ศาสนาคริสต์ไม่ว่าจะอยู่ในพรรค กลุ่ม พวก นิกาย ลัทธิใดก็ตามต่างก็ยอมรับข้อห้ามทั้งสิบข้อนี้ ข้อห้ามทั้งสิบข้อนี้ เขาเรียกมันว่า "พระบัญญัติสิบประการ" มีความหมายว่า ข้อห้ามของพระเจ้า 10 ข้อ พวกเขาถือว่าพระบัญญัติสิบประการนี้เป็นมาตรฐาน ในการดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของพระเยซูคริสต์
อาจจะมีคนที่สามารถปฎิบัติตามข้อห้ามทั้งสิบข้อได้โดยไม่ผิดพลาดหรือตกหล่นเลยเพียงไม่กี่คน ผมคนหนึ่งที่ยังไม่สามารถปฎิบัติตามกฎแห่งความปลอดภัยจากบาปนี้ เป็นเวลากว่าสี่สิบปีในสมัยที่ยังไม่ได้กลับใจจริงๆ
การได้รับรู้ว่า ศีลหรือข้อห้ามคืออะไร จะทำให้ มนุษย์ได้รับรู้ว่า อะไรถูกและอะไรผิด หากมนุษย์คนใดละเมิดข้อห้ามนี้ถือว่า คนๆ นั้นได้ละเมิดหรือฝ่าฝืนกฎแห่งฟ้าสวรรค์ หรือพระเจ้าสูงสุด เขาจะไม่มีโทษก็หามิได้
คำว่าข้อห้ามหรือกฎมีไว้เพื่อบอกว่า การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายๆ อย่างไม่สามารถเป็นที่ยอมรับของมนุษย์หรือพระเจ้า สังคมใดที่ไม่มีข้อห้ามบางข้อ สิ่งนั้นๆ ก็สามารถปฎิบัติได้โดยไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิด อาทิ สังคมสมัยก่อน การสูบฝิ่นไม่ถือว่าเป็นสิ่งอันตราย หรือผิดกฎหมาย ต่อมาเมื่อมีการประกาศว่าการสูบฝิ่นผิดกฎหมาย สิ่งนี้จึงถือว่าเป็นความผิด ความผิดกับความบาปมีเป้าหมายใกล้เคียงกันมาก แต่ในที่นี้จะไม่ขออธิบายเพราะไม่ใช่จุดประสงค์ในการเขียนเรื่องนี้ และเราไม่จำเป็นต้องเรียนให้รู้ตลอดทุกๆ เรื่อง เพราะเรื่องมันจะยาวเกินไป
สาเหตุที่พระเจ้าได้มอบพระบัญญัติสิบประการนี้ให้มนุษย์ก็เพื่อให้มนุษย์ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตในสังคม
อย่างมีความสุข หากสังคมโลกถือรักษาพระบัญญัตินี้ได้ครบถ้วน หรือสังคมโลกส่วนใหญ่ยึดมั่นตามแนวปฎิบัติแห่งบัญญัตินี้ หรืออย่างน้อยก็สอดคล้องกับข้อกำหนดนี้ สันติสุขย่อมเกิดมีขึ้นในโลกอย่างแน่นอน
ถ้าหากไม่มีข้อห้าม
ไม่มีกติกาใดๆ มนุษย์ทุกคน ทุกชาติ ทุกเผ่าก็คงจะสร้างกฎเกณฑ์ต่างๆ
ขึ้นมาตามความคิดและจิตนาการของตนเอง เมื่อต่างกลุ่มต่างคิด ต่างคนต่างสร้างกฎเกณฑ์ที่มีมาตรฐานแตกต่างกัน ไม่สอดคล้องกัน ย่อมทำให้สังคมโลกเกิดความสับสนวุ่นวาย
ดังนั้นพระบัญญัติสิบประการจึงเป็นเหมือนกฎหมายแม่บทของกฎหมายทางด้านศีลธรรม และมโนธรรม ของหลายๆประเทศในโลกก็ว่าได้ หลายคนคงยังไม่เคยได้อ่าน ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับข้อห้ามเหล่านี้ บทความนี้จึงขอนำเสนอพระบัญญัติสิบประการซึ่งมีสาระโดยย่อดังนี้ คือ
1.จงนมัสการพระเจ้าแต่ผู้เดียว
2. อย่าสร้างรูปเคารพสำหรับกราบไหว้บูชา
ไม่ว่าจะเป็นรูปใดๆ(แม้แต่รูปพระเจ้าเอง)
3. อย่าออกพระนามพระเจ้าโดยไม่สมควร
4.ให้ถือวันศักดิ์สิทธิ์ คือวันที่เจ็ดของสัปดาห์ ให้หยุดพักผ่อน ทั้งเจ้านายลูกจ้าง และสัตว์เลี้ยง และแขกที่อาศัยในชายคาบ้านหรือในเขตปกครองด้วย
5. จงนับถือบิดามารดา
3. อย่าออกพระนามพระเจ้าโดยไม่สมควร
4.ให้ถือวันศักดิ์สิทธิ์ คือวันที่เจ็ดของสัปดาห์ ให้หยุดพักผ่อน ทั้งเจ้านายลูกจ้าง และสัตว์เลี้ยง และแขกที่อาศัยในชายคาบ้านหรือในเขตปกครองด้วย
5. จงนับถือบิดามารดา
6. อย่าฆ่าคน
7. อย่าล่วงประเวณี
8. อย่าลักทรัพย์
8. อย่าลักทรัพย์
9. อย่าเป็นพยานเท็จ
9. อย่าโลภ
ครัวเรือน ทรัพย์ หรือสิ่งใดๆ ที่เป็นของผู้อื่น
คำอธิบาย
ข้อห้ามข้อที่ 1-2 จงนมัสการพระเจ้าแต่ผู้เดียว * การที่ถือว่าพระเจ้าสูงสุดมีเพียงองค์เดียว เป็นสัจจะที่มีเหตุผลน่าเชื่อถือมากกว่า การนับถือพระเจ้าหลายองค์ เพราะคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าผู้เป็นอยู่ หากไม่กราบนมัสการต่อสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ธรรมชาติได้แก่ ภูเขา ก้อนหิน ต้นไม้ สายธาร ท้องฟ้า หมู่เมฆ หมู่ดาว ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ สายลม สายฝน สายฟ้า หรือ สิ่งใดในธรรมชาติ มนุษย์หลายๆ เผ่าพันธุ์อยากสร้างพระเจ้า และเทพเจ้าต่างๆ ให้มีรูปร่างและลักษณะตามจินตนาการ ตามความรู้สึกนึกคิดของตนไปต่างๆ นานา มนุษย์หัวใสทุกยุคทุกสมัยที่มีทักษะทางศิลปะ สามารถสร้างเทววัตถุที่งดงาม และดูท่าทางมีฤทธิ์อย่างไรก็ได้ตามจิตนาการของตน
ตั้งแต่สมัยโบราณถึงปัจจุบัน คนทุกชาติทุกภาษา สร้างสรรค์รูปเคารพเป็นรูปร่างต่างๆ มากมาย บางพวกสร้างสรรค์จิตนาการให้เทวรูปต่างๆ มีหน้ามากๆ มีตามากๆ เพื่อจะได้มองเห็นได้ทั้งสามโลก คือ บาดาล โลกมนุษย์ และในฟ้าสวรรค์ เพื่อแสดงถึงความสามารถอันยิ่งใหญ่ของเทวรูปตัวนั้นๆ บางพวกสร้างเทวรูปที่มีความสามารถในการป้องกันตัวเองสูง ด้วยการสร้างให้มีหน้ารอบคอ รอบตัวถึงสี่หน้าหรือมากกว่า เพื่อจะได้มองเห็นได้รอบทิศทางเลยทีเดียว ดีนะที่เรายังไม่เคยเห็นคนสร้างเทพที่มีมือถือระเบิดนิวเคลียร์ หรือ ถือจรวด ถือลูกโลก ไว้ด้วย
ข้อห้ามข้อที่ 1-2 จงนมัสการพระเจ้าแต่ผู้เดียว * การที่ถือว่าพระเจ้าสูงสุดมีเพียงองค์เดียว เป็นสัจจะที่มีเหตุผลน่าเชื่อถือมากกว่า การนับถือพระเจ้าหลายองค์ เพราะคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าผู้เป็นอยู่ หากไม่กราบนมัสการต่อสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ธรรมชาติได้แก่ ภูเขา ก้อนหิน ต้นไม้ สายธาร ท้องฟ้า หมู่เมฆ หมู่ดาว ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ สายลม สายฝน สายฟ้า หรือ สิ่งใดในธรรมชาติ มนุษย์หลายๆ เผ่าพันธุ์อยากสร้างพระเจ้า และเทพเจ้าต่างๆ ให้มีรูปร่างและลักษณะตามจินตนาการ ตามความรู้สึกนึกคิดของตนไปต่างๆ นานา มนุษย์หัวใสทุกยุคทุกสมัยที่มีทักษะทางศิลปะ สามารถสร้างเทววัตถุที่งดงาม และดูท่าทางมีฤทธิ์อย่างไรก็ได้ตามจิตนาการของตน
ตั้งแต่สมัยโบราณถึงปัจจุบัน คนทุกชาติทุกภาษา สร้างสรรค์รูปเคารพเป็นรูปร่างต่างๆ มากมาย บางพวกสร้างสรรค์จิตนาการให้เทวรูปต่างๆ มีหน้ามากๆ มีตามากๆ เพื่อจะได้มองเห็นได้ทั้งสามโลก คือ บาดาล โลกมนุษย์ และในฟ้าสวรรค์ เพื่อแสดงถึงความสามารถอันยิ่งใหญ่ของเทวรูปตัวนั้นๆ บางพวกสร้างเทวรูปที่มีความสามารถในการป้องกันตัวเองสูง ด้วยการสร้างให้มีหน้ารอบคอ รอบตัวถึงสี่หน้าหรือมากกว่า เพื่อจะได้มองเห็นได้รอบทิศทางเลยทีเดียว ดีนะที่เรายังไม่เคยเห็นคนสร้างเทพที่มีมือถือระเบิดนิวเคลียร์ หรือ ถือจรวด ถือลูกโลก ไว้ด้วย
คนบางพวกสร้างเทววัตถุให้มีมือมากๆ เพื่อจะได้ถืออาวุธหลากหลายชนิด เอาไว้ต่อกรกับศัตรูได้สบายๆ บางพวกสร้างเทววัตถุให้มีหน้าตาดุร้าย มีหน้าเป็นสัตว์ต่างๆ เพื่อแสดงถึงพลังอำนาจตามธรรมชาติของสัตว์นั้นๆ เทวรูปบางตัวมีรูปร่างที่เป็นส่วนผสมของสัตว์ต่างๆ เหมือนกับการตัดต่อพันธุกรรมของสัตว์ที่มีพลัง ความสามารถต่างๆ เช่น มีหัวเป็นสิงห์โต ตัวเป็นยักษ์ ลำตัวเป็นม้า และมีเกล็ดเหมือนงู บางประเทศสร้างเทวรูปให้มีรูปร่างคล้ายงู หรือมังกร เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถวิเศษ บางครั้งหัวเดียวยังไม่พอ ต้องสร้างให้มีหัวมากๆ บางครั้งมีหัวถึงสิบหัว หรือ เจ็ดหัว ซึ่งแสดงถึงฤทธิ์อำนาจของเทวรูปที่มีมากกว่าเทวรูปตัวอื่นๆ
เทพเจ้าบางตัวมีปีกด้วยเพราะจะได้มีความสามารถที่ไร้ขีดจำกัด สามารถบินไปไหนมาไหนได้
วัตถุเทวะบางตัวถูกสร้างให้มีรูปร่างเหมือนกับอวัยวะเพศชาย เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ การสืบพันธุ์ และความอุดมสมบูรณ์ นักสร้างวัตถุนิยมสร้างสิ่งนี้เพื่อให้คนที่ขาดความมั่นใจ พกไว้เพื่อแสดงออกถึงความปลอดภัย การได้รับความคุ้มครองจากเทววัตถุที่เป็นสิ่งก่อให้เกิดความเชื่อศรัทธา กำลังใจในการดำเนินชีวิตของผู้นับถือ แน่นอนการจะได้วัตถุสิ่งนี้คนที่นับถือจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อจะได้ครอบครองวัตถุเทวนิยมเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้อาจก่อเกิดผลประโยชน์ทางด้านค่านิยมและด้านค่าตอบแทนของผู้ผลิตอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
วัตถุเทวะบางตัวถูกสร้างให้มีรูปร่างเหมือนกับอวัยวะเพศชาย เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ การสืบพันธุ์ และความอุดมสมบูรณ์ นักสร้างวัตถุนิยมสร้างสิ่งนี้เพื่อให้คนที่ขาดความมั่นใจ พกไว้เพื่อแสดงออกถึงความปลอดภัย การได้รับความคุ้มครองจากเทววัตถุที่เป็นสิ่งก่อให้เกิดความเชื่อศรัทธา กำลังใจในการดำเนินชีวิตของผู้นับถือ แน่นอนการจะได้วัตถุสิ่งนี้คนที่นับถือจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อจะได้ครอบครองวัตถุเทวนิยมเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้อาจก่อเกิดผลประโยชน์ทางด้านค่านิยมและด้านค่าตอบแทนของผู้ผลิตอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
การสร้างสรรค์เทวรูปให้มีลักษณะพิเศษต่างๆ ย่อมสามารถตอบสนองต่อความต้องการทางด้านจิตใจ และความหิวกระหายหาพระผู้สร้างของมนุษย์เป็นอย่างดี มนุษย์ต้องการความอุ่นใจ ความมั่นคงปลอดภัย ความเจริญรุ่งเรือง คนในอาชีพแต่ละอย่างจะมีความนิยมเคารพนับถือเทวรูปที่มีความสามารถเฉพาะทาง ที่สามารถช่วยเกื้อหนุนในด้านการอาชีพ เพื่อการดำรงชีพที่ดีแก่ผู้ที่เคารพนับถือเทวรูปนั้นๆ ในภูมิภาคต่างๆ ของโลกแม้จะมีเทวรูปมากมายแต่ก็ไม่ยังเพียงพอแก่ความต้องการของคนที่ชอบและหลงไหลในสิ่งนี้ คนหัวใสบางคนยังพยายามสร้างวัตถุเทวะรุ่นใหม่ๆ ออกมาจำหน่ายเพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางด้านจิตใจและวิญญาณของคนที่เชื่อถือศรัทธาต่อไปเรื่อยๆ เทววัตถุเหล่านี้สามารถช่วยมนุษย์ได้จริงหรือ
ข้อคิดของพวกนับถือพระเจ้าคือว่า ถ้าเทววัตถุที่มือมนุษย์ได้สรรค์สร้างขึ้นมีจิตวิญญาณอยู่จริงเราจะสร้างเขาได้หรือ หรือว่าเขาควรจะเป็นผู้สร้าง หรือผู้อารักขาเรา เทววัตถุเหล่านี้ส่วนใหญ่ผู้ที่เคารพนับถือต้องเป็นผู้รับภาระในการ "เลี้ยงดู" เอาใจใส่ ให้อาหารแก่เทววัตถุเหล่านี้ ตามวาระและโอกาสที่ผู้จำหน่ายบอกให้ผู้ศรัทธาต้องนำมาสักการะต่อมัน เทววัตถุบางอันที่วางเปล่ากลับปรากฎมีวิญญาณบางอย่างเข้ามาแอบอ้างเป็นตัวตน วิญญาณหลายชนิดชอบให้บูชาด้วย น้ำอัดลมประเภทต่างๆ เป๊ปซี่ ไบเล่ห์ กล้วย หรือ ส้ม หรือขนมเล็กๆ น้อยๆ หากท่านเป็นคนช่างสังเกตท่านจะเห็นว่า รูปเคารพเหล่านี้ชอบกินน้ำสีแดงมากกว่าสีอื่น ทำไมหรือ สีแดงหมายถึงอะไรกัน
การที่คนเลี้ยงไม่เอาใจใส่วิญญาณที่ครอบครัวมีไว้เท่าที่ควร อาจก่อให้เกิดวิญญาณอย่างหนึ่งที่คนชาวเหนือเขาเรียกมันว่า "ผีกะ" คือผีที่เที่ยวไปเข้าสิงใครต่อใคร เพื่อข่มขู่ให้เอาอาหารดีๆ ไปเลี้ยงดูมันแลกเปลี่ยนกับการที่มันจะออกจากการสิงสู่คนที่มันไปรบกวน ถ้าผีกะถูกจับได้ว่าเป็นผีมาจากบ้านใคร จะนำความเสียหน้ามาสู่เจ้าของได้เป็นอันมาก ดังนั้นจึงมีข้อคิด ความเชื่อของคนล้านนาอย่างหนึ่งว่า คนที่เลี้ยงผีต้องเลี้ยงผีเหล่านี้ให้ดี ไม่ให้มันอดอยากจนออกไปรบกวนใครๆ ให้ขายหน้าเจ้าของ
สิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งในการสร้างเทววัตถุของมนุษย์ที่นิยมสร้างเทววัตถุก็คือ พวกเขาจะสร้างเพื่อให้มันขายได้ เมื่อมีเทวรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้น นักสร้างเทววัตถุจะโปรโมทวัตถุเทพด้วยการออกข่าวต่างๆ เพื่อให้คนหันมาสนใจวัตถุเทวะ ของตน มีการชักชวนคนให้หลงเชื่อว่าเทพเจ้าองค์ใหม่ๆ ได้เกิดขึ้นมาแล้วและ มีฤทธิ์สามารถช่วยดลบันดาลให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นอย่างน้อย 7 ประการคือ
1. ความร่ำรวย การค้าขายเจริญรุ่งเรือง
2. ความนิยมชมชอบ ได้รับความเมตตาจากบุคคลรอบข้าง
3. ป้องกันอันตรายจากวิญญาณชั่วร้าย สัตว์ร้าย และภัยพิบัติ อุบัติภัยต่างๆ
4. ความอุ่นใจและสุขภาพดี
5. การทำให้มีอำนาจข่มขวัญคู่แข่ง คู่ต่อสู้ทางความคิด ธุรกิจ การเมือง
6. ความขลัง หนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า อยู่ยงคงกะพัน
7. ความเป็นผู้บุญญาธิการก้าวขึ้นสู่ศักดิ์ศรีและตำแหน่งสูงกว่าคนอื่น
แต่ไม่มีเทวะรูปหรือเทววัตถุสักอันเดียวที่คนขายบอกว่าใส่แล้วทำให้ เกิดความสันติสุข และตายแล้วได้ไปสวรรค์พบกับชีวิตที่เป็นอมตะและพบกับองค์ดพระเจ้าเที่ยงแท้
การที่เราจะนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิสักอันหนึ่งเราจึงสมควรจะพิจารณาว่า เป็นสิ่งที่มีฤทธิ์อำนาจในการช่วยเหลือเราได้จริงๆ หรือ หรือเป็นเพียงเงา หรือสื่อของการปกครองบางอย่างที่ทำให้เราตกไปเป็นเบี้ยล่างของสิ่งเหล่านั้น บทความนี้จึงขอเล่า และให้ข้อคิดแก่ผู้อ่านเกี่ยวกับเรื่องเทววัตถุเพียงเท่านี้ ก่อนนะครับ
พระธรรม อิสยาห์ บทที่ 45.5-13 ได้กล่าวว่าดังนี้
5. เรา(Yaweh)เป็นพระเจ้า และไม่มีอื่นใดอีก
นอกจากเราไม่มีพระเจ้า
เราคาดเอวเจ้า แม้เจ้าไม่รู้จักเรา
6. เพื่อคนจะได้รู้ตั้งแต่ที่ตะวันขึ้น
และจากที่ตะวันตก ว่าไม่มีใคร นอกจากเรา
เราเป็นพระเจ้า และไม่มีอื่นใดอีก
7. เราปั้นความสว่างและสร้างความมืด
เราทำโชคและสร้างวิบัติ
เราคือพระเจ้า ผู้กระทำสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น
8. “โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงโปรยฝนมาจากเบื้องบน
และให้ท้องฟ้าหลั่งความชอบธรรมลงมา
ให้แผ่นดินโลกเปิดออก เพื่อความรอด จะได้งอกขึ้นมา
และยังความชอบธรรมให้พลุ่งขึ้นมาด้วย
เรา คือพระเจ้าได้สร้างมัน
9. “วิบัติแก่ผู้ที่ขืนสู้กับผู้สร้างของเขา
หม้อดินสู้กับช่างปั้นหม้อ
ดินเหนียวพูดกับผู้ที่ปั้นมันหรือว่า
'ท่านกำลังทำอะไร'
หรือ 'ผลงานของท่านไม่มีหูหิ้ว'
10. วิบัติแก่ผู้ที่พูดกับบิดาว่า 'ท่านให้เกิดอะไร'
หรือกับผู้หญิงว่า 'เธอคลอดอะไร'
11. พระเจ้า องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
ผู้สร้างของเขาตรัสดังนี้ว่า
“เจ้าถามเราถึงสิ่งที่จะเกิดมีมา
ถึงลูกหลานของเราและถึงการงานแห่งมือของเรา เจ้าสั่งเราเชียว
12. เราสร้างแผ่นดินโลก
และเนรมิตมนุษย์บนนั้น
เราเอง มือของเราขึงฟ้าสวรรค์
และเราบัญชาบริวารทั้งสิ้นของมัน
13. ด้วยความชอบธรรมเราได้เร้าท่าน
และเราจะกระทำทางทั้งสิ้นของท่าน
ให้ตรง ท่านจะสร้างนครของเรา
และให้พวกเชลยของเราเป็นอิสระ
ไม่ใช่เพื่อสินจ้างหรือเพื่อสินบน”
พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
..........................................
(ยังมีต่อ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)