ค่านิยมที่ดีของคริสเตียน คริสตจักรความหวัง

คริสตจักรความหวังมีค่านิยม "อย่า" อยู่หลายประการ หลายข้อเป็นสิ่งที่คริสเตียนน่าจะเอามาเป็นเยี่ยงอย่างที่ดีในการทำพันธกิจของพระเจ้า คริสตจักรกลุ่มความหวังเขาโตไวจริงๆ

คริสตจักรความหวังโตไวเพราะเขามี วิสัยทัศน์ เป้าหมายและแนวปฎิบัติที่วัดผลได้ ตรวจสอบได้ มีแผนการปฎิบัติงานชัดเจน มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน มีการปฎิบัติที่ดี มีการสร้างผู้นำ สอนผู้นำให้รู้จักการวางแผนยุทธศาสตร์ การทำรายงาน การประเมินติดตาม เขาติดตาม ดูแล เลี้ยงดู เขามีหลักสูตรต่างๆ ให้สมาชิกเขาเรียนรู้ และฝึกฝน เขาทำจริงจึงเกิดผลดี น่าชมเชยจริงๆ

(เราไม่ควรคิดว่าความล้มเหลวการโกงของผู้นำบางคนจะทำให้คริสตจักรล้มเหลว ผมเชื่อว่าการแตกออกของเขาเป็นการแตกหน่อเพื่อจะเกิดผลมากขึ้นมากกว่า - การโกงเงินอาจเป็นจุดอ่อนอีกจุดหนึ่งของคริสตจักรในเครือนี้ก็เป็นได้ เพราะผู้นำมีอำนาจเหลือล้นจริงๆ )


ค่านิยมความหวัง


1. อย่าให้ความรักสบาย มาแทนที่การเหยียดและการเห็นแก่อาณาจักรพระเจ้าขยายสูงสุด

2. อย่าให้ความรักเงินมาแทนที่ความรักพระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์

3. อย่าให้การเอาแต่ใจตัวเองมาแทนที่การยอมจำนนต่อพระเจ้าและผู้นำของพระองค์

4. อย่าตระหนี่ จนลืมถวายด้วยใจกว้างขวาง

5. อย่าให้โลกส่วนตัวมาแทนที่การผูกพันตัวและการร่วมชีวิตกัน

6. อย่าให้ความจำกัดของตนเองมาแทนที่ความรักห่วงใยผู้อื่น

7.อย่าให้ความไม่อดทนรอคอยมาแทนที่การเชื่อฟังพระสัญญาในพระวจนะของพระเจ้า

8.อย่าให้ค่านิยมของโลกมาแทนที่ ศุภนิมิตของพระเจ้า

9.อย่าเอาแต่บรรยากาศนันทนาการมาแทนที่บรรยากาศฝ่ายวิญญาณ

10. อย่าให้วิญญาณกบฏมาแทนที่ความจงรักภักดี

11. อย่าให้เหตุผลจอมปลอมมาแทนที่การกลับใจใหม่เสมอ

12. อย่าให้เพลงของโลกมาแทนที่เสียงแห่งการนมัสการสรรเสริญ

13. อย่ายุ่งกับงานจนลืมรับใช้พระเจ้า

14. อย่าให้ความเร่งรีบไม่มีเวลามาแทนที่การสามัคคีธรรมกับพระเจ้าและพี่น้อง

15. อย่าให้ความเห็นแก่ตัวมาแทนที่การร่วมไม้ร่วมมือเห็นแก่ภาพรวม

16. อย่าให้ความมักง่าย มาแทนที่ความดีเลิศเพื่อพระเจ้าของเรา

17. อย่าให้ความอยากได้ มาแทนที่ความรอดและแผ่นดินพระสัญญา

18. อย่าให้หยาดเหงื่อของคนรุ่นแรก ๆ ต้องสูญเปล่าเพราะรุ่นของเรา

แหล่งข้อมูล
http://www.hopeofbangkok.com/index.php/2010-06-04-02-07-46/2010-06-04-06-07-52


แล้วคริสตจักรที่คุณเป็นสมาชิกอยู่ล่ะมีค่านิยมอะไรบ้าง

น่าเสียใจที่คริสตจักรไทยจำนวนมากติดหลุมโคลนแห่งความเสื่อม ไม่สามารถจะส่องแสงสว่างใดๆ แก่ชุมชนได้เลย เป็นเพียงตะเกียงผุๆ ที่ขาดน้ำมัน เป็นเพียงแสงหิ้งหอยใกล้ดับ ผู้นำเป็นเพียงไม้หลักปักเลน ผู้นำอ่อนแอ นักการศาสนาเป็นแค่ลูกจ้าง ไร้อำนาจ ไร้เงิน มีแต่ความคิดที่บันเจิด แต่ปีแล้วปีเล่า สมาชิกล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ สมาชิกที่หลงเหลืออยู่ก็แก่เฒ่า คนหนุ่มมันก็ไม่ค่อยเข้าโบสถ์ อ้างไปเรียน ไปกวดวิชา กลับมากลายเป็นตุ๊ด เป็นดี้ เป็นเกย์ คริสตจักรมีพวกรักร่วมเพศเกิดขึ้นเรื่อยๆ คริสตจักรไม่มีนักดนตรี ไม่มีการพัฒนาด้านจิตวิญญาณใดๆ รอวันที่จะล้มสลายไป และสิ่งต่อไปนี้เป็นตัวชี้วัดถึงความเสื่อมของโบสถ์คริสต์หลายๆ แห่ง บางแห่งเป็นของจริง บางแห่งเป็นของปลอม ท่านลองอ่านและสังเกตว่าเป็นอย่างไร ดังนี้

1. สิบปีที่ผ่านไปคริสตจักรยังไม่เคยจัดประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์กลางแจ้งสักครั้ง

2. คริสตจักรเน้นจัดงานเทกระจาดปีละ 1 ครั้งในวันคริสตมาส ได้คนเชื่อไม่กี่คน บางแห่งนำคนมาเชื่อพระเจ้า ไม่ถึง 10 คนต่อปี หลายบางแห่งตั้งมา 50 ปี ปีละ 1 คนยังไม่ได้

3. ผู้ปกครองหลายๆ คน เป็นคนที่ไม่ยังไม่บังเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณแต่ถูกดันให้เป็น และไม่รู้จักหน้าที่ตนเอง ส่วนใหญ่เป็นพวกมีการศึกษาอยู่บ้าง บางคนมีฐานะดี และทางด้านจิตวิญญาณยังไม่แข็งแรง ผู้ปกครองสอนพระคัมภีร์ไม่เป็น เทศนาไม่เป็น เน้นตำหนิติเตียนพี่น้องและนักการศาสนา

4. คริสตจักรมีโปรแกรมการอธิษฐานอยู่บ้างแต่มีสมาชิกที่เอาจริงเอาจังมาร่วมสม่ำเสมอไม่กี่คน จำนวนคนที่มาอธิษฐานไม่ถึง 10 เปอร์เซนต์ของสมาชิกสมบูรณ์ การอธิษฐานไม่ถือว่าเป็นพันธกิจสำคัญของคริสตจักร การอธิษฐานเผื่อคนป่วยมีอยู่บ้างแต่ยังไม่เคยเห็นใครหายป่วยสักที อาจารย์มักอ้างว่าตัวเองไม่มีของประทานทางด้านนี้ และยังไม่เคยเห็นอาจารย์ขับผี หรือวางมือใครให้หายป่วยเลย (การอธิษฐานเผื่อคนเจ็บป่วยได้ถูกตัดออกไปจากโปรแกรมการนมัสการพระเจ้าของคริสตจักรจำนวนมากทั่วโลกไปนานแล้ว) บางครั้งอาจคิดไปได้ว่าที่ไม่มีการอธิษฐานวางมือเผื่อคนป่วย เพราะเป็นรายการทำให้นักการศาสนาไร้ฤทธิ์เดชขายหน้ามากกว่า เพราะเขารู้ตัวว่าเขาไม่มีฤทธิ์เดชอะไรของพระเจ้าในตัวเลย การวางมือแล้วไม่หายสักครั้งทำให้เขาท้อใจ และอับอายขายหน้าพี่ต้องมากกว่า แท้ที่จริงแล้วความคิดเช่นนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างมโหฬาร

5. นักการศาสนาชอบนอนตื่นสายเป็นประจำ เฝ้าเดียวเป็นบางครั้งแต่ไม่สม่ำเสมอ บางคนไม่ทำเลย

6. นักการศาสนารู้สึกตนลึกๆ ว่าเป็นเพียงพนักงานชั่วคราวของคริสตจักร ต้องทำงานเหมือนหุ่นเชิดของ ผู้ปกครองหน้าโลหิต ไม่มีสิทธิอำนาจทั้งฝ่ายการจัดการและฝ่ายวิญญาณอะไรมากนัก

7. ผู้นำและสมาชิกบางคนแอบกินเหล้า ทำบาปซ่อนเร้นเป็นนิสัยแก้ไม่ได้สักที ต่อหน้าทำดีลับหลังทำเลว

8. แต่ละอาทิตย์มีสมาชิกเป็นพยานเกี่ยวกับประสบการณ์ในพระเจ้าน้อยมาก ถึงไม่มีเลย บางคริสตจักรใครอยากเป็นพยานต้องเขียนสคริปส์ส่งล่วงหน้า ต้องเขียนให้ละเอียดว่าจะเป็นพยานเรื่องอะไร มีเนื้อหาว่าอย่างไร นักการศาสนาจะอ่านตรวจพิสูจน์ก็จึงจะเป็นพยานได้ เพราะคริสตจักรกลัวว่าคำสอนผิดจะเข้ามาสู่อาณาจักรของข้า (ไม่ใช่อาณาจักรของพระเยซู) หลายคริสตจักรตัดช่วงเวลาแห่งการเป็นพยานชีวิต และการหนุนใจออกไปจากโปรแกรมไปเลย เพราะคิดว่าไร้สาระ และไม่มีใครเป็นพยานอยู่แล้ว เพราะโบสถ์ที่เสื่อมถอยจะมีคำพยานไม่มากนัก ผู้นำหลายๆ คน ในหนึ่งปียังไม่เป็นพยานสักครั้งก็ยังม่หลายคน

9. สมาชิกบางคนแอบเป็นกิ๊กกัน อาจารย์ไม่กล้าตักเตือน ผู้นำบางส่วนชอบกินเหล้า เสเพล ชอบดูหนังลามก รูปโป๊ มีคลิปลามก อยู่ในครอบครอง อยู่ในมือถือ ชอบเอนเทอร์เทนเนื้อหนัง และความใคร่ทุกชนิด ผู้นำขาดสามัญสำนึก ชอบสร้างข้อถกเถียงและฉุดดึงไม่ให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์ หรือฟื้นฟูจิตวิญญาณใดๆ ให้เกิดขึ้นโดยใช้ข้ออ้างที่สำคัญคือ สิ้นเปลื้องงบประมาณ เราไม่มีเงิน เคยทำแล้วแต่ไม่ได้ผล เีสียเวลาเปล่าๆ อย่าทำเลย

10. คริสตจักรไม่มีค่านิยมในการถวายสิบลด เพราะนักการศาสนา และผู้นำคริสตจักรเองก็ไม่ถวาย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่เกินความสามารถของสมาชิกและคริสตจักร พวกสมาชิกให้เงินเดือนผู้รับใช้เพียงนิดเดียว สมาชิกส่วนใหญ่คิดว่าถ้าถวายสิบลด เดี๋ยวข้าก็ไม่พอกินนะิซิ การจ่ายค่าตอบแทนนักการศาสนาต้องเรียกร้องเอาจากหน่วยเหนือเพราะรู้ว่า สปอนเซอร์มีเงินหนา โบสถ์หลายๆ แห่งมีสมาชิกเป็นร้อย แต่ยังไม่สามารถเลี้ยงดูผู้รับใช้ได้ อ้างยากจน และการถวายไม่มีเพียงพอ แท้จริงเป็นเพียงข้ออ้างของคริสเตียน แบะผู้นำคริสตจักรที่อ่อนแอ แต่อยากเก็บเกี่ยวในสิ่งที่ไม่ได้หว่านเท่านั้น สิ่งนี้อาจเป็นสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่คริสตจักรไทย ไม่เจริญ ไม่พัฒนา เพราะคริสเตียนเชื่อพระเจ้าแต่ปาก ไม่มีการอุทิศตัว ไม่มีการถวายเงินสิบลดคืนให้กับคริสตจักร เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่อการปกป้อง คุ้มครอง การอวยพรของพระเจ้า

11. การเข้าสู่ตำแหน่งบริหารคณะกรรมการต้องมีการแย่งชิง ต้องมีการสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์แก่พวกที่ลงคะแนนให้ ผู้บริหารไม่โปร่งใสเรื่องการใช้จ่ายเงินถวาย ไม่มีการเปิดเผยให้สมาชิกทราบเลยเป็นเดือนๆ ปีๆ

12. สมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนที่มีอุปนิสัยของคริสเตียนเฉพาะเมื่อเวลามานมัสการพระเจ้าเท่านั้น เวลาอื่นๆ ปล่อยตัว ปล่อยใจตามสบาย ลูกหลานและผู้นำเองบางคนติดสิ่งเสพติด หลายคนทำตัวแบบ มือถือสากปากถือศีล ประพฤติตัวน่าละอายไม่เกรงใจใคร มีพฤติกรรมนิยมชมชอบในการนินทา ว่าร้าย กล่าวหา การทะเลาะเถียงกันคือสิ่งที่เขาเรียกว่า ลิ้นกับฟันทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาที่พี่น้องมีต่อกัน แต่มันบ่อยมากและเกิดขึ้นซ้ำๆ

13. แต่ละปีคริสตจักรไม่จัดการฟื้นฟูจิตวิญญาณอะไรเลย ถ้ามีก็จะเชิญแต่พวกนักพูดเรื่องทำให้ตลก นักเล่าข่าว หรือพวกจบสูงที่ชอบพูดอ้างการวิจัยทางสถิติอะไรที่ฟังเข้าใจยากๆ เป็นนักเทศน์ที่มีแต่ตำแหน่งทางศาสนา ผูำกไทด์ใส่สูท ใส่ครุย แต่เสียดายคนที่มาสั่งสอนด้านจิตวิญญาณขาดสิ่งสำคัญ นักสอนเหล่านี้เป็นคนประเภทไม่มีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าอยู่ในตัว มีแต่ความรู้ทางศาสนา เขามักจะอ้างว่าเขาไม่มีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าไม่มีของประทาน เป็นพวกดีแต่สอนคนอื่น ยังไม่เข้าถึงพระเจ้า บางคนยังไม่พบพระเจ้าส่วนตัว ที่เขารู้เรื่องพระเจ้ามากเพราะเขาได้เรียนมามากเท่านั้น ตนเองยังทำไม่ได้ พองานเสร็จ สมาชิกก็ยังมีพฤติกรรมถดถอยและเสื่อมเหมือนเดิม

14. ในแต่สามเดือน หกเดือน หรือ ในหนึ่งปี คริสตจักรไม่มีแผนงานในการประกาศเผยแพร่ใดๆ เลย คริสตจักรอ้างว่าเรายังไม่แข็งแรง งบประมาณไม่มี ไม่พร้อม และพี่น้องชาวคริสต์ในโบสถ์ก็ยังไม่สามัคคีกัน หลายคนไม่มองหน้ากันเป็นเวลานานแล้ว

15. ผู้นำไม่ค่อยชี้แจงให้สมาชิกทราบให้รู้ล่วงหน้าว่า แต่ละเดือนต้องทำอะไรบ้าง ผู้นำคริสตจักรยังไม่มีรับรู้ว่านิมิตใดๆ เลย ผู้นำมีแผนงานอยู่บ้างแต่เป็นเพียงแผนงานในการเรี่ยไรเงินเพื่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น ไม่มีแผนงานพัฒนาคนกลุ่มใดๆ อย่างเป็นรูปธรรมเลย

16. การไปโบสถ์เป็นเพียงพิธีกรรมที่เราต้องปฎิบัติเพราะถ้าไม่ทำ เขาจะว่าเราไม่ใช่คริสเตียนที่ดี

17. ผู้นำคริสตจักรของเราไม่เคยจัดสัมมนาเพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของคริสตจักรเลย การตัดสินใจต่างๆ อยู่ที่ผู้นำสองสามคนที่รวมหัวกัน ทำงานอย่างไร้จุดหมาย ขอให้มันผ่านไปเป็นอาทิตย์ๆ ก็พอ

18. พวกสมาชิกและผู้เชื่ออยู่กันอย่างสบายสบาย ใครอยากมาโบสถ์ก็มา ใครไม่อยากมา ใครจะมาบ้างไม่มาบ้างก็ช่างมัน ตัวใครตัวมัน แต่วันคริสตมาส วันอิสเตอร์ และวันที่มีคนมาเยี่ยมโบสถ์ให้มากันมากๆ จะได้ไม่อายเขา

19. การเรียนการสอนพระคัมภีร์ในโบสถ์เป็นเพียงกิจกรรมที่ทำกันอย่างไม่มีหลักการ ไม่มีหลักเกณฑ์ แต่ละอาทิตย์ ผู้นำอยากจะพูดเรื่องอะไร ก็เอามาพูดมาสอน ไม่มีการวางแผนการเรียนเป็นเรื่องๆ พอใจจะสอนเรื่องไหน ก็สอนไปอย่างนั้น ผู้ฟังก็มาบ้าง ไม่มาบ้าง ขาดๆ หายๆ ไม่มีเป้าหมายการในการเรียนที่ชัดเจน

20. เยาวชนถูกปล่อยปละละเลย ไม่มีคนกำกับดูแลเอาใจใส่ติดตาม เด็กๆ หลายคนในคริสต์จักรโตขึ้นมา ยังไม่รู้จักวีรชนในพระคัมภีร์ โตแต่ร่างกายและสมอง และความรู้ทางการศึกษาที่โรงเรียน แต่ความรู้เรื่องในพระคัมภีร์มีเพียงเล็กน้อย ผู้นำมักง่ายจะใช้ใครก็ได้ที่มีแววว่าเข้ากับเด็กและเยาวชนได้ ให้ไปสอน ไปดูแลโดยที่ผู้นำไม่มีการกำกับติดตาม หรือ เอาพี่เลี้ยงไปสอน ไปฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมออะไรเลย ที่สำคัญการสอนเด็กและเยาวชนมีค่าตอบแทนให้เพียงเล็กน้อย บางครั้งไม่มีเลย สื่อการสอนก็ไม่ดี ห้องก็ไม่ดี สิ่อการสอน หรืออะไรๆ ที่เอื้อต่อการสอน ครูสอนต้องเรียกร้อง หาเอาเอง ผู้นำไม่ค่อยสนใจ ใครเก่งก็จิกหัวใช้ อ้างว่ามาช่วยกันรับใช้พระเจ้า ครูรวีวารศึกษาหลายคน ไม่ได้ฟังเทศนามานานแล้ว

หลายครั้งการสอนรวีวารศึกษาตกเป็นหน้าที่ของภรรยาผู้รับใช้ เพราะใช้ง่าย หัวอ่อน ไม่มีปัญหา ไม่ต้องจ้างเพราะคริสตจักรจะจ้างเฉพาะสามี ภรรยาไม่ต้องจ้าง ถือว่าเป็นของแถบ เป็นเรือพ่วง ถูกจิกหัวใช้ได้ตามสบาย ภรรยาผู้รับใช้หลายคนมีความตกต่ำทางด้านจิตวิญญาณเพราะไม่ได้ฟังเทศน์ ไม่ไ้ด้ร่วมนมัสการเป็นเวลาเป็นเดือนๆ ปีหนึ่งได้ร่วมนมัสการไม่กี่ครั้ง เวลาโบสถ์จัดสัมมนาอะไร ภรรรยาผู้นำต้องรับบทหนัก เป็นคนทำอาหาร และดูแลสนับสนุนงานฟื้นฟู ตัวเองไม่ได้รับการสอน ไม่ได้ฟัง กลายเป็นคนตกต่ำทางด้านวิญญาณ หลายคนป่วยไข้บ่อยๆ สามีก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ทั้งๆ ทีน่าจะรู้ว่าภรรยาเหนื่อยขนาดไหน ผู้รับใช้พระเจ้าหลายคน ได้รับของขวัญ ได้รับโบนัสทุกปี แต่เมียผู้รับใช้ได้ของขวัญชิ้นเล็กๆ ทั้งที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่สามีผู้รับใช้มาโดยตลอด น่าสงสารไหมล่ะ กลับตัวใหม่ยังทันนะ คริสตจักรไทย

ผมเชื่อว่าคนที่ตั้งใจมาโบสถ์ก็เพื่อมาพบพระเจ้า มารับพระพร มาเิติมเต็มชีวิตด้วยพระพรของพระเจ้า มาเพื่อเสริมสร้างชีวิต เสริมสร้างจิตวิญญาณให้เปลี่ยนแปลงสู่การมีอุปนิสัยแห่งความรัก แต่ถ้าใครหลงเข้าอยู่ในคริสตจักรแบบนี้ ผมอยากให้ข้อคิดว่า องค์กรแบบนี้มันอยู่ไปเพื่ออะไรกันแน่ เพื่อปากท้อง หรือเพื่ออะไร ทำไมต้องมาเสียเวลาเปล่าๆ กับผู้นำที่ไม่มีนิมิต ผู้นำที่มีแต่คำสัญญาปากเปล่าแต่ไม่ทำอะไรเลย

ทำไมเราต้องมาเสียเวลากับคริสตจักรที่ผู้นำไม่มีนิมิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีการประกาศนำวิญญาณอย่างเกิดผล เป็นคริสตจักรกลุ่มผลประโยชน์ทางครอบครัวและพวกพ้อง การจะไปร่วมงานกับคริสตจักรแบบนี้มีแต่ทรงกับทรุด แม้แต่ลูกหลานคริสเตียนยังเหลวแหลก แล้วคุณจะเอาครอบครัวคุณไปเสี่ยงทำไม คริสตจักรที่ไม่มีเป้าหมายในการขยายอาณาจักรของพระเจ้า ก็คือคริสตจักรที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ ตอบสนองความต้องการของใครกันแน่ เป็นคริสตจักรที่ถูกครอบงำด้วยอำนาจของวิญญาณอื่นมากกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า น่าเศร้าไหมล่ะครับ


Key words: การสอนรวีวารศึกษา ปัญหาคริสตจักร การพัฒนาคริสตจักร การบริหารคริสตจักร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)