ความเชื่อ และ การปฏิบัติตาม
ผมได้รับการแบ่งปัน ข้อคิดดีๆ จากพี่น้องที่แบ่งปันมาทางเฟซบุ๊ค คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ และเสริมสร้าง ความเชื่อให้แก่พี่น้อง จึงขออนุญาตนำมาแบ่งปันในเว็บนี้ ครับ
***************************************************
ความเชื่อและการตอบสนองตามความศรัทธา
ความแตกต่าง ระหว่างเงื่อนไข กับ การตอบสนองด้วยความเชื่อ ^^
ความแตกต่าง ระหว่างเงื่อนไข กับ การตอบสนองด้วยความเชื่อ ^^
ความแตกต่าง ระหว่างเงื่อนไข กับ การตอบสนองด้วยความเชื่อ
เงื่อนไข = สิ่งที่เราทำ เพื่อให้พระเจ้าทำบางอย่างเพื่อตอบสนองเรา
การตอบสนองด้วยความเชื่อ = การเชื่อฟังพระคำ เพื่อรับเอาสิ่งที่พระเจ้าได้ทำสำเร็จแล้วเพื่อเรา
ยกตัวอย่าง
เช่น ถ้าผมยกบัตร ATM ให้คุณ พร้อมบอกรหัส เพื่อให้คุณไปกดเอาเงินมาใช้ได้ตามใจ
การไปกด ATM ตามที่ผมบอกนั้นไม่ได้เป็นเงื่อนไขของการได้เงิน แต่เป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อ ต่อสิ่งที่ผมพูด (แต่ถ้าหากคุณไม่เชื่อ) & การไม่เชื่อจะทำให้คุณไม่ไปกด & ไม่ได้รับเงินตามที่ผมบอก
เรื่องความรอด : ความเชื่อไม่ใช่เงื่อนไขของความรอด แต่เป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อว่า พระเยซูได้ตายเพื่อไถ่บาปของเราแล้ว
เงื่อนไข = สิ่งที่เราทำ เพื่อให้พระเจ้าทำบางอย่างเพื่อตอบสนองเรา
การตอบสนองด้วยความเชื่อ = การเชื่อฟังพระคำ เพื่อรับเอาสิ่งที่พระเจ้าได้ทำสำเร็จแล้วเพื่อเรา
ยกตัวอย่าง
เช่น ถ้าผมยกบัตร ATM ให้คุณ พร้อมบอกรหัส เพื่อให้คุณไปกดเอาเงินมาใช้ได้ตามใจ
การไปกด ATM ตามที่ผมบอกนั้นไม่ได้เป็นเงื่อนไขของการได้เงิน แต่เป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อ ต่อสิ่งที่ผมพูด (แต่ถ้าหากคุณไม่เชื่อ) & การไม่เชื่อจะทำให้คุณไม่ไปกด & ไม่ได้รับเงินตามที่ผมบอก
เรื่องความรอด : ความเชื่อไม่ใช่เงื่อนไขของความรอด แต่เป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อว่า พระเยซูได้ตายเพื่อไถ่บาปของเราแล้ว
เรื่องการหายโรค : ความเชื่อ, การวางมือ หรือ การเจิมด้วยน้ำมัน ฯลฯ ก็ไม่ใช่เงื่อนไขของการหายโรค แต่เป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์บอกว่า พระเยซูได้บาดเจ็บ เพื่อให้เราหายดี (1 ปต.2:24; อสย.53:5)
เรื่องความมั่งคั่ง : ความเชื่อ, 10 ลด, การหว่าน ฯลฯ ก็ไม่ใช่เงื่อนไขของความมั่งคั่ง แต่เป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์บอกว่า พระเยซูได้กลายเป็นคนยากจน เพื่อให้เราเป็นคนมั่งมี (2 คร.8:9)
สิ่งที่เราต้องเตือนสติตนเองก็คือ ความเชื่อ = ความแน่ใจในพระคำ ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะพระสัญญา แต่รวมถึง พระบัญชาด้วย
การกระทำตามพระบัญชาเหล่านี้ไม่ได้เป็นเงื่อนไขของการรับพระสัญญา แต่เป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อ ดังนั้น การพลาดที่จะทำตามพระบัญชาเหล่านี้ จึงเท่ากับ ความไม่เชื่อ & สิ่งนี้ทำให้ผู้เชื่อหลายคนไม่ได้รับในสิ่งที่พระเยซูได้ทำสำเร็จเพื่อพวกเขาแล้ว ^^
เรื่องความมั่งคั่ง : ความเชื่อ, 10 ลด, การหว่าน ฯลฯ ก็ไม่ใช่เงื่อนไขของความมั่งคั่ง แต่เป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์บอกว่า พระเยซูได้กลายเป็นคนยากจน เพื่อให้เราเป็นคนมั่งมี (2 คร.8:9)
สิ่งที่เราต้องเตือนสติตนเองก็คือ ความเชื่อ = ความแน่ใจในพระคำ ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะพระสัญญา แต่รวมถึง พระบัญชาด้วย
การกระทำตามพระบัญชาเหล่านี้ไม่ได้เป็นเงื่อนไขของการรับพระสัญญา แต่เป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อ ดังนั้น การพลาดที่จะทำตามพระบัญชาเหล่านี้ จึงเท่ากับ ความไม่เชื่อ & สิ่งนี้ทำให้ผู้เชื่อหลายคนไม่ได้รับในสิ่งที่พระเยซูได้ทำสำเร็จเพื่อพวกเขาแล้ว ^^
ความแตกต่าง ระหว่างน้ำพระทัยของพระเจ้า กับ แผนการของพระเจ้า
น้ำพระทัยของพระเจ้า = สิ่งที่พระเจ้าปรารถนา & ต้องการให้เป็น
แผนการของพระเจ้า = สิ่งที่พระเจ้าอนุญาต หรือ อนุโลมให้เป็น เพราะไม่มีสักสิ่งเดียวในโลกที่
เช่น มนุษย์คู่แรกทำบาป ไม่ใช่น้ำพระทัย แต่เป็นแผนการของพระเจ้า
คริสเตียนแต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อ ไม่ใช่น้ำพระทัย แต่เป็นแผนการของพระเจ้า
คริสเตียนทำบาป ไม่ใช่น้ำพระทัย แต่(อาจ) เป็นแผนการของพระเจ้า สิ่งต่าง ๆ ที่เลวร้าย รวมทั้ง โรคภัยไข้เจ็บ, ความยากจน, ปัญหาครอบครัว ไม่ใช่น้ำพระทัย แต่เป็นแผนการของพระเจ้า
ข้อสังเกต
พระเยซูสอนให้อธิษฐานว่า “ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” ในสวรรค์เป็นอย่างไร ก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก (มธ.6:10 ข.)
(การอธิษฐานนี้) ไม่ได้(สั่ง)ให้อธิษฐานให้เป็นไปตามแผนการของพระเจ้า
อัครทูตยอห์นสอนเรื่องการอธิษฐานว่า และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือ ถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา (1 ยน.5:14)
ไม่มีคำสอนให้อธิษฐานตามแผนการ แต่ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เพราะเมื่อเราอธิษฐานตามที่พระเจ้าปรารถนา พระองค์ก็จะตอบ
ที่เดียวที่มีปัญหากับความเข้าใจเรื่องนี้ คือ พระธรรเยเรมีห์ 29:11
พระเจ้าตรัสว่า “เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า”
ในตอนนี้ เมื่อพิจารณาจากต้นฉบับ คำว่า “แผนงาน” ควรจะแปลว่า “ความตั้งใจ” หรือ พูดง่าย ๆ ก็คือ พระคัมภีร์ตอนนี้ ควรแปลคำว่า แผนงาน เป็นคำว่า น้ำพระทัย
มาถึงคำถามที่สำคัญ(อีกข้อหนึ่ง) ก็คือ น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จเสมอ หรือไม่ ?
(ข้อเสนอข้อพระธรรมเพิ่มเติม เพื่อ)พิจารณาข้อพระคัมภีร์เหล่านี้
ผู้เจ้าทรงมีพระประสงค์ให้คนทั้งปวงรอด และให้รู้ความจริง (1 ทธ.2:4)
พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่ (2 ปต.3:9 ข.)
พระคัมภีร์ 2 ข้อนี้ชี้ชัดว่า น้ำพระทัยของพระเจ้า คือ ต้องการให้ทุกคนรอด
(มีพระธรรมอีกตอนหนึ่งบันทึกคำสอนของพระคริสต์ เรื่องการหว่านเมล็ดพืช)
....(เมล็ด) ที่ตกตามหนทางได้แก่คนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วมารมาชิงเอาพระวจนะจากใจของเขา เพื่อไม่ให้เชื่อและรอดได้ (ลก.8:12)
(อีกตอนหนึ่งกล่าวว่า)....และเพื่อเราจะได้พ้นจากคนพาลชั่วร้าย เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนเชื่อ
(2 ธส.3:2)
พระคัมภีร์ 2 ข้อนี้ยืนยันว่า ไม่ใช่ทุกคนเชื่อ ดังนั้น จึงไม่ใช่ทุกคนที่รอด
ดังนั้น คำตอบก็คือ น้ำพระทัยของพระเจ้าไม่ได้สำเร็จเสมอไป [แต่ถ้าแผนการล่ะก็ ใช่เลย]
คำถามต่อไปก็คือ ทำไมน้ำพระทัยของพระเจ้าจึงไม่ได้สำเร็จในโลกเสมอ [เหมือนที่สำเร็จในสวรรค์] ?
คำตอบก็คือ เพราะมนุษย์ไม่เชื่อ เนื่องจากมนุษย์ถูกสร้างตามพระฉายของพระองค์ [ปฐก.1:26-27] ดังนั้น มนุษย์จึงต้องมีลักษณะที่เหมือนพระเจ้า & หนึ่งในสิ่งเหล่านั้นก็คือ (มนุษย์มี) สิทธิที่จะตัดสินใจ
ในกรณีของความรอด : ถึงแม้น้ำพระทัยของพระเจ้าก็คือ ต้องการให้ทุกคนรอด & พระเยซูก็ได้ตายไถ่บาปมนุษย์ทุกคนแล้ว [1 ยน.2:2] แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนรอด เนื่องจากหลายคนไม่เชื่อ
ในกรณีของการหายโรค : ถึงแม้น้ำพระทัยของพระเจ้าก็คือ ต้องการให้ทุกคนหายป่วย & พระเยซูก็ได้ถูกเฆี่ยน เพื่อซื้อการหายโรคให้กับมนุษย์ทุกคนแล้ว [1 ปต.2:24; อสย.53:4-5]
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนหายโรค เนื่องจากหลายคนไม่เชื่อ [รวมทั้งคริสเตียนด้วย]
ในกรณีของความมั่งคั่ง : ถึงแม้น้ำพระทัยของพระเจ้าก็คือ ต้องการให้ทุกคนมั่งคั่ง & พระเยซูก็ได้ยอมยากจน เพื่อให้มนุษย์ทุกคนมั่งคั่งแล้ว [2 คร.8:9] แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนมั่งคั่ง เนื่องจากหลายคนไม่เชื่อ [รวมทั้งคริสเตียนด้ว]
คำถามอีกข้อหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือ พระเจ้าทำได้ทุกสิ่ง ใช่หรือไม่ ?
(ขอเสนอให้) พิจารณาข้อพระคัมภีร์เหล่านี้
“เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้” [ลก.1:37]
พระเยซูทอดพระเนตรดูพวกสาวก และตรัสว่า “ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้ แต่พระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง” [มธ.19:26]
พระคัมภีร์ทั้ง 2 ข้อนี้ยืนยันว่า พระเจ้าทำได้ทุกสิ่ง
(พระธรรมอีกตอนหนึ่งได้กล่าวเสิรมว่า) “ถ้าเราไม่มีความสัตย์จริง พระองค์ก็ยังทรงไว้ซึ่งความสัตย์จริง เพราะพระองค์จะไม่ทรงเป็นพระองค์เองไม่ได้” [2 ทธ.2:13]
พระคัมภีร์ข้อนี้ยืนยันว่า พระเจ้าไม่สัตย์ซื่อไม่ได้ เพราะพระองค์ต้องเป็นพระองค์เอง
สรุป ก็คือ ตามความสามารถแล้ว พระเจ้าทำได้ทุกสิ่ง แต่พระองค์ไม่สามารถทำสิ่งที่ขัดกับพระลักษณะแห่งความดีงามของพระ องค์เอง เช่น พระองค์ไม่สัตย์ซื่อไม่ได้ เพราะพระองค์สัตย์ซื่อ พระองค์โกหกไม่ได้ เพราะทรงเป็นความจริง พระองค์ทำบาปไม่ได้ เพราะทรงดี ฯลฯ
ดังนั้น (เราอาจสรุปได้ว่า) เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก พระองค์สามารถทำให้คนที่ไม่เชื่อ รอดได้ไหม ? คำตอบ คือ ไม่ได้ เพราะพระองค์ต้องสัตย์ซื่อต่อพระคำ
เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก พระองค์สามารถทำให้คริสเตียนที่ไม่เชื่อเรื่องการหายโรค หายโรคได้ไหม ? คำตอบ คือ ไม่ได้ เพราะพระองค์ต้องสัตย์ซื่อต่อพระคำ เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก
พระองค์สามารถทำให้คริสเตียนที่ไม่เชื่อเรื่องความมั่งคั่ง มั่่งคั่งได้ไหม ? คำตอบ คือ ไม่ได้ เพราะพระองค์ต้องสัตย์ซื่อต่อพระคำ
สรุปเลยก็แล้วกัน
ถ้าคุณอยากให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ
เชื่อในสิ่งที่พระคัมภีร์พูดกับคุณในเรื่องนั้น ๆ เช่น ถ้าคุณอยากมั่งคั่ง ก็ต้องเชื่อตามพระคัมภีร์สัญญาเรื่องความมั่งคั่ง
& ทำตามที่พระคัมภีร์บอกว่าเป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อในเรื่องนี้ ถ้าคุณหายโรค ก็ต้องเชื่อตามพระคัมภีร์สัญญาเรื่องการหายโรค
& ทำตามที่พระคัมภีร์บอกว่าเป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อในเรื่องนี้
ถ้าคุณเห็นด้วย หรือ ได้รับพรในเรื่องนี้
(อีกตอนหนึ่งกล่าวว่า)....และเพื่อเราจะได้พ้นจากคนพาลชั่วร้าย เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนเชื่อ
(2 ธส.3:2)
พระคัมภีร์ 2 ข้อนี้ยืนยันว่า ไม่ใช่ทุกคนเชื่อ ดังนั้น จึงไม่ใช่ทุกคนที่รอด
ดังนั้น คำตอบก็คือ น้ำพระทัยของพระเจ้าไม่ได้สำเร็จเสมอไป [แต่ถ้าแผนการล่ะก็ ใช่เลย]
คำถามต่อไปก็คือ ทำไมน้ำพระทัยของพระเจ้าจึงไม่ได้สำเร็จในโลกเสมอ [เหมือนที่สำเร็จในสวรรค์] ?
คำตอบก็คือ เพราะมนุษย์ไม่เชื่อ เนื่องจากมนุษย์ถูกสร้างตามพระฉายของพระองค์ [ปฐก.1:26-27] ดังนั้น มนุษย์จึงต้องมีลักษณะที่เหมือนพระเจ้า & หนึ่งในสิ่งเหล่านั้นก็คือ (มนุษย์มี) สิทธิที่จะตัดสินใจ
ในกรณีของความรอด : ถึงแม้น้ำพระทัยของพระเจ้าก็คือ ต้องการให้ทุกคนรอด & พระเยซูก็ได้ตายไถ่บาปมนุษย์ทุกคนแล้ว [1 ยน.2:2] แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนรอด เนื่องจากหลายคนไม่เชื่อ
ในกรณีของการหายโรค : ถึงแม้น้ำพระทัยของพระเจ้าก็คือ ต้องการให้ทุกคนหายป่วย & พระเยซูก็ได้ถูกเฆี่ยน เพื่อซื้อการหายโรคให้กับมนุษย์ทุกคนแล้ว [1 ปต.2:24; อสย.53:4-5]
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนหายโรค เนื่องจากหลายคนไม่เชื่อ [รวมทั้งคริสเตียนด้วย]
ในกรณีของความมั่งคั่ง : ถึงแม้น้ำพระทัยของพระเจ้าก็คือ ต้องการให้ทุกคนมั่งคั่ง & พระเยซูก็ได้ยอมยากจน เพื่อให้มนุษย์ทุกคนมั่งคั่งแล้ว [2 คร.8:9] แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนมั่งคั่ง เนื่องจากหลายคนไม่เชื่อ [รวมทั้งคริสเตียนด้ว]
คำถามอีกข้อหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือ พระเจ้าทำได้ทุกสิ่ง ใช่หรือไม่ ?
(ขอเสนอให้) พิจารณาข้อพระคัมภีร์เหล่านี้
“เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้” [ลก.1:37]
พระเยซูทอดพระเนตรดูพวกสาวก และตรัสว่า “ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้ แต่พระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง” [มธ.19:26]
พระคัมภีร์ทั้ง 2 ข้อนี้ยืนยันว่า พระเจ้าทำได้ทุกสิ่ง
(พระธรรมอีกตอนหนึ่งได้กล่าวเสิรมว่า) “ถ้าเราไม่มีความสัตย์จริง พระองค์ก็ยังทรงไว้ซึ่งความสัตย์จริง เพราะพระองค์จะไม่ทรงเป็นพระองค์เองไม่ได้” [2 ทธ.2:13]
พระคัมภีร์ข้อนี้ยืนยันว่า พระเจ้าไม่สัตย์ซื่อไม่ได้ เพราะพระองค์ต้องเป็นพระองค์เอง
สรุป ก็คือ ตามความสามารถแล้ว พระเจ้าทำได้ทุกสิ่ง แต่พระองค์ไม่สามารถทำสิ่งที่ขัดกับพระลักษณะแห่งความดีงามของพระ องค์เอง เช่น พระองค์ไม่สัตย์ซื่อไม่ได้ เพราะพระองค์สัตย์ซื่อ พระองค์โกหกไม่ได้ เพราะทรงเป็นความจริง พระองค์ทำบาปไม่ได้ เพราะทรงดี ฯลฯ
ดังนั้น (เราอาจสรุปได้ว่า) เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก พระองค์สามารถทำให้คนที่ไม่เชื่อ รอดได้ไหม ? คำตอบ คือ ไม่ได้ เพราะพระองค์ต้องสัตย์ซื่อต่อพระคำ
เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก พระองค์สามารถทำให้คริสเตียนที่ไม่เชื่อเรื่องการหายโรค หายโรคได้ไหม ? คำตอบ คือ ไม่ได้ เพราะพระองค์ต้องสัตย์ซื่อต่อพระคำ เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก
พระองค์สามารถทำให้คริสเตียนที่ไม่เชื่อเรื่องความมั่งคั่ง มั่่งคั่งได้ไหม ? คำตอบ คือ ไม่ได้ เพราะพระองค์ต้องสัตย์ซื่อต่อพระคำ
สรุปเลยก็แล้วกัน
ถ้าคุณอยากให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ
เชื่อในสิ่งที่พระคัมภีร์พูดกับคุณในเรื่องนั้น ๆ เช่น ถ้าคุณอยากมั่งคั่ง ก็ต้องเชื่อตามพระคัมภีร์สัญญาเรื่องความมั่งคั่ง
& ทำตามที่พระคัมภีร์บอกว่าเป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อในเรื่องนี้ ถ้าคุณหายโรค ก็ต้องเชื่อตามพระคัมภีร์สัญญาเรื่องการหายโรค
& ทำตามที่พระคัมภีร์บอกว่าเป็นการตอบสนองด้วยความเชื่อในเรื่องนี้
ถ้าคุณเห็นด้วย หรือ ได้รับพรในเรื่องนี้
****************************************
*/*/* ข้อความในวงเล็บ () ผู้ถ่ายทอดเพิ่มเติมตามความเข้าใจ เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจกระจ่างยิ่งขึ้น
บทความแบ่งปันทางเฟซบุ๊ค จากคุณ Adisorn Sae-Ia
ขอขอบคุณผู้เขียนที่แบ่งปันมา ณ โอกาสนี้นะครับ
HOme
*/*/* ข้อความในวงเล็บ () ผู้ถ่ายทอดเพิ่มเติมตามความเข้าใจ เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจกระจ่างยิ่งขึ้น
บทความแบ่งปันทางเฟซบุ๊ค จากคุณ Adisorn Sae-Ia
ขอขอบคุณผู้เขียนที่แบ่งปันมา ณ โอกาสนี้นะครับ
HOme
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)