The 7th Day (No.1)
มีเรื่องเล่าน่าคิดมากๆ มานำเสนอๆ อีกแล้วครับพี่น้องทุกท่าน
วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๐๑๓ มีกลุ่มคนอ้างว่ามาจากกลุ่มอิสระของ เซเว่น เขาอ้างว่าเขาออกมาจากกลุ่มเซเว่นย์เดย์เพราะเข้าใจว่า การทำงานของหัวหน้ากลุ่มไม่สอดคล้องกับแผนการของพระเจ้าในยุคสุดท้าย พวกเขาจึงทำการแยกตัวออกมาเป็นกลุ่มใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำการประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสต์ไปตามที่ต่างๆ เพื่อนำคนมาเชื่อพระเจ้าด้วยตนเอง ไม่สังกัดใคร
กลุ่มคนที่มามีหัวหน้าทีม ชื่อ สำ-ร คนติดตามอีกคนชื่อ สม-ช และมีผู้หญิงติดตามมาอีกสองคน ทั้งสี่คนมาพบผมที่บ้านพัก โดยอ้างว่าต้องการทราบและแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการทำพันธกิจปลดปล่อยที่ผมพยายามส่งเสริมมาประมาณสี่ปี
หลังจากที่ได้สนทนากันแล้วเป็นเวลาประมาณสามชั่วโมง ผมตั้งข้อสังเกตและได้รับความรู้สึกว่า แท้จริงพวกเขาไม่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้อะไรหรอก แต่พวกเขากำลังพยายามเผยแพร่แนวความคิดเกี่ยวกับหลักความเชื่อบางอย่างที่ ชาวเซเว่นเดย์มักจะถือปฏิบัติกันมากคือ การถือวันสะบาโต และการถือบัญญัติต่างๆ
(แท้จริงชาวเซเว่นเดย์ไม่ได้สอนผิดในเรื่องการนับเวลาวันสะบาโต แท้จริงวันสะบาโต คือช่วงระยะเวลานับตั้งแต่เย็นวันศุกร์เวลา ๑๘.๐๐ น. ถึงเย็นวันเสาร์ เวลา ๑๘.๐๐ น.)
ผู้เชื่อพระเจ้าหลายกลุ่มที่อ่อนความรู้หลายคนไม่เคยได้รับการสอนให้รู้ว่า แท้จริงวันสะบาโตไม่ใช่วันอาทิตย์ แต่พวกคาทอลิคยุคเก่าได้บังอาจเปลี่ยนวันสะบาโตจากวันเสาร์ให้เป็นวันอาทิตย์ และนักการศาสนาชาวไทยจำนวนมากก็สอนว่าวันอาทิตย์คือวันสบาโต โดยไม่ได้อธิบายให้ทราบว่าทำไมจึงถือแบบนั้น และพวกเขายังดัดแปลงเทศกาลปัสกาแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ เป็นเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งแม้คำว่าอีสเตอร์จะไม่มีปรากฏแม้แต่คำเดียวในหนังสือพระคัมภีร์ต้นฉบับแรก ในปัจจุบันมีพระคัมภีร์บางฉบับทำการแปลคำว่า ปัสกาเป็นอีสเตอร์อยู่หนึ่งที่ ตามที่ปรากฎในหนังสือกิจการของอัครทูต
ผมอยากจะเล่าแบ่งปันให้พี่น้องที่อยากจะเปิดหูเปิดตาเกี่ยวกับกลุ่มเซเว่นเดย์กลุ่มนี้ ว่าเขามีแนวคิดอย่างไร และหากใครอยากพาตัวเองเข้าไปรับคำสอนและเข้ากลุ่มกับพวกเขา ท่านจะได้รับภาระหนักแห่งการถือข้อบัญญัติอะไรต่างๆ ที่ทำให้ความเป็นคนของท่านเสียโอกาสความรื่นรมย์ในชีวิตที่พระเจ้าแสนดีประทานให้ เพราะพวกเขากลับเห็นว่าการกินอาหารดีๆ บางอย่างเป็นสิ่งต้องห้าม จึงไม่ได้กินเนื้อปิ้ง เนื้อย่าง เนื้ออบแสนอร่อย นานาเมนู
เพื่อไม่ให้เรื่องมันยืดยาวผมขอสรุปย่อสาระที่ชาวเซเว่นเดย์กลุ่มนี้พยายามสื่อให้ผมทราบดังนี้
ก. ตอนนี้เป็นยุคสุดท้าย พวกเขาต้องทำตามคำพยากรณ์ของทูตสวรรค์สามองค์ในหนังสือวิวรณ์ พวกเขาอ้างว่าตอนนี้พระเจ้าได้ส่งผู้พยากรณ์มาให้เขาแล้ว เป็นชาวม้งอยู่ในป่า คนนี้มีความสามารถติดต่อกับพระ
เจ้าได้ เขาจะเขียนข้อความตามที่พระเจ้าสั่งสอนเขา แล้วเขาก็เอามาเผยแพร่ให้กับกลุ่มเซเว่นเดย์กลุ่มนี้ ซึ่งตอนนี้พวกเขามีอยู่ประมาณ ๒๐๐ คนแล้ว พวกเขาแสดงตนว่าเป็นสิทธิชนยุคสุดท้ายที่ ต่อต้านเรื่องการฝังชิป การงดการกินอาหารประเภทเนื้อ แต่รับประทานแต่ผัก ถือบัญญัติตามแบบยิว
พวกเขาอ้างว่าคำพยากรณ์ต่างๆ ของอาจารย์ม้งเป็นมาจากพระเจ้า แม้กระทั้งคำพยากรณ์เหตุการณ์ “ซึนามิ” ที่ภูเก็ต ปี ๒๐๐๔ ก็มีคำทำนายอย่างถูกต้องของอาจารย์ม้ง หากใครไม่เชื่อคำพยากรณ์ที่พวกเขากล่าวอ้างต่างๆ นานา ก็จะได้พบกับภัยพิบัติ และไม่ได้เข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า คือเมืองสวรรค์
ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคำสอนเกี่ยวกับจริยธรรม การสอนคนให้เป็นคนดี การเป็นผู้เชื่อที่รักษาความสะอาดของชีวิตในเรื่องต่างๆ ตามที่กล่าวอ้างในพระคัมภีร์ หลายๆ ข้อ เพราะมันเป็นสอนที่ทำให้คนชำระตนเอง ให้หลีกหนีสิ่งชั่ว ให้พยายามเข้าถึงพระเจ้า
แต่ ****ผมไม่เห็นด้วยกับคำพยากรณ์ของอาจารย์ม้งของพวกเขาที่กล่าวอ้างว่า คริสตจักรคณะเซเว่นเดย์เท่านั้นที่สอนถูกต้อง และเป็นคริสตจักรเดียวของพระเจ้าที่จะรับความรอด****
คำสอนนี้ไม่แปลกประหลาดอะไร เนื่องจากความจริงปรากฏแจ้งว่า โบสถ์คิสต์หลายๆ กลุ่มก็พยายามสอนและ “มอมเมา” “สมาชิก” ของพวกเขาว่า โบสถ์ของพวกเขามีอาจารย์ที่ล้ำเลิศ เป็นผู้ที่ได้ยินเสียงพระเจ้า โบสถ์ของพวกเขามีการเปิดเผยสำแดงมากกว่าและสอนได้ถูกต้องที่สุด โบสถ์อื่นๆ ไม่เจริญเป็นโบสถ์ยากจน ไม่เกิดผล กลุ่มของเขาเท่านั้นที่สอนดี สอนถูก สอนให้ไปถึงพระเจ้าได้
การสอนแบบนี้เข้าข่าย “ลัทธิ หรือ Cult” ที่มักจะมีลักษณะการนำเสนอคำสอนแนวอวดอ้างความอัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ การเข้าถึงพระเจ้าของอาจารย์ใหญ่ ตอนนี้มีอาจารย์ใหญ่คนหนึ่งเป็น ศบ อยู่อเมริกาก็กำลังทำการอยู่ โดยการเผยแพร่คำสอน เรื่องไฟ ของพระเจ้า ท่านและทีมงานมักจะมาจัดสัมมนาเจิมไฟที่ประเทศไทยบ่อยๆ เขาทำซีดีคำสอน และทำเอ็มพีสามแจกให้ฟังฟรีๆ มีคนติดตามเยอะมาก (พี่น้องที่กำลังติดตามอยู่อย่าเพิ่งโกรธผมนะ ผมไม่ได้ต่อต้านเรื่องคำสอนของเขาทั้งหมด- มีเพียงข้อติติงเท่านั้น)
ตอนแรกๆ ผมก็ยังติดตามฟังคำสอนอยู่ เพราะเขาก็สอนพื้นฐานชีวิตความเชื่อพระเจ้าได้ดีพอควร มีระบบ สอนเป็นชุดๆ ครั้งหนึ่งผมยังเคยขับรถยนต์สามร้อยกิโลเมตรไปฟังเขาสอนที่เชียงใหม่ รู้สึกศรัทธาในการอุทิศตัวของท่านพอควร
แต่ต่อมาผมพบว่า กลุ่มคนที่หลงเข้าไปติดตามในกลุ่มของเขา จะมีกฎเกณฑ์ประหลาด ที่ไม่น่าทำคือ ใครที่อยู่ในกลุ่มเขาแล้ว ห้ามไปฟังคำสอนจากอาจารย์กลุ่มอื่น แม้จะมีการจัดสัมมนาระดับชาติ หรือมีวิทยากรระดับโลก หากสมาชิกคนใดอยากไปฟัง อยากไปร่วมก็ต้องขออนุญาตอาจารย์ใหญ่ก่อน
ตอนหลัง ศบ.อเมริกาท่านนี้อุตส่าห์มาจัดสัมมนาที่จังหวัดผมอยู่ ระยะทางแค่ปลายหนวดแมว ผมยังไม่ไปเลย ผมไม่อยากฟังใครที่สอนอย่างแต่ให้ลูกน้องทำอีกอย่าง
อันนี้ไม่ใช่ข้อกล่าวหา แต่เป็นข้อสังเกตว่าเป็นไปได้ไง แบบนี้ ข้อสังเกตนี้ผมได้ประสบด้วยตัวเอง ผมได้ยินมาจากปากของคนหลายๆ คน ทั้งที่อยู่ เยอรมัน ที่สกลนคร ที่เชียงใหม่ หรือท่านว่าไม่จริง ลองไปถามหมอที่กลุ่มของท่านที่สกล และที่บ้านยา ดูสิว่าคริสตจักรใต้ธงของท่านทำอย่างนี้จริงไหม แล้วก็ลองไปถามพี่น้องชาวไทยคริสต์ที่เยอรมันดูด้วยว่าจริงไหม
ผมจึงคิดว่า ถ้ากลุ่มศบ อเมริกาคิดว่า ท่านสอนได้ถูกต้องที่สุด ครอบคลุมที่สุด ไม่ต้องไปรับฟังคำสอนของอาจารย์คนไหนอีกแล้ว ผมว่าการสอนแบบนี้ไม่เข้าท่า เป็นการยกตนข่มท่าน ไม่มีความถ่อมใจเหมือนที่ท่านสอนในซีดี และหากการใช้อุบายชักชวนคนให้เข้าไปร่วมกลุ่มแบบนี้เป็นจริง ผมขอคัดค้าน และขอให้ท่านเลิกทำแบบนี้ เพราะมันไม่แฟร์ กลุ่มความเชื่อในประเทศไทยมีเยอะมากแล้ว จะทำให้มันแตกแยกกว่านี้ไปถึงไหน
ทำไมผมบอกว่าไม่แฟร์ เพราะอีตอนที่ท่านมาเมืองไทย ท่านส่งข่าวสารให้สาวกของท่านเที่ยวไปชักชวน ไปเชิญใครต่อใครให้ไปรับคำสอนของท่านได้ แม้ว่าใครจะอยู่กลุ่มใดก็ตาม เมื่อคนมาฟังแล้วอยากเข้าร่วมกับท่าน หรือติดใจที่จะติดตามกลุ่มของท่าน ถ้าใครสมัครใจ เพลอตัวไปเข้าร่วมกลุ่มใต้ธงของท่าน ลูกน้องสาวกของท่านกลับไม่อนุญาตให้ใครออกไปนอกรั้วเพื่อฟังคำสอนดีๆ จากกลุ่มอื่น คณะอื่น อันนี้ผมขอติงด้วยไมตรีจิตไว้ ณ ที่นี้
ฟังให้ดีนะครับผมไม่ได้กำลังบอกว่า อาจารย์อเมริกาสอนผิดนะ แต่วิธีการรวบรวมสร้างอาณาจักรของท่านนั้น ผมไม่เห็นด้วย และผมก็มีสิทธิคัดค้านไม่ใช่หรือ
ยังมีต่อ ดูตอนที่สอง
ดูตอนที่ 3
HOME
ผู้นำที่ท่านพูดถึงอาจจะเป็นเฉพาะกลุ่มครับ เพราะเราถือบัญญัติตามหลักในพระคัมภีร์ ไม่ได้ยึดตามม้ง ดังที่ท่านกล่าวถึงครับ
ตอบลบ