ถูกข่มขืนแล้วท้องทำแท้งได้หรือไม่ Is Abortion allowed for rape?

ผู้ตั้งคำถาม

คุณ Pichamon Kongying (Facebook id)
(Extract จาก บทสนทนาในกลุ่ม Thai Debate)




อยากขอความรู้ ว่า หากมีผู้หญิงถูกข่มขืน แล้วตั้งครรภ์ หรือ ตั้งครรภ์แล้วบุตรมีปัญหา ทางการแพทย์อนุญาติให้ทำแท้งสำหรับกรณีแบบนี้ ตามหลักการของพระเจ้า สามารถทำแท้งได้หรือไม่คะ





Suthida Arayametee

ปล....จริงๆแล้วครรภ์ที่เกิดจากการล่วงประเวณี ไม่ว่าโดยสมยอมหรือไม่..เป็นครรภ์ที่เปิดช่องต่อวิญญาณ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแม่เด็กไม่อยากได้เขาไว้...วิญญาณแห่งความตาย วิญญาณแห่งการถูกปฏิเสธจะยึดพื้นที่ได้โดยง่าย

ปล2 หลังๆพบว่า ลูกๆของผู้รับใช้ทั้งหลายโดนวิญญาณเล่นงานตั้งแต่อยู่ในท้องเยอะมาก...และเด็กเหล่านี้มักเป็นคนที่พระเจ้าจะใช้มาก บางคนใช้ตั้งแต่ยังเด็ก

อยากหนุนใจให้พี่น้องอธฐเผื่อพี่น้องที่ตั้งครรภ์ให้มากๆ...ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามารซาตานจ้องเล่นงานที่สถาบันครอบครัวแบบรอบด้านเลย



สิริพลับพลา ศิริสถิตย์ ‎(สดุดี 139:13)

"เพราะพระองค์ทรงสร้างชิ้นส่วนภายในข้าพระองค์ พระองค์ทรงถักทอข้าพระองค์เข้าด้วยกันในครรถ์มารดา" คต.ที่รู้จักพระเจ้าดีจะไม่ทำแท้งค่ะ ส่วนเหตุที่เกิดการตั้งครรถ์ที่ประสงค์หรือไม่ประสงค์ เมือ่เกิดเหตุแล้วควรทูลขอสติปัญญเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ที่จะตามมา(เป็นความรับผิดชอบสูงสุดของเรา) พระเจ้ามีทางออกที่ดีที่สุดเพื่อเราเสมอค่ะ




Princess Glory

 ไม่เเนะนำให้ทำแท้ง เพราะ มันจะเป็นสิ่งที่ผู้ในใจของผู้หญิงคนนั้นตลอดไป เเน่นอน ผิดพระคัมภีร์ก็ใช่ เเต่พระเจ้าก็ให้อภัย เเต่ตัวของ ผู้หญิงเอง เมื่อรู้ว่า ตั้งท้อง ก็รู้ตัวทันทีว่าเป็นเเม่คนเเล้ว ถ้าทำเเท้งลง ไปเนี๋ย คนที่รู้สึกผิดไปตลอด ชีวิต ก็คือผูั้ที่ทำเเท้งนั้นเอง

ในมุมมอง ของเจ้าหญิง มีวิธีช่วยคือ ช่วยชี้ให้เราเห็น ถึงความรักของพระเจ้าเเบบไม่มีเงื่อนไข ต่อเราทุกคน เพราะพระเจ้ารักเราก่อน เราจึงรักคนที่ไม่น่ารักได้ เพราะในอดีตเราก็ไม่น่ารัก เเต่ พระเจ้าก็ยังรักเรา ปัจจุบันเราเองยังทำอะไรหลายๆๆอย่างที่ผิดพลาดเเต่พระเจ้าก็รักเรา เช่นกัน เด็กที่เกิดมา เเบบไม่ได้ตั้งใจ เค้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เเต่เค้าต้องการความรัก คนที่เป็นเเม่ ต้องให้ความรัก ต่อเด็ก เรื่องความรักนี่ เจ้าหญิงเชื่อว่า พระเจ้าจะให้คนที่เป็นเเม่เข้าใจ เพราะพระเจ้าเป็นความรัก


Suthida Arayametee

โดยส่วนตัว คิดไปถึงเรื่องที่ว่า เราจะหยุดพวกปากหอยปากปูในคจ.อย่างไร ไม่ให้ไปเม้าท์มอยว่าหญิงคนนี้ไปทำบาปเปิดช่องอะไรมาจึงโดนข่มขืน...และสองถ้าหญิงคนนี้เป็นผู้เชื่อคจ.ต้องเตรียมตอบคำถามไว้เลยว่าทำไมเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเขา(ข้อสองไม่ยากมากเท่าข้อแรก)...พี่น้องมีความเห็นอย่างไรกับการหยุดการนินทา เพราะหญิงที่ว่าจะอยู่โบสถ์ได้ไหม ยังยืนอยู่ในความเชื่อไหม เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญสุดๆ โดยเฉพาะตามต่างจังหวัด




Chanwit Chonsuwanwat

ยังงี้ผู้นำคริสตจักรต้องสอนลูกแกะของท่านเสียใหม่แล้วว่า "การถูกข่มขืน ไม่ใช่เพราะเขาทำบาป"

Princess Glory

หญิงจะช่วยเค้าเเบบนี้ค่ะ กรณีที่เค้าต้องได้ยินเสียงคำวิพากวิจารต่อคนรอบด้าน เจ้าหญิงจะบอกเค้าว่า เราจำเป็นต้องเเยกเสียง ทุกเสียงที่เข้ามาในความคิดเรา เสียงใดที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า หรือเป็นเสียงพระวิญญาณบริสุทธิ์ เสียงเหล่านั้นไม่ควร มามีอิทธิพล ต่อหัวใจ ของเรา เเละสอนสอนให้หนักเเน่น ในความรักของพระเจ้ามีต่อเค้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพระเจ้าจะอยู่เคียงข้างเค้า มีพระเจ้า ก็มีทุกสิ่ง ก็เพียงพอเเล้ว ถ้าเราหนักเเน่นในความรักของพระเจ้า จะไม่มีสิ่งใด มาทำให้ หัวใจเราระคายเคืองได้ รม10:17 ความเชื่อเกิดจากการได้ยินเเละได้ฟัง เช่นกัน ถ้าเราเชื่อในสิ่งที่เราได้ยิน มา ย่อมมีผลกระทบต่อชีวิตเเน่นอน




Saranya Jittawibool

เด็กในท้องเป็นชีวิต เป็นจิตวิญญาณ ที่ถูกสร้างขึ้นตามพระฉายนะคะ เค้ามีชีวิตแล้ว แม้ยังไม่ได้คลอดออกมา การทำแท้ง ก็เป็นการฆ่าคนแน่ๆ

กรณีถูกข่มขืน กฎหมายอนุญาตให้
ยุติการตั้งครรภ์โดยแพทย์ได้ก็จริง
แต่ถามว่าผิดพระคัมภีร์ไหม ก็ผิดค่ะ
จริงๆ มีทางออกอย่างที่คุณหมอโอ๋เสนอไว้
เช่น ยกเด็กให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น
หรือคนอื่นๆ ช่วยกันสนับสนุนการเลี้ยงดูเด็ก

กรณีการตั้งครรภ์เป็นอันตรายต่อชีวิตแม่
หรือเป็นที่คาดหมายได้ว่าเด็กจะเสียชีวิตในครรภ์
หรือเสียชีวิตหลังคลอด อันนี้ดูเหมือนมีเหตุผลที่สมควร
จะยุติการตั้งครรภ์ได้ใช่ไหมคะ

แต่ .... ย้ำว่า ... แต่ ... เราจะอ้างได้เหรอคะ
ว่าเราจะเอาเขาออกเพื่อรักษาชีวิตของเราไว้
เรามีสิทธิจะเอาชีวิตคนอื่นมาแลกกับชีวิตเราเหรอคะ?

หรือเราจะมั่นใจได้ยังไงคะ ว่าเด็กจะเสียชีวิตในครรภ์แน่ๆ
หรือเสียหลังคลอดแน่ๆ คุณหมอก็ไม่สามารถระบุได้หรอกค่ะ
ว่า 100% อย่างมากก็ 99.99% ใช่ไหมคะ
แล้ว 00.01% เนี่ยแหล่ะค่ะ ที่เราไม่อาจละเลยได้
เพราะว่าชีวิตของมนุษย์ทุกคนก็อยู่ในพระหัตถ์พระเจ้าใช่ไหมคะ
โดยเฉพาะผู้ที่เชื่อในพระองค์





Saranya Jittawibool

ตัวดิฉันเองเมื่อตอนตั้งครรภ์ลูกสาว(ตอนนี้ลูกสาวอายุ 2 ขวบครึ่งแล้ว)
ก็มีภาวะแท้งคุกคามตั้งแต่อายุครรภ์ 2 เดือนกว่าจนถึงคลอด
อัลตร้าซาวน์ครั้งแรกตอนท้อง 11 สัปดาห์ (เนื่องจากมีเลือดซึม)
มองไม่เห็นเด็กเลย เห็นแต่ถุงการตั้งครรภ์
คุณหมอคาดว่าอาจเป็นกรณีเด็กตัวเล็กมาก จนซาวน์ไม่เห็น
10% เป็นท้องไข่ปลาอุก (ท้องลม) 90%
คุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นท้องไข่ปลาอุก
ซึ่งถ้าปล่อยไว้อาจตกเลือดได้ แนะนำให้ขูดมดลูก

ดิฉันกับสามีมั่นใจว่าเรามีลูกจริงๆ ไม่ใช่ครรภ์ไข่ปลาอุก
เนื่องจากเราได้รับคำเผยพระวจนะและคำพยากรณ์ถึงลูกคนนี้
และวันที่มีความสัมพันธ์กันนั้น พระเจ้าบอกให้ดิฉันทราบด้วย
ว่าเป็นวันไข่ตก (เรื่องนี้มีรายละเอียดน่าตื่นเต้น
และอัศจรรย์ใจจริงๆ กับความเอาใจใส่ของพระเจ้า ^_^)

จึงขอคุณหมอยืดเวลาออกไปก่อน
ถามคุณหมอว่าถ้าเด็กตัวเล็กจนซาวน์ไม่เห็น
เราต้องรออีกกี่สัปดาห์ ถึงจะซาวน์เห็น
และเราขูดมดลูกอย่างช้าที่สุดได้เมื่อไหร่

คุณหมอบอกว่าอย่างช้าอีก 2 สัปดาห์ ต้องเห็นตัวเด็ก
ถ้าไม่เห็นจะมั่นใจได้ว่าเป็นครรภ์ไข่ปลาอุกจริงๆ
เรื่องขูดมดลูกก็เหมือนกัน เต็มที่จริงๆ ก็ 2 สัปดาห์
แต่จะมีความเสี่ยงต่อการตกเลือดจนถึงแ่ก่ชีวิตสูงมาก
เพราะงั้นให้ 1 สัปดาห์พอ นี่ก็ไม่อยากแนะนำแล้ว
จริงๆ อยากให้ทำวันนี้เลย

เราเลยบอกว่าขอ 2 สัปดาห์
แล้วเราจะบอกว่าเราตัดสินใจยังไง
(ไม่ใช่ว่าอีก 2 สัปดาห์มาขูดแน่)
คุณหมอจำใจยอมแบบห่วงสุดๆ แต่ก็กำชับว่า
ถ้ามีเลือดออกมาก ให้รีบมา ร.พ. ด่วน
ไม่ต้องรอให้ครบ 1 สัปดาห์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง 2 สัปดาห์เลย

เราก็กลับมาอธิษฐานกัน และมีพี่น้องช่วยอธิษฐานเผื่อ
ระหว่าง 2 สัปดาห์นั้น ก็ยังมีเลือดซึมนิดๆ ตลอด
แต่ไม่ได้มากขึ้น พอครบ 2 สัปดาห์
เราไปซาวน์อีกรอบ คราวนี้เจอตัวอ่อนในถุงการตั้งครรภ์แล้ว
ฮาเลลูยา ... ^_^ ...


พออัลตร้าซาวด์เจอ เลือดก็ค่อยๆ หยุดซึม จนหยุดสนิทเลือดหยุดสนิทอยู่ 2 สัปดาห์
แล้วอยู่ๆ ก็มีเลือดทะลักออกมา
(ทะลักเลยคราวนี้ ไม่ใช่แค่ซึมๆ)
ทะลักพรวดออกมาเยอะได้ครึ่งชามก๋วยเตี๋ยวเลยอ่ะ
แล้วก็ไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุดเลย

เราก็รีบไป ร.พ. กันซิคะ
คุณพ่อขับรถพาดิฉันไป ร.พ.
ดิฉันนอนหนุนตักสามีอยู่ที่เบาะหลัง
คุณพ่อหน้าซีดมาก มือสั่น ลุกลี้ลุกรน
จนดิฉันต้องบอกว่า

"พ่อ .. ใจเย็นๆ ไม่เป็นไร ค่อยๆ ขับ
เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุ จะยิ่งแย่
ลูกไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ถึงมือหมอแล้ว"
คุณพ่อถึงสงบลง ขับรถได้ดีขึ้น
สามีก็หน้าซีด แต่พยายามเก็บอาการ
คงกลัวดิฉันจะยิ่งใจเสีย
ดิฉันก็กลัว แต่พยายามทำใจให้สงบ
และอธิษฐานฝากไว้กับพระเจ้า

ถึง ร.พ. คุณหมอตรวจดู บอกว่าปากมดลูกเปิดหมด 10 เซ็นแล้ว
(จะคลอดก่อนกำหนดแล้ว และเด็กไม่สามารถรอดชีวิตได้
เพราะอายุครรภ์น้อยเกินไป) คุณหมอจะเร่งคลอดให้
(ไม่แน่ใจว่าดิฉันใช้ศัพท์การแพทย์ถูกหรือเปล่านะคะ)
เพื่อป้องกันการตกเลือดจนเสียชีวิต

ดิฉันขอพบสามีก่อน เล่าให้เขาฟังว่าคุณหมอบอกว่าไง
และปรึกษากันว่า เราจะตัดสินใจกันยังไงดี
สามีบอกว่าเขามีคำตอบของเขา
แต่นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของดิฉัน
เพราะฉะนั้นเขาจะถือการตัดสินใจของดิฉันเป็นสำคัญ
ดิฉันขอทราบความเห็นเขาก่อน

เขาบอกว่า เขาเชื่อว่าชีวิตเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า
และเขาเชื่อในการอัศจรรย์ที่พระองค์ทำได้ด้วย
ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากให้เรายืดการเร่งคลอดออกไปก่อน
และเปิดโอกาสให้พระเจ้ามีเวลาที่จะรักษาเรา
แต่นั่นหมายถึงทุกนาทีที่ผ่านไป คือการเสี่ยงชีวิตของดิฉัน

ดิฉันเห็นด้วยกับเขา เพราะระหว่างที่รอให้เขามาพบดิฉัน
ที่เตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน ดิฉันได้ก้าวผ่านความกลัวและความสับสนมาแล้ว

ตอนแรกดิฉันกลัวมากว่า เรากำลังจะทิ้งโอกาสที่พระเจ้า
จะทำการอัศจรรย์ในการรักษาดิฉันและช่วยชีวิตลูกไว้ไปหรือเปล่า
และถ้าพระเจ้ามีน้ำพระทัยให้เด็กคนนี้รอด
แต่เราดันเอาเขาออกไปแล้ว เราก็จะทำบาปโดยการฆ่าน่ะซิ
หรือว่าถ้าเขาจะไม่รอด และดิฉันตัดสินใจให้แพทย์ดูแลช้าเกินไป
ดิฉันจะต้องเสียชีวิต และต้องจากคนที่รักไป ทั้งที่อายุแค่นี้น่ะเหรอ

พอดีกับที่สามีเข้ามาพบ และคำตอบของเราตรงกัน
จึงรอให้พยาบาลมาหาเราอีกครั้ง เพื่อจะบอกว่า
เราจะรอจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ ค่อยทำอะไร

ระหว่างที่รอพยาบาล สามีก็เข้ามาจับมือ
บอกให้เราอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าด้วยกัน
ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี
แม้ในสายตามนุษย์ดูเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่ดี
แต่เรารู้ว่าพระเจ้าควบคุมทุกสิ่งอยู่
และพระองค์มีแผนการที่ดีสำหรับเราแน่นอน

เมื่ออธิษฐานเสร็จ สามีก็นั่งร้องเพลงนมัสการอยู่ข้างๆ เตียง
ส่วนดิฉัน นมัสการในใจ เพราะว่าเริ่มเวียนหัวมากแล้ว
เนื่องจากเสียเลือด

ขณะที่นมัสการอยู่ ก็สัมผัสว่ามีลมร้อน
พัดผ่านจากศีรษะไปจนถึง ปลายเท้า
และสัมผัสการเยียวยารักษาที่มาจากพระเจ้า
และมีความแน่ใจลึกๆ เกิดขึ้นภายในจิตใจว่า
เราจะไม่ต้องสูญเสียลูกคนนี้ไป
(ต้องบอกนิดนึงว่าห้องที่ดิฉันนอนอยู่เป็นห้องแอร์
เย็นมาก มีทางเข้า-ออกทางเดียว
ซึ่งอยู่ไกลจากเตียงที่ดิฉันนอนอยู่มาก
จึงเป็นไปไม่ได้ที่ลมนี้จะเป็นลมตามธรรมชาติ
ที่บังเอิญพัดเข้ามาในห้อง แถมยังเป็นลมร้อนจี๋ในห้องแอร์เย็นเจี๊ยบอีกด้วย)

เมื่อพยาบาลกลับมาหาเรา
เราแจ้งความประสงค์ของเราให้ทราบ
พยาบาลบอกว่า ให้ไปพบคุณหมอก่อน
คุณหมอรออยู่ในห้องขูดมดลูกแล้ว

เมื่อแจ้งให้คุณหมอทราบ คุณหมอบอกว่า
ขอตรวจภายในอีกครั้งนึงก่อน แล้วเดี๋่ยวค่อยคุยกัน
คุณหมอได้ตรวจภายในอีกครั้งพบว่าปากมดลูกที่เปิดอยู่นั้น
ได้ปิดเองจนเหลืออยู่เพียง 3 ซม.
และเมื่อตรวจคลื่นหัวใจของเด็กดู
ปรากฏว่าหัวใจยังเต้นอยู่ในระดับดี
คุณหมอจึงยกเลิกการขูดมดลูก
และให้นอน ร.พ. 2 สัปดาห์
ระหว่างที่อยู่ใน ร.พ. ปากมดลูกก็ปิดสนิทจนหมด
และคุณหมอก็ให้กลับบ้านได้

แล้วดิฉันก็คลอดลูกปลอดภัยดีทุกอย่าง
แม้จะคลอดก่อนกำหนดเล็กน้อย
มีภาวะแท้งคุกคามตลอด 9 เดือน
มีภาวะแพ้ท้องรุนแรงตลอด 9 เดือน
เด็กน้ำหนักน้อย จนคุณหมอยืดการคลอด
แต่น้ำหนักเขาก็ขึ้นมาในช่วง 2 สัปดาห์ท้ายอย่างอัศจรรย์
(ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดที่อัศจรรย์มากๆ
จนควรแยกไปเล่าเป็นอีกหัวข้อหนึ่งเลยทีเดียว)



Jerm Sum ‎Saranya Jittawibool

ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำพยาน...พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่กว่าทุกปัญหาที่เราเผชิญหน้า




Suthida Arayametee

มาพอดีกับวันแม่เลยเชียว...โอ๋ก้อเป็นเด็กที่แม่ตกเลือดตั้งแต่อายุครรภ์สองเดือนเหมือนกัน..เป็นลูกคนแรกที่มาแบบเปิดปุ๊บติดปั๊บ จนแม่เครียดเลยกลัวชาวบ้านเค้าจะหาว่าท้องก่อนแต่ง 555

ท้องได้สองเดือนก้อตกเลือด หมอเลยให้นอนยกขาสูงๆอยู่ในรพ.อยู่เป็นสิบกว่าวัน ไม่ให้ลงจากเตียงเว้นจำเป็นจริงๆเท่านั้น ซึ่งคุณแม่สู้ตายมาก ไม่อาบน้ำเลย ถ่ายเบาถ่ายหนัก กดออดเรียกพยาบาลเอา...ข้าพเจ้าเลยรอดมาได้...แต่ตอนท้องแม่ก้อปวดข้อเท้ามาก เท้าบวมแทบเดินไม่ได้ แต่ยังต้องจ่ายตลาดทำกับข้าวดูคนทั้งสองครอบครัวอยู่ พอตอนเจ็ดเดือนกว่า แม่ก้อตกเลือดอีกรอบ ได้ไปนอนยกขาสูงอีกรอบนึง คราวนี้โด๊ปทั้งน้ำมะพร้าว กะสไปรท์ (น้ำมะพร้าวพอเข้าใจ แต่สไปรท์เกี่ยวไรไม่รู้)

พอแปดเดือน คราวนี้มาทั้งเลือดและน้ำ หยุดไม่ได้แล้ว หมอเลยปล่อยคลอด ออกมาตัวกระจิ๊ดนึง แต่แข็งแรงดีมาก ตัวขาวจั๊วะ ผมดกมาก ดิ้นกระแด่วๆ ร้องทั้งคืน เลี้ยงยากสุดๆ (แม่บอกว่า ดีนะออกมาตัวเล็ก ถ้าลูกออกมาก่อนกำหนดแต่ดันตัวโตแม่คงไม่พ้นข้อหาท้องก่อนแต่งแน่ๆ เพราะแต่งหลังเพื่อน แต่ดันออกลูกก่อนเพื่อน นี่ถือว่าช่วยกู้หน้าแม่ไว้ได้)




ดา แซ่เฮ้ง กล่าวว่า ...

เอาในประเด็นคือ ญ. ถูกข่มขืนแล้วตั้งครรภ์
ตามกม. อนุญาตให้ทำแท้งได้

ส่วนตัว. เชื่อว่า ญ. ที่ถูกข่มขืน ไม่ยอมรับเด็กตั้งแต่ถูกข่มขื่นแล้ว หากจะให้ ญ. นั้นรับผิดชอบเด็ก ย่อมเป็นการไม่ยุติธรรมต่อเธอ เพราะเป็นการกระทำที่ไม่สมยอม ไม่เต็มใจ แล้วจะให้สมยอม เต็มใจ กะเด็กนั้นอย่างใดได้คงช้ำยิ่งกว่าการถูกข่มขื่น และตายทั้งเป็นกับชีวิตที่เหลืออยู่ และพระเจ้าคงไม่ต้องการให้เธอรับผิดชอบในสิ่งที่เธอมิได้กระทำ

ที่สำคัญ เคสที่เอามาพูด ต้องเป็นการถูกข่มขืนจริง ต้องไม่มีเหตุผลจอมปลอม เพื่ออ้างการทำแท้ง





Saranya Jittawibool

ดิฉันคิดว่าผู้หญิงที่ถูกข่มขืน
ถ้าเธอให้ความรักของพระเจ้าเยียวยาเธอ
ยกโทษให้อภัยกับผู้ที่กระทำต่อเธอ
เธอจะก้าวข้ามความขมขื่นใจที่มีต่อเด็กคนนั้นได้ค่ะ
เธอจะยอมรับเด็กนั้นได้ และเต็มใจรับผิดชอบเขา
และเธอจะไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งไม่ยุติธรรมกับเธอที่ต้องมาอุ้มท้อง
คลอด และเลี้ยงดูเด็กคนนี้ค่ะ


เธอจะไม่ช้ำใจกับการเลี้ยงดูเด็ก
ตรงกันข้าม เธอจะชื่นใจกับความรักของพระเจ้า
ที่นำหน้าการตัดสินใจของเธอ และชื่นใจที่ได้เลี้ยงดูเขา
และเธอจะไม่รู้สึกว่าตายทั้งเป็นกับชีวิตที่เหลืออยู่
แต่เธอจะชื่นชมยินดีกับชีวิตที่เหลืออยู่ค่ะ

แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากมากๆ แต่ความรักชนะทุกสิ่งได้จริงๆ ค่ะ




Suthida Arayametee

มีโอกาสคุยกับน้องๆที่โตมาในบ้านเด็กกำพร้าหลายคน เขาบอกว่าเขาขอบคุณแม่ที่ให้เขาเกิดมา ขอบคุณที่แม่ไม่ทำลายชีวิตเขา ทำให้เขามีโอกาสเกิดมาและพบพระคุณความรักของพระเจ้า เขาเข้าใจที่แม่เลี้ยงดูเขาไม่ได้เพราะไม่พร้อม เขาให้อภัยแม่ และอยากให้แม่รู้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขามีความสุขดี ความรักพระบิดาเติมเขาให้เต็มได้ และเขาอธฐเผื่อแม่ทุกวันที่แม่จะมีความสุขและได้รู้จักความรักของพระคริสต์

สะท้อนจากใจเด็กที่หลายๆคนเห็นเขาเป็นตัวปัญหาและไม่อยากให้เกิดมา แต่เขารู้แล้วว่า เขาไม่ใช่มารหัวขน แต่เป็นของขวัญของพระเจ้าที่มอบให้แก่โลกใบนี้ เขาเลือกเกิดไม่ได้ แต่เขาเลือกจะเป็นคนดีได้ เพราะเขารู้ว่าพระเจ้าเลือกที่จะให้เข่เกิดมา พระเจ้าเป็นคนทอเขาขึ้นมาในท้องของแม่เอง

หญิงที่ถูกข่มขืนไม่ผิด และเด็กที่เกิดมาก้อไม่ผิดเช่นกันนะคะ




Saranya Jittawibool

ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนแล้วท้อง น่าเห็นใจมากทีเดียว
ถ้าเธอไม่สามารถทำใจอุ้มท้องเด็กได้
และตัดสินใจเอาเด็กออก ดิฉันก็ไม่ประณามเธอนะคะ
เพราะมันเป็นเรื่องทำใจยากมากจริงๆ
(แต่ดิฉันก็ไม่เห็นด้วยกับเธอค่ะ)
พระเจ้าเองก็ไม่ได้บีบบังคับให้เธอรับผิดชอบในสิ่งที่เธอมิได้ก่อค่ะ
แต่พระองค์เรียกร้อง (ด้วยความรักที่มีต่อเธอและต่อเด็ก)
ให้เธอ "รักษาชีวิตอยู่ในความบริสุทธิ์และความชอบธรรม"
คือ ไม่ทำบาป โดยการฆ่า ค่ะ




Padunkiaet Vejvechaneyom

มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่พระเจ้าทรงสร้างให้เป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์ดังที่กล่าวในพระธรรมปฐมกาล 1:26 “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา” คำว่า “ฉายา” คือ “image (tselem)” และ “likeness (demut)” เราจึงแตกต่างจากสัตว์อื่นๆ เราเป็นสิ่งทรงสร้างที่เฉพาะและพิเศษจริงๆหนึ่งเดียว

ดังนั้นชีวิตมนุษย์จึงเป็นของพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงสร้างพวกเรา “เพราะว่า 'เรามีชีวิต และไหวตัว และเป็นอยู่ในพระองค์' ตามที่กวีบางคนในพวกท่านกล่าวว่า 'แท้จริงเราเป็นเชื้อสายของพระองค์'” (กิจการ 17:28)

แม้เราจะฆ่าสัตว์เป็นอาหารได้ แต่ถ้าใครฆาตกรรมชีวิตมนุษย์ “เราจะทวงชีวิตมนุษย์จากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน 6ผู้ใดฆ่ามนุษย์ให้โลหิตไหล มนุษย์จะฆ่าผู้นั้นให้โลหิตไหลเหมือนกัน เพราะพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ ตามพระฉายาของพระองค์” (ปฐมกาล 9:6) ชีวิตมนุษย์มีศักดิ์ศรี (dignity) จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า การจะฆ่าคนได้ต้องในกรณีเช่นเป็นฆาตรกรต้องโทษประหารหรือในกรณีอื่นที่พระคัมภีร์อนุญาตเช่นในการสงคราม

ชีวิตเริ่มตั้งแต่การปฏิสนธิในครรภ์เป็นตัวอ่อนแล้ว พระเยซูในครรภ์ของนางมารีย์ก็เจริญจากตัวอ่อนเหมือนกันแม้จะเกิดจากหญิงพรหมจรรย์ ชีวิตถือเป็นของขวัญหรือของประทานจากพระเจ้า ตั้งแต่ในครรภ์จนตายจากโลกนี้ ชีวิตมนุษย์ต้องได้รับการปฎิบัติด้วยความเคารพและยำเกรง การฆ่าชีวิตมนุษย์อย่างตั้งใจจึงเป็นบาป แต่ถ้าไม่ได้ตั้งใจเป็นเหตุสุดวิสัยจะควบคุมเช่นฟันต้นไม้ หัวขวานหลุดไปถูกคนตาย ในพระคัมภีร์เดิมให้ผู้นั้นหนีไปเมืองลี้ภัย

การฆ่าเด็กในครรภ์ที่เกิดจากการข่มขืนจึงผิดด้วยเหตุผลข้างต้น คริสเตียนควรให้ความเห็นอกเห็นใจและช่วยเหลือทั้งแม่และเด็กที่จะเกิดมา เด็กในครรภ์เป็นพระฉายาของพระเจ้า

แต่ในกรณีบางสภาวะที่อุ้มท้องเด็กในครรภ์ทำให้มารดาตั้งครรภ์ต่อไม่ได้เพราะมารดาป่วยหนักตายแน่ และครรภ์ก็อ่อนมาก คลอดตอนนั้นเด็กก็เล็กมากเลี้ยงไม่รอดแน่ แต่ถ้ายังดันทุรังให้ครรภ์ดำเนินต่อไป มารดาตายอย่างแน่นอน เมื่อมารดาตายเด็กก็ต้องตาย คือ ตายทั้งคู่ แต่ถ้าทำแท้งให้เด็กออกมา เด็กตายก็จริงแต่มารดารอดก็น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ ใน case ยากๆแบบนี้ก็แล้วแต่สติรู้สึกผิดชอบและการอธิษฐานขอการช่วยเหลือและสติปัญญาจากพระเจ้า จะตายหนึ่งหรือตายทั้งสอง???!!!




Saranya Jittawibool

ใช่ๆ เคสที่อุ้มท้องต่อไปแล้วลูกจะตายแน่(อย่างท้องนอกมดลูก) หรือจะตายทั้งแม่ทั้งลูก
ไม่ใช่ว่าจะตัดสินใจเอาลูกไว้ จนลูกแท้งออกมาเองหรือจนตายไปเองทั้งแม่ทั้งลูกนะ

แต่ควรพิจารณาคำแนะนำของแพทย์โดยการอธิษฐาน ขอคำปรึกษาจากพระเจ้า

ทีนี้ ต้องระวังนิดนึง คือต้องแน่ใจจริงๆ ว่า
มันทำอะไรไม่ได้แล้ว มันรอเวลาไม่ได้แล้ว
อธิษฐานแล้ว ไม่มีการรักษา การอัศจรรย์
(ไม่ใช่ว่าพระเจ้าไม่รัก ไม่สนใจ ไม่ช่วยคุณนะ
พระเจ้ามีแผนการดีแน่นอน

แต่เราอาจไม่รู้แผนการทั้งหมดของพระเจ้า
เราไม่อาจ "เข้าใจ" พระเจ้าได้ทั้งหมด
แต่เรา "วางใจ" พระเจ้าจนหมดใจได้นะ ^_^)

สิริพลับพลา ศิริสถิตย์ มีตัวอย่างมั้ยคะคต.ที่เชื่อพระเจ้าดำเนินชีวิตในทางพระเจ้า ที่รู้จักป้องกันระมัดระวังการไปการมา และการแต่งตัว แล้วถูกขมขื่นจนท้องนะคะ




Isaac Khoo

มีครับ และที่แย่ไปกว่านั้น คือ ถูกกระทำชำเราโดยคนที่เป็นออทิสติคด้วย น่าสงสารมากครับ ลูกที่เกิดมาก็เป็นออทิสติคด้วยเช่นกัน แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่มีการทำแท้ง เด็กคนนั้นเติบโตมาด้วยความรักในพระเจ้า และเก่งด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์แบบเหลือเชื่อเลยทีเดียว Thanks be to God.

สิริพลับพลา ศิริสถิตย์ เคสนี้มองฝ่ายวิญญาณว่าอย่างไรคะ ?


Mana Shuanchoophon

เป็นผู้หญิงอยู่ดีดี ถูกข่มขืน ไปทำแท็ง กลายเป็นคนเลวซะงั้น  ถ้าผมเป็นผู้หญิงคนนั้นผมจะรีบไปทำแท็งให้เร็วที่สุด





ปียานุช ทองจินดา

ทุกอย่างที่ทรงอนุญาตให้เกิดกับเรา คือของขวัญ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกอย่าง ของขวัญล้ำค่าที่สุดคือลูก ไม่ว่าเหตุ ก่อกำเนิด คือ อะไไรก็แล้วแต่


Worachat Janla
 

 เพิ่งเข้ามาลงชื่ออ่านครับ เมื่อสักเกือบสิบปีที่แล้ว สมช.ท่านหนึ่ง เป็นไทรอยด์เป็นพิษ ครรภ์เป็นพิษ แพทย์ให้ทำแท้งไม่งั้นตายทั้งคู่ ..ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะได้อธิษฐานทั้ง คจ. ทุกวันนี้เด็กแข็งแรง ฉลาด โตแล้ว พ่อแม่เค้าเป็น ศบ...."มนุษย์ไม่มีสิทธิฆ่าคนอื่นเพื่อให้ตัวเองรอด" ..ครับ

Rice Mu ‎.... น่าคิดนะครับ "ฆ่าคนอื่นเพื่อให้ตัวเองรอด"



เชิญร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่มสนทนา ในเฟซบุ๊ค Thai Debate เวทีแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นอกสถาบันพระคริสต์ธรรม หรือชั้นเรียนพระคัมภีร์ และไร้ขอบเขตประเทศ และคณะนิกาย

ตอบคำถามที่ใครไม่กล้าถาม และตอบในสิ่งที่อ้างอิงจากพระคัมภีร์ และประสบการณ์กับพระเจ้า



............................................................................

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ5/28/2556

    Whats up are using Wordpress for your blog platform? I'm new to the blog world but I'm trying to get started and set up my
    own. Do you require any coding expertise to make your own blog?

    Any help would be greatly appreciated!

    My homepage; best cellulite treatment

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)