เธอตระหนักได้ว่า  สิ่งที่ผมเขียนและนำมาเสนอนั้น คงมีความจริงอยู่บ้าง (ความจริงก็คือความจริงอยู่แล้วหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์)

ก่อนมาพบกับทีมงานของเรา  คุณมาช่าได้ลองโทรศัพท์มาคุยกับผมก่อนนี้ 2 ครั้ง ผมได้อธิษฐานเผื่อเธอทางโทรศัพท์ และผมสัมผัสได้ว่าเธอควรมาให้ทีมของเราอธิษฐานปลดปล่อยเพราะผมรู้สึกว่า "เคสนี้ต้องได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน" ผมจึงได้แนะนำคุณมาช่าไปบางอย่าง  ในที่สุดคุณมาช่าก็ตัดสินใจมารับการอธิษฐานเพื่อรับการเยียวยา ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู (ที่ผมพยายามใช้คำว่า "พระเยซู แทนคำว่าพระเจ้า เพื่อบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าองค์นี้คือพระเยซู เพราะ พระเจ้าในโลกนี้ และในหลายๆ ประเทศ พระเจ้ามีหลายองค์เหลือเกิน มากจนจำไม่ได้ แต่ผมขอย้ำว่าเป็นพระเยซูเท่านั้นครับ  ก่อนนี้หลายปี  ผมรู้สึกจักกระเดียมปากที่จะพูดคำว่าพระเยซู แต่ตอนนี้นะ ภาคภูมิใจมากกกกก)

เพื่อตอบสนองการตัดสินใจที่แน่วแน่และมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำ  ด้วยการเดินทางมาถึงสำนักงานของทีมของเราอย่างนี้  ผมจึงต้องตั้งใจสอนเธอกับน้องสาวอีกคนหนึ่งที่เป็นศิษย์ใหม่ของผม ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น จนถึงเวลาประมาณ 16.30 น. ทีมของเราจึงเริ่มการอธิษฐานปลดปล่อยน้องมาช่า เราใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงในการอธิษฐานยกที่หนึ่ง เราใช้ทีมอธิษฐานทั้งหมด 7 คน แต่อาการของมาช่า ไม่ค่อยดีขึ้น  เป็นเพียงแค่หายป่วยไปบางส่วนเท่านั้นเอง ไม่ได้ผลเท่าที่เราคาดหวัง เรายังแปลกใจว่าทำไมด้วยซ้ำ แต่เราไม่เคยสงสัยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู

เมื่อวาน (อาทิตย์ 20 ก.พ. 2011) ตอนเช้า ผมได้พามาช่าและครอบครัว  ไปร่วมนมัสการร่วมกับทีมของผม เนื่องจากผมต้องไปเทศนาให้กับพี่น้องคริสเตียนโบสถ์อีกแห่งหนึ่งในต่างอำเภอ จึงต้องหยุดพักการอธิษฐานไปก่อน  หลังจากที่ผมเทศนาเสร็จทีมของเรากับมาช่าก็พักรับประทานอาหารเที่ยง ขณะที่เรากินข้าวด้วยกันที่โต๊ะอาหารที่โบสถ์จัดให้  ขณะกินไปคุยไป ผมก็ชวนเธอตัดสินใจอีกครั้ง ว่าอยากจะเชื่อพระเยซูจริงๆ ไหม เนื่องจากเมื่อวานผมได้นำเธออธิษฐานเพื่อขอให้พระเยซูช่วยรักษาอาการป่วยของเธอมาแล้ว

ผมเพิ่งได้รับทราบภายหลังจากการบอกเล่าจากโจ (ลูกศิษย์คนหนึ่งในทีม) ว่า  ขณะที่คุณมาช่าคุยกับโจในตอนรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกันนั้น เธอบอกว่า ถ้าหนูหายก่อนถึงจะเชื่อพระเยซู แต่โจบอกว่า การรับการรักษาด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู คงเหมือนกับการฝากเงินในธนาคาร หรือการลงทุน ถ้าเราลงทุนไปน้อยก็คงได้น้อย ก็คงไม่ได้เต็มที่  ในเมื่อคนเราไม่ฝากเงินไหนเลยจะเรียกร้องเอาดอกเบี้ยจากธนาคารก่อนได้ และถ้าหากเราเชื่อเพียง 80 เปอร์เซนต์หรือ 90 เปอร์เซนต์ ถ้าพระเจ้ารักษาเราตามขนาดความเชื่อของเราล่ะ คุณจะเอาไหม คุณมาช่า คิดทบทวนอยู่สักครู่ พอดีผมนั่งโต๊ะข้างๆ ไม่รู้เขากำลังคุยอะไรกัน แต่ผมก็โพล่งปากถามไปว่า คุณมาช่าจะเอาพระเยซูเป็นพระเจ้าส่วนตัวจริงๆ หรือเปล่า คุณมาช่่าก็เลย โอเค ผมก็ดีใจที่เขารับพระเยซูร้อยเปอร์เซนต์และจะได้หายขาดไปเลย

เธอตัดสินใจรับเชื่อพระเจ้าอย่างองอาจ ผมได้สอบถามเธอว่าตั้งใจแน่วแน่แล้วหรือที่จะติดตามพระเยซู เธอตอบว่า "ใช่" ผมจึงเสนอให้เธอรับบัพติสมาในแม่น้ำในวันเดียวกันนี้เลย  คุณมาช่ายอมรับเหตุผล แบบงงๆ เพราะมันเร็วมาก แทบตั้งสติไม่ทัน แต่ผมบอกว่า ความสงสัยไม่สามารถช่วยให้คนหายโรคได้  เมื่อคุณมาช่าเต็มใจ ผมจึงบอกความหมายของการบัพติสมาแก่เธอ แล้วพาเธอไปรับบัพติสมาในแม่น้ำสำคัญ โดยมีศิษย์ของผมหลายคนไปเป็นสักขีพยานในครั้งนี้

ตอนเย็นเรากลับมาถึงบ้านพักของผมที่ในเมือง ผมพาทีมงานร่วมกันช่วยอธิษฐานปลดปล่อยมาช่าอีกครั้ง อีกประมาณ 2 ชั่วโมงใช้ทีมอธิษฐานเรามี 7 คนเหมือนเดิม  

ตอนนี้เธอได้รับการปลดปล่อยจากสิ่งต่างๆ ดังนี้ (ผมคิดว่าน่าจะหมดแล้วครับ แต่จะเช็ดอีกทีหลังจากนี้อีกสักสามเดือน)

1. วิญญาณสัมปเวสี ที่แอบมาสร้างอิทธิพลต่อร่างกายและความคิดจิตใจ
2. ความเจ็บแค้นฝังใจ
3. คำแช่งสาปจากบรรพบุรุธ
4. คุณไสย ที่มีคนที่เกลียดมาช่าไปจ้างหมอผี จากภาคเหนือ ด้วยเงิน 30,000 บาทให้สาปแช่งให้เธอถูกทำลาย ไม่เจริญ
    และยังมีอีกคนหนึ่งจ้างพวกเล่นคุณไสย มนต์ดำ ด้วยเงิน 50,000 บาท (ผมเข้าใจว่าเขาคงเกลียดกันเข้าใส้ถึงได้ทุ่มทุนขนาดนี้)
5. ปลดปล่อยจากมนต์ดำ และการเสกของ การฝังรูป ฝังหุ่น และวิญญาณแห่งอารมณ์ชั่วร้ายนานาชนิดที่ทำร้าย
6. ปลดปล่อยจากวิญญาณแอบแฝงที่อยู่ในเครื่องราง ของขลัง ที่เธอได้รับจากคนอื่น หรือเก็บรักษาไว้ในบ้าน
7. ปลดปล่อยจากวิญญาณเจ้า วิญญาณเทพ ความอ่อนแอ ที่แอบอยู่ใกล้ๆ ทำให้เธอ เจ็บป่วย ปวด และไร้สันติสุข

ในขั้นตอนสุดท้าย ผมอธิษฐานเผื่อเธอ เพื่อขอการชโลมด้วยพระพรอันเลิศของพระเจ้า
เธอได้รับสิ่งที่คริสเตียนบางพวกเรียกมันว่า " ลูกา บทที่ 3 ข้อ 16"

ขอพระเจ้าอวยพระพร

เย็นนี้เธอจะบินกลับไปกรุงเทพ ด้วยความสุข ได้การปลดปล่อย หลุดพ้นจากคำแช่งสาป บ่วงมารและคุณไสย และวิญญาณอื่นนานาชนิด  

ขอพระธรรมหนุนใจ

"ผู้ที่ฟังท่านทั้งหลายก็ได้ฟังเรา ผู้ที่ไม่ยอมรับท่านทั้งหลายก็ไม่ยอมรับเราผู้ที่ไม่ยอมรับเราก็ไม่ยอมรับผู้ที่ใช้เรามา” ฝ่ายสาวกเจ็ดสิบคนนั้นกลับมาด้วยความปรีดีทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า   ถึงผีทั้งหลายก็ได้อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราได้เห็นซาตาน(ชื่อหนึ่งของมาร หมายความว่า ผู้ขัดขวาง (ปฏิปักษ์) ตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ 

ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย แต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์

ขอพระเจ้าอวยพระพร รออ่านคำพยานของเธอเร็วๆ นี้นะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)