นี่เขาเรียกว่าอะไร? เจิม เจิมหรือ?

วันเสาร์ที่ 23 ต.ค. 2010 เราไปเยี่ยมหอพัก คริสตจักรแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย
วันนี้เราทำหน้าที่เป็นล่ามแปล ให้กับพาสเตอร์ โรเบิร์ท เพราะอาจารย์ผู้รับใช้พระเจ้าที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กหอพักแห่งนี้ ขอให้ทีมของเราไปหนุนใจและอธิษฐานเผื่อ เด็กในหอพักแห่งนี้ ปกติหอพักแห่งนี้มีเด็กอยู่ประมาณ ร้อยกว่าคน แต่วันที่เราไป เป็นช่วงปิดเทอมจึงมีเด็กมารับการอวยพรเพียงไม่กี่คน แต่เมื่อพาสเตอร์โรเบิร์ทอธิษฐานเผื่อเด็กทีละคน เด็กบางคนได้รับการเจิมด้วยไฟแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีเด็กหญิงคนหนึ่งได้เผยพระวจนะ และได้ทำในสิ่งที่เราเอง ตั้งแต่เป็นคริสเตียนมาเรายังไม่เคยเห็นว่าเด็กขี้อายคนหนึ่งสามารถทำอย่างนี้มาก่อน เด็กคนนี้เขามีอายุเพียงแค่นี้ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

เราจึงบันทึกวีดีทัศน์ไว้เืพื่อเป็นสิ่งหนุนใจคนที่มีความเชื่อในเรื่องพระเดชานุภาพอันไร้ขอบเขตจำกัด ของพระเจ้าไว้ในที่นี่ เราคงไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ขอให้ท่านดูด้วยความเชื่อก็แล้วกัน


คลิปที่ 1 เด็กหญิง(สาวน้อย)คนนี้ได้รับการอธิษฐานแล้วได้รับนิมิตว่าได้ไปนมัสการในสวรรค์กับพระเจ้า
เขานอนร้องเพลงอยู่อย่างนี้ประมาณ หนึ่งชั่วโมง จนเราอดไม่ได้ที่จะต้องบันทึกวีดีทัศน์ไว้ เพียงคลิปสั้นๆ




คลิปที่สอง สาวน้อยลุกขึ้นโดยไม่ลืมตามองดูสิ่งใดๆ รอบข้าง แต่ได้เดินไปวางมืออธิษฐานเผื่อคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้าง บางคนแก่กว่าเขาหลายปีทีเดียว





คลิปที่ สาม อธิษฐานวางมืออวยพรทีละคน




คลิปที่สี่ ภายหลังจากที่หญิงสาวได้ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เขาได้เล่าประสบการณ์แห่งนิมิตที่เขาได้รับแก่เพื่อนๆ




คลิปที่ห้า บางคำอาจจะหนุนใจเราให้ทำอะไรบางอย่างที่น่าทำกว่าปัจจุบัน




**หมายเหตุ **

เรื่องเกี่ยวกับวิญญาณเป็นเรื่องที่ กูรูทางวิทยาศาสตร์และจิตเวช สามารถเข้าถึงความรู้นี้เพียงผิวเผินเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่เป็นผู้บันทึกภาพเหตุการณ์เพื่อถ่ายทอดตามที่กล้องวีดีทัศน์ผมจับภาพได้ตามประสบการณ์เท่านั้น

ข้อพระธรรมหนุนใจ
1 ซามูเอล บทที่ 10 ข้อที่ 6, 10 เมื่อผู้เพยพระวจนะ ซามูเอล เจิมนายซาอูลด้วยน้ำมัน เขาเป็นอย่างไร

"แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าจะมาสถิตกับท่านอย่างมากและท่านจะเผยพระวจนะกับคนเหล่านั้น เปลี่ยนเป็นคนละคน"

ข้อที่ 10 "เมื่อเขาทั้งสองมาถึงกิเบอาห์ ดูเถิด ผู้เผยพระวจนะหมู่หนึ่งพบกับท่าน และพระวิญญาณของพระเจ้าสิงสถิตกับท่านอย่างมากและท่านก็เผยพระวจนะอยู่ในหมู่พวกเขา"

ตามประสบการณ์ที่ผมเคยประสพ พระเจ้าที่สามารถสร้างสรรพสิ่งด้วยพระปัญญาอันเลิศ พระองค์ทรงพยุงระบบธรรมชาติที่ผลักดันให้เกิดฤดูกาลและปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ยากจะเข้าใจ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของชีวิตและการเจริญเติบโตของสรรพสิ่งเพื่อให้เกิดหวงโซ่อาหารซึ่งเป็นสิ่งพยุงชีวิตที่สำคัญของชีวิตมนุษย์ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกมันว่า "ระบบนิเวศ" พระเจ้าผู้เป็นอยู่องค์นี้ทรงสามารถที่จะทำสิ่งใดๆ ที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้อีกมาก แต่น่าเสียดาย นักการศาสนาจำนวนเป็นพันๆ ได้รับการสั่งสอนจากครูทางศาสนาที่สั่งสอนสิ่งที่พวกเขารับมาอย่างผิดเพี้ยน หลายคนได้รับถ่ายทอดมาเฉพาะเปลือกไม้ที่ห่อหุ้มแก่นของพระกิตติคุณที่อยู่ข้างใน พวกนักเรียนทางศาสนาจากสถาบันอันเลื่องชื่อแต่ถ่ายทอดเพียงวิธีปฎิบัติการทางศาสนพิธีอันน่าเบื่อ พวกคนจำนวนมากจึงจำกัดความสามารถของพระเจ้าด้วยความสามารถในการคิด ความเข้าใจ และปริมาณมันสมองอันจำกัดของตน

คนใช้ของพระเจ้าจำนวนมากกลายเป็น นักการศาสนาที่ไร้ฤทธิ์เป็นเหมือนนักมวยที่มีแต่กล้ามแต่ชกไม่เป็น หมัดไม่หนัก เหมาะที่จะเอาไปเป็นนักโต้วาทีแสดงภูมิรู้มากกว่าการเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า หลายคนกลายเป็นคนที่อิ่มไปด้วยความรู้ทางศาสนา มีความคิดความเชื่อเป็นไปตามหลักตรรกะ และตามทฤษฎีที่มนุษย์สร้างขึ้นเท่านั้น หลายคนตั้งแต่หนุ่มจนแก่ไม่สามารถทำอะไรที่อัศจรรย์เหนือโลกาด้วยฤทธิอำนาจของพระเจ้ามากนัก เพราะไม่มีความเชื่อ ลบหลู่ตนเอง ไม่เชื่อว่าการที่พระเจ้ามาอยู่ด้วยไม่เอาฤทธิ์มาด้วย พระวิญญาณของพระเจ้าที่มาสถิตอยู่ในตน เป็นเพียงมาอยู่ให้รู้สึกอุ่นใจ สนุกๆ เท่านั้น พระวิญญาณไม่สื่อสารใดๆ กับใคร เป็นพระเจ้าที่เป็นเหมือนคนใบ้ไม่สื่อสารใดๆ ทั้งๆที่พระคัมภีร์ก็มีสอนว่าร่างกายของเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ถ้าพระเจ้าอยู่กับเรา ก็แสดงว่าเราไม่ใช่คนธรรมดานะสิ

ผมอยากจะหนุนใจด้วยถ้อยคำที่ยากจะเข้าใจอีกนิดหนึ่งว่า ในความเชื่อและทัศนะของชาวไทยท้องถิ่นทั่วไป คนไทยที่ยุ่งเกี่ยวกับไสยศาสตร์และมนต์ดำต่างรู้ดีว่า การไปสักยัณห์ การไปรับขัณ การไปเชิญเจ้าพ่อเจ้าแม่ทางวิญญาณมาอยู่ด้วย เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่คนเหล่านั้นที่ไม่รู้จักพระเจ้า การเชิญวิญญาณให้มาสถิตอยู่ในร่างกายเป็นการเพิ่มกำลังใจ เป็นการสร้างความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยให้กับชีิวิต หลายคนอยากมีอำนาจ อยากหนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า ปืนยิงไม่ออก จึงเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิให้มาอยู่ด้วย นักมวยบางคนสักยัณห์เป็นรูปต่างๆ เพื่อเชิญให้วิญญาณสัตว์ดุร้ายเหล่านั้นมาช่วยให้มีแรงมากขึ้นในการต่อสู้

น่าเสียดายที่คนหลายคนไม่รู้ว่า การที่มีเจ้ามาอยู่ด้วยต้องมีการจ่ายค่าตอบแทน เพราะวันใดที่เจ้าไม่พอใจ หรือมีวิญญาณแอบแฝงมากับเจ้า พวกเขาจะต้องทำการสังเวยด้วยของบูชา หลายคนเจ็บป่วย เป็นๆ หายไม่ทราบสาเหตุ เพราะ"เจ้า หรือวิญญาณอื่น" ที่อยู่กับพวกเขาไม่พอใจ บางคนถูกวิญญาณโสโครกหลายตัวแอบแฝงเข้ามาอาศัยในร่างกายทำให้เจ็บป่วย หมอรักษาไม่หาย กินยาไม่หาย จิตใจหดหู สับสน ว้าวุ่น หวาดระแวง เห็นผี เห็นวิญญาณ เคยไปเสียเงินสเดาะห์เคราะห์อย่างไรก็ไม่หายสักที ไปหาหมอดูยิ่งเสียเงินเพิ่ม ถูกหลอก ถูกต้มจนเปื่อยครั้งแล้วครั้งเล่า จนไม่อยากเชื่อใครอีกแล้ว

ถ้าท่านเป็นอย่างนี้ ผมขอบอกกับท่าน หรือคนที่พระเจ้านำมาให้อ่านบทความนี้ว่า หากมีท่านใดเคยไปทำไสยศาสตร์ ไปยุ่งเกี่ยวกับการทรงเจ้า เข้าผี เคยเป็นร่างทรง เคยไปรับผีมา ท่านถูกคนทารุณกรรม หรือถูกละเมิด มีจิตผูกพัน หรืออ่อนล้า ป่วยใข้ทางจิต และทางกาย ท่านรู้สึกว่า ท่านไม่เป็นตัวของตัวเอง ท่านเจ็บป่วยรักษาไม่หาย เป็นๆ หายๆ ปีหนึ่งเจ็บป่วยไม่รู้กี่ครั้ง อาจเรียกว่าซวยซ้ำซาก หรือท่านรู้จักคนแบบนี้ ขอให้ท่านมาเรียนรู้ มาลองเชื่อพระเยซูเถอะ ผมจะสอนและชี้แนะทางสว่างของพระพระเยซูเจ้าแก่ท่าน การที่ผมกล้าพูดอย่างนี้เพราะผมมีประสบการณ์ ผมเชื่อว่าพระิวิญญาณของพระเยซูคริสต์ที่สถิตอยู่กับผมและคริสเตียนแท้ทั่วไปที่เชื่อพระเจ้าจริงๆ ทุกคนสามารถทำการอัศจรรย์ได้ บางคนอาจไม่เคยอธิษฐานให้ใครหาย และไม่คิดว่าตนเองมี แต่ผมเชื่อว่าผมทำได้เพราะผมคงเป็นเหมือนคนที่ได้เคยหัดว่ายน้ำมาแล้ว ผมจึงว่ายน้ำเป็นเท่านั้น แท้จริงผมเคยบอกให้คนที่ติดต่อเข้ามา ให้ลองไปขอรับการรักษาจากอาจารย์ชาวคริสต์ที่โบสถ์คริสต์บางแห่งมาแล้ว เขาเหล่านั้นก็พ้นทุกข์ หายจากอาการไม่พึงประสงค์ได้ เพราะผู้เชื่อแท้ชาวคริสต์ที่รับการฝึกและมีประสบการณ์แล้วก็ทำแบบเดียวกับที่ผมทำได้ทุกคน บางท่านยังมีความชำนาญมากๆ ในด้านนี้อีกด้วยแต่หลายท่านไม่คิดจะเขียนเว็บ ไม่อยากให้สาธารณชนรับทราบ เพราะเรื่องอย่างนี้ หลายๆ คนเขาเชื่อว่า มันล่อแหลม และเสี่ยงภัยสำหรับตัวเขา และองค์กรของเขามาก เพราะมีคนที่เข้าใจเรื่องนี้ไม่มากนัก นักการศาสนาหลายคนเห็นด้วยตาตนเองยังไม่ยอมเชื่อเลย แต่ก็มีบางคนอย่างถ่ายทอด แต่ไม่มีใครสนใจสมัครเป็นลูกศิษย์เลย บางคนใช้อินเตอร์เนทไม่เป็น บางคนก็ขี้เกียจ คิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำ

อย่างไรก็ตามผมต้องขอบอกให้ที่นี้อีกครั้งว่า ผมไม่ใช่หมอวิเศษที่จะเสกให้ใครต่อใครหายจากโรคภัยทุกอย่าง แต่คนที่มาขอรับคำแนะนำ หากเปิดใจยอมรับฟังเรื่องพระเยซูคริสต์ก่อนแล้วจึงขอรับการปลดปล่อย เชื่อว่าเขาจะหายโรคได้ เพราะผู้ที่สามารถปลดปล่อยท่านที่แท้จริงคือพระเจ้าที่เป็นอยู่ คือพระเยซูคริสต์เท่านั้น แต่สำหรับคนที่ยังอยากกราบไหว้บูชา ก้อนดิน หินทราย ทองแดง ทองเหลือง ต้นไม้ รูปปั้นสัตว์ต่างๆ มีงวงมีงา มีเขา หรือสิ่งใดๆ ที่มือมนุษย์ทำขึ้น หรือเป็นอุบัติการทางธรรมชาติ ถือว่าเป็นพระเจ้า ผมขอสละสิทธิที่จะอธิษฐานให้คนที่ไม่ยอมรับพระเยซูเป็นพระเจ้า เพราะเป็นการเหนื่อยเปล่าและเสียเวลาทั้งสองฝ่าย ทำแล้วไม่ได้อะไรเลย

แน่นอนทีเดียวผมรู้ว่าอธิษฐานให้กับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าเป็นการเสียเวลาและผิดหวังเปล่าๆ เสียเวลาทั้งคนอธิษฐานและคนป่วย เพราะคนที่จะมาหาพระเยซูเจ้า เขาต้องปลงใจแสวงพระองค์ด้วยความถ่อมใจเท่านั้น ต้องมีความเชื่อเรื่องวิญญาณและเรื่องเหนือธรรมชาติ แท้จริงผมไม่ได้ส่งเสริมเรื่องความงมงายนะ อีกประการหนึ่ง การทำแบบนี้ผมไม่ไ้ด้คาดหวังว่าจะนำใครมาเป็นสมาชิกศาสนาคริสต์ หรือมาเข้่าเป็นสมาชิกโบสถ์ของผม ผมยังไม่มีโบสถ์ของตนเอง (แท้ที่จริงคริสตจักรไม่ใช่ของใครอยู่แล้ว แต่มีคนจำนวนมากชอบอ้างว่าโบสถ์อยู่ในอำนาจของตน) นอกจากนี้ผมไม่คิดค่าบริการในการอธิษฐานปลดปล่อย ไม่เรียกร้องขอซองขาว ผมมีความเชื่อและเห็นพ้องกับคนอื่นๆ ที่เชื่อว่าศาสนาไหนก็สอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกัน เพราะแค่เป็นคนดีๆ ใครๆ ก็นั่งเทียนเขียนเอาได้ว่าต้องทำอย่างไร แต่มีใครเป็นคนดีไม่มีที่ติได้บ้างล่ะ ทุกคนก็ยังเป็นคนบาปเหมือนกัน แท้จริงศาสนาไม่ได้ช่วยเรื่องแบบนี้

ศาสนามีส่วนดีอยู่มากคือทำให้สังคมสงบสุข แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในประวัติศาสตร์โลกคนรบกัน ฆ่ากันเป็นแสนๆ ล้านๆ คน เพราะความเชื่อไม่ตรงกันเป็นสาเหตุหลัก คนยิวถูกคนเยอรมันฆ่าตายไป หกล้านคน เพราะคนยิวโดยเฉลี่ยแล้ว เราพบว่าคนยิวเกิดมาฉลาดกว่าคนชนชาติอื่นใด ไอสไตน์ก็ยิว กางเกงลีวายก็ยิว หุ่นยนต์เท่าเมล็ดข้าวก็คนยิวทำ ยิวอยู่ในทะเลทรายแต่สามารถส่งผลไม้เป็นสินค้าออก สินค้ายอดฮิตของคนยิว คือสินค้าไฮเทคโนโลยี มีนักประดิษฐ์ที่เป็นชาวยิวมากมาย ฮิตเลอร์เกลียดชาวยิวมากจึงวางแผนล่อให้ชาวยิวเข้าไปรวมตัวในค่ายกักกัน แล้วจับไปฆ่าด้วยวิธีการโหดร้ายสุดๆ หวังฆ่าล้างเผ่าัพันธุ์ให้หมดไปจากโลก หากท่านอยากเห็นซากกระดูกที่คนยิวถูกสังหาร ลองเข้าไปดูที่เว็บ youtube.com ใส่คำว่า holocaust (คลิก)ท่านจะพบกับภาพกองกระดูกของคนเป็นพันๆ อันน่าอนาถของชนชาติที่นับถือพระเจ้าองค์เดียว ประเทศหนึ่งในโลกที่ประเทศล้มสลายไปหนึ่งพันเก้าร้อยกว่าปี แต่ยังสามารถกลับมาสร้าง (ซื้อเอา) ดินแดนที่บรรพบุรูธเคยอาศัยอยู่ และยังใช้ภาษาโบราณคือภาษาฮีบรูที่มีอายุหลายพันปีอยู่ได้ พวกเขาชนชาติที่เรียกตัวเองว่าประเทศอิสราเอล (Israel)

ถ้าหากรูปเคารพและวิญญาณต่างๆ ที่คนบางส่วนนับถืออยู่มันดี มันขลังจริง คนป่วยคงไม่ต้องทนทุกข์ เจ็บป่วยอยู่อย่างนั้น น่าเสียใจสำหรับคนที่ชอบไหว้ผี ไหว้ไหว้จ้าวหลายองค์ ถ้าใครเชื่อพระเยซูแล้วยังจะมีพระหลายองค์ไม่ได้ ความจริงคือว่า พระเยซูไม่เหมือนจ้าวองค์อื่น เพราะเจ้าวเหล่านั้นเขาไม่หวงว่าใครจะไหว้พระ หรือไหว้ผีกี่องค์ ขอให้นับถือจ้าวองค์นั้นด้วยก็พอ (Polytheism) แต่พระเยซูไม่เป็นเช่นนั้น พระเยซูไม่ยอมรับคนหลายใจ เพราะพระองค์ไม่เพียงบอกว่าพระองค์คือพระเจ้า แต่ยังบอกว่าสรรพสิ่งล้วนเป็นมาจากพระองค์ (โรม 11.36, 1 โครินธ์ 8.6) และพระองค์คือจอมของเจ้าทั้งปวง ทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง รวมทั้งวิญญาณจิตของมนุษย์ทุกคนด้วย (พระธรรมเอเฟซัส 1.18-22) (ฉธบ.10:17)

เราเชื่อว่าเรื่องการนับถือจ้าวนี้อาจเปรียบเป็นเหมือนกับการแต่งงาน เราเชื่อว่าหญิงที่มีหลายใจ เธอคงชอบไปนอนกับผู้ชายหลายคน ผู้ชายดีๆ คงไม่เอามาเป็นเมียแน่ๆ พูดแค่นี้ผมเชื่อว่าใครๆ คงเข้าใจได้ไม่ยากนัก แต่น่าเสียดายชายไทยจำนวนมากชอบมีหลายเมีย และนิทานหลอกเด็กของไทย ก็นิยมยกย่องคนมีหลายเมียด้วย ศีลธรรมของคนไทยเรื่องการครองคู่จึงตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ปัญหาสังคมทุกวันนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรื่องหลายใจไร้ศีลธรรม และการส่ำส่อนทางเพศ ลองไปดูที่โรงเรียนซิ เด็กมีปัญหามักจะมาจาก บ้านที่พ่อแม่ไม่อยู่ดูแลลูก แยกกันอยู่ แต่งงานใหม่ หลายผัว หลายเมียเป็นส่วนใหญ่ไม่ใช่หรือ ศีลธรรมของชาวบ้าน ชาวเมืองไม่ว่าจะมีการศึกษาหรือไม่มีมาก มีตำแหน่งหรือไม่มี กำลังเสื่อมทรามลงไปเรื่อยๆ  ที่หน้าโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่ง เขียนป้ายบอกว่า "ใส่ถุงยาวอนามัยทุกครั้งก่อนร่วมเพศ"
หลายท่านอาจไม่เอ๊ะใจว่ามันหมายความว่าอะไร มันหมายความว่า เวลาคุณอยากสำส่อนทางเพศ ถ้าไม่อยากติดเอดส์ตายก่อนกำหนด ให้ป้องกันตัวด้วยการใส่ถุงยาวอนามัย

สิ่งนี้เป็นตัวชี้วัดถึงความเสื่อมทรามของมนุษย์ ในด้านเพศ และการสัตย์ซื่อต่อคู่รัก มนุษย์ทั่วที่ถือศาสนาแต่เปลือกนอกไม่สามารถยับยั้งใจที่จะทำชั่วได้ อาจเป็นเพราะหลายคนไม่คิดว่าพระเจ้าจะมีจริง และไม่คาดคิดว่าพฤติกรรมต่างๆ ที่เราทำมีคนคอยสอดส่องดู มีคนรู้ มีการจดบันทึกไว้  เพื่อเอาไปตัดสินการลงโทษ และการทรมานวิญญาณในนรก

นักการศาสนาบางคนมีประสบการณ์เพียงน้อยนิดในการสำแดงความเชื่อเหนือระดับศาสนิกธรรมดา เพราะเขามีความเชื่อน้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะทำการอัศจรรย์ในพระนามพระเยซูคริสต์ได้ ขาดความรู้ความเข้าใจในการอธิษฐานปลดปล่อย ขาดความเข้าใจในการอธิษฐานวางมือรักษาโรค ขาดการศึกษาเพิ่มเติม อาจารย์สอนไปเท่าไหร่ ก็ได้แค่นั้นไม่ยอมที่จะหาความรู้ให้เก่งกว่าอาจารย์ บางคนได้รับคำสอนเพี้ยนๆ ว่าการวางมือคนป่วยจะไม่หายเพราะหมดยุคฤทธิ์เดชแล้ว เขาอาจไม่เคยมีประสบการณ์อธิษฐานเผื่อคนแล้วทำให้เกิดปรากฎการณ์ที่วิญญาณร้ายที่แอบแฝงอยู่ในคนแสดงตัวออกมา หลายคนเข้าใจผิดๆ ว่าตนเองไม่มีของประทาน ไม่มีฤทธิอำนาจ บางคนยังสอนอีกว่า เราไม่มีอะไรเลย เป็นมนุษย์ขี้เหม็นธรรมดา (ลูกา 9.1-2)

บางคนมีความคิดมีความเชื่อว่าการที่คนป่วยไม่หายเพราะคนป่วยมีบาปหนามากเกินไป ผู้นำคริสเตียนบางคนยิ่งเพี้ยนไปใหญ่บอกว่า คริสตจักรของเราไม่เอาฤทธิ์เดชของพระเจ้า ความเชื่อของเราคือขอให้แต่มีความรู้ทางศาสนาก็เพียงพอแล้วสำหรับความรอดบาป ไม่จำเป็นต้องมีการหายโรค พวกเรามีหมอ มียา มีวิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวล้ำไปมากแล้ว เราไม่ต้องการความช่วยเหลือเหนือธรรมชาติจากพระเจ้าแล้ว ผมคิดว่าความเชื่อแบบนี้น่าจะขัดแย้งกับคำสอนในพระคัมภีร์อย่างชัดเจน เป็นพวกที่พอใจกับจำนวนสมาชิกที่อ่อนแอเพียงไม่กี่ร้อย แล้วจึงหยิ่งทะนงคิดว่าตัวเองใหญ่ แท้จริงถ้าเปรียบกับคริสตจักรสายฤทธิ์เดชของเกาหลี คริสตจักรระดับที่มีสมาชิกแค่พันกว่ายังเป็นแค่เซลเล็กๆ เท่านั้น

พระธรรม 1 โครินธ์ 2.4-5 อัตรทูตเปาโลผู้ประกาศและผู้ก่อตั้งคริสตจักรที่ยิ่งใหญ่ได้กล่าวว่า

"คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้าไม่ใช่คำที่เกลี้ยกล่อมด้วยสติปัญญา แต่เป็นคำซึ่งได้แสดงพระวิญญาณและพระเดชานุภาพเพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้อาศัยสติปัญญาของมนุษย์ แต่อาศัยฤทธิ์เดชของพระเจ้า"


"เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อนแล้วพวกต่างชาติด้วย"
(พระธรรมโรม 1. 16
)

...เพราะว่าพระคริสต์มิได้ทรงใช้ข้าพเจ้าไปเพื่อให้เขารับบัพติศมา แต่เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ และมิใช่ด้วยชั้นเชิงอันฉลาดในการพูด เกรงว่าเรื่องกางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์เดช คนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่พวกเราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า

เราจะทำลายสติปัญญาของคนมีปัญญาและจะทำให้ความฉลาดของคนฉลาดสูญสิ้นไป

คนมีปัญญาแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน บัณฑิตแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน นักโต้ปัญหาแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน พระเจ้าได้ทรงกระทำปัญญาของโลกให้โฉดเขลาไปแล้วเพราะตามที่ทรงกำหนดไว้ตามพระสติปัญญาของพระเจ้า

โลกไม่รู้จักพระเจ้าได้โดยปัญญาของตน

พระเจ้าจึงทรงโปรดช่วยคนที่เชื่อให้รอดโดยคำเทศนาเรื่องโง่ๆ

(พระธรรม 1 โครินธ์ บทที่ 1 ข้อ 17-21)

อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราได้รับทราบว่า ในเวลานี้ได้พบว่ามีคริสตจักรและนักการศาสนาชาวคริสต์จำนวนมากเปิดใจ แม้กระทั้งพระคุณเจ้าหลวงพ่อ สาธุคุณหลายท่าน หันมาศึกษาเรื่องนี้ หันมาพึ่งพาฤทธิอำนาจของพระเจ้ามากขึ้น หลายคริสตจักรจัดการประกาศข่าวประเสริฐเรื่องความรอดบาปอย่างเกิดผล หลายคริสตจักรจัดอบรมเกี่ยวกับการปลดปล่อยโดยใช้ชื่อต่างๆ เช่น "สู่การหายโรค" "สู่เสรีภาพ" "เอนเค้าเตอร์" "ประสพการณ์หายโรคอย่างอัศจรรย์" ฯลฯ ทำไมท่านปล่อยให้คริสตจักรของท่านมีแต่คนแก่ๆ คนป่วย คนง่อย เด็กๆ หายไปไหนกันหมด เหลือแต่คนเป็นโรคสารพัด

คริสตจักรที่มีแต่คนป่วยมากๆ ผมคิดว่ามันน่าจะทำให้พระเยซูคริสต์เสียหน้ามากกว่า คงจะไปประกาศกับใครใคร ว่าคริสเตียนมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ได้ยาก คนที่มีชีวิตครบบริบูรณ์ ประการแรกเลยต้องสุขภาพดี แข็งแรง ผมเคยไปเยี่ยมคริสตจักรแห่งหนึ่งเป็นคริสตจักรเก่าแก่ แต่มีคนง่อยทั้งที่ยังอายุน้อยๆ  มีคนป่วยมาโบสถ์หลายคน ผมเห็นแล้วรู้สึกหดหู่อย่างไรไม่ทราบ พยามารคงหัวเราะแทบฟันหัก เพราะคริสตจักรที่มีคนป่วยตั้งแต่ตัวศิษยาภิบาลไปจนถึงภารโรง คงไม่กล้าไปประกาศข่าวประเสร็ฐกับใครๆ แน่ เพราะเปรียบเป็นกองทัพที่มีทหารเจ็บป่วย บาดเจ็บทั้งทางร่างกายและวิญญาณ อ่อนแอทั้งร่างกายและวิญญาณ

นอกจากนี้คริสเตียนส่วนมากถึงแม้จะเป็นผู้เชื่อมาหลายสิบปี แต่ก็ยังมีความสามารถทางวิญญาณแค่เป็นพลทหารที่เพิ่งเข้ามาฝึกไม่ถึงสามเดือนเท่านั้น และที่แน่ๆ หลายคนรบกับผีไม่เป็นเนี้ยะคือปัญหาใหญ่ หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคริสตจักรต้องต่อสู้กับวิญญาณร้าย พวกเขารบกับผีแค่ปีละ 4 ชั่วโมงคือตอนภาคเช้าของวันคริสตมาสเท่านั้น น่าเสียใจชาวคริสต์ไม่ได้ถือว่าการดื่มสุราเป็นสิ่งที่ผิดศีลทางศาสนาด้วย เลยไปกันใหญ่ เทศกาลคริสต์มากชาวคริสต์แต่ในนามจึงดื่มกันเพลิน ผู้นำวิญญาณชาวคริสต์จำนวนมากยังแก่ปัญหานี้ไม่ได้ เลยทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แทน จะตัดชื่อสมาชิกนอกรีตนอกกรอบก็ทำไม่ได้ เพราะพระเจ้าสอนให้อดทนต่อความบาป และความอ่อนแอของคนอื่นด้วย เพราะบางครั้งคนเหล่านั้น ถ้ามันเป็นลูกหลาน ญาติๆ เราจะทำอย่างไร ทำเป็นสองมาตรฐานก็ไม่ได้อีก

มีเรื่องน่าดีใจก็คือ มีผู้เชื่อในพระนามพระเยซูได้รับประสบการณ์เหนือธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ มีผู้รับใช้พระเจ้ากระโจนเข้าสู่กระแสแห่งการประกาศพระกิตติด้วยอาศัยพระเดชานุภาพเหนือโลกา  การปลดปล่อยในพระนามพระเยซูมากขึ้ัน มีหลายคนยอมเสี่ยงที่จะประกาศข่าวดีเรื่องความรอดพ้นจากบาป เพื่อสำแดงพระเดชานุภาพของพระเจ้าในพระนามพระเยซู คริสตจักรต่างๆ จึงได้รับการหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ คริสตจักรที่แห้งแล้งกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพราะมีหมายสำคัญและการอัศจรรย์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในคริสตจักร

ท่านจะเป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิต และเป็นผู้ที่สามารถใช้สิทธิอำนาจในพระนามของพระเยซูได้มากขึ้น เพียงแต่ท่านจะเพียรใช้ของประทานที่ท่านมีอยู่ ท่านจะก้าวไปสู่ระดับการเจิมที่สูงขึ้น ๆ ตามขนาดความเชื่อของท่าน ผมมีข้อคิดสำหรับคริสเตียนและนักการศาสนาข้อหนึ่งคือว่า
"ทุกคนสามารถว่ายน้ำได้ หากเขาได้รับการสอน ได้รับการฝึกอบรมในเวลาที่เหมาะสม กับความพร้อมของเขา"

ผมขอหนุนใจผู้เชื่อพระเยซูคริสต์ทุกคนว่า เราสามารถก้าวเข้าสู่ฤทธิอำนาจของผู้เชื่อได้ ( มาระโก 16.17-18)

ขอยกตัวอย่างการว่ายน้ำ

พวกเราหลายคนว่ายน้ำเป็นเพราะเรามีประสบการณ์กับการว่ายน้ำ การที่ใครสักคนจะว่ายน้ำเป็นอาจต้องมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง คือ...

ประการที่ 1
ต้องมีใจก่อน มีท่่าทีที่ถูกต้องกับการว่ายน้ำ เราต้องอยากว่ายน้ำอยากจะสนุกกับการว่ายน้ำ เห็นคุณค่าและประโยชน์ของการว่ายน้ำ พ่อแม่ที่ฉลาดหลายคนส่งลูกไปเรียนว่ายน้ำตั้งแต่เล็กๆ เพราะเชื่อว่าการว่ายน้ำเป็นจะช่วยชีวิตของลูกเมื่อเขาต้องไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน เมื่อเขาลงไปในน้ำลึกๆ เขาจะไม่ตายง่ายๆ เพราะเขาว่ายน้ำเป็น สามารถจะพยุงชีวิตของตนในน้ำได้

ประการที่ 2
ถ้าหากเราต้องการเป็นนักว่ายน้ำที่เก่ง เราควรจะมีใครสักคนที่ว่ายน้ำเก่งๆ สอนเรา น่าเสียดายหลายคนหยิ่งเกินไปที่จะต้องถ่อมตนยอมให้คนอื่นสอนในเรื่องที่ตนเองไม่มีความรู้ หลายคนจึงไม่เป็นอะไร

ประการที่ 3
ถ้าหากเราต้องการเป็นนักว่ายน้ำแข่งขันในระดับมาตรฐานที่สูงขึ้นในระดับนานาชาติ เราก็ต้องมีครูฝึกว่ายน้ำที่มีความสามารถระดับสูงกว่าครูฝึกว่ายน้ำระดับธรรมดา

ประการที่ 4
เมื่อเราได้รับการฝึกภาคทฤษฏีแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือเราต้องลงไปหัดว่ายในน้ำด้วยตนเอง คงไม่มีครูที่เก่งที่สุดในโลกคนใดสอนเราให้ว่ายน้ำโดยที่เราไม่กล้าที่จะลง ไปหัดว่ายน้ำในสระ เราต้องไม่กล้วที่จะฝึกว่ายน้ำ เราต้องกล้าที่จะเดินลงไปในน้ำ

ประการที่ 5
เมื่อเป็นแล้วเราต้องมีวินัยในการฝึกอย่างสม่ำเสมอ จนเกิดความชำนาญ สามารถว่ายได้เป็นระยะทางไกลๆ และว่ายได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ

ในหนังสือพระธรรม 2 ทิโมธี บทที่ 1 ข้อที่ 6-7 ได้หนุนใจเราดังนี้
"อันของประทานของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในท่าน โดยที่ข้าพเจ้าได้เอามือวางบนท่านนั้น ขอเตือนว่าท่านจงกระทำให้รุ่งเรืองขึ้นเพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้แก่เรา"

มีใครเคยคิดบ้างว่าของประทานฝ่ายวิญญาณจิต ที่มีอยู่ในพระธรรม 1 โครินธ์ บทที่ 12.27-30 นั่นสามารถที่จะรับเอาผ่านการอธิษฐานเจิมด้วยการวางมือของผู้มีอยู่ก่อนแล้วได้ มีคนไม่น้อยที่จะมีประสพการณ์นี้

หลายท่านคงเคยอ่านเรื่องเอลีชา รับการเจิมเป็นสองเท่าของเอลียาห์มาแล้ว

หลังจากการติดตามโมเสสถึง 40 ปี จนโมเสสแน่ใจว่า โยชูวาคือคนที่ดีจริงสำหรับการรับภาระกิจการนำคนยิวเข้าต่อสู้ในสงครามแย่งดินแดนแห่งพันธสัญญา โมเสสได้วางมือบนหัวโยชูวาและส่งต่อวิญญาณของผู้นำทัพ และพระเจ้าทรงให้พระวิญญาณของพระเจ้ามาสถิตกับโยชูวา ทำให้เขามีความสามารถและสติปัญญา โยชูวาจึงนำคนยิวกว่า 1 ล้านคนเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญาได้

(เฉลยธรรมบัญญัติ 34.9 "โยชูวาบุตรนูนก็ประกอบด้วยสติปัญญาเพราะโมเสสได้เอามือของท่านวางบนเขา ดังนั้นประชาชนอิสราเอลจึงเชื่อฟังเขา และได้กระทำดังที่พระเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้")

พระธรรมหนุนใจ

วิวรณ์บทที่ 2.23
"...และคริสตจักรทั้งหลายจะได้รู้ว่าเราเป็นผู้พินิจพิจารณาจิตใจ และเราจะให้สิ่งตอบแทนแก่เจ้าทั้งหลายทุกคน ให้เหมาะสมกับการงานของเจ้า"

1 โครินธ์ 1.10
"ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิงวอนท่านในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา ขอให้ท่านปรองดองกัน อย่าถือพวกถือคณะแต่ขอให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน "

ขอพระเจ้าอวยพระพร

ข้อพระธรรมเพิ่มเติม

พระธรรมเอเฟซัส 1.18-22

18. และ(ข้าพเจ้าอัครทูตเปาโล) ขอให้ตาใจของท่านสว่างขึ้นเพื่อท่านจะได้รู้ว่าในการที่พระองค์ทรงเรียกท่านนั้นพระองค์ได้ประทานความหวังอะไรแก่ท่าน และรู้ว่ามรดกของพระองค์สำหรับธรรมิกชนมีสง่าราศีอันอุดมบริบูรณ์เพียงไร

19. และรู้ว่าฤทธานุภาพอันใหญ่ของพระองค์( พระเจ้า) มีมากยิ่งเพียงไรสำหรับเราทั้งหลายที่เชื่อ ตามอำนาจของพระกำลังและฤทธานุภาพอันใหญ่ยิ่งของพระองค์

20. ซึ่งพระองค์ (พระเจ้าผู้เป็นอยู่)ได้ทรงกระทำในพระคริสต์ เมื่อทรงชุบให้พระองค์(พระเยซูคริสต์)เป็นขึ้นมาจากความตายและให้สถิตเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรคสถาน

21. (พระเยซูคริสต์จึงมีศักดิ์ศรี และพระเดชานุภาพ) สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง (วิญญาณที่ปกครองอยู่ในที่ต่างๆ, ในเมืองต่างๆ ) เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ (เทวดาที่มีฤทธิ์ทั้งหลาย) เหนือเทพอาณาจักร (เทพเจ้าของอาณาจักรต่างๆ) และเหนือนามทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในยุคนี้เท่านั้น (ยุคปัจจุบัน) แต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย (ยุคแห่งอนาคต)

22. พระเจ้าได้ทรงปราบสิ่งสารพัดลงไว้ใต้พระบาทของพระคริสต์และได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุข (เป็นจ้าว, มีอำนาจปกครอง) เหนือสิ่งสารพัดแห่งคริสตจักร

(ข้อความในวงเล็บเป็นการเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจมากขึ้นของผู้เขียนบทความ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)