คำพยานการปลดปล่อย  การได้รับนิมิตให้ระลึกถึงอดีต  และรับการปลดปล่อยจากวิญญาณแห่งความตาย
จากคุณ เอ ณ ป่าตอง จ.ภูเก็ต

ข้าพเจ้าเดินทางจากภูเก็ตในวันที่ 29 สิงหาคม 2011 ไปถึงประจวบฯ ในเช้าวันที่ 30 สิงหาคม  2011 ไปที่คริสตจักร พระกิตติคุณประจวบฯ   อ.แสวง กุสาวดี ผู้ทำพันธกิจบำบัดโดยพระนามพระเยซู  และทีมงานต้อนรับข้าพเจ้าเป็นอย่างดี

more




ในช่วงสายของวันนั้นท่านและน้องรินทร์ ซึ่งเป็นทีมงานได้ทำการอธิษฐานเผื่อข้าพเจ้าและนำไปสู่กระบวนการบำบัด

ข้าพเจ้าจำอดีตตัวเองไม่ได้ว่าเคยทำอะไร  มีความเป็นอยู่อย่างไร ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าชีวิตในช่วงวัยเด็กเป็นอย่างไรบ้าง   

ช่วงก่อนอายุ 30 ปีเป็นอย่างไร  ข้าพเจ้าไม่ทราบ แต่ข้าพเจ้ามีสุขภาพเป็นปกติดีทุกอย่าง   ข้าพเจ้ารู้ว่าใครเป็นใคร และตัวเองเป็นใคร    รู้จักทุกคนแต่ข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องราวและความสัมพันธ์ต่างๆ  กับบุคคลที่ข้าพเจ้าเกี่ยวข้องสัมพันธ์ด้วยว่าเป็นอย่างไร

ข้าพเจ้าจำชื่อพ่อแม่และทุกคนได้อย่าง ดี  มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า คือว่า  เมื่อประมาณ 7 ปี ที่แล้ว  ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาบนเตียงคนไข้ที่รพ.วชิระภูเก็ต เพราะมีคนนำส่งโรงพยาบาล เขาบอกว่า ข้าพเจ้าเป็นลมกลางถนน และมีคนนำมาส่งที่ โรงพยาบาล

ตอนนั้นข้าพเจ้าพักอยู่ที่ ต.กมลา  จ.ภูเก็ต เขตนี้เป็นถิ่นของชาวมุสลิม  ในตำบลนี้ มีหลายคนเป็นคนเล่นของ (เล่นไสยศาสตร์) อยู่ในละแวกบ้านนั้น    มีคนบอกว่า   ข้าพเจ้าอาจถูกของบางอย่างที่เขาปล่อยมาจึงอาจทำให้ลืมอดีต

เมื่อข้าพเจ้าได้มารับการอธิษฐานปลด ปล่อยกับทีมงานของอาจารย์แสวง   พระเจ้าได้สำแดงแก่ข้าพเจ้าทางนิมิต หรือการเข้าสู่ภวังค์    พระองค์นำข้าพเจ้าเข้าไปสู่เหตุการณ์ของชีวิตในช่วงวัยเด็ก    ตอนนั้นข้าพเจ้ามีความผูกพันกับยายมากแต่ยายเป็นคนที่มีอาการ หลงๆ ลืมๆ   ต่อมาเมื่อยายตาย   ข้าพเจ้าก็เรียกหายาย  และขอให้วิญญาณของยายมาคุ้มครอง เพราะตอนนั้นข้าพเจ้ายังไม่รู้จักพระเจ้า    

การกระทำเช่นนี้เป็นเหตุทำให้ข้าพเจ้า มีวิญญาณแห่งความความตาย (Spirit of Death) ติดตัวมา   ในวัยเด็กข้าพเจ้าเคยมีประสบการณ์ได้เห็นเหตุการณ์   คนฟั่นเฟือนคนหนึ่งผูกคอตาย ภาพแห่งการแขวนคอตายนี้ ส่งผลต่อข้าพเจ้าคือว่า  วิญญาณชั่วนี้ได้ติดตามแอบแฝงในข้าพเจ้าโดยไม่รู้ตัว

การสำแดงในภวังค์นี้ นำข้าพเจ้าไปลึกมาก   ในการปลดปล่อยนี้อาจารย์สามารถถามชื่อวิญญาณ ว่าเป็นใคร  มาอยู่ในข้าพเจ้าได้อย่างไร

อาจารย์ผู้ปลดปล่อยได้อธิษฐานสั่งขับไล่วิญญาณชั่ว ออกไปจากการแอบแฝงสิงสู่ข้าพเจ้าในพระนามพระเยซู   

 ในช่วงเช้าที่ทำการอธิษฐานปลดปล่อย   ข้าพเจ้าได้รับการเปิดเผยถึงวิญญาณมากมายที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า พอทำการปลดปล่อยไปได้พักหนึ่ง อาจารย์ก็หยุดพักช่วงการปลดปล่อย  

ประมาณเวลาช่วงบ่ายโมง  เมื่อข้าพเจ้าทานข้าวเที่ยงเสร็จก็นอน พักในช่วงบ่าย หลับสบายมาก รู้สึกเบาโล่งมาก   ตัวเบาหวิวเลย อาจารย์ได้นัดทำการบำบัดอีกครั้งในช่วงกลางคืน 1 ทุ่มครึ่ง เนื่องจากในช่วงบ่ายอาจารย์มีงานอื่นที่ต้องทำ

เมื่อถึงเวลาก็เข้าบำบัด ช่วงที่สอง   ครั้งนี้พระเจ้าพาไปลึกมากขึ้นพระเจ้าทรงรื้อฟื้นความทรงจำของข้าพเจ้าให้กลับคืนมาทั้งหมด

พระเจ้าสำแดงในภวังค์ของข้าพเจ้า   พระองค์แสดงให้เห็นถึงการพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งของข้าพเจ้า  บางครั้งข้าพเจ้าได้รับการสำแดงว่า   ข้าพเจ้าเดินลงทะเลจนจมมืด  พยายามกินยาฆ่าตัวตาย  เอามีดเชือดคอตัวเอง ในเวลานั้นข้าพเจ้ารับรู้ความรู้สึกทั้งหมดที่ตัวเองเคยประสพ    ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตอนนั้นข้าพเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่    

ข้าพเจ้าไม่เคยรู้เลยว่าข้าพเจ้าจะมี ชีวิตที่ทุกข์ทรมานขนาดนี้ในอดีต   ข้าพเจ้าเคยถูกใส่ร้ายจากที่ทำงานในกรุงเทพ  เขากล่าวหาว่าข้าพเจ้าเป็นสายให้กับโจรและร่วมกันลักทรัพย์ นายจ้าง  

 ข้าพจ้าจึงถูกจับและถูกฝากขังอยู่ เรือนจำบางเขนเป็นเวลาถึง 58 วัน   ต่อมาตำรวจสามารจับคนร้ายตัวจริงได้   เขาจึงปล่อยตัวข้าพเจ้าออกมา   ข้อกล่าวหาว่าเป็นสายให้โจรแบบนี้เป็นคดีอาญา  หากจับคนร้ายไม่ได้ข้าพเจ้าต้องติดคุก 2 ปี ในตอนที่ติดคุกข้าพเจ้าเสียใจมาก  ข้าพเจ้ารับสภาพตัวเองไม่ได้  จนมีความรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย   ข้าพเจ้าได้บนบานสานต่อสิงศักดิ์สิทธิทั่วไปมากมาย    

เมื่อออกมาจากคุก  ข้าพเจ้าได้ก็ไปบวชพราหมณ์    ฝึกสมาธิในป่าช้าถึงขั้นถอดจิตได้    การถอดจิตเป็นการเปิดประตูให้วิญญาณชั่วมากมายมาแฝงในเรา  

ต่อมาข้าพเจ้าได้มาอยู่ที่ภูเก็ต ข้าพเจ้าได้แต่งงานกับชายคนหนึ่ง เรามีลูกด้วยกัน   ชายคนนี้รังเกียจข้าพเจ้ามาก   เขาหาทางทำร้าย   ด่าว่า ทุบตีข้าพเจ้าต่างๆนานา   จนข้าพเจ้าคิดฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้ง

ข้าพเจ้าใช้เวลาอยู่กับเขาถึง 6 ปี    วันหนึ่งเขาได้ใช้ค้อนเหล็กหุ้มด้วยผ้าและเขาได้ใช้ค้อนนั้นทุบมาที่ท้ายทอย ข้าพเจ้า จากทาง ด้านหลัง   มีเสียงตะโกนว่า "มึงตายเสียเถิด" และข้าพเจ้าสลบไป

ข้าพเจ้าได้ฟื้นขึ้นมา  และรู้สึกตัวว่าอยู่บนเตียงคนไข้ที่ รพ.วชิระ จ. ภูเก็ต   ตามร่างกายข้าพเจ้าไม่ปรากฎบาดแผลใดๆ มากนั้น แต่ที่แขนมีรอยฟกช้ำนิดหน่อย    ขามีรอยฟกช้ำนิดเดียว

อดีตสามีของข้าพเจ้า บอกว่าข้าพเจ้าตอนฟื้นขึ้นมาว่า ข้าพเจ้าเกิดเป็นลม  และอาจล้มถูกก้อนหินเล็กๆ แถวนั้น ข้าพเจ้าเชื่อเขาสนิทใจ   เพราะข้าพเจ้าจำอะไรไม่ได้เลย   ข้าพเจ้าไม่รู้สึกเจ็บปวดทุกข์ใจใดๆ   ข้าพเจ้าจำทุกคนได้แต่จำเหตุการณ์ไม่ได้

หลังจากนั้นข้าพเจ้าและอดีตสามี ได้หย่าร้างกันเนื่องจากเขาต้องการแยกตัวออกไป   เขาบอกกับข้าพเจ้าว่า   ขอยกลูกทั้งหมดให้  อยู่ในการเลี้ยงดูของข้าพเจ้า  

ในเวลานั้น ข้าพเจ้าได้มารู้จักกับพระเยซูแล้วเป็นเวลา เพียง 1 เดือน แต่ข้าพระเจ้าก็รู้สึกรักพระองค์มาก   

อดีตสามีให้เหตุผลในการเลิกกันว่า   ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้เพราะเราเชื่อคนละศาสนาแล้ว   ข้าพเจ้าก็ตกลงใจเซ็นต์หย่าให้ โดยเขาได้เขียนสลักหลังไว้ว่าไม่มีค่าเลี้ยงดูใดๆทั้งสิ้น ฝ่ายหญิงเป็นผู้มีอำนาจในบุตรแต่เพียงผู้เดียว

ในภวังค์นั้น   พระเจ้านำข้าพเจ้าไปยังจุดที่เจ็บปวดมาก และความทรงจำทั้งหมดก็กลับคืนมา ข้าพเจ้าให้อภัย และรู้ถึงรักยิ่งใหญ่ของพระเยซู เพราะเวลานั้นพระองค์ทรงอยู่ด้วย พระเจ้าทรงเป็นผู้ลบความทรงจำและเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าพเจ้าคิดฆ่าตัวตาย    พระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้าทุกเหตุการณ์ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้ายังไม่เป็น คริสเตียน

อ.แสวง ถามอธิษฐานทูลพระองค์อีกว่า สาเหตุใดข้าพเจ้าจึงต้องมีชีวิตคู่ที่ไม่มีความสุข  และมีความคิดแต่การฆ่าตัวตาย อะไรทำให้คนใกล้ชิดต้องการฆ่าเราให้ตาย มีอะไรอยู่เบื้องหลัง
 พระ เจ้าทรงนำข้าพเจ้าไปยังเหตุการณ์ตอนก่อนข้าพเจ้าจะเกิดมา แม่ข้าพเจ้าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก    มีคนมาชอบหลายคน ส่วนใหญ่เป็นผู้ดีมีฐานะ    มียศมีตำแหน่ง
 ก่อน ที่ข้าพเจ้าจะเกิดมา  มีเรื่องเกิดขึ้น คือว่า   พ่อข้าพเจ้าซึ่งมีอาชีพเป็นเพียงช่างไม้ยากจน  กินเหล้า สูบบุหรี่ พ่อได้ฉุดคุณแม่มาเพื่อเอามาเป็นภรรยา   แม่จำเป็นปล่อยเลยคนายเลย  จึงได้ใช้ชีวิตด้วยกัน    ต่อมาจึงได้ทำพิธีแต่งงานแบบเล็กๆ  เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ใหญ่      แต่แม่เก็บความขมขื่นนี้ไว้   ไม่เอ่ยปากบอกใคร แม่เคยเก็บความคิดที่จะเอาลูกออก   หรือฆ่าข้าพเจ้า   แต่ไม่ประสบความสำเร็จ  จนท้องแม่โตขึ้นเรื่อยๆ   ข้าพเจ้าโตขึ้นในครรภ์ จนได้เวลาประมาณ 7 เดือน   แม่เจ็บครรภ์หนัก พ่อจึงตามหมอตำแยมาช่วยทำคลอดให้   เนื่องจากพ่อจน   พ่อจึงพาแม่ไปอยู่บ้านนอก   ไกลมาก ในบ้านนอกเวลานั้นไม่สามารถหารถมาโรงพยาบาลได้ทันที     
 หมอ ตำแยผู้ทำคลอดได้จับดูท้อง   หมอตำแยเข้าใจว่าว่า เด็กจะเกิดก่อนกำหนด   หมอตำแยรู้ว่า เด็กในท้องไม่ยอมกลับหัวเพื่อคลอดออกมาตามปกติ    เธอจึงได้พยายามเค้นข้าพเจ้าออกมา ข้าพเจ้า(เด็กทารก) เอาเท้าออกมาทีละข้าง และหัวตัวมาก  ติดช่องคลอดแม่ไม่สามารถออกมาได้ง่ายๆ  
  แม่ ทรมานมากและด่าว่าในขณะคลอดข้าพเจ้า   สิ่งนี้กลายเป็นความเจ็บปวดที่ข้าพเจ้ามีต่อแม่    เมื่อทารกน้อย (ข้าพเจ้า)ออกมาได้ก็ตัวเขียวปี๋    รู้สึกว่ากำลังจะสิ้นใจตาย  
  หมอ ตำแยกลับบอกว่า   "มันตายแล้ว"   และได้นำข้าพเจ้าใส่กระด้ง   เตรียมเอาไปทิ้ง   เตรียมเผา   แม่นอนแบบหมดแรง แต่ข้าพเจ้าได้เห็นภาพ  พระเยซูมากอดเด็กทารกคนนี้ไว้ และบอกว่า "ลูกสุดที่รักของเรา เรารักเจ้ามาก เจ้าเป็นของเรา"   และพระองค์นำพู่กันจุ่มสีน้ำเงิน มาแต้มเป็นจุดเล็กๆ ที่ต้นแขนขวาเด็กทารกคนนี้ไว้     จุดสีน้ำเงินนี้  มันกลายเป็นไฝสีน้ำเงินติดตัวเด็กคนนี้มาจนทุกวันนี้   

ขณะที่หมอตำแยคิดว่าทารกน้อยได้ตายไป แล้ว  แต่เด็กคนนี้ก็สงเสียงร้องออกมา   จนหมอตำแยตกใจ จึงนำไปล้างตัวและห่อผ้าใส่แปลผ้าสีแดงผูกกับขื่อให้ และพูดว่า "ทำไมมันไม่ตาย"
 นี่ คือสาเหตุแห่งวิญญาณแห่งความตายที่ติดตัวข้าพเจ้ามาตั้งแต่เกิด   แต่พระเยซูทรงเลือกข้าพเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว   เมื่อทารกน้อยรอดตายแม่เห็นข้าพเจ้า   ท่านกลับรักข้าพเจ้ามาก และเลี้ยงข้าพเจ้ามาอย่างดี

เรื่องราวเหล่านี้ข้าพเจ้าไม่เคยรู้เลย    ในภวังค์นี้ข้าพเจ้าได้เห็นภาพแม่ที่รักและปกป้องทารกน้อย ซึ่งเป็นข้าพเจ้าเองมาตลอด

หลังจากบำบัดเสร็จ ข้าพเจ้าก็โทรหาแม่ และเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้กับแม่  ข้าพเจ้าบอกกับแม่ว่า  ข้าพเจ้ารักแม่ และได้สอบถามแม่ถึงเรื่องราวตอนเกิด   ข้าพเจ้าได้เล่าให้แม่ฟังถึงเรื่องที่พระเจ้าเปิดเผยให้รู้
 แม่ บอกว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความจริง    แม่เองก็ไม่อยากคิดถึงมัน แม่รู้เพียงว่า เมื่อมีลูกแล้ว    แม่รักลูกและอยากให้ลูกมีความสุข
 ข้าพเจ้า ไม่มีความรู้สึกโกรธใครเลยในเหตุการณ์ต่างๆ ข้าพเจ้าให้อภัยทุกคน  และรักทุกคนมากขึ้น และข้าพเจ้ารู้สึกเห็นคุณค่าตัวเองมากขึ้น เพราะข้าพเจ้าได้รับรู้อย่างลึกซึ้งแล้วว่า   พระเยซูรักข้าพเจ้ามากเพียงใด อ้อมกอดพระองค์อบอุ่นแสนหวานขนาดไหน
ขอบคุณพระเจ้า อาเมน

ความเห็นแนบท้ายบทความ + แหล่งที่มา

ผมได้เขียนเรียบเรียง ประสบการณ์การรับการปลดปล่อย ของพี่น้องในกลุ่มนี้คนหนึ่งที่ได้รับการปลดปล่อยจากวิญญาณ ที่แอบสิงสู่ในร่างกาย โดยเจ้าตัวไม่เคยรู้เลยว่า ที่ตัวเองมีชีวิตที่ยุ่งยาก สับสน และมีแต่ปัญหา ครอบครัวแตกแยก มันจะมีเรื่องวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องอย่างนี้ ศาสนศาสตร์ในเมืองไทย ชาวคริสต์ส่วนใหญ่ยังไปไม่ถึงครับ  นักการศาสนาบางคนเรียนแต่องค์ความรู้ทางพระคัมภีร์ แต่ไม่รู้จักฤทธิ์เดชของพระเจ้า  ปฏิเสธการครอบครองสิทธิอำนาจตามพระสัญญาณ  ไม่รู้ ไม่เข้าใจ  เขาจึงกล่าวหาคนที่สามารถทำการปลดปล่อยได้ว่าเป็นไม่ได้ กล่าวว่า  เป็นลัทธิ หรือ เพี้ยน  เรื่องอย่างนี้ มันเข้าใจยากมาก ใครอยากพิสูจน์ความจริง เชิญมาดูผมทำได้เลย

บทความเรื่องนี้ผมไม่ได้ทำการปลดปล่อย
เอง ผมเป็นเพียงผู้ถุ่ายทอด และเรียบเรียงใหม่ แต่ผมขอให้เกียรติ อาจารย์ แสวง มา ณ ที่นี้  แม้ว่าผมจะไม่เคยรู้่จักอาจารย์เลย แต่ผมขอนับถือาจารย์แสวง  และชื่นชมท่านมา ณ ที่นี้ ด้วยความจริงใจ

ที่ผมกล้ายืนยันเรื่องแบบนี้  ว่ามีจริง เพราะผมเองก็ปลดปล่อยช่วยคนมาเย
อะเหมือนกัน

ผมขอยืนยันว่า ประสบการณ์แบบนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องเหลวไหลครับ ไม่งั้นเราคงอธิษฐานวางมือใครๆ ไม่หาย และเราคงไม่สามารถขับผีออกจากคน
ได้  ท่านคิดดูสิครับ มีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้บ้าง  ไม่ได้ทำเพื่อเงิน ไม่ได้เรียกร้องเอาค่าปลดปล่อย   สังเกตดีๆ  เรายกย่องพระเยซูคริสต์เจ้า

(การขับวิญญาณของผู้เชื่อ มียืนยันในพระคัมภีร์มากมาย - และผมขอยืนยันว่า การขับผีไม่ใช่ของประทานครับ แต่เป็นองค์ความรู้ ที่เกิดจากการทรงสถิตของพระเจ้า
ใน ผู้เชื่อแท้ครับ ลูกศิษย์ของผมในทีม หลายๆ คนอายุสิบกว่าปี ยี่สิบกว่า ไม่เคยเรียนโรงเรียนพระคัมภีร์ สามารถขับผี และวางมือรักษาโรคได้ครับ เพราะเขาเป็นผู้เชื่อแท้และได้ร
ับการสอน ได้รู้วิธีจึงสามารถทำได้ ตามที่พระคัมภีร์ มก 16 ว่าไว้)

Original  message from Rice Mu, September 2011
แหล่งข้อมูล คลิก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)