ท่านเคยได้ยินชื่อองค์กรของชาวคริสต์ เหล่านี้หรือเปล่า: บางชื่ออาจจะดูแปลก บางชื่อฟังแล้วคุ้นๆ หู บางชื่ออ่านแล้วรู้สึกตลกขบขัน บางชื่อก็น่าฟังจริงๆ ชื่อเหล่านี้ได้แก่...
ออร์โธดอกซ์ คาทอลิก แองกลิกัน โปรเทสแตนท์ เอมิส คริสเตียนยิว เดอะเวย์ สภาคริสตจักร พระกิตติคุณสัมพันธ์ พระกิตติคุณสมบูรณ์ เพนเทคอส มอร์มอน สหกิจ ศูนย์เจริญธรรม เซเว่นเดย์แอดเวนทิส ความหวังใหม่ ความหวังแตกกระจาย สานสัมพันธ์ ความหวังยูนิซิตี้ ความหวังร่ำรวย คริสเตียนสัมพันธ์ ชุมชนสัมพันธ์ เยาวชนเพื่อพระคริสต์ แบ๊บติส เมซีเอนิกยิว เพรสไบทีเรี่ยน
พวกพยานพระยะโฮวาห์ ลูเทอแร้นท์ องค์การประกาศข่าวประเสริฐแก่ทุกบ้าน วายแวม วายเอ็มซีเอ สคท กปอ กปพ พกท ร่มเย็น ร่มเกล้า ศูนย์ประกาศข่าวประเสริฐ ก้าวไปสู่แสงสว่าง ศูนย์เบิกอรุณ โรงเรียนคริสเตียน แคมปัสครูเสด ลิเตอเรเจอร์ครูเสด ศูนย์ประสานงานนิมิตใหม่ คณะนิวไทรบ์ คริสตจักรวันเสาร์ องค์การวายเอ็ฟซี องค์การเยาวชนเพื่อพระคริสต์ ศูนย์ดูแลเด็กแรกเกิด
คริสตจักรวันอาทิตย์ โบสถ์เกาหลี (แบบเพนเทคอส หรือแบบเพรสไบทีเรียน) โบสถ์ฮิม โบสถ์คิง โบสถ์ฮา คริสตจักรอัครทูต คริสตจักรพระคุณ คริสตจักรความรัก คริสตจักรพระเมตตา คริสตจักรกรุณา คริสตจักรความรอด คริสตจักรยินดี คริสตจักรของพระเจ้า คริสตจักรของพระคริสต์ คริสต์จักรของสิทธิชนยุคสุดท้าย กลุ่มคริสตจักรชนเผ่าต่างๆ กลุ่มแปดอรหันต์ ศูนย์บุกเบิกตั้งคริสตจักร ศูนย์เลี้ยงเด็กพร้า ศูนย์สงเคราะห์ชาวเขา ศูนย์สงเคราะห์คนอาข่า ศูนย์เมตา ศูนย์ชีวิตใหม่ ศูนย์คริสเตียนสิงคโปร์ ศูนย์อเมริกัน ศูนย์ญีปุ่น บ้านชีวิตใหม่ บ้านกรุณา บ้านเบธเอล บ้านเบธานี บ้านเยนเนซาเร็ธ มหาวิทยาลัยคริสเตียน โรงเรียนพระคริสต์ธรรม ศูนย์ฝึกและสร้างสาวก วิทยาลัยพระคริสต์ธรรม ศูนย์ฝึกอบรมผู้รับใช้ องค์การพันธกิจฯ พันธกิจแม่น้ำ พันธกิจเผยแพร่ข่าวสารคริสตจักร ฯลฯ
ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือเมื่อมีคนชอบกล่าวว่า "โบสถ์ของผม" หรือ "โบสถ์ของอาจารย์โอ" "โบสถ์อาจารย์xxx" "โบสถ์อาจารย์บุญรัตน์" คำเรียกขานง่ายๆ นี่อาจไม่มีความหมายเป็นนัยอะไร แต่หากคิดดีๆ เป็นการสื่อความหมายว่า ที่นี้ใครใหญ่ที่สุด การกล่าวเช่นนี้แปลว่า ถ้าคุณไปโบสถ์นั้่นๆ แล้วถ้าคุณทำผิดท่า คุณอาจต้องย้ายออกอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะเดี๋ยวนี้ กลายเป็นว่าโบสถ์ไม่ใช่ศาสนสถานที่ใครๆ ไปแสวงพระเจ้าได้นะ แต่ว่า เป็นของส่วนบุคคลไปแล้ว บางแห่งปิดกั้นอาจารย์จากที่อื่นที่เต็มไปด้วยการเจิมระดับสูง ด้วยประตูโบสถ์ที่ปิดแน่นยิ่งกว่าประตูเมืองสมัยโบราณเสียอีก
สิ่งที่ผมนำมาสร้างรายการนี้ บางท่านอาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่า ชาวคริสต์มีหลายกลุ่มมากจริงๆ แต่ละกลุ่มก็เชื่อว่าของฉันนะถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของพระคริสต์กันทั้งนั้นแหละครับ รายชื่อเหล่านี้ยังไม่หมดนะครับ องค์กรของชาวคริสต์ทั่วโลกถ้ารวมกันแล้วจะกลายเป็นกลุ่มใหญ่มากๆ นี่ถ้าจะลิสท์จริงๆ คงได้หลายหน้า
แค่นี้ก็คงจำได้ไม่หมดเพราะมีมากมาย มากจนจำไม่ได้ บางชื่อเรายังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ น่าตลกที่ขำไม่ออกคือว่า อาจารย์นักการศาสนาบางคนย้ายสปอนเซอร์เป็นว่าเล่น ย้ายจนบางครั้งพูดที่หนึ่งดันไปพูดอีกชื่อหนึ่งออกมา บางครั้งต้องอายปากตัวเองเพราะดันพูดชื่อองค์กรที่มาร่วมที่ใหม่ไม่ได้ เพราะย้ายสำนักบ่อยเกิน
แต่เชื่อไหมว่า องค์กรเหล่านี้ คือองค์กรที่มีวัตถุประสงค์สำคัญอย่างหนึ่งคือ การประกาศว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า
น่าเสียใจและน่าเสียดายที่ ชาวคริสต์แม้จะนับถือพระคัมภีร์ที่แม้จะมีหลายสำเนา หลายฉบับ หลายเวอร์ชั่น แต่เนื้อหาส่วนใหญ่เหมือนกันเกือบร้อยเปอร์เซนต์ ผิดกันเพียงถ้อยคำสำนวนปลีกย่อยเท่านั้น
แม้ว่าพวกชาวคริสต์จะมีแนวปฎิบัติที่คล้ายๆ กัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในรายละเอียดและพิธีกรรมการไหว้พระ และความเชื่อ ข้อปฎิบัติอื่นๆ ปลีกย่อย อย่างมากมาย บ้างถือพิธีกรรมสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด บ้างถือระเบียบการ บางถือหลักข้อเชื่อและข้อบังคับของคณะ ยิ่งกว่าคำสอนในพระคัมภีร์ บางเลือกเชื่อพระคัมภีร์บางข้อ ข้อไหนทำไม่ได้ ไม่ถูกใจมันก็ไม่เอามาสอน หากใครทำได้ หรือนำมาสอน พวกทำไม่ได้อ้างว่าเป็นลัทธิเถื่อนอีกต่างหาก บ้างถือวัน บ้างให้ผู้หญิงคลุมผม บ้างบังคับไปถึงเครื่องแต่งกาย บ้างถือข้อหยุมหยิมสารพัน
บ้างมุ่งสร้างองค์กรให้ใหญ่โต บ้างมุ่งสร้างสมาชิกให้มีอาชีพ ให้รวย บ้างมุ่งหาเงินเข้าโบสถ์ เรี่ยไรเป็นว่าเล่นทุกที่ ทุกโอกาสที่มี บ้างมุ่งการสังคมสงเคราะห์ แต่ก็มีบางแห่งที่มุ่งสร้างแบบไร้ทิศทาง อ้าว!!
สิ่งที่ผมอยากจะคอมเมนท์ในที่นี้ คือว่า ชาวคริสต์บางส่วนทำงานมุ่งทำตามนโยบาย และหลักการของกลุ่มมากกว่า การหันหน้าเข้ามาหากันเพื่อวางแผนยุทธศาสตร์ในการเอาชนะศัตรูตัวจริงของคริสเตียน คือผีร้ายวิญญาณชั่ว วิญญาณนานาชนิด ที่มีชื่อเรียกต่างๆ นานา บางมีมือเป็นสี่ห้าอัน มีหน้าหลายหน้าก็มี แล้วแต่ว่ามนุษย์จะนิยมสร้างแบบไหน ชาวคริสต์บางส่วนไม่รู้เลยว่า วิญญาณร้ายมีอยู่ทั่วไป
พวกชาวคริสต์แม้จะมีมากเป็นร้อยๆ องค์กร แต่พวกเขาส่วนใหญ่ ยังไม่รู้จัก ไม่เข้าใจเรื่องสงครามฝ่ายวิญญาณ นักการศาสนาคงมีจำนวนไม่น้อยที่รู้แค่เรื่อง เครื่องยุทธภัณฑ์ฝ่ายวิญญาณในหนังสือพระธรรม เอเฟซัส บทที่ 6 แค่นั้นเอง เพียงแต่รู้แต่ไม่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้ คือเรียกว่า ไม่สามารถประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับชีวิต ในสงครามฝ่ายวิญญาณว่างั้นเถอะ
เมื่อพวกนักการศาสนาไม่ได้รับการสอนมาจากอาจารย์ปู่ ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดของประทานแห่งฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่จะให้ผู้เชื่อทุกคนมี พวกเขาจึงคิดว่า การรับใช้พระเจ้าคือการพยายามสั่งสอน และถ่ายทอดหลักการทางศาสนาที่เน้นว่า มนุษย์เป็นคนบาป และต้องการพระเจ้าให้มาเป็นผู้ช่วยเหลือในทุกๆ ด้านของชีวิต มากกว่าที่จะบอกให้ผู้เชื่อรู้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ ใครก็ตามที่มาเชื่อพระเยซู เขาคนนั้นได้เข้ามาสู่สงครามฝ่ายวิญญาณแล้ว และผู้เชื่อจะต้องเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ให้เป็นทหารกล้าที่ออกรับกับผีร้ายวิญญาณชั่วได้ ไม่ใช่เอาแค่ตัวเองรอด และรับพระพรเท่านั้น
แท้จริงการมาเป็นผู้เชื่อในความตั้งใจสุดท้ายของพระเยซูที่สั่งพวกสาวกของพระองค์ ขณะที่พระเยซูคริสต์จะถูกรับไปจากพวกสาวกในยุคแรก คือว่า พระเยซูสั่งพวกเขาว่า จะต้องออกไปสั่งสอนคนให้เป็นสาวก เป็นผู้เชื่อที่สามารถวางมือบนคนป่วย และสามารถขับผีได้ พวกเขาจะต้องพัฒนาความเชื่อของตนให้ไปถึงจุดที่เข้าถึงสิทธิอำนาจของผู้เชื่อเพื่อพาคนบาป ปลดปล่อยคนที่ถูกผีร้ายวิญญาณชั่วออกมาจากที่คุมขังในช่วงชีวิต ของแต่ละคนให้ได้มากที่สุด เหมือนที่คนที่ได้รับความรอดคนก่อนที่นำความเชื่อเรื่องพระเยซูคริสต์ส่งต่อจนมาถึงเขา
แต่ปรากฎว่า นักการศาสนาบางส่วนไม่ได้มุ่งสั่งสอนคนให้เข้าถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า แต่กลับมุ่งสอนให้เป็นคนดี เป็นคนมีความเมตตา มีความอดทน มีความปราณี เป็นคนสุภาพ เป็นคนที่เชื่อฟังผู้นำ ไม่ให้เถียงผู้นำ ให้ทำตัวเป็นคนดีที่ใครๆ เมื่อมองดูแล้วจะรู้ว่า นี่คือคนดี คริสเตียนคือคนดี
การเป็นคนดีของสังคม ศาสนาอื่นเขาไม่สอนหรือ ใครๆ เขาก็สอนแบบนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่หรือ เดี๋ยวนี้บางศาสนาเขายังสอนเหมือนคริสเตียนไปแล้วด้วย เขาสอนว่าคนต้องเกิดสองครั้ง เหมือนคริสเตียนแป๊ะเลย ใช่ไหม คือถ้าใครเกิดใหม่แล้วจะเป็นคนดี แบบที่สังคมและใครๆ ต้องการนั่นเอง
คริสเตียนจำนวนไม่น้อยไม่เคยรู้ว่า ผีร้ายวิญญาณชั่วนอกจากจะสิงอยู่ในคน ที่ปรากฎในพระคัมภีร์สมัยพระเยซูแล้ว พวกมันทำอะไรกันอีกบ้าง พวกมันปกครองกันอย่างไร แบ่งงานกันอย่างไร มันวางแผนอย่างไร พวกนักการศาสนาจำนวนไม่น้อยไม่คาดคิดว่า แท้จริงผียังครอบครองอยู่ทั่วไป ทุกหนทุกแห่งที่มีการนมัสการและกราบไหว้ ศาสนาผี พิธีกรรมทางวิญญาณ แม้แต่ในโบสถ์ก็ยังมีผี แต่ท่านทราบไหมว่า มีคริสเตียนจำนวนไม่น้อย ไม่เชื่อว่าในโบสถ์จะมีปรากฎการณืของผีสิง หรือสำแดงเดชได้ โอ้..นี่อาจไปไกลเกินแล้วสำหรับบทความนี้
พิธีกรรมการกราบไหว้บรรพบุรุธที่ฝังแน่นอยู่ใน คนที่ไม่รู้จักพระคริสต์ นักการศาสนาจำนวนมากต่างประหลาดใจว่า พวกเขาทุ่มเทเพื่อพระเจ้าหลายปี อธิษฐาน และแจกใบปลิว จัดงานคริสตมาสแต่ละปีหมดเงินมหาศาล แต่ผลที่ได้รับ กลับเป็นเหมือนกับชาวนาผู้อ่อนหัดที่ลงทุนปลูกข้าวแล้วแต่ข้าวไม่ออกรวง หรือเมื่อออกรวง ออกผลกลับได้เมล็ดข้าวออกมาก็เป็นข้าวลีบ และเขายังสงสัยอีกว่า เรารับใช้ใครกันแน่ ทำไมพระไม่ช่วย ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทำไมพวกเราสู้ความเชื่อที่เชื่อว่า วิญญาณต่างๆ สามารถอวยพรพวกเขาได้ พวกคนไม่เชื่อ ต่างนิยมชมชอบที่จะอยู่ในหลักการเรื่องภูมิผี ปีศาจ วิญญาณต่างๆ มากกว่าเชื่อพระเจ้า เมื่อศึกษาลงลึกไปอีกกลับพบอีกว่า คำว่าคริสตมาสไม่มีใรพระคัมภีร์ นี่ยิ่งพาให้คนยุ่งยากใจไปใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม คนก็ชอบพูดคำว่า ...
Merry Christmas to all Christians:
แตกต่าง แต่อย่า แตกแยก
คิดเห็นต่าง แต่...อย่าเห็นผิดเป็นชอบ
มีคำถามน่าสกิดใจ ที่อาจไม่มีใครกล้าบังอาจถามท่าน เพราะบ่อยครั้งเราพบว่า บางคนเข้ามาอยู่ในยุทธภพจนช่ำชอง บ้างเขียนบทความสนับสนุนความเชื่อที่เป็นศาสนศาตร์ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว บ้างเทศนาสั่งสอนมีจุดประสงค์เพื่อให้คนเชือพระเจ้าแต่กลับกลายเป็นการเขียนเรื่องให้คนต่อต้านฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า เพื่อให้ติดตามคณะ หรือกลุ่มของตน มากกว่าการสอนให้ผู้เชื่อพระเยซูให้รู้จักตัวตนของตน รู้จักพระคริสต์ และรู้จักฤทธิ์เดชแห่งแผ่นดินของพระเจ้าในชีวิตของแต่ละคน
บ้างเป็นอาจารย์ใหญ่มีคนนับถือมากมาย บ้างชอบฟันธงหลักข้อเชื่อ บ้างใช้สมอง ความรู้ การศึกษารากศัพท์ภาษาฮีบรู และกรีกมากกว่าความเชื่อ บางครั้งคิดว่าตัวเองกำลังรับใช้พระ แต่ดันไปสอนในสิ่งที่ตนเองรู้แค่งูๆ ปลาๆ คำสอนที่น่าจะดีกลับกลายเป็นเรื่องทำให้คนสดุดล้ม เพราะคำสอนของอาตมามาจากฐานแห่งความเข้าใจผิด พอหลายปีผ่านไปจึงได้รู้ ถึงบ้างอ้อว่า โอ้.. ข้าผิดไปแล้ว
บางคนยิ่งเรียนสูง ยิ่งรู้มากยิ่งเป็นคนถ่อมใจ ยิ่งเรียนรู้ว่าตัวเองโง่ ยิ่งเวลาผ่านไปตัวตนยิ่งน้อยลงๆ ยิ่งเข้าไปลึกในความรู้ของพระคริสต์ยิ่งรู้ว่าตนเองบาปหนา ต้องการการเปิดเผย ต้องการปลดปล่อย บางคนพอเรียนไปได้หน่อยนึกว่าตัวเองบรรลุอรหันต์สำเร็จวิชาแล้ว กลายเป็นคนมีพฤติกรรมเหมือนตัวอะไรที่ชอบยกหางเวลาเดิน ไม่ฟังใคร คิดว่าตัวเองถูกที่สุด ถึงที่สุดในโลก ไม่นานก็ล้มลงไม่เป็นท่า บางคนหนังเหนียวไม่ล้มง่ายๆ แต่ก็อยู่ระดับนั้น ไม่ก้าวขึ้นไปถึงไหนเลย ฤทธิ์ไม่ออก เดชไม่มี ไม่เอา
แม้ว่าชาวคริสต์จะมีสารพัดวิชาที่สอนในโรงเรียนผลิตนักการศาสนา มีอาจารย์จากหลายสำนัก แต่ถ้าดูให้ดีๆ มีเพียงไม่กี่สำนักเท่านั้นที่รู้จักเรื่องพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ว่าเป็นฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่พร้อมทำงานในตัวผู้เชื่อแต่ละคน เพื่อเตรียมคนให้เข้าสู่ความรู้จริงเรื่องสิ่งอัศจรรย์ที่พระเจ้ามอบให้ รู้จริงถึงสิทธิอำนาจของผู้เชื่อ เหนือผีและวิญญาณร้าย และโรคภัยต่างๆ
ผู้เชื่อที่เจริญแล้วจะกลายเป็นสาวกที่รู้จริงเรื่องพระเจ้า คือผู้ที่สามารถสร้างคนให้เป็นผู้เชื่อที่มีสิทธิอำนาจของพระเจ้าสืบต่อจากเขาอีกเป็นทอดๆ เขาจะรู้จักวิธีการถ่ายทอดของประทานให้คนอื่น จนเกิดของประทาน เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิต ไม่ว่าเขาจะไปไหน เกิดการอัศจรรย์ เกิดผลกระทบต่อคนรอบข้างอย่างน่าพิศวง การนำคนมารอดไม่ใช่เรื่องยากมหาหินอีกต่อไป
หากใครอยากจะหาโบสถ์อยู่สักแห่ง เราต้องแยกให้ออกว่า กลุ่มคนที่เราจะเข้าไปมีส่วนร่วมนั้น เป็นสถานที่สร้างคนให้เป็นสาวกพระคริสต์ หรือสร้างคนให้เป็นเพียงผู้เข้าร่วมเหมือนกับการเข้าร่วมสโมสรบางอย่างที่มุ่งกิจกรรมไปตามวัตถุประสงค์ของสโมสรนั้นๆ เท่านั้น
การเข้าสู่คริสตจักรที่มุ่งสร้างคนให้เป็นสาวก การเป็นผู้รับใช้พระคริสต์ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลัง ใกล้สินปีแล้ว ผมขอวิงวอนพี่น้องคริสตชนทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่อ้างตัวว่า เป็นผู้รับใช้ ให้เราสำรวจตัวเองเสมอว่า เรายังตั้งอยู่ในแผ่นดินของพระเจ้าหรือเปล่า หรือว่าตัวเราเป็นเพียงคนหนึ่งที่ รับใช้ใครก็ไม่รู้ ไม่แน่ใจ ไม่แน่ใจว่าเป็นตัวเอง ครอบครัว หรือใคร
ท่านรับใช้ใครกันแน่ รับใช้ท่านประธานฯ รับใช้ท่านเลขาฯ รับใช้คน หรือรับใช้องค์กร หรือรับใช้เกาหลี รับใช้ฝรั่ง รับใช้สิงคโปร์ หรือรับใช้พระเจ้า หรือไม่รับใช้ใครสักคน บ้างอ้างว่ารับใช้พระเจ้าแต่ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ไม่ยอมอยู่ในกฏระเบียบ ไม่รักษาสัจจะ พูดแล้วเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ ไม่ยอมรับข้อตกลงอะไรสักอย่าง พร้อมที่จะฉีกสัญญากับใครๆ ได้ตลอดเวลา หากวันใดที่ข้าวีนแตก หรือเสียผลประโยชน์
หลายคนพอโตในความเชื่อแล้วก็อยากเป็นองค์กรอิสระ ที่ไม่แคร์คน ไม่แคร์ใครเลยงั้นหรือ อยากเป็นคริสตจักรเพื่อเลี้ยงตัวเอง การเลี้ยงตัวเองเพื่อเลี้ยงครอบครัวศิษยาภิบาลเท่านั้นหรือ คือคริสตจักรเลี้ยงตัวเอง ผมว่าการเป็นคริสตจักรเลี้ยงตัวเองมีอะไรมากกว่านี้เยอะเลยนะ
ขออนุญาตตั้งคำถามที่แสบๆ คันๆ ว่า ตอนนี้่เวลาของท่าน ใช้ไปกับอะไรเป็นส่วนใหญ่ การใช้เวลา ใช้ทรัพยากรไปทางใดมากๆ อาจกล่าวได้ว่า สิ่งนั้นกำลังกลายเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิต เป็นภาพสะท้อนถึงสิ่งที่เป็นเอก เป็นหนึ่งในชีวิตของแต่ละคนก็ว่าได้ ไม่แน่นะครับบางอย่างมันอาจกลายเป็นพระได้นะครับ พระของเราคือพระเจ้าองค์ไหนกันแน่ พระเจ้าบิดา พระเจ้าพระบุตร หรือพระจิต หรือพระมันนี่ พระวีโก้ หรือพระไอแพด หรือวิญญาณอินเตอร์เนท
การประกาศข่าวประเสริฐแบบไหนที่ดี มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ ได้ผลตอบรับสูง จะประกาศด้วยการแจกยา แจกของ แจกทุน แจกอาหาร แจกการศึกษา แจกตำรา แจกคัมภีร์ แจกใบปลิวแล้ววิ่งหนี ด้วยการเลี้่ยงเด็กชาวเขา เลี้ยงเด็กกำพร้า แจกกฎหรือแจกความรัก แจกสนับมือ หรือแจกเชือกมัด แจกพระรอด หรือแจกพระผู้ช่วยให้รอด
“จริงๆ แล้ว เราเป็นคริสเตียนแท้หรือเพียงแค่นับถือศาสนาคริสต์นะ?”
สุดยอดไปเลย
ตอบลบศบ และ ธรรมกิจที่ไม่ commit ตัวเองและไร้จิตวิญญาน คงจะไม่พอใจน่าดู แต่ผมสนับสนุนเต็มร้ิอยครับ
ตอบลบ