คนป่วยอาการหนัก ตกเลือด หมดแรง ลูกชายพาออกจาก ร.พ. มาขอรับคำอธิษฐาน
เมื่อเราอธิษฐานในพระนามพระเยซู เธอมีแรงลุกขึ้นมาได้ (Hue City, Vietnam 2011)
น้องจ๋า เป็นเด็กสาวอายุสิบหกปีที่ไม่เคยรู้จักพระเยซูมาก่อน ในตอนพักเที่ยง เมื่อเธอและเพื่อนพากันมาขอพรจากครูในวันไหว้ครู พวกเขาพากันเอาพานธูปเทียนมากราบไหว้คุณครู พวกเราทุกคนคงทราบดีว่า ชาวโลกเขาไหว้ครูกันในวันนี้ บางคนก็พากันไปไหว้ครูที่เป็นมนุษย์ แต่ครูหลายคนที่มีครูที่เป็นวิญญาณก็พานักเรียนไปไหว้วิญญาณด้วย ผมได้รับทราบข่าวว่า บางแห่งมีการทรงเจ้า ครอบครูในวันไหว้ครูด้วย สิ่งนี้ผู้นำคริสเตียนหลายสำนักเพิกเฉยไม่สั่งสอนผู้เชื่อ การไหว้ครู ไหว้เจ้า ไหว้วิญญาณต้องปฎิบัติอย่างไร สิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้
เนื่องจากผมเป็นผู้เชื่อพระเยซู ผมจึงไม่สามารถจะยินยอมให้นักเรียนเอาดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้ผมได้ ผมจึงบอกให้นักเรียนว่า ครูไม่ใช่คนวิเศษ และไม่ได้มีบุญคุณอะไรมากมายกับนักเรียน ผมจึงพูดกับนักเรียนที่มาไหว้ครูในวันที่ที่พวกเขาพากันมาไหว้ครูว่า
"หากพวกเธออยากรับพรในวันนี้ อาจารย์ก็จะอวยพระเธอในพระนามพระเยซูคริสต์ พวกเธอจะเอาไหม"
นักเรียนตอบว่า "ได้ครับ ได้ค่ะ"
ผมจึงบอกว่า
"งั้นครูก็จะไม่เพียงอวยพรให้พวกเธอสมองดี ปัญญาดี แต่ครูจะอธิษฐานขออวยพรพวกเธอในพระนามเยซู ให้พวกเราสุขภาพดี และหายโรคในวันนี้นะ"
"หากใครเจ็บป่วย หรือมีโรคประจำตัวรักษาไม่หาย รักษายากให้มานั่งข้างหน้านะ แล้วครูจะได้อธิษฐานเผื่อ"
"หากพวกเราเปิดใจกับพระเยซูพวกเธอจะได้เห็นการอัศจรรย์หายโรคนะครับ"
หลังจากที่ผมได้อธิษฐานอวยพรในพระนามเยซู ปรากฎว่า มีเด็กหลายคนหายจากอาการป่วยต่างๆ บางคนปวดหลัง ปวดไหล่ บางคนเป็นหวัด ก็หายใจโล่งดี พวกเขาดีใจมากที่สิ่งเหนือธรรมชาตินี้เกิดขึ้นกับเขาแบบชัดเจนจนตั้งสติไม่ทัน และมีคนหนึ่งที่ได้รับมากกว่าใครคือน้องสาวคนที่ได้ถอนแว่นออก เพราะเธอมีสายตาสั้น พันกว่ามา ประมาณปีกว่า เมื่อเขารับคำอวยพรในพระนามพระเยซู ตาเขาเห็นชัดแจ่มเลย ขอบพระคุณพระเจ้า
[ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ][ ]
ในหนังสือพระธรรมกิจการได้ขึ้นต้นกล่าวถึงการที่พระเยซูจะมอบฤทธิ์อำนาจให้กับผู้เชื่อแท้ดังนี้
"ครั้นพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว
ได้ทรงแสดงพระองค์แก่คนพวกนั้นด้วยหลักฐานหลายอย่าง
พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และได้ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลาย
ระหว่างสี่สิบวัน และได้ทรงสนทนากับเขาถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า"
[พระธรรมกิจการ 1: 3-4]
เช่นเดียวกัน ก่อนที่พระเยซูจะหายตัวไปจากโลก พระองค์ได้พาคนกว่าห้าร้อยคนไปที่เนินเขาแห่งหนึ่ง ชื่อว่าภูเขามะกอกเทศ พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า
“ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
[พระธรรมมัทธิว บทที่ 28 ข้อ 18-20]
พระเยซูได้กล่าวคำพยากรณ์ว่าดังนี้ "แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”
เมื่อพระองค์ตรัสเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าก็ทรงรับพระองค์ขึ้นไปต่อหน้าต่อตาเขา และมีเมฆคลุมพระองค์ให้พ้นสายตาของเขา
[พระธรรมกิจการ 1.8-9]
ก่อนจะถึงวันเพนเทคอส ในปีนี้ ผมมีคลิปวีดีโอที่ถ่ายทำเอง จากการไปอวยพรพี่น้องในที่ต่าง ในปีนี้ คนเหล่านี้อยู่ต่างที่ ต่างแดน ต่างเวลา แต่เขาเปิดใจ ให้เราอธิษฐานอวยพรเขาในพระนามเยซู พวกเขาได้รับการอัศจรรย์ แห่งการหายโรค
พี่น้องที่รักในพระคริสต์ ท่านจะสามารถรับฤทธิ์เดชและของประทานอันมหัศจรรย์เหนือโลกานี้ได้อย่างไร การรับฤทธิ์เดชของพระเจ้าไม่ใช่เพราะการทำดีของคน ไม่ใช่ด้วยความรู้ทางศาสนาระดับอภิปรัญญา หรือ ด้วยการเข้าภาวนาอธิษฐานขอพระเจ้าวันละสิบชั่วโมง การรับฤทธิ์เดชของพระเจ้าไม่ได้มาจากการเป็นผู้ครอบครองความรู้ศาสนศาสตร์อันลึกซึ้ง หรือมีตำแหน่งเป็นเจ้าอธิการ หรือเป็นผู้ครอบครองใบประกาศนีบัตร แต่จะได้มาจากการที่คนผู้นั้นเขามีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเยซูเจ้าเท่านั้น ฤทธิ์อำนาจแห่งการอัศจรรย์ในพระนามพระเยซูจะมาพร้อมกับฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่เริ่มเทลงมาเหนือผู้เชื่อในวันเพนเทคอส เพื่อให้เขา "ประกอบด้วยฤทธิ์เดชแห่งการเป็นพยาน"
เมื่อพระเยซูคริสต์ได้ทรงพำนักอยู่กับอัครทูต พระองค์ได้กำชับเขามิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรัสว่า
พระธรรมตอนหนึ่งได้กล่าวว่า
“ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่นแหละ เพราะว่ายอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่ไม่ช้าไม่นานท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
[พระธรรมกิจการ บทที่ 1 ข้อที่ 5 ]
ในพระธรรมอีกตอนหนึ่งได้กล่าวว่าดังนี้
[เมื่อคนทั้งหลายกำลังคอยพระคริสต์อยู่ และได้ใคร่ครวญถึงยอห์นว่า ตัวท่านเป็นพระคริสต์หรือมิใช่ ยอห์นจึงตอบเขาทั้งหลายว่า...]
“เราให้เจ้ารับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่จะมีพระองค์หนึ่งเสด็จมาทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าเราอีก ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้จะแก้สายฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ"
[พระธรรมลูกา บทที่ 3:16]
พี่น้องที่รักเราจำเป็นต้องกลับใจจากบาปทุกชนิด และรับการเจิมด้วยไฟแห่งวันเพนเตคอสก่อนเราจึงประกอบด้วยพระเดชานุภาพของพระเจ้า ผู้ใดปฎิเสธการบัพติสมาด้วยพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ยังไม่สามารถใช้ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้อย่างที่น่าจะเป็น ไม่สามารถทำการอัศจรรย์ใดๆ ในพระนามของพระเยซูอย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนกับทหารที่ออกไปรบ ฝ่ายสนับสนุนมีอาวุธนานาชนิดให้ใช้ แต่ทหารไม่รู้จักวิธีใช้อาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงของกองทัพ เพราะขาดความรู้ในการใช้ พวกเขาใช้แต่อาวุธพื้นๆ เช่น มีด หนังสติก และหน้าไม้ ซึ่งมันไม่สามารถจะบุกทะลวงแนวของข้าศึกที่เป็นวิญญาณระดับเทพ ระดับเจ้าอิทธิฤทธิ์ได้ เราจำเป็นต้องรับฤทธิ์เดชแห่งการเป็นพยานนี้ ด้วยการแสวงหาด้วยใจร้อนรน
พระคัมภีร์ได้กล่าว่า "แล้วเจ้าจะทูลขอต่อเราและมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วย สิ้นสุดใจของเจ้า"
[พระธรรมเยเรมีห์ 29 ข้อ12-13 ]
ก่อนจบขอท่านชมวีดีโอคลิป ประสบการณ์ของคริสเตียนใหม่คนหนึ่งที่เต็มล้นไปด้วยสันติสุขของพระเจ้า
น้องพรพรรณ เพิ่งมารับเชื่อพระเยซูได้ประมาณสี่ปี เมื่อเธอได้รับคำสอนเรื่องการรับฤทธิ์เดชของพระเจ้า เธอได้แสวงหากว่าสองปี ในวันหนึ่งเธอก็ได้รับประสบการณ์อันน่าประหลาดใจ คือการรับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ น้องคนนี้เป็นพยานอย่างเกิดผล เป็นคริสเตียนที่เข้มแข็งเกิดผลพระวิญญาณ ตอนนี้เธอยังได้รับการอวยพรให้มีลูกอีกด้วย ขอเชิญดูวีดีโอคลิปของเธอได้
ขอพระเจ้าอวยพระพรให้ผู้เชื่อแท้ทุกคนได้ รับการทะลุทะลวงถึงพระเดชานุภาพของพระเจ้า
ขอพระเจ้าอวยพระพรให้ผู้เชื่อแท้ทุกคนได้ รับการทะลุทะลวงถึงพระเดชานุภาพของพระเจ้า
Rice Mu: June 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)