การครองคู่ ความสัมพันธ์ที่ผิดเพี้ยน

Subject: "เกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงในสังคมไทย"???

ฟิล์ม-แอนนี่.."เกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงในสังคมไทย? "

ในปฐมกาลบทที่ 1:27(อมตะธรรมร่วมสมัย) กล่าวว่า
ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายของพระองค์
ตามพระฉายของพระเจ้านั้นพระองค์ทรงสร้างพวกเขาขึ้น
พระองค์ทรงสร้างทั้งผู้ชายและผู้หญิง...(บทที่1:31)กล่าวว่า
พระเจ้าทอดพระเนตรทุกสิ่งที่ทรงสร้างขึ้น ทรงเห็นว่า "ดียิ่งนัก"...
บทที่2:20...แต่อาดัมยังไม่พบผู้อุปถัมภ์ที่เหมาะสมเท่าเทียม
สำหรับเขา..(2:22)แล้วพระเจ้าทรงสร้างผู้หญิงขึ้น...


นานมากแล้วที่พระเจ้าได้ทรงสร้างผู้หญิงขึ้นเพื่อเป็น
คู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมกับผู้ชาย
หลังจากที่ได้ทรงสร้างผู้ชายขึ้นก่อน(ปฐมกาล1:19-20)
เราไม่เข้าใจทั้งหมดว่าพระองค์มีเหตุผลหนักแน่นเพียงใดที่ทำเช่นนี้
แต่พระองค์ก็ทรงเห็นว่า "ดียิ่งนัก"
แต่ว่าไม่ทันไรความสัมพันธ์ของชายและหญิง
ก็เริ่มมีปัญหาและนั่นดูเหมือนจะเป็นครั้งแรก
เมื่อความบาปยื่นมือเข้ามามีบทบาทในครอบครัว

ถ้าไม่นับความสัมพันธ์ของมนุษย์กับพระเจ้าแล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง
(โดยเฉพาะในฐานะคู่สมรส)
นับเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างสูงเพราะพระเจ้าเองได้
ทรงเป็นผู้กำหนดสิ่งเหล่านี้ขึ้นและทรงคาดหวัง
ให้เกิดผลอันดีตลอดจนอุ้มชูความสัมพันธ์ที่สวยงามนี้เรื่อยมา
แต่มนุษย์ส่วนใหญ่กลับเป็นผู้ที่ทำให้ความหวังใจอันดีของพระเจ้า
ไม่ได้รับการตอบสนองในทุกยุคทุกสมัยจวบจนปัจจุบันนี้

ความสัมพันธ์ที่ผิดเพี้ยนไปของชายและหญิงเป็นปัจจัยหนึ่ง
ที่ก่อให้เกิดปัญหาสังคมที่รุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
เช่น การฆ่าตัวตาย การทำแท้ง โรคซึมเศร้า โรคจิต
จำนวนโสเภณีที่เพิ่มมากขึ้น การมั่วsex ฟรีsex การเบี่ยงเบนทางเพศ
ปัญหาเด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้าพ่อหรือแม่
เด็กทุพลภาพแต่เกิด การทำร้ายร่างกาย
ไปจนถึงการฆาตกรรมคู่สมรสหรือคนรัก
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลิตผลของความบาป
แม้ว่าบางอย่างเกิดจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของมนุษย์เอง
แต่แน่นอนว่ามารซาตานอยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้

สังคมไทยในวันนี้ชายหญิงจะใช้ชีวิตร่วมกันแบบ
ไม่มีการแต่งงานไม่ผ่านพิธีการทางสังคมและศาสนามากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นผู้ย้ายถิ่นเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่
ไม่เว้นแม้แต่ย้ายถิ่นเพื่อการศึกษาโดยนักศึกษาจะอยู่กินกัน
ฉันท์สามีภรรยาซึ่งพบได้ทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ๆ
ในขณะที่การแต่งงานมีการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายลดลง
แต่มีจำนวนการหย่าร้างมากขึ้นในปี 2551 หย่าร้าง20%
ในปี2552 เพิ่มเป็น 35% และในปัจจุบันปี2553 ใน100คู่
หย่าร้างถึง40คู่ และมีลักษณะของพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวเพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะแม่เลี้ยงเดี่ยว (Single mom) ซึ่งมีสถิติอายุน้อยลง
และจากสถิติสามารถบ่งชี้ได้ว่าสังคมไทยมีเด็กที่เกิด
ในครอบครัวที่มีแนวโน้มไม่สมบูรณ์เพิ่มขึ้นทุกปี

นอกจากนี้ในปัจจุบัน สถานภาพของผู้หญิงไทย
ดีขึ้นกว่าในอดีตมาก มีการศึกษาสูงขึ้น
และมีสถานภาพที่ดีขึ้นกว่าในอดีตซึ่งทำให้ผู้หญิงไทย
มีวิสัยทัศน์เปลี่ยนแปลงไปคือรู้สึกว่ามีอิสรภาพและ
พึ่งพาตนเองได้มากขึ้นผลที่ตามมาคือผู้หญิงไทย
อยู่เป็นโสดมากขึ้น ตั้งแต่ปี2530 เป็นต้นมา
อัตราผู้หญิงไทยเป็นโสดสูงขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ
เช่นต้องการความก้าวหน้าในอาชีพต้องการอิสระโดยไม่มีภาระ
นอกจากนี้ผู้หญิงไทยที่แต่งงานแล้วถ้าไม่พอใจในชีวิตคู่
ก็สามารถตัดสินใจหย่าได้ง่ายกว่าในอดีต
(ภัสสร ลิมานนท์ 2529)

ประกอบกับเทคโนโลยีอย่าง Internet
ทำให้บุคคลมีความสัมพันธ์ในวงกว้างมากขึ้นและเป็นช่องทาง
ที่สามารถใช้ในการตอบสนองเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
ในลักษณะต่างๆได้อย่างเต็มที่
หลากหลาย รวดเร็ว ทรงประสิทธิภาพ
และเป็นเหมือนดาบสองคมที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์
ของครอบครัว นอกจากนี้ Internet ยังสามารถช่วยให้บุคคลเลือก
ในการที่จะมีความสัมพันธ์กับใครได้ตามใจชอบ
และสามารถเลือกได้ว่าเขาจะเป็นใครตามจินตนาการในโลก Online
สามารถใช้ค้นหาบุคคลที่ต้องการมีความสัมพันธ์ด้วยในลักษณะต่างๆ
เช่น Love matching, Sex matching
เป็นต้นโดยสามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา
หรือแสดงออกได้อย่างที่ใจต้องการกับผู้คนจำนวนมากมาย
เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อเติมเต็มบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายและ
ไม่สามารถหาได้จากชีวิตจริงและนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้
ผู้คนจำนวนมากหลงใหลอยู่ในโลก Onlineจนเป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ในชีวิตจริงบกพร่องและขาดความลึกซึ้งไปอย่างน่าเสียดายเพราะขาดสติในการใช้เทคโนโลยีและไม่ได้เอาใจใส่ในการพัฒนาความรู้ด้านการใช้ชีวิตคู่และนำไปปฏิบัติ
และนั่นก็คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์ของชายกับหญิงในวันนี้ สั้น ฉาบฉวย ขาดความอดทน ขาดการเรียนรู้ในการพัฒนาความสัมพันธ์ จนมีคำพูดว่า
"ไม่ดีก็เปลี่ยนใหม่" "ไม่ดีก็หาใหม่"
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะที่แต่งงานแล้วหรือไม่ก็ตาม
โดยเฉพาะชาย-หญิงที่ยังไม่แต่งงานปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักมองว่า
การมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานเป็นเรื่องปกติ
ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในปัจจุบันกว่าจะเดินทางเข้าสู่พิธีสมรส
ต่างฝ่ายอาจผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลในอดีตที่ไม่ใช่คู่สมรส
ของตนมาก่อนแล้วทั้งสิ้น(ในทัศนะของผู้เขียน)
ดูได้จากจำนวนโสเภณีไม่ต่ำกว่า 4ล้านคน
และเคยมีกรณีเลวร้ายที่เคยได้ยินกันอย่าง"ผู้หญิงนับแต้ม"

อย่างกรณีของ คุณฟิล์ม รัฐภูมิ กับ คุณแอนนี่ บรู๊ค และคู่กรณีชายอื่นๆ
ก็นับเป็นภาพสะท้อนอย่างดี(ที่ไม่ดี) ให้เห็นถึงความถดถอย
ทางศิลธรรมของสังคม

"เราคบกันแต่ไม่ใช่ฐานะแฟน"
(ไม่ใช่แม้กระทั่งแฟนแต่มีเพศสัมพันธ์กัน)
ถ้าเราไม่หลอกตัวเองจนเกินไปเราจะพบว่า
ความสัมพันธ์ของชายหญิงมากมายในสังคมไทยเป็นเช่นนี้มานานแล้ว
และในปัจจุบันผู้ที่มีส่วนในปัญหานี้เป็นผู้ที่มีอายุลดลงเรื่อยๆในระดับที่เรียกว่า
"เยาวชนของชาติ" และการล่วงประเวณีถูกประดิษฐ์ประดอยให้ดูนุ่มนวลขึ้นด้วยคำว่า"กิ๊ก"หรือชู้นั่นเองวันนี้สังคมไทยเรสนใจใคร่รู้แต่ว่าใครเป็นพ่อของเด็กแต่ไม่ค่อยลงลึกในประเด็นของความสัมพันธ์ที่ผิดเพี้ยนนี้ ตลอดจนผู้มีส่วนรับผิดชอบและเกี่ยวข้องไม่ได้ให้ความสำคัญกับเด็กที่ถือว่าเป็นเหยื่อของความถดถอยนี้เท่าทีควร


ผมไม่ได้มีเจตนาจะประณามคุณฟิล์มหรือคุณแอนนี่แต่กำลังบ่งชี้ถึงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นโดยคนของประชาชนคุณแอนนี่อาจทำไปเพราะยังเด็กและต้องการหารักแท้ของเธอด้วยวิธีการของเธอและฝ่ายชายก็อาจตอบสนองโดยที่เราก็ไม่อาจรู้ความจริง แต่ผลที่เกิดขึ้นก็คือสังคมของเรามีเด็กกำพร้าพ่อเกิดขึ้นอีก 1 คนอยู่กับแม่ซึ่งสังคมตัดสินไปแล้วว่าเป็นผู้หญิงที่คบชายมากหน้าหลายตา และจากนี้ไปไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ผู้ใหญ่ก่อขึ้นจะส่งผลต่อชีวิตของเด็กในระยะยาว
แค่ไหน? อย่างไร?

สังคมไทยวันนี้เริ่มมีปัญหาคล้ายกับสังคมตะวันตกคือ ปัญหาระหว่าง individualism กับ familism ซึ่งผู้คนจำนวนมากคิดว่าครอบครัวไม่ใช่สิ่งสำคัญ บุคคลสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องมีครอบครัวและเป้าหมายของชีวิตคือการพัฒนาตนเองให้ไปถึงจุดสูงสุด แนวคิดนี้ทำให้คนจำนวนมากดำเนินชีวิตอยู่นอกระบบครอบครัว(Schwab และคณะ1993)

ในสหรัฐอเมริกามีการสำรวจครัวเรือน 91ล้านครัวเรือนพบว่า ครอบครัวที่มี พ่อ-
แม่-ลูกอยู่กันพร้อมหน้ามีเพียง 27% และ 75%ของคนในเมืองใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียว (Single person family) นอกจากนี้คนยังเลือกที่จะอยู่เป็นโสดมากขึ้นและแต่งงานช้าลง

และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าปัจจุบันการเน้นความเป็นปัจเจกบุคคลมากเกินไปทำให้มีการมองข้ามความสัมพันธ์ในครอบครัว และเทคโนโลยีสื่อสารทำให้บุคคลมีความสัมพันธ์ในวงกว้างมากขึ้นและอาจทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวมีความเข้มข้นน้อยลง

ในประเทศตะวันตกหลายประเทศระบบครอบครัวกำลังประสบปัญหา ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า 50%ของคู่แต่งงานจะหย่าร้างกัน และ25%ของเด็กที่อาศัยในเมืองใหญ่จะมีพ่อหรือแม่เพียงคนเดียวมีผู้ชายจำนวนมากกำลังถอยหนีจากชีวิตครอบครัว และแม่จำนวนมากเลือกที่จะเลี้ยงลูกโดยปราศจากพ่อ

เป็นเวลากว่า15ปีผ่านมาแล้วที่นักสังคมศาสตร์ในสหรัฐอเมริกากำลังตั้งคำถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง" และ "ทำไมการอุทิศตนให้กับชีวิตสมรสและครอบครัวจึงลดลง" (Furstenberg และ Harris1990
; Hartman1995)

สถานการณ์ในประเทศไทยวันนี้ก็ไม่ต่างจากในอดีตของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติมากนัก แต่ดูเหมือนว่าจะหนักหนากว่า และเสถียรภาพของสถาบันครอบครัวกำลังสั่นคลอนประกอบกับการอุทิศตนให้กับครอบครัวก็ลดน้อยลงเมื่อเราพิจารณาจากสถิติทางสังคมของประเทศไทยที่บ่งบอกถึงความถดถอยนี้ได้จากอัตราการหย่าร้างที่เพิ่มสูงขึ้นถึงเกือบ 40% จำนวนแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยรุ่นและวัยเรียนจะเลี้ยงดูลูก 1-2คนซึ่งปัญหาจะเกิดจากการหย่าร้างเป็นอันดับ1) จำนวนเด็กเร่ร่อนกว่า 30,000 คน (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กเร่ร่อนชายและมีการขายบริการทางเพศและมีแนวโน้มเป็นอาชญากรรมเด็ก) จากสถิติดังกล่าวทำให้อดคิดไม่ได้ จนต้องตั้งคำถามเช่นเดียวกันว่า
"เกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง"ในสังคมไทยวันนี้???

เราอาจกล่าวได้ว่า ไม่ว่าบุคคลจะอยู่ในประเทศที่เรียกว่าพัฒนาแล้ว ทั้งศาสนาความเชื่อ และไม่ว่าเชื้อชาติ วัฒนธรรมใด ล้วนเคยผิดพลาดในชีวิตสมรส หรือชีวิตรัก ไม่มากก็น้อย ในฐานะคริสเตียนไทยให้เราเรียนรู้ประเทศที่คนส่วนมากยอมรับว่าเจริญสูงสุดในทุกด้านอย่างสหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่า และให้เราก้าวเดินอย่างระมัดระวัง แน่นอนว่าปัจจัยบางอย่างเราไม่สามารถควบคุมได้แต่สำหรับคริสเตียนแล้วเราเชื่อว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พระเจ้าจะทำให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่งกับคนที่รักพระองค์ อยู่ที่ว่าเราต้องทำส่วนของเราตามหน้าที่ให้ดีที่สุดด้วยสติปัญญาและการเชื่อฟัง


ให้เราเป็นเกลือแห่งโลกที่จะช่วยสังคมไทยให้บูดเน่าช้าลง เป็นแสงสว่างให้สังคมไทย และไม่ว่าแนวโน้มสถิติตัวเลขทางสังคมของประเทศไทยจะถดถอย ตกต่ำเพียงใดขอพระเจ้าเมตตาอย่าให้เราซึ่งเป็นลูกของพระองค์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นต้นเหตุแห่งความเสื่อมนั้นเสียเอง เพื่อเป็นการตอบสนองการทรงสร้างด้วยความรักของพระเจ้า และ "เพื่อให้สมกับ"
ที่พระเจ้าได้ทรงตรัสไว้ ในปฐมกาลบทที่ 1:27 ว่า

....ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายของพระองค์
ตามพระฉายของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างพวกเขาขึ้น
พระองค์ทรงสร้างทั้งผู้ชายและผู้หญิง...(บทที่1:31)..
พระเจ้าทอดพระเนตรทุกสิ่งที่ทรงสร้างขึ้นทรงเห็นว่า...
"ดียิ่งนัก"...

ขอพระเจ้าอวยพร
บทความจาก ข่าวคริสตชน
8 ตุลาคม ค.ศ. 2010

Key Words: สังคมไทย การครองคู่ การครองรัก ครองเรือน ปัญหาครอบครัว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)