เล่ห์อุบายของซาตาน Another Trick of Satan


การอำพรางตัว Camouflage

    “ลูกทั้งหลายเอ๋ย  บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว  และตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังมาว่า  ปฏิปักษ์ของพระคริสต์จะมีมา  บัดนี้ปฏิปักษ์ของพระคริสต์ก็มีมามากแล้ว  ฉะนั้นเราจึงรู้ว่าบัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว”
[พระธรรม1 ยอห์น 2:18 ]

กลอุบายอย่างหนึ่งของซาตาน วิญญาณชั่วก็คือ การปลอมตัวแอบแฝงเข้ามาในหมู่ผู้เชื่อ

 ซาตานมักจะมาในคราบของความดี ความงาม ศิลปะ ความอ่อนโยน น่ารัก แต่ภายในแฝงไว้ด้วยพิษร้าย



พวกเราคงจำเรื่อง สโนว์ไวท์ กับคนแคระทั้งเจ็ดได้  แม่มดได้วางยาพิษใส่ไว้ในผลแอ็บเปิ้ลที่ดูน่ากินนั้น

ในนิทานอีสป  หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ก็ปลอมตัวมาหลอกเหยื่อ  ด้วยการเอาหนังแกะมาห่อหุ้มตัวเอง เพื่อจะได้ไปหลอกให้ลูกหมูออกจากบ้านที่มีประตูแข็งแรงที่ปิดไว้ เพื่อจะได้กัดกินเป็นอาหาร

สัตว์หลายชนิดอำพรางตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม เพื่อรอดพ้นจากการสังเกตของเหยื่อ เพื่อจู่โจมเหยื่อขณะที่ไม่ทันระวังตัว หรือเพื่อทำให้ตัวเองพ้นภัย

ผู้ชายหรือผู้หญิงที่เป็นพวกมักมากในกาม ชอบส่ำส่อนทางเพศ มักจะแกล้งทำตัวเป็นคนที่แต่งกายเนียบ  สุภาพ อ่อนโยน ปากหวาน เอาใจเก่ง ประจบเก่ง  ขยันติดต่อ ขยันส่งเมสเสท วันๆ มุ่งแต่เอาใจ

แต่หากใครเพลอใจไปกับสิ่งรูปลักษณ์ภายนอกเหล่านี้ บางคนต้องเสียใจ เพราะได้รู้ความจริงภายหลังว่าเขารักเล่นๆ เมื่อเสียรู้นักหลอกจอมลวงโลก ต้องเสียตัว เสียใจ เสียเงิน เสียเวลา เสียความรู้สึก สติแตก นอนผวา  เมื่อสายหรือเกือบสายเสียแล้ว  เรียกว่าถูกต้มเปื่อย ที่เรียกว่าต้มเปื่อยคือ ถูกหลอกมานานแต่ไม่ยอมรู้สึกตัว  เพราะเพลอใจคิดว่าตัวเองเป็นอย่างที่เขาพร่ำเพ้อรำพัน รำไพ

นายพรานที่ชำนาญ  จะปลอมตัวด้วยการเอาหนังสัตว์มาห่ม แล้วทำท่าเป็นเหมือนสัตว์พวกที่เขาต้องการล่า  แล้วนายพรานจะค่อยๆ คืบคลานเข้าไปใกล้ๆ ฝูงสัตว์มักจะระมัดระวังตัวอยู่เสมอ  แต่ก็ยังไม่วาย ถูกนายพรานแอบคลานเข้าไปใกล้ๆ เมื่อได้ระยะยิงนายพรานก็เอาธนูอันแหลมคม มีลูกดอกอาบยาพิษเล่งยิงเอาสัตว์ที่กำลังเพลินกับการหากินจนตาย  แล้วจึงเอาไปเป็นอาหารอันโอชะ

ในยุคเริ่มแรกของมนุษย์  ซาตานก็ปลอมตัวมาในร่างของงู เพื่อหลอกให้อีฟ และอาดัมทำบาป โดยการฝืนกินผลไม้แห่งความสำนึกดีชั่ว จนต้องคำสาป ต้องถูกขับไล่ออกจากสวนสวรรค์  ต้องทำมาหากิน อาบเหงื่อต่างน้ำ  ต้องพบกับต้นไม้ที่มีหนาม ต้องเผชิญภัยและความทุกข์ยากนานาประการตลอดชีวิตจนกว่าเราจะได้พบแสงสว่างแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูเจ้า 

แท้ที่จริงซาตานคือศัตรูตัวร้ายของมนุษย์ แต่มนุษย์ชอบบูชาซาตาน และติดตามซาตานมากกว่าพระเจ้า  เพราะว่าหลังจากที่บรรพบุรุธของมนุษย์ได้ทำบาป ธรรมชาติที่ดี  ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ได้สูญหายไป กลายเป็นธรรมชาติบาปมาแทนที่ นี่อาจเป็นคำตอบได้ว่า ทำไมมนุษย์ชอบทำบาปมากกว่าทำความดี

ซาตานจะทำอะไรผู้เชื่อพระเยซูไม่ได้  เพราะคริสเตียนทุกคนจะยังคงอยู่ในการปกป้องของพระเจ้า ตราบใดที่เราไม่มีบาปมัดไว้  พวกเราอาจโดนยิงด้วยลูกศรเพลิงวันละหลายดอก  แต่มันจะไม่ระคายผิวเราได้ เพราะเรามีเสื้อเกราะที่เป็นหนึ่งในยุทธภัณฑ์ของพระเจ้า  ที่พระเจ้ามอบให้ผู้เชื่อสวมใส่อยู่ 

ดังนั้นซาตานจึงต้องใช้วิธีการที่จะทำให้เราพลาดไปจากเป้าหมายที่พระเจ้ามีไว้สำหรับชีวิตของเราแต่ละคน  วิธีการก็คือ การปลอมตัวเข้ามาในรูปแบบต่างๆ เพื่อจูงใจ หรือเบี่ยงเบนความสนใจของเราให้เพลอ เดินออกไปจากทางแห่งสว่าง  เพลอทำบาปจนติดเป็นนิสัย  ผู้เชื่อหลายๆ คนจึงต้องออกห่างไปจากเป้าประสงค์แห่งชีวิตที่พระเจ้าได้กำหนดไว้ที่ให้ผู้เชื่อแต่ละคนก้าวไปรับเอาด้วยความเชื่อ

ในคริสตจักรหลายแห่งซาตานไม่ได้เพียงแฝงตัวเข้ามาในคราบของนักการศาสนา หรือแกล้งสวมหน้ากากคริสเตียนที่ดีเท่านั้น ซาตานแอบใส่วิญญาณร้ายเข้าไปในจิตของคริสเตียนที่หย่อนยานในความเชื่อ วิญญาณที่อยู่ในคนเหล่านั้น  จะนินทาว่าร้าย  กล่าวโทษผู้นำ นินทาและส่อเสียด สร้างความ
กลียดชัง  สร้างความสงสัย  ความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันเพื่อชักนำคนให้เกลียดชังกัน เพื่อแยกเอาผู้เชื่อที่ยังอ่อนที่เปลี่ยนเสมืนลูกแกะอ่อนให้ดื้อดึงต่อคำสอน  ให้สดุดล้มลง  เพื่อสร้างความสงสัย  และสร้างความแตกแยกขึ้นในหมู่ผู้เชื่อ  ให้พวเขาหยุดติดตามแสงสว่าง  หรือก้าวออกไปเส้นทางแห่งพระพร

เป้าหมายของซาตานคือ พยายามฉุดดึงไม่ให้ผู้เชื่อเติบโตในความเชื่อ ไม่ให้รู้จักสิทธิอำนาจของตนเอง จนกลายเป็นอันตรายต่ออาณาจักรของซาตานเอง  เพราะผู้เชื่อที่เจริญเติบโตในความเชื่อจะสามารถทำให้อาณาจักรของซาตานย่อยยับลงเป็นส่วนๆ

พระธรรม 2 โครินธ์ บทที่  11:13-14 ได้กล่าว่า

เพราะว่าคนอย่างนั้นเป็นอัครสาวกเท็จ เป็นคนงานไม่สัตย์ซื่อ ปลอมตัวเป็นอัครสาวกของพระคริสต์

แต่การนั้นไม่แปลกประหลาดเลย ถึงซาตานเองก็ยังปลอมตัวเป็นทูตแห่งความสว่างได้

 อัครทูตเปาโลได้ในหนังสือพระธรรมกิจการบทที่ 20 ข้อที่ 30 อีกว่า

 “จะมีบางคนในหมู่พวกท่านเองกล่าวผันแปรความจริง เพื่อจะชักชวนพวกสาวกให้หลงตามเขาไป”  

ครูเท็จได้เกิดมากมายจากภายกลุ่มผู้เชื่อหลายๆ กลุ่ม  จากของแท้กลายเป็นของเทียม จากเพื่อพระเจ้ากลายเป็นเพื่อคณะของเรา กลุ่มของเรา 

จากเสริมสร้างพระกาย  เป็นแยกพระกาย  นักการศาสนาผู้หลงผิดพยายามชักชวนผู้ที่เชื่อให้ติดตามตัวเองแทนที่จะให้ติดตามพระคริสต์ 

การเทศนาสั่งสอนมุ่งเน้นด้วยคำพูดที่หวานหู  ด้วยทักษะและศาสตร์ของมนุษย์  เน้นความมัน ความสนุก ความรู้มากกว่าการนำคนบาปกลับมาหาพระเจ้า  ผู้เทศนาไม่กล้าผ่าตัดบาป  ไม่แจ้งบาป  ไม่บอกความจริง  กลัวว่าคนจะหนีออกไปจากโบสถ์

หลายคนจึงสอนถ้อยคำกล่าวผันแปรความจริง หมายถึงการพูดความจริงและความเท็จผสมกัน   ทำให้คริสเตียนแต่ละกลุ่มแยกออกจากกัน  ผู้สอนเท็จจะพยายามสอนความจริงปนกับความเท็จ เป้าหมาย

ของสมุนซาตานอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้คริสเตียนเกลียดชังกัน  ถือพวกถือคณะ  ยกตนข่มท่าน  โบสถ์ของฉันดีที่สุดในโลก  คณะของเรามีอาจารย์ที่ดีมากมายเพียงพอ เราไม่จำเป็นต้องไปฟังคำสอนของใครๆ หรืออาจารย์ใดๆ นอกกลุ่มของเรา  โบสถ์ไหนๆ ก็เหมือนกัน

พี่น้องคริสเตียนที่รัก ลองสำรวจว่า ตอนนี้ท่านติดตามพระคริสต์อย่างเต็มร้อยหรือยัง หรือท่านเป็นเพียงนักถือศาสนาที่มาหาพระเจ้าทุกวันอาทิตย์เพราะเกรงใจใครบางคน  มีความคิดว่าการมาโบสถ์เพื่อให้รู้ว่าท่านเป็นศาสนิกที่ดี  หรือว่าท่านมาเพื่อจะนั่งคุย นั่งบ่น  นั่งนินทาใครบางคน  

ท่านมาโบสถ์เพื่อจะฟังคำสอนที่ถูกใจท่าน  ท่านไม่ชอบฟังใครๆ ที่เทศนาเรื่องความบาป การกลับใจใหม่ การใช้ฤทธิ์เดชตามพระคัมภีร์  แต่ท่านมาโบสถ์เพื่อความสบายใจ  บางครั้งท่านฟังคำเทศนาเพื่อจับผิด

ถ้าท่านเคยทำแบบนี้  ท่านกำลังเดินทางที่พลาด  ท่านเฉไฉไปจากทางตรงๆ ของพระเจ้า  เวลานี้ใกล้สิ้นปีแล้ว ขอให้เรากลับใจใหม่ดีไหมครับ  กลับมาเป็นผู้เชื่อที่หิวกระหายการเรียนรู้ ต้องการรู้จักสิทธิอำนาจของผู้เชื่อ หากท่านไม่มีใครสอน ไม่มีใครนำทาง  ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่พร้อมจะสอนให้ท่านเป็นผู้เชื่อที่ อธิษฐานวางมือคนป่วยให้หาย และอธิษฐาน  แล้วมีผีออกจากคนได้ ด้วยฤทธิเดชในพระนามพระเยซูเจ้า

ขอพระเจ้าอวยพระพรท่านในเทศกาลแห่งความสุข คริสตมาส และปีใหม่ ค.ศ. 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)