ความหนอมแหนมที่อาจเป็นจุดอ่อน(2)The Weakest Link that Interferes Life





ตอนที่ 2 จุดอ่อนที่ทำให้เกิดปัญหาชีวิตและการถดถอยทางวิญญาณ

เมื่อ ผมเริ่มกลับใจผมได้รู้จักอาจารย์ของผมที่ ทำการประกาศความเชื่อของคริสเตียนด้วยการอธิษฐานวางมือเผื่อคนป่วยให้หายได้อย่างง่ายๆ พวกเขาเดินทางมาจากประเทศออสเตรเลียทุกปี เป็นเวลากว่าหกเจ็ดปีแล้ว เราร่วมกันจัดการประกาศแบบนี้ในที่สาธารณะหลายครั้งผมได้เห็นคนหลายคนหายจากอาการปวด บาดเจ็บ อาการของโรคต่างๆ มากมายอย่างอัศจรรย์ ผมจึงเริ่มสนใจกับกับบทเรียนเกี่ยวกับการปลดปล่อยอันล้ำค่านี้ ผมได้พบว่าความรู้ และสามารถเข้าถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในเรื่องการหายโรคนี้เป็นประโยชน์มากต่อมวลมนุษย์ ไม่เพียงเป็นประโยชน์สำหรับชีวิตของผมคนเดียวแต่เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าจะเชื่อพระเยซู หรือไม่เชื่อพระเยซู ก็อาจได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ในศาสนาคริสต์ ผู้นับถือศาสนาจำนวนมากไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่สามารถเข้าถึง เพราะหลายคนเชื่อพระเจ้าเพียงแต่เปลือกนอก ยังไม่ได้เข้าไปถึงแก่นของข่าวประเสริฐเรื่องความรอดบาปที่พระเยซูนำมาประกาศเมื่อสองพันปีก่อนมาแล้ว


นั่นคือการ ปลดปล่อยจากความเจ็บป่วย ความบาดเจ็บทางอารมณ์ อาการทางจิตหลายอย่างที่แพทย์แผนปัจจุบันและไสยศาสตร์ไม่สามารถรักษาได้ ความรู้เรื่องนี้เป็นสิ่งที่มีเขียนไว้อย่างมากมายในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แต่ผมไม่เคยเห็นอาจารย์ในเมืองไทยคนไหนเอามาสอน หรือเอามาใช้มากนักในช่วงห้าหกปีก่อน(ตอนนี้ ค.ศ.2011) เมื่อผมเริ่มสนใจจึงได้เรียนรู้กับอาจารย์ในการออกปฏิบัติการ คือเรียกได้ว่า Learning bydoing คือเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ

ผมได้เดินทางไปต่างประเทศ ผมได้รับหนังสือมาหลายเล่มที่ไม่ค่อยมีขายในเมืองไทย
ผมเริ่มศึกษา และเริ่มออกปฏิบัติการตามที่อาจารย์ชาวต่างประเทศได้บันทึกไว้ผมได้พบเห็นว่า แท้จริงคนเราไม่ว่าจะเป็นใคร ต่างตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของวิญญาณบาปวิญญาณอื่นที่มีมากมาย ยิ่งเมื่อผมออกไปปฎิบัติการ ยิ่งอธิษฐานเผื่อผู้คนยิ่งได้รับความเข้าใจมากขึ้น บางครั้งมากจนกระทั้งผมไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง นอกจากลูกศิษย์ในทีมของเราเท่านั้น เราจะไม่เล่าอะไรที่หมิ่นเหม่ต่อความเชื่อแบบวัฒนธรรมตามกลุ่มความเชื่อของคริสเตียนเพราะมันอาจไม่สอดคล้องกับความรู้ ความเข้าใจทางศาสนศาสตร์ ของนักการศาสนาจำนวนไม่น้อยที่เรียนมาจากศาสนศาสตร์ที่เน้นด้าน ฮิวแมนนิสสึม หรือ ด๊อกม่าของกลุ่มใครกลุ่มมัน หรือที่เรียกว่า ศาสนศาสตร์เชิงระบบ และบางอย่างเกี่ยวกับวิญญาณไทยๆ ที่เราได้รับรู้ ไม่ได้มีจดบันทึกชื่อของมันไว้ในตำราของฝรั่งที่นักการศาสนาคนไทยไปร่ำเรียนมาจากเมืองนอก สิ่งนี้อาจไวต่อความรู้สึกของคริสเตียน นักการศาสนาบางคนที่นับถือหลักข้อเชื่อ และกฎเกณฑ์ของกลุ่ม มากกว่านับถือตามพระคำของพระเจ้า หรือไม่สามารถเชื่อในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่สามารถทำอะไรใหม่ๆ ได้ดังพระคัมภีร์ตอนหนึ่งได้บันทึกไว้ว่า

"แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้น ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยวิญญาณ"
พระธรรม 1 โครินธ์ 2.14


ทีมปลดปล่อยของเราได้เห็นการทำงานของพระเจ้าตามรูปแบบในหนังสือหนึ่งโครินธ์บทที่ 12 อย่างชัดเจน เราจึงได้รับความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น พระเจ้าได้เมตตาให้ผมได้ฝึกสอนลูกศิษย์ทีละคนสองคน จนตอนนี้เรามีทีมที่แข็งแกร่ง และมีของประทานตามพระสัญญา ผมเชื่อว่า คนที่ชอบพูดคำว่า "ผมไม่มีของประทาน" เป็นสิ่งที่น่าปรับปรุงมากสำหรับคริสเตียนหลายๆคน โดยเฉพาะคนที่คิดว่าตนเองเป็นผู้โตแล้วในความเชื่อเป็นอย่างยิ่ง เพราะการวางมือรักษาคนป่วย และการบำบัดด้านจิตวิญญาณนี้ เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เกิดขึ้นมีในคริสตจักรของพระองค์อย่างแน่นอน

แต่ผู้เชื่อกลับถูกปิดบังไว้ บ้างไม่กล้าทำ บ้างไม่คิดทำ ไม่รู้วิธี บางคนมีแต่ถูก "ระบอบ" บีบคอไว้ทำไม่ได้ถนัด บ้างก็ไม่มีใครส่งเสริมการใช้ของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในคริสตจักร บางแห่งกลัวด้วยซ้ำ
บ้างไม่ได้เกิดเลย เพราะระบอบเก่าเขาใช้คนตามระยะเวลา และสีของเส้นผมบนหัวของคน แทนการให้โอกาสคนได้รับใช้ ตามศักยภาพ และของประทาน

ผมจึงอยากจะแบ่งปันข้อสังเกตและข้อแนะนำบางอย่างที่อาจช่วยให้ใครก็ได้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชาวคริสต์ผู้ที่อยากจะมีชีวิตที่สุข อย่างแท้จริง แม้ว่าบางคนจะไม่ค่อยเชื่อพระเจ้ามากนัก หรือบางคนเชื่อแค่เป็นศาสนาของพ่อแม่สิ่งเหล่านี้ที่นำเสนอมา หากละเว้นได้ก็ขอให้ละเว้นก็แล้วกัน สิ่งเหล่านี้ ผมขอเรียกมันว่า "พฤติกรรมที่ผู้เชื่อพระเยซูควรหลีกเลี่ยง" ก็แล้วกัน ผู้รู้ที่ศึกษาเรื่องนี้อาจจะคิดว่ามีน้อยเกินไป หรือไม่เพียงพอ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ เพราะผมจะนำเสนอพอสังเขปเท่านั้นหากจะเรียนรู้ให้ลึกซึ้งและว่าให้ถึงกึ๋นจริงคงต้องใช้เวลาในการเขียนตำราเป็นเล่มๆ และเนื้อหาก็คงจะยาวจน คนอ่านคงไม่อยากจะอ่านก็เป็นได้


สิ่งที่น่าสังเกต และทบทวนเกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยง คือ

ก. การกราบไหว้ไม้กางเขน ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำการอธิษฐานขอการคุ้มครองจากไม้กางเขน แขวนไม้กางเขนอันใหญ่ หรืออันเล็กไว้ที่คอ สักรูปไม้กางเขนบนร่างกาย เพื่อเป็นเสมือนเครื่องราง สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ความรู้สึกว่า มีพระอยู่ด้วยคอยคุ้มครอง บางคนอาจเคยสร้างไม้กางเขนอันใหญ่สวยงามเพื่อให้คนเอาดอกไม้ธูปเทียนมาบูชากราบไหว้ ยิ่งต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม และเป็นมหาบาป สมควรหลีกเลี่ยง



ข. ไม่รักษาวันสบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์ ทำงาน เรียนพิเศษ หาเงินทำธุรกิจไม่รู้จักหยุดจักหย่อน
ไม่รู้จักพอ ตะลอนๆ หาเงินจนหัวปุหัวฟู บางคนทำเหมือนพวกที่หากินที่พระวิหารสมัยโบราณ ในสมัยพระเยซูคือ เอาของไปขายที่ในโบสถ์เพื่อหารายได้เพิ่ม บางคนไม่ขายตอนเช้าแต่ขายของตอนบ่ายวันสะบาโต บางคนเกรงกลัว เกรงใจพ่อแม่ ญาติมากกว่าเกรงกลัวพระเจ้า ทำการค้าขายทำไร่ ทำสวนในวันหยุดเป็นประจำ ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่ทำจะได้ดีเพียงชั่วครูตอนปลายจะพบแต่วิบัติ หรือเป็นบาป นำความป่วยใข้ ไม่เป็นพร แต่ก็ยังทำอยู่เพราะไม่มีใครกล้าบอกตรงๆ กลัวหนีโบสถ์ไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก เด็กบางคนไม่ไปโบสถ์เพราะติดเกมคอมพิวเตอร์ ถ้าไปก็ต้องรีบกลับมาเพื่อจะได้เล่นเกมให้สนุก เพราะความสนุกในการเล่นเกม มันดึงดูดใจมากกว่าการไปนั่งฟังคำเทศนา และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า
ค. ไม่ชอบอธิษฐานขอการอวยพรในการทำงาน ไม่ขอสติปัญญาจากพระเจ้าในการทำงาน คิดว่ากำลัง เรี่ยวแรง ความรู้ และประสบการณ์ที่ตนเองมีจะสามารถทำให้งานสำเร็จราบรื่น การนับถือเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เพราะคนบางคนให้ความสำคัญกับเวลาทำงานหาเงินมากกว่าการเข้าร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้อง การไปเยี่ยมเยียนหนุนใจ การประกาศข่าวประเสริฐ คนบางคนไม่มีเวลาอ่านพระคัมภีร์ด้วยซ้ำ ไม่มีเวลาอธิษฐาน ไม่มีเวลาคิดใคร่ครวญพระคัมภีร์ของพระเจ้า เป้าหมายของชีวิตที่สำคัญคือการมุ่งสร้างฐานะ การเรียน ความสำเร็จ และการทำงานเพื่อให้ชีวิตมั่นคง เพื่อให้คนอื่นยอมรับความสามารถ บางครั้งบางคนไม่ต้องการแต่ต้องทำเพราะ พ่อแม่บังคับ ญาติบังคับ สังคมคาดหวัง ต้องทำไปตามระบบ

ผลจาก
ปฏิบัติสิ่งเหล่านี้นานวันเข้าเราพบว่า ใช้เวลาไม่นานเกินรอ หลายคนล้มเหลวไม่เป็นท่า เจ็บป่วยบ่อย มีโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง บางครอบครัว บางตระกูลต้องมีหมอประจำบ้าน เพราะป่วยทั้งบ้าน บางคนเมื่อชีวิตล้มเหลว เจ็บป่วยด้วยโรครักษายาก จะโทษพระเจ้าว่าทำไมพระเจ้าไม่รักษา พระเจ้าอยู่ไหน ไหนว่าพระเจ้าเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ เริ่มบ่นด่าพระเจ้า การกระทำเช่นนี้จึงเป็นเหมือนทำบาปซ้อนบาป ทำผิดซ้ำซ้อน โหมโทษภัยให้ตัวเอง ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นแค่คิสตาม เวลาสบายจะลืมไปโบสถ์เป็นปีๆ ไม่ได้อยู่ในการปกครองของพระเจ้า แต่บางคนถ่อมใจยอมกลับมาหาพระเจ้า ขอการช่วยเหลือจากพระเจ้า

ง. เชื่อฟังคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมของพ่อแม่ที่ให้ไปทำงานในสบาโตเป็นประจำ ไม่ให้มาร่วมนมัสการพระเจ้าเกรงกลัวพระเจ้าแต่ก็เกรงกลัวพ่อแม่มากกว่า ไม่ยอมรับความเจ็บปวดที่เกิดจากความเชื่อในพระเยซู บางคนยอมก้มหัวให้กับวิญญาณบรรพบุรุธ เข้าร่วมพิธีเซ่นสังเวยวิญญาณบรรพบุรุธ
จุดธูปเทียน นำเครื่องสังเวยไปกราบไหว้หลุมฝังศพ หรือกระดูกหรือรูปภาพของบรรพบุรุูธ หรือคนตาย

ที่น่าตลกมากๆ คือเราได้รับทราบมาว่า ปัจจุบันนี้ยังมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นคิสตาม จำนวนไม่น้อยที่ยังไปกราบไหว้วิญญาณบรรพบุรุธ เอาของไปถวายให้วิญญาณคนตาย ไปพูดหน้าหลุมศพญาติ ในวันที่พวกเขาพากันไปนมัสการในสุสานวันอิสเตอร์ โอ้นี่ช่างเป็นคิสตามที่ห่างเหินการศึกษาอย่างแท้จริง ไม่มีรุ่งอรุณเลย

(มัทธิว 4.10) (มัทธิว 10.37)



จ. กินไม่รู้จักหยุด กินจนร่างกายอ้วนเกินไป
ติดใจในปริมาณและรสชาดอาหาร บางคนกินจนออกจากประตู้ห้องนอนตัวเองไม่ได้ อย่างที่เป็นข่าวไปคึกโครมอยู่เนืองๆ คริสเตียนที่กินมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการไม่รู้จักบังคับจิตใจของตนเอง เป็นทาสของความอยากอาหาร กินไม่เป็นเวลากินได้เรื่อยๆ บางคนชอบกินยาลดความอ้วนไม่ถนอมร่างกายตนเอง ไม่บังคับใจตนเอง แต่ใช้ยาเป็นตัวช่วยทั้งที่ต้นเหตุคือความอยากที่ไม่สมดุลกับความต้องการของร่างกาย แท้ที่จริงคือ ยาลดความอ้วนที่ดีที่สุดคือการกินอาหารแต่พอเพียงหรืองดอาหารบางประเภทเป็นเวลาระยะหนึ่งอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น


ฉ. เข้าร่วมกิจกรรมการเล่นผีถ้วยแก้ว การจุดธูปเทียนเชิญวิญญาณให้มาเข้าร่างทรง การพูดคุยกับร่างทรงอยากรู้อนาคต และวิธีการแก้ปัญหาของชีวิต พวกเขาจึงอยากไปถามร่างทรงมากกว่าการอธิษฐานและพึ่งพาพระเยซู คนที่ไปทำสิ่งนี้เขาอาจไม่ทราบว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเหมือนการเชิญให้วิญญาณเข้ามารบกวนชีวิต จิตใจของเขาได้ การจุดธูปต่อสิ่งใดก็ตามแม้เป็นเพียงธูปก้านเดียว ก็พาวิญญาณของเขาให้หลงเจิ่นไปจากพระเป็นเจ้าแล้ว เป็นการบอกต่อวิญญาณอื่นที่ครอบครองเป็นเจ้าโลกนี้ให้มาครอบงำ ให้มาดลใจให้จิตใจยิ่งเหิ่นห่างไปจากทางสว่างของพระเจ้ามากขึ้นไปทุกที

ช. การเข้าร่วมพิธีบวงสรวง เซ่นไหว้ ศาลเจ้า ศาลหลักเมืองการปลุกเสก การสร้างรูปเคารพ สถูปและ อนุเสาวรีย์ต่างๆ เข้าร่วมพิธีกราบไหว้หลุมศพ การแจกทานเพื่อทำบุญให้คนตาย ชาวคริสต์ที่เข้าร่วมอาจคิดว่าเป็นเพียงพิธีกรรมตามวัฒนธรรมธรรมดาไม่มีผลอะไรแต่แท้ที่จริง เป็นการฝ่่าฝืนบัญญัติข้อที่ 1 ในพระบัญญัติสิบประการ

ซ. กินของที่เขาได้สังเวย หรือถวายให้แกรูปเคารพแล้วนึกว่าไม่เป็นไร เพราะเห็นว่าเป็นอาหารอร่อย อาหารพวกนี้ได้แก่เครื่องสังเวยผลไม้ ไข่ เนื้อ และสิ่งใดๆ ที่เขาได้บูชาให้แกวิญญาณ หรือรูปเคารพมาแล้ว ชาวคริสต์ที่รู้ดีจะไม่ทำ( 1 คร.8.4)


ฌ. เข้าร่วมพิธีบายศรี สู่ขวัญ หรือกินอาหารจากต้นบายศรี ที่มีการเชิญอาจารย์มาทำพิธีเรียกขวัญ มีการถวายเหล้าและของเซ่นไหว้แก่ ต้นบายศรี การเข้าร่วมพิธีไหว้ครูช่างการกราบไหว้รูปปั้นรูปเคารพที่นำมาติดตั้งในพิธีกรรมไหว้ครู เช่น ครูดนตรี เครื่องดนตรี ครูนาฎศิลป์ ครูโนราห์ การครอบครู หัวโขน ลงเลข เสกน้ำมนต์ สะเดาะห์เคราะห์ ยกเว้นการแสดงความเคารพต่อผู้สอนที่เป็นคนโดยไม่ได้นำเครื่องสักการะที่คล้ายกับที่ให้แกรูปเคารพมาให้ ชาวคริสต์สามารถทำได้

ญ. ชอบอ่านคอลัมป์ในหนังสือนิตยสาร อินเตอร์เนท สื่อรูปแบบใดๆ หรือหนังสือพิมพ์ที่มีเรื่องเกี่ยวกับดวงชะตาราศรีจักราศรี การดูลายมือ การตั้งชื่อตามไสยเวทย์ การตั้งชื่อของตนเอง หรือลูกหลานเป็นชื่อของรูปเคารพในศาสนาฮินดูหรือศาสนาอื่น เช่นวิษณุ พรอุมา พรนารายณ์ การฝึกโยคะ การฝึกเพ่งสมาธิ ท่องเวทมนต์ คาถา ยกมือขึ้นรับพรจากนักบวชหรืออาจารย์ที่ทำพิธีกรรมเกี่ยวไสยศาสตร์



ฎ. เข้าร่วมพิธีกรรมในเทศกาลต่างๆ ที่ชาวบ้านจัดขึ้นเช่นพิธีขอฝน
ทำบุญบั้งไฟ การแห่นางแมวแห่พยานาค มังกร รูปเคารพ นางสงกรานต์ ผีตาโขน ลอยกระทง แห่เทียนพรรษา การแห่ตามประเพณีเหล่านี้แท้จริง เบื้องหลังงานเหล่านี้คือการกราบไหว้ฟ้าดิน รูปเคารพ ตำนานทางศาสนาที่ไหว้รูปเคารพ พิธีกรรมเหล่านี้แม้จะมีชื่ออย่างไรก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งที่แสดงออกคล้ายๆ กับที่จารึกไว้ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่บ่งบอกว่า เป็นพิธีกรรมที่พระเจ้าไม่ปลื้ม




ฏ. การก้มหัวให้กับรูปเคารพ รูปเหมือนของคนตาย หรือคนเป็น ผีบรรพบุรุธ หรือภาพใดๆ ที่ใช้เครื่องบวงสร้าง เครื่องสังเวย เครื่องบูชา ถวายทาน เครื่องสักการะการกระทำอย่างนี้อาจขัดแย้งกับคำสอนในพระบัญญัติสิบประการในข้อที่ 1-2 บางครั้งชาวคริสต์หลายโบสถ์ไม่ทันระวัง มีการแจกรูปปฏิทิน รูปของที่ระลึกเป็นรูปพระ รูปเคารพหรืออนุเสาวรีย์ที่มีความหมายทางวิญญาณ บางแห่งบนโต๊ะทำงานของนักการศาสนาก็ยังมีรูปเหล่านี้อยู่พวกเขาไม่ทันระวัง นึกว่าไม่เป็นไร ลองพิจารณาดูในพระธรรมเหล่านี้ คือ พระธรรม 2 คร 6.14-15, อพยพ 20

ฐ. การละทิ้งหรือเพิกเฉยต่อผู้มีพระคุณ พ่อแม่หรือผู้ที่ให้การอบรมสั่งสอน หรือมีคุณต่อเรา ลูกบางคนไม่ไปเยี่ยมพ่อแม่เวลาพ่อแม่่ป่วยใข้ไม่ไปเยี่ยม ไม่ไปหา ไม่มีของฝากอะไร ดีแต่รบกวน ไม่มีเวลาไปเฝ้าใข้ ใช้เงินจ้างคนอื่นไปเฝ้าแทน อ้างเสียเวลา เสียงานสุขภาพไม่ดี ลูกไม่มีใครดูแล อ้างเหตุผลสารพัน ละเว้นการกระทำที่แสดงความดีตอบแทนต่อผู้มีคุณต่อตน(กาลาเทีย 6.6) บางคนทุบตีพ่อแม่ ไม่ให้เกียรติ ไม่เชื่อฟัง ทำอะไรตามใจที่ผิดธรรม (อพยพ20.12)



ฑ. เก็บความแค้น ความเกลียดไว้ในใจ ชอบนินทาว่าร้าย โลภ จับผิดอิจฉา แก่งแย่งชิงดี
ตอแหลเก่ง ขมขื่น นอนไม่หลับ หรือชอบนอนทั้งวัน การงานทำไม่สำเร็จ เกียจคร้าน บางครั้งชอบขโมยของไม่มีใครจับได้ คิดวางแผนชั่ว เหย่อหยิ่งไม่รับฟังคำสอน คำตักเตือน คิดว่าตนเองฉลาด เรียนสูง เก่ง รู้มากกว่า ชอบให้คนอื่นทำตามที่ตนต้องการ ชอบอยู่คนเดียว ชอบปลีกตัวไม่สุงสิงใคร คิดฆ่าตัวตายบ่อยๆ เบื่อโลก (มาระโก 7.21-23)



ฒ. กบฏต่อสิทธิอำนาจ ไม่ยอมต่อเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้ง กบฏต่อเจ้าอธิการหรือนักการศาสนาที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างชอบธรรมให้มีหน้าที่ปกครองดูแล แม้ว่าคนเหล่านั้นจะทำบาปทำผิดพลาดก็ตาม (สดุดี 105.5)

ณ. ชอบหมกหมุ่นกับภาพลามก คลิปลามกในมือถือ ในคอมพิวเตอร์ สื่อลามก คิดลามกกับเพศตรงข้าม หรือคนที่ไม่ใช่คู่สมรส มีความต้องการทางเพศสูงจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เกิดความหมกหมุ่นทางเพศ จินตนาการทางเพศสูง เคยละเมิดทางเพศกับคนในครอบครัว มีความคิดอยากมีสัมพันธ์ทางเพศกับสัตว์ หรือเคยทำจริง เคยมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน หรือคนในสายเลือดใกล้ชิด ชอบถ้ำมอง เช็กโฟน หรือรูปแบบใดๆ ที่วิปริต ชอบแต่งตัวยั่วยวนทางเพศ ชอบให้คนมองว่าตนเองเซ๊กซี่ หรือมีสัญลักษณ์ทางเพศที่ดึงดูดใจ ชอบหลงตัวเอง

ด. ชอบพูดโกหก ตอแหลทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น ชอบโอ้อวด พูดเกินจริง รู้สึกต้องการการยอมรับอย่างมาก อยากเป็นใหญ่ อยากชนะ อยากกลายเป็นคนสำคัญ อยากเป็นคนที่ใครๆ ก็ว่าเก่ง อยากได้หน้า

ต. มีความสัมพันธ์ที่ค่อยข้างเลวร้ายกับคนในความสัมพันธ์ครอบครัว หรือญาติทางฝ่ายสามีหรือภรรยา มีความเกลียดชัง ขมขื่น ไม่อยากให้เห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ มีความเกลียดชังฝังใจ ไม่มีวันลืม

ถ. ชอบคิดว่าตัวเองโง่ เงอะง่ะ ไม่เหมือนคนอื่น คิดว่าตนเองไม่เจริญ หลบมุม หมกหมุ่นกับความคิดของตนเอง ทำอะไรไม่สำเร็จ ไม่กล้ามองหน้าคน น้อยใจเก่ง ชอบคิดมากกับคำพูดของคน วิตกกังวลบ่อยมาก อารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เหมือนกับคนเป็นโรคจิตเข้าไปทุกที ป่วยบ่อย เป็นๆ หายๆ

ท. สักยัณฑ์เป็นรูปต่างๆ คลั่งไคล้ลายสัก เช่นลายหนุมาน ลายเสือเผ่น จรเข้ งูเห่า มังกร พญานาค รูปพ่อแก่ รูปกุมารทอง นางกวัก รูปยักษ์ ครุธ ปลัดขิก หรือสักเป็นรูปสัตว์มีพิษ เช่นตะขาบ แมงป่อง จักราศรี ลงคาถาอาคม ฝังตะกรุดบนร่างกาย สักน้ำมัน (ไม่มีรูปแต่สักลงบนผิวหนัง) ที่หนักสาหัสกว่าใคร คือการสักเป็นรูปหัวกระโหลก รูปผีบนร่างกาย




ธ. แอบทำสิ่งผิดกฏหมาย ชอบทำบางสิ่งที่แม้กฎหมายไม่ได้ห้ามแต่ผิดศีลธรรม หรือผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ เป็นพวกปากว่าตาขยิบ เช่นเป็นนักการศาสนาสอนคนอื่นให้ถวายสิบลดเข้ามามากๆ แต่ตัวเองและครอบครัวไม่ปฏิบัติ ให้สมาชิกถวายสิบลด แต่โบสถ์ไม่ถวายสิบลดให้แก่หน่วยงานที่ตนสังกัด รายงานยอดเงินเป็นเท็จ คิดว่าเป็นการซิกแซกทางการบริหารไม่เป็นไร ยักยอก โยกย้ายทรัพย์สมบัติของพระเจ้าไปเป็นของตนเอง คิดว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่อายฟ้าดิน ไม่อายพระเจ้า

 

น. การเล่นไพ่ เิริ่มต้นการทำไพ่เพื่อใช้ในการพยากรณ์ การทำนายต่างๆ ต่อมาจึงมีการนำไพ่มาเล่นเป็นเกมกีฬ่า  หลายคนคงอาจยังไม่ทราบว่า ตัวละครแต่ละตัวที่อยู่บนไพ่ มันหมายถึงใคร

ตัวคิงในไพ่  สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกถึงกษัตริย์ ชาร์ล  (Charles of France) ที่เป็นบ้าของประเทศฝรั่งเศส  ตัวควีน คือนางตัวร้าย (Mother of Harlots) ตัวแจ๊ค คือ ชายชอบสนุก  ตัวโจกเกอร์ มีความหมายว่า ศูนย์ หรือไอ้โง่  สำรับไพ่ เขาเรียกมันว่า คัมภีร์ซาตาน (Satan's Bible)  การเล่นไพ่เขาเรียกกันว่า เป็นโต๊ะของซาตาน (Devil's table)

ไพ่แต่ละใบมีความหมายในการทำนายโชคชะตาทั้งสิ้น  การเล่นไพ่พบมากในหมู่ชนที่อยู่ในวงการ โสเภณี  คนคุก  แถบสลัมของประเทศอินเดีย  โรงเหล้า  หรือบ่อนการพนัน เราไ่ม่สามารถพบเห็นการเล่นไพ่ในโบสถ์ หรือในสถานที่โล่งแจ้ง ไพ่จึงเป็นตัวแทนแห่งความมืดอีกอย่างหนึ่งอย่างแน่ชัด

ในพระธรรมบางตอนได้กล่าวไว้เกี่ยวกับสิ่งนี่สะอิดสะเอียนดังนี้

“บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย   คนเหล่านี้ได้ยึดเอารูปเคารพของเขาไว้ในใจ   และวางสิ่งที่สะดุดให้ทำบาปผิดไว้ข้างหน้าเขา   ควรที่เราจะยอมตัวให้เขาถามเราหรือ

เพราะฉะนั้น   จงพูดกับเขาและกล่าวแก่เขาว่า   พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า   คนใดในพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอารูปเคารพของเขาไว้ในใจ   และวางสิ่งที่สะดุดให้ทำบาปผิดไว้ข้างหน้าเขา   และยังมาหาผู้เผยพระวจนะ   เราคือพระเจ้าจะตอบเขาเองด้วยเรื่องรูปเคารพ มากมายของเขานั้น"
[พระธรรมเอเสเีคียล บทที่ 14 ]

การเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ในบ้านเรือน หรืออยู่ในการครอบครอง เป็นเหมือนธงของศัตรูที่ปักไว้ในเขตปกครองของมัน  ประเทศไหนเมื่อทำการรบคืบหน้าำไป เมื่อยึดครองดินแดนได้ เขาก็จะปักธงชัยไว้  ไพ่เป็นเสมือนธงชัยของศัตรู อีกอย่างหนึ่งที่เป็นสื่อเปิดประตูทางวิญญาณให้มันเข้ามาทำงานในวิญญาณของผู้มีความเชื่อที่อ่อนแอ

พวกท่านอย่านำสิ่งพึงรังเกียจเข้าไปในเรือนของท่าน   กลัวว่าท่านจะเป็นเหมือนของนั้น   พวกท่านจงรังเกียจและเกลียดมันอย่างที่สุด   ด้วยเป็นของที่ต้องห้าม
[พระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 6:27 ]


ข้อพระธรรมหนุนใจ

ฮีบรู 12.15-17

จงระวังให้ดีอย่าให้ใครเพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมา ทำความยุ่งยากให้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนเป็นอันมากเสียไปอย่าให้ใครเป็นคนลามก หรือเป็นคนผิดธัมมะเหมือนอย่างเอซาว ผู้ได้เอาสิทธิของบุตรหัวปีนั้นขายเสีย เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่แล้วว่า ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็ได้รับคำปฏิเสธ เพราะเขาไม่มีหนทางแก้ไขเลย ถึงแม้ว่าได้กลับใจแสวงหาจนน้ำตาไหล

ยากอบ 2.18

แต่บางคนจะกล่าวว่า “คนหนึ่งมีความเชื่อแต่อีกคนหนึ่งมีการประพฤติ” จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่านที่ไม่มีการประพฤติตาม และด้วยการประพฤติตาม ข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้า ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นหนึ่ง นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อ และกลัวจนตัวสั่น

"แน่ะคนโฉดเขลา ท่านต้องการให้พิสูจน์หรือว่า ความเชื่อที่ไม่ประพฤติตามนั้นไร้ผล เมื่ออับราฮัมบิดาของเรา ได้พาอิศอัคบุตรของท่านมาถวายบนแท่นบูชา จึงได้ความชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อมีกำลังร่วมกับการประพฤติตามของท่าน และความเชื่อนั้นจะบริบูรณ์ด้วยการประพฤติ"

พระธรรม 2 โครินธ์บทที่ 6:16-18 ได้้กล่าวไว้อย่างแน่ชัดดังนี้

วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพได้   เพราะว่าเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์   ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า  

  “เราจะอยู่ในเขาทั้งหลายและจะดำเนินในหมู่พวกเขา  
  และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นชนชาติของเรา”  

 พระเจ้าตรัสว่า  
“เหตุฉะนั้น เจ้าจงออกจากหมู่พวกเขาเหล่านั้น  
  และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย  
  อย่าแตะต้องสิ่งซึ่งไม่สะอาด  
  แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าทั้งหลาย  


เราจะเป็นดังบิดาของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นบุตรชายบุตรหญิงของเรา”  
  พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นได้ตรัส ดังนั้น



คำว่า "ไม่เป็นไร" "นิดหน่อยเอง" "ยังมีเวลากับความบาป" "วันสิ้นโลกยังคงอีกนาน" การเล่นกับความบาป และพฤติกรรมเสี่ยง อาจใช้ไม่ได้กับคนที่ต้องการก้าวไปกับพระเยซูคริสต์

ซาตานมันดักเหยื่อของมันเหมือนงูดักรัดเหยื่อ มันรัดที่ละน้อยจนหายใจไม่ออก และตายอย่างทรมาน บางครั้งมันจับเหมือนหนวดปลาหมึกยักษ์  เมื่อหนวดที่หนึ่งมันเกี่ยวได้ มันจะไม่เพียงพอแค่นั้น มันจะใช้หนวดอันอื่นเข้าช่วยเกาะช่วยเกี่ยว จนเหยื่อมันดิ้นไม่หลุด ใครที่หลงเพลินกับความเพลินเพลิด ความบาปเครือบน้ำตาล ความสนุกทางเพศ ทางตา ทางหู  และการครอบครอง บาปจะเพิ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ จากบาปอย่างหนึ่งไปสู่อีกอย่างหนึ่ง หนักขึ้นๆ กล้บใจเสียเถอะก่อนที่จะสายเกินแก้

การหลงอยู่ในอบาย ในการบาปผู้ทำต้องจ่ายราคาสำหรับค่าจ้างของความบาป ในโลกนี้คือควาามทุกข์ทรมาน การเจ็บป่วยทางจิตใจ และวิญญาณ ร่างกายป่วยใข้ สุขภาพเสื่อมโทรม โลกหน้าคือการถูกโยนลงไปในบึงไฟนรกที่มีความร้อนสูงเพื่อทรมานแต่แม้แต่หนอนก็ไม่ถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน

ขอพระเจ้าอวยพระพรให้ความสุขจงเป็นของผู้ที่ได้อ่านบทความนี้และได้รับเอาไปพิจารณาใคร่ครวญ


กลับไปหน้าแรกของบล๊อก HOME

Original essay: Rice Mu. เมษายน ค.ศ. 2011

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)