What does a Christian Church teach?- โบสถ์คริสต์เขาสอนอะไรแน่

A Remark for Thai Believers of Jesus.
ความเห็นส่วนตัวของผู้คว่ำหวอดในวงการชาวคริสต์

Dear Friends,
เพื่อนที่รัก

This is a comment and my private observations.

In my opinion, I bring up my point of view from my experiece in this religion realm,
นี่คือข้อสังเกตและความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวคริสตจักรและนักการศาสนาที่ทำงานเพื่อศาสนจักร
Many religion preachers and pastors always teach people who become their members in the church to follow many instructions. They teach people to follow the foot prints of Yeshua. Some of the most frequent teachings in a normal Christian church are;

นักการศาสนาและผู้ดูแลชาวคริสต์ จะสอนผู้ที่เป็นสมาชิกให้ติดตามคำสั่งสอนหลายๆ อย่าง สอนให้ทำตามอย่างพระเยซูอย่างไรบ้าง ถูกหรือไม่ถูกพิจารณาด้วยตัวท่านเอง
ตอนที่ 1 สิ่งที่พวกนักการศาสนาชอบสอนและเน้นย้ำมากเป็นอันดับแรก
1. Love God and love your neighbors as yourself. | This seems very impossible because the preachers themseves can not love one another.
Christians from different denomination cannot cooperate in any big thing for their loving God.
ให้เรารักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์ สิ่งนี้ดูเหมือนแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่าพวกเขารักและสนใจแต่ผลประโยชน์ของคณะและกลุ่มของตนเป็นอันดับต้นๆ นักการศาสนาไม่สามารถทำงานร่วมกับคณะหรือกลุ่มอื่นเพื่อทำสิ่งใหญ่เพื่อสิ่งที่เขาเรียกว่าพระเจ้า

2. Offer your money to our church so that God will bless you.
| A non-Christian may not know that the church requires you to give some of your income to the church so that God will bless you more. This is almost impossible, once my friends and I conducted a survey on tithing, many church leaders got very angry with this survey because even many or most of them, we could say, the church leaders cannot do it.

ประการต่อมา คือ จงถวายทรัพย์ให้กับคริสตจักร นักการศาสนาจะสอนว่า การถวายเงิน รายได้ สิบเปอร์เซนต์ จะเป็นการดีมากเพราะพระเจ้าจะอวยพระพรคุณอย่างมาก แต่ผลการวิจัยที่เราทำกับเพื่อนเมื่อไม่นานมานี้ เราพบว่าผู้นำคริสตจักรไม่ค่อยพอใจที่พวกเราไปยุ่งเกี่ยวกับรายได้ และการบริจาคเพื่องานของโบสถ์ และเรายังพบอีกว่า ผู้รักษาเงินและผู้นำของโบสถ์หลายๆ แห่งไม่ได้ปฎิบัติสิ่งนี้ แต่พวกเขาสอนให้ผู้อื่นทำเท่านั้น

3. Come to the church every Sunday.| This is quite simple and easy most of them do it, but many newphews and grand children of Christians do not observe it. They come only once or twice a year on Christmas and the Eastor when some religeous Christian gather at the grave yard.

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ง่ายและคนส่วนใหญ่เขาทำได้ แต่หลานๆ และเหลนของชาวคริสต์ไม่ได้ถือปฏิบัติ พวกเขามาโบสถ์ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่จะมาในวันคริสต์มาสและวันอิสเตอร์ซึ่งเป็นพิธีกรรมใหญ่ที่เกี่ยวเนื่องกับธรรมเนียมของศาสนาคริสต์เท่านั้น

4. Follow the teachings of our church do not go out to other church just eat and live your Christian life here. | This teaching is very normal for a Thai Church; they do not want to spill their benifit because the more members they have the more money the denomination get.
จงเชื่อฟังคำสอนของโบสถ์และคณะของเราเท่านั้นอย่าไปฟังคำเทศนาที่อื่น นักการศาสนาชาวไทยหลายคน และคณะจะสอนให้คนผู้เชื่ออย่าไปฟังคำสอนของโบสถ์อื่น และกีดกันไม่ให้นักเทศน์จากต่างกลุ่มเข้าไปเทศน์ในกลุ่มของตน เพราะพวกเขากลัวคำสอนผิดไปจากที่พวกเขามีอยู่ และเกรงว่าการเงินจะรั่วไหล

5. Join our church fellowship and church activities.| This is a hard rule for many worldly Christians to follow because they choose to join when the church has much things to eat but if the leaders want them to come to prayer or fasting, only a few will show up. ให้สมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมและการประชุมของโบถส์อย่างสม่ำเสมอ ข้อนี้เป็นสิ่งที่ปฎิบัติได้ไม่ง่ายนักเพราะ คริสเตียนที่เป็นนักการศาสนาเหมือนกัน ไม่ชอบเสียเวลานอนในตอนบ่ายวันอาทิตย์ ยิ่งการประชุมอธิษฐาน การถืออดอาหาร ยิ่งเป็นของขมสำหรับเขา บางโบสถ์ไม่มีการปฏิบัติ อาจารย์ก็ไม่เคยทำด้วยซ้ำ เพราะถ้ามีการประชุมอธิษฐานจะเห็นคริสเตียนมาไม่มากนัก มีจำนวนคนเข้าร่วมน้อย ถึงน้อยมาก

What the common and religious churches do not teach or do not focus on much on their teachings are;

ตอนที่ 2 สิ่งที่นักการศาสนาชาวคริสต์ไม่เน้น บางแห่งไม่ค่อยสอน ถึงไม่สอนเลย

1. 1 Corithians 11.1 Be imitators of me, as I am of Christ. (Follow the way the leaders do)
A Thai saying says " Do want I teach you to do, but do not follow what I do."
Many pastors and religion leaders can be only a lecturer, news reporters, myth narrator or sometimes the story teller of the Gospel of Jesus but they cannot get into it. They cannot live the life of Yeshua. Many of them are employers of the religious denomination or institutions.

ประการที่ 1 จงทำตามอย่างผู้นำเหมือนอย่างที่ผู้นำทำตามอย่างพระคริสต์สำนวนไทยบอกไว้ว่า "จงทำตามที่ฉันสอน อย่าทำตามอย่างฉัน" นักการศาสนาของไทยจำนวนไม่น้อยเป็นแค่นักเล่านิทาน นักบรรยาย นักนำเสนอผลงานวิจัย นักวิเคราะห์ข่าว เป็นเพียงนักเล่าไม่ใช่นักปฎิบัติ หลายคนจึงทำตัวเป็นแค่ลูกจ้างของคณะเท่านั้น

2. Mark 1.35 Rise up in the early morning and pray.
This is one of the most difficult rules to do because many leaders do not pray at all. They do not have enough time to pray. They are involved in so many obligations and religious tradition.

ประการที่ 2 จงลุกขึ้นอธิษฐานแต่เช้ามืด การอธิษฐานถือเป็นข้อปฎิบัติอย่างหนึ่งที่่ผู้นำ และนักการศาสนาชาวคริสต์สอนให้ทำแต่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ เนื่องการการงานที่รัดตัวและเศรษฐกิจที่แย่ลง พวกเขาจึงไม่มีเวลาอธิษฐานมากนัก พวกเขาจะอธิษฐานตอนกินข้าวและก่อนนอนเป็นส่วนใหญ่

ศาสนสถานบางแห่งถือว่าการอธิษฐานเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่สำคัญในเช้าวันอาทิตย์ พวกเขาจะมีรายการอธิษฐานยืดยาวหลายอย่าง ดังนี้
1. เชิญพระเจ้ามาเป็นประธานการประชุมนมัสการ เรียกว่า การอธิษฐานเปิดการนมัสการ

2. อธิษฐานเผื่อทรัพย์ คือการอธิษฐานขอพระเจ้าอวยพรให้คนที่จะนำเงินไปใช้ จงใช้อย่างมีสติปัญญา ขอให้คนใช้ทรัพย์ที่ชาวบ้านนำมาถวายเกิดดอกออกผล ในงานของพระเจ้า บางคนยังใจดีอธิษฐานเผื่อคนที่ไม่ได้ถวายให้มีกินมีใช้มากๆ อีกด้วย นี่คือความใจดีของชาวคริสต์อย่างหนึ่งก็ว่าได้

3. อธิษฐานเผื่อพระคำ พวกเขาเชื่อว่าพระคำจะไม่มีฤทธิ์เดชมากนักถ้าไม่ได้อธิษฐานเผื่อพระคำ เพราะคนแสดงเทศนาและคนฟังจะไม่ได้รับอะไรมาก หากไม่มีการอธิษฐานเผื่อพระคำ ดังนั้นต้องมีการอธิษฐานเผื่อพระคำก่อนเทศนาทุกครั้ง

4. การอธิษฐานขอพระพร คือการที่นักการศาสนาจะยกมือสองข้างขึ้นสูงและกล่าวอวยพรขอให้พระเจ้าทั้งสามองค์ หรือสามพระภาคจงสถิตอยู่กับชาวคริสต์ตลอดเวลา และตลอดไปเป็นนิจ ขอให้พระเจ้าทำหน้าที่คอยปกป้องลูกหลานชาวคริสต์ให้อยู่รอดปลอดภัย เพื่อจะได้ทำหน้าที่ในความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ต่อไป

5. การอธิษฐานสารภาพบาป คือความเข้าใจที่ว่า ทุกคนที่เข้ามานมัสการพระเจ้าต้องสารภาพบาปเพราะทุกคนมีนิสัยชอบทำบาปอยู่ตลอดเวลา มักพรั่งเพลอ ไร้สติ ไม่สำนึกตน จึงต้องมีการสารภาพบาปพร้อมกันทุำกอาทิตย์ แม้ว่าบางคนยังรักการบาป เสพติดความบาป ไม่คิดกลับใจจากบาป ถูกบังคับให้มาโบสถ์ มีบาปซ่อนเร้นแต่ถ้าได้กล่าวสารภาพแล้วก็ถือว่าเป็นการสร้างความชอบธรรมให้แก่ตนเองในการเข้ามาเฝ้าพระเจ้าได้ (ซึ่งแท้จริงการไม่สำนึกบาปแล้วสารภาพไม่มีผลดีใดๆ เกิดขึ้นเลย เนื่องจากการเป็นการหลอกลวงตนเอง และบังอาจหลอกลวงพระเจ้า)

6. การอธิษฐานตามแบบที่พระเยซูสอน อาจเป็นการฝึกหัดการอธิษฐานไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นการท่องจำไปในตัว การอธิษฐานแบบนี้เป็นการช่วยให้ชาวคริสต์รู้จักวิธีการอธิษฐาน เพราะหลายๆ คนอธิษฐานไม่เป็น เป็นการสอนให้อภัยแก่คนอื่น ต้องกล่าวคำอภัยแก่คนอื่นในคำอธิษฐานด้วย ทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่ยอมให้อภัยใครเลย คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องคริสเตียนบางคนก็ไม่มองหน้ากันมาเป็นปีแล้วแต่ก็อธิษฐานทุกอาทิตย์

3. Mark 1.38 Go out to preach the Gospel of Jesus in your neighborhood and nearby villages.
I think we can hardly find a church that still goes out to preach the Gospel because many of the old ones never think about going out anywhere because most of the church members have nothing to say about the Gospel at all. Some even donot know how and what it is.

ประการที่ 3 ประกาศเรื่องความรอดแค่คนใกล้ชิด และเพื่อนบ้าน สิ่งนี้ไม่มีการพูดถึงมากนักเพราะมันปฏิบัติไม่ได้ เพราะคริสเตียนทั้งใหม่และเก่าๆ ยังเป็นอนุบาลฝ่ายวิญญาณจำนวนมากไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องพระเจ้าให้คนอื่นฟังอย่างไรดี หลายคนเป็นผู้ปกครองโบสถ์มานานหลายปีแต่ไม่เคยนำใครมาเชื่อพระเจ้าได้เลย แม้แต่ลูกหลานหลายๆ คนก็ไม่มาโบสถ์แล้ว

4. Mark1.39 Go to the synagogues on the day people come for their religious gathering.
This is nearly impossible in Thailand. A preacher who does not belong to any denomination can hardly go to preach in a Christian church because most of the churches are protected by the church leaders, denomination leaders who guard their doctrine, cultures, and human tradition very seriously. It is nearly impossible to go around preaching in religious places in Thailand because there are some great barriers of denomination and Church's cultures.

ประการที่ 4 จงออกไปเทศนาในศาลาธรรม ในที่ชุมนุมทางศาสนาในประเทศไทยการสั่งสอน หรือแสดงความคิดเห็นใหม่ทางความเชื่อทางศาสนาถือว่าเป็นสิ่งเหลือเชื่อ และเป็นไปได้ยากมากเพราะการที่ใครจะไปเทศนาในอาณาจักรของคณะใด เจ้าของคณะเขามีผู้ปกครองที่คอยควบคุมและ ป้องกันอาณาจักร เมื่อคุณจะเข้าไปแบ่งปัน หรือเทศนาคุณต้องมีหนังสือขออนุญาต คุณต้องผ่านด่านอรหันต์ เพราะพวกเขาเกรงว่า คำสอนที่อ่อนแอและไร้เรี่ยวแรงของพวกเขาจะเป็นของเหลว ทั้งๆ ที่สอนกันมานานหลายปีจะชำรุดและเสื่อม หากได้ฟังคำเทศนาของคนที่เขาเทศนาด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้าองค์เดียวกันที่พวกเขานับถือ นักการศาสนาบางคนยังเกรงว่าแกะที่กินเก่งเกินไปจะฤทธิ์มากและแหกคอก พวกเขาบางคนจึงต้องการแต่แกะที่ป่วย โง่ และมีเนื้อและอ้วนพี

ถ้าพระเยซูมาในประเทศไทยสมัยนี้จะเข้าไปเทศน์ในโบสถ์คริสต์ของบางคณะเป็นสิ่งที่เป็นได้ยาก ถึงเป็นไม่ได้เลย แม้ว่าจะทำการอัศจรรย์หรือรักษาโรคอะไรได้ เพราะพวกชาวคริสต์หลายคณะไม่เชื่อเรื่องการอัศจรรย์ การเจิม การวางมือรักษาโรค การบัพติสมาด้วยพระวิยญาณ เพราะพวกเชื่อในคำสอนที่ว่า จงระวังจะมีคนมาอ้างเป็นพวกพระเยซูที่มีฤทธิ์อำนาจ พวกเขาจึงปิดประตูและหน้าต่างทุกบานกันคนไม่ให้ยินได้ฟังสิ่งใหม่ๆ ถึงสามารถทำการอัศจรรย์ในนามพรเยซูได้ พวกเขาก็ไม่เอาท่าเดียว เพราะเขาเชื่อคำสอนของคณะ และกลุ่มของตนมากกว่าการการเชื่อฟังตามพระคำของพระเจ้า

5. Mark 1.41 Say to the sick and people who are in trouble with their sickness. “Be clean or Be healed”
This power point is omitted long time ago or more than nearly a thousand years ago. In Thailand the evangelists who came to Thailand in the early birth of the church carried tons of medicine and medical equipments. They useed human-power, knowledge, strenghth and money to proclaim the Gospel. They purchased lands and many assets that give many old churches a big fortune.

ประการที่ 5 สิ่งนี้เป็นข้อยกเว้นเลยก็ว่าได้ เป็นสิ่งที่ถูกยกเลิกออกไปจากศาสนจักรของชาวคริสต์ เพราะโบสถ์หลายแห่งเกิดมีความเชื่อ และคำสอนที่ว่า การอัศจรรย์ของพระเยซูหมดไปแล้วตั้งแต่สมัยคริสตจักรแรกเริ่มได้ก่อตัวได้แล้ว ของประทานแห่งอัตรทูตก็ไม่มีแล้ว เพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้การอัศจรรย์อีกต่อไป นักสอนศาสนาที่มาเมืองไทย ลืมเอาติดตัวมาด้วย แต่พวกเขาไม่ลืมที่จะขนยาและเวชภัณฑ์สมัยใหม่มาเป็นตันๆ เพื่อมาแจกคนไทยเพื่อรักษาความเจ็บใข้ของคนไทยให้หายจากการเจ็บป่วยฝ่ายร่างกายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก่อน ก่อนจากไปมิชชั่นนารีไ้ด้ซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์จำนวนมหาศาลฝากไว้เป็นมรดกตกทอดแก่ศาสนิกชาวไทยในปัจจุบัน

6. Mark 1.8 “I indeed have baptized you with water: but He shall baptize you with the Holy Ghost.”
Most of the churches in the world believe in water baptism. Many denominations do not believe that Holy Spirit baptism is still alive or active in the present time.
They even make a lot of arguments about the way and how to do water baptisms.

ประการที่ 6 โลกคริสตชนเชื่อเรื่องการบัพติสมาด้วยน้ำของท่านยอห์นแบ๊บติส บางคณะไม่เชื่อเรื่องการบัพติสมาด้วยพระวิญญาณ พวกนักการศาสนาจำนวนมากอ้างว่าไม่มีแล้ว การพูดภาษาแปลกเป็นภาษาที่คนต้องฟังเข้าใจได้ พวกชาวคริสต์ที่ถึงกับพระเจ้า กับพวกไม่ถึง ไม่เข้าใจและไม่ยอมรับข้อนี้ชอบเถียงเรื่องนี้กันมาพันกว่าปีแล้ว นักการศาสนาชาวคริสต์จึงให้บัพติสมาแก่สมาชิกด้วยน้ำเท่านั้น เพราะเป็นสิ่งที่ทำภายนอก และเป็นกายภาพ แต่ไม่ค่อยเปิดดูพระธรรมกิจการบทที่ 18-19 บางคณะมีการต่อต้านกันและกัน บางคนถูกไล่ออกจากคณะไปเพราะมีประสบการณ์ส่วนตัวที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าไม่มีแล้ว
นักการศาสนาชาวคริสต์จะสอนลูกหลานให้ท่องพระธรรมยอห์น บทที่ 3 ข้อที่ 16 เท่านั้น แต่ไม่สอน ยอห์น์บทที่ 3 ข้อ 18 และพวกเขาหลายคนไม่เคยคิดว่า ลูกาบทที่ 3 ข้อที่ 16 จะมีอยู่ในพระคัมภีร์ และไม่น่าเป็นไปได้ พวกเขาจึงไม่สอน และไม่ได้ทำ

7. Matthew 28.19 Go therefore and make disciples of all nations
I think most of the church in Thailand do not make disciples they think seminaries and bible school or bible centers of some affliates can do this job for them but in my point of view I can see that most of products of the bible colleges and seminaries productions are just knowledge based workers of spiritual workers. They work like a low-cost employers.
They cannot think about strategy plans; they cannot work in team, in unity and cannot fight the spiritual battle together. They just do the job just as their employees order them to do.

ประการที่ 7 สิ่งที่คริสตจักรในเมืองไทยจำนวนมากลืม และไม่ได้ทำคือการสร้างสาวก พวกเขายกหน้าที่ให้กับโรงเรียนพระคัมภีร์ ศูนย์อบรมฯ และ ศูนย์สร้างสาวก ฯลฯ แต่น่าเสียดายที่ผลผลิตของสถาบัน หรือสถานศึกษาเหล่านี้ส่วนหนึ่งที่ออกมาและดูเหมือนจะเป็นส่วนใหญ่นั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ด้อยประสบการณ์ ไม่มีงาน ไม่มีเงิน แต่มีความรู้ทางศาสนาอยู่บ้าง หลายๆ คนเป็นเพียงผู้ดิ้นรนเอาตัวรอดเท่านั้น ไม่ได้มีคุณสมบัติของสาวกมากนัก ที่ไปเรียนเพราะไม่มีที่จะไป สอบเข้าที่ไหนไม่ได้ ไม่มีทุน จึงจำใจต้องไปเรียน แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่ตั้งใจไปเรียนจริงๆ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้อะไรมาก เพราะบางคนไปเรียนผิดที่ ผลผลิตของสถานศึกษาเหล่านี้ พวกเขาทำงานด้านการวางแผนยุทธศาสตร์ไม่เป็น พวกเขารบฝ่ายวิญญาณไม่เป็น ทำงานเป็นทีมไม่เป็น อธิษฐานถืออดไม่เป็น เป็นแต่สอนศาสนา สอนพิธีกรรม สอนหลักข้อเชื่อ เป็นนักแค่นักเล่าเรื่อง และขนบธรรมเนียมของชาวคริสต์ในคณะที่เขาสังกัดเท่านั้น
คริสต์จักรจำนวนมากในปัจจุบันตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ปกครองที่หย่อนยานด้านจริยธรรม และถือศาสนาแต่ปาก ไร้ฤทธฺ์เดช มีแต่ความอยากของเนื้อหนัง แต่ยังมีความตั้งใจที่จะพยุงศาสนา เยาวชนของพวกเขาจำนวนมากตกเป็นทาส เหล้า สื่อลามก รักร่วมเพศ เกมคอมพิวเตอร์ การศึกษา การสร้างความสำเร็จให้กับชีวิต พวกเขาจะสนใจพระเจ้าเมื่อพวกเขาตกอยู่ในภาวะคับขัน เจ็บป่วย ใกล้ตาย และโบสถ์คือสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ให้กับพวกเขาเท่านั้น

สรุป
ผู้เขียนคาดว่าบทความตอนนี้คงโดนใจใครบางคน ในบางจุด เพราะเราเชื่อว่าคริสตจักรของพระเยซูคริสต์ยังไม่สมบูรณ์ จึงต้องมีการปรับปรุงพัฒนา แต่สำหรับผู้ที่คิดว่าตนดีแล้ว สำเร็จแล้ว บทความนี้อาจสร้างความเสียดแทง ความหงุดหงิด และอาจถึงกับสอึก ให้กับนักการศาสนาหลายๆ คน

ถึงเวลาหรือยังที่คริสตจักรจะประเมินตนเอง มองย้อนดูอดีต ประิิเมินปัจจุบัน และคาดการณ์วางแผนเพื่อมุ่งไปในอนาคตอย่างมีเป้าหมาย และมีเกิดผล เพื่อคริสตจักรของพระเยซูคริสต์จะเป็นคริสตจักรแห่งสง่าราศี เต็มไปด้วยฤทธิ์เดชแห่้งการปลดปล่อยคนบาปจากการเป็นทาสของบาป ความเจ็บใข้ การถูกรังควาญจากวิญญาณโสโครกที่คนไทยเรียกว่าสัมปเวสี ไม่เป็นเพียงศาสนสถานที่ชุมนุมของผู้เชื่อในศาสนาเท่านั้น
Disclaimer: บทความ ข้อเขียนในเว็บบล๊อกนี้ไม่มีเจตนา โจมตีสถาบันของคริสเตียน วิทยาลัย องค์กรคริสตจักร หรือตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง ผู้เขียนมีความรับผิดชอบต่อสังคม และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง หากบทความใดมีเนื้อหาที่เป็นการหมิ่นประมาท บุคคลหรือสถาบันใดสถาบันหนึ่งอย่างชัดแจ้ง กรุณาแจ้งให้ผู้รับผิดชอบบล๊อกทราบด้วยเพื่อจะพิจารณาแก้ไขให้เหมาะสม ถูกต้องต่อไป

วัตถุประสงค์สำคัญในการจัดทำเว็บบล๊อกนี้เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้พัฒนาไปสู่ความเจริญฝ่ายจิตวิญญาณ ต้องการสะท้อนให้เห็นปัญหาและความเป็นไปได้ในการพัฒนาผู้เชื่อให้เป็นคริสเตียนที่มั่นคงในความเชื่อ สร้างคริสตจักรที่มีสง่าราศี สามารถประกาศพระบารมีของพระเจ้าได้ มุ่งเสริมความเชื่อให้คริสเตียนดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง เป็นพลเมืองดีของชาติ รู้จักตัวตนและสิทธิอำนาจในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณ เพื่อประกาศพระบารมีของพระเจ้าเที่ยงแท้ที่ยังทรงพระชนม์อยู่

คำประกาศและเอกสิทธิ์

ผู้เขียนไม่จำเป็นต้องเขียนให้ถูกใจคนอ่านคณะใด บทความของผู้เขียนเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวอย่างเปิดเผย ผู้เขียนไม่ได้ปิดบังโฉมหน้า ตัวตนที่แท้จริง ผู้เขียนเป็นผู้ที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง ไม่ทำตัวลับๆ ล่อ ผู้เขียนแสดงเจตนาบริสุทธิ์และกล้ารับผิดชอบความเห็นส่วนตัวของตน โดยไม่จำเป็นต้องเกรงว่าจะกระทบผู้ทำงานในศาสนาหรือ องค์กรคริสเตียนใดๆ ผู้เขียนไม่ได้เป็นลูกจ้าง หรือคนที่ได้รับผลประโยชน์ ค่าตอบแทนจากองค์กรคริสเตียน หรือองค์การศาสนาอื่นใด ผู้เขียนจึงไม่มีความจำเป็นต้องเขียนเพื่อยกย่อง เชียร์ สถาบันหรือ บุคคล หรือความเชื่่อของคณะใด หรือพูดแต่สิ่งดีที่มีอยู่แล้ว การพูดถึงสิ่งที่ดีประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานนั้นๆ เขาก็ทำหนังสือประชาสัมพันธ์กันอยู่แล้ว ผู้เขียนไม่มีเจตนาแอบแฝงเพื่อทำลายความสามัคคีในหมู่ชาวคริสต์ ผู้เีขียนมีจิตใจอันเร้าร้อนที่อยากจะเห็น คริสตจักรและผู้รับใช้พระเจ้า รับใช้พระเจ้าร่วมกันอย่างเสียสละ โดยไม่เห็นแก่พรรคพวก และผลประโยชน์จากเงินถวายทรัพย์ ซองขาว หรือทรัพย์สิน หรืออสังหาริมทรัพย์อันเิกิดมรดกตกทอดทางศาสนา

ผู้เขียนเชื่อว่าประเทศไทย โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบันได้ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนทั้งที่มีการศึกษาสูง หรือมีการศึกษาไม่มากนัก ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการแสดงออกถึงสิ่งที่ตนคิด ตนเชื่อ ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นของตนในกรอบที่รัฐธรรมนุญได้อนุญาตไว้ โดยไม่ได้สร้างหรือก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยใดๆ แก่บ้านเมือง ในระบอบประชาธิปไตย เราสามารถมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่เราไม่แตกแยกกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)