อยากเรียนขับผีได้อย่างไร School of Exocism

                                                 อยากเรียนขับผี ทำอย่างไร

            สาวกของพระเยซูเจ้ารุ่นแรกมีพันธกิจในการประกาศข่าวประเสริฐ คือเรื่องการรอดพ้นบาป ด้วยการใช้ฤทธิ์อำนาจแห่งพระกิตติคุณของพระคริสต์ด้วยความเชื่อ  เมื่อออกประกาศก็มีการปลดปล่อยคนบาปให้พ้นจากอำนาจผีร้ายวิญญาณชั่ว  ให้พ้นจากความเจ็บป่วย  ด้วยการสำแดง หรือสาธิตอำนาจและชัยชนะของอาณาจักรของพระเจ้าเหนือ อาณาจักรของความมืด วิญญาณรูปเคารพ  มีการหายโรค มีการขับผี

การเติบโตของคริสตจักรในยุคแรกจึงรวดเร็วมากและแผ่ขยายไปทั่วโลก จนหลายประเทศได้รับเอาเป็นวิถีชีวิต เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ปรากฎว่า ความเชื่อนี้ได้กลายเป็นศาสนาที่มีระบบ ระเบียบต่างๆ  มีระบบศาสนศักดิ์ และเมื่อมีคนเชื่อถือมาก  ศาสนาจึงกลายเป็นผลประโยชน์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ด้วยเหตุอันนี้จึงทำให้ผู้เชื่อพระเจ้าส่วนหนึ่งกลายเป็นเพียงผู้ถือศาสนาที่ไม่ได้รับรู้ว่า ตัวเองมีสิทธิ มีอำนาจอะไร  เป็นความเชื่อตามคนอื่น หรือเชื่อตามคำสอนของนักสอนศาสนาที่ปฎิเสธฤทธิ์เดชแห่งพระกิตติคุณ คนที่รับการถ่ายทอดยังไม่รู้ว่าฤทธิ์เดชนี้ทำงานอย่างไร และจะได้รับฤทธิ์เดชนี้ด้วยวิธีใด และจะนำฤทธิเดชนั้นไปใช้อย่างไร  ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องไม่น่าเป็นไปได้  เปรียบเหมือนจอมกระบี่ที่จากไปแล้วทิ้งของวิเศษไว้ให้ลูกหลาน หลายเล่ม แต่ลูกหลานกลับไม่ได้รับการถ่ายทอดกระบวนท่า  และวิธีการใช้กระบี่วิเศษ  พวกเขาจึงทิ้งของดีไว้ และบอกว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ หรือไม่เห็นความดีอะไร




การประกาศความรอดในยุคแรก สาวกขององค์พระผู้เป็นเจ้ากระทำด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์  มีการหายโรค มีการขับผี  มีการทำให้คนฟื้นจากตายได้  แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานความเชื่อนี้กลายเป็นความเชื่อทางศาสนา ที่เน้นพิธีกรรม และคำสอนให้เป็นคนเดียว  ผู้สอนไม่เอ่ยถึงการต่อสู้ทางวิญญาณ ไม่รับรู้ว่า ศัตรูที่แท้จริงของผู้เชื่อคือวิญญาณร้าย  แต่การประกาศข่าวประเสริฐแห่งข่าวดี แห่งการยกบาป การหายโรค และการขับผี กลายเป็นการประกาศนำคนมาเข้ามาเป็นสมาชิกของโบสถ์เท่านั้น?

การเผยแพร่ศาสนาบางยุค  กระทำด้วยการใช้กำลังทหารเข้าไปยึดครองและบีบบังคับให้คนหันมานับถือศาสนาคริสต์  เมื่อผู้คนถูกบังคับให้ศรัทธา ให้เชื่อ ผู้เชื่อส่วนหนึ่งที่จำใจจึงกลายเป็นเพียงศาสนิก ต้องไปนมัสการพระเจ้าที่มีการประกอบพิธีกรรมพิธีกรรมทางศาสนาที่ ไม่มีการอัศจรรย์ใดๆ ไร้อำนาจการปลดปล่อยจากความเจ็บป่วย และอำนาจของวิญญาณร้าย  ผู้เชื่อจำนวนหนึ่งจึงเหลือร่องรอยเพียงแค่  การถือศาสนาตามพิธีกรรม  ตามความเชื่อ และความหวังใจเท่านั้น ศาสนาไม่สามารถแก้ปัญหาปัจจุบันของผู้เข้ารีตได้มากนัก เพราะกลายเป็นส่วนผสมระหว่าง  เทวะนิยม กับศาสนพิธี หรือพิธีกรรมทางศาสนา


น่าเสียดายที่ช่วงหลายร้อยปีมานี้  วิชาการประกาศข่าวประเสริฐด้วยการใช่สิทธิอำนาจ    เช่น การขับผี  การวางมือรักษาคนป่วย  วิธีการชำระ  การปลดปล่อย การเพิกถอนอำนาจผี  ไม่ค่อยมีบรรจุไว้ในหลักสูตรของการอบรม หรือสถานศึกษาด้านศาสนาของสถาบันฝึกอบรมของชาวคริสต์ หนังสือหรือองค์ความรู้ด้านนี้ก็หายากมาก หรือไม่มีเลย

การประกาศเผยแพร่ ศาสนาคริสต์จึงทำด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การแจกของแก่คนยากจน การรักษาพยาบาลคนป่วยด้วยยา และวิชาการแพทย์สมัยใหม่  การให้ทุนการศึกษา การช่วยเหลือคนแก่ คนพิการ  การทำการสงเคราะห์คนด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อดึงดูดคนให้เข้ามาเชื่อศาสนาคริสต์

เมื่อกลับมามองดูการเผยแพร่ศาสนาของลัทธิศาสนาฮินดู  การเผยแพร์ศาสนาฮินดู ดูเหมือนว่ามีความเจริญก้าวหน้ามากกว่า การเผยแพร่ของศาสนาคริสต์ในประเทศไทย นักบวชของฮินดู ที่เราเรียกกันว่า พราหม์ มีการมีงานทำดี มีรายได้สูง และเป็นที่ต้องการของตลาดให้ประเทศไทยอย่างมาก  เพราะรูปเคารพของฮินดู มีมากมาย แต่ละอย่างมีฤทธิ์ มีอำนาจในการทำอิทธิฤทธิ์พอตัว ตามหน้าที่กำหนด  การประกาศเผยแพร่ของเขา เน้น คนร่ำรวย  เจ้าของห้างดัง  คนมีตังค์  สถิติคนนับถือศาสนาฮินดูในโลก คือประมาณ เก้าร้อยล้านคน ศาสนาพุทธ สามร้อยเจ็ดสิบล้าน ทั่วโลก

พิธีกรรมของศาสนาพุทธ และศาสนาดั่งเดิมของไทยถูกผสมผสานเข้าไปกับความเชื่อเรื่องวิญญาณของเจ้า องค์ เทพ มีการไหว้วิญญาณบรรพบุรุธตามฤดูกาล เทศกาล   ในทุกภาคส่วนของคนในสังคมไทย มีพิธีการกราบไหว้ บูชาวิญญาณในระดับต่างๆ มีการทรงเจ้า  การทำนาย  มีโหร มีโหราศาสตร์  คนไทยการทำพิธีกราบไหว้ บวงสรวงวิญญาณปีละหลายครั้ง  เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีที่อิงอยู่กับการผูกพันกับวิญญาณนานาชนิด

คนไทยส่วนหนึ่งมีการกราบไหว้วิญญาณ ต้นไม้ เจ้าป่า ขุนเขา  สายน้ำ เจ้าแม่แห่งข้าว  เจ้าพ่อที่อยู่ตามมุมถนน หรือหัวเมืองต่างๆ  ศาล  เจ้าที่  เจ้า องค์ หลวงพ่อปู่ วิญญาณปู่ย่า เนื่องจากมีการเปิดกว้างทางความเชื่ออย่างมากมาย  ไร้การควบคุม ชาวไทยจึงรับเอาวิญญาณนานาชนิดเข้ามากราบไหว้บูชา  ปัจจุบันมีวิญญาณต่างๆ ที่แสดงตัวตนออกมาในรูปของรูปเคารพมากขึ้นเรื่อย เช่น กวนอิม เจ้าแม่ฯลฯ องค์เทพต่างๆ วิญญาณจากลัทธิความเชื่อจีน สิงคโปร์ ประเทศเนปาล และต่อไปก็จะมีมาเพิ่มมากขึ้นจากลัทธิวูดูจากแฟริกาใต้ และประเทศอื่นๆ

ศาสนาฮินดูเป็นลัทธิความเชื่อที่เน้นพิธีกรรม  เน้นขั้นตอนในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ เพื่อทำการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิตามลัทธิความเชื่อ ปัจจุบันคนที่ร่ำรวย บุคคลที่มีอิทธิพลในสังคม นักการเมืองพากันกราบไหว้ และเอารูปเคารพของฮินดูเข้าไปกราบไหว้บูชาในบริเวณสถานที่ใหญ่ๆ  ห้างดัง หรือตึกรูปเคารพของศาสนาพุทธ  จนอาจกล่าวได้ว่า ตอนนี้คนไทยนับถือศาสนาอะไรกันแน่ พระ หรือผี หรือทั้งสอง

มีคนไทยที่เคยไปกราบไหว้บูชารูปเคารพต่างๆ องค์เจ้า องค์เทพต่างๆ ที่มีฤทธิ์มีเดชพอสมควร บ้างก็ไปสักยัณห์เป็นรูปสัตว์ร้าย หรือสัตว์มีฤทธิ์ต่างๆ ที่มีในตำนานของชาวอินเดีย หรือตำนานนิทานพื้นบ้านของไทย หรือทำการสักเป็นรูป สักสาริกา เป็นเครื่องหมายที่เชื่อว่ามีฤทธิ์มีเดชต่างๆ บนร่างกาย  บางคนมีเครื่องราง และรูปเคารพสัญลักษณ์ทางวิญญาณที่เคยเชื่อถือเก็บรักษาไว้ในครอบครอง หรือผูกมัด หรือห้อยไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย  บางคนไปรับองค์ รับเจ้า รับขัน เมื่อคนเหล่านี้มารับเชื่อพระเจ้า กลับไม่ได้รับการเอาใจใส่จากผู้นำความเชื่อชาวคริสต์บางกลุ่มที่ขาดประสบการณ์ด้านการปลดปล่อย พวกเขายังออมชอม หรือปล่อยให้ผู้เชื่อพระเจ้าเก็บสิ่งของต่างๆ ไว้

บางกลุ่มก็เข้าใจ และตระหนักว่าวิญญาณเก่า  คำสัญญาเก่าๆ คำแช่งสาป หรือสิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นอุปสรรค์ในการเติบโตในด้านความเชื่อพระเจ้า อยู่บ้าง  แต่ก็ไม่รู้วิธีการปลดปล่อย เพื่อปลดเอาสิ่งต่างๆ ที่ผู้เชื่อเคยไปรับมาทางวิญญาณออกไปจากคน เขาจึงพบว่าผู้เชื่อหลายคนไม่เติบโตกับความเชื่อในพระเจ้า แต่มีโรคภัยต่างๆ รบกวน  มีความวุ่นวายเกิดขึ้นในชีวิตเนื่องๆ ไม่สามารถมีสันติสุขตามที่โฆษณาไว้เท่าที่ควร

นี่คือเหตุผลว่า ทำไมผู้มีความเชื่อพระเจ้าที่เข้มแข็งจึงต้องเรียนรู้วิธีการปลดปล่อย  การวางมือรักษาโรค และการขับผี ผมอยากหนุนใจว่า สถาบ้นฝึกหัดผู้นำความเชื่อคริสตชนไม่ว่าจะมีชื่อเรียกว่าอะไร ขอเรียกร้องให้ท่านหันมาสอนเรื่องนี้เถิด  เพราะนี่คือฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่สามารถปลดปล่อยคนให้เป็นไทยอย่างแท้จริง  มีดในครัวมีหลายเล่มฉันใด การใช้ของประทานจากพระเจ้าที่มีหลากหลาย คริสตจักรก็ต้องใช้สิ่งที่มีฤทธิ์ที่พระเจ้าประทานมาให้หลายอย่างเหมือนกัน อย่าคิดว่า ในห้องครัวของเศรษฐีนั้นจะจำกัดเพียงมีดเล็กๆ เล่มเดียว  ไม่ใช่ว่า มีดหั่นจะใช้ฟันอะไร ตัดอะไร ซอยอะไรๆ ได้ทุกอย่างเลย 

แน่นอนที่สุดคนที่อ้างว่า ด้วยอำนาจแห่งพระวจนะ หรือศาสนศาสตร์อย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว  แต่สำหรับประสบการณ์ที่ผมได้ประสบ ผมพบว่า การปลดปล่อยเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวด และสมควรจะเผยแพร่  อบรม ส่งเสริมให้คริสเตียนที่เติบโตแล้วในความเชื่อ เอาไปใช้เพื่อสร้างสาวกรุ่นต่อไปที่ ไม่เพียงแค่สอนความรู้ทางศาสนา ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้เท่านั้น แต่สามารถใช้สิทธิอำนาจของแผ่นดินของพระเจ้าเหนือวิญญาณใดๆ ที่ติดมากับผู้เชื่อพระเจ้าได้  เพื่อขยายอาณาจักรแห่งสวรรค์อย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผลอย่างแท้จริง

HOME



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)