บทที่ 4 ปิดทวาร Closing the six doors

บทที่ 4 การปิดทวาร

    อาดัมมาร่วมการสัมมนา สู่เสรีภาพในครั้งต่อมา  เขารู้สึกหิวกระหายหาพระเจ้าและต้องการการปลดปล่อยจากโซ่ตรวนทุกอย่างของซาตาน   ผมยังคงยืนยันตรงนี้อีกครั้งว่า เราควรจะให้คนที่ต้องการรับการปลดปล่อยเข้ารับการอบรมหลักสูตร “สู่เสรีภาพ” ก่อนที่จะรับการปลดปล่อย  ในการสัมมนาสู่เสรีภาพจะเป็นการอธิบายว่ามี วิธีการ 2 วิธีที่ซาตานสามารถจู่โจมชีวิตของเรา

    ประการที่ 1 โดยไม่ใช้สิทธิอันชอบธรรมแต่ใช้วิธีการหลอกลวง




    ซาตานไม่มีอำนาจอันชอบธรรมในการจู่โจมเรา เราเพียงแต่ใช้พระคำของพระเจ้า และสั่งซาตาน หรือวิญญาณชั่วให้ถอยห่างไปจากเรา    

    ประการที่ 2 คือ โดยสิทธิอันชอบธรรม เมื่อเราได้ “เชื้อเชิญ”

    ซาตานให้เข้ามาสู่ชีวิตของเรา  เราอาจไม่ทันรู้ตัวว่าเราได้ไปทำใบสัญญากับซาตาน และได้เชิญให้มันมีสิทธิเหมือนกับผู้เช่าที่จะเข้าสู่ในชีวิตของเรา  ถ้าเราพยายามที่จะไล่มัน 

ซาตานตอบโต้เหมือนกับว่ามันรู้กฎหมาย และเอาสัญญานี้ยืนยันกับพระเจ้าว่ามันมีสิทธิอันชอบธรรมในการครอบครองชีวิตของเรา เหมือนกับว่ามันได้มีใบสัญญาเช่าบ้านที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    ใบสัญญานี้เราทำได้โดย 6 ประการ คือ

    1. การจงใจหรือเจตนาทำบาป           
    2. การไม่ให้อภัย (แค้นฝังใจ)           
    3. การตัดสินคนอื่น ตัวเอง หรือ พระเจ้า       
    4. การได้รับอิทธิพลจากบรรพบุรุธ
    5. รอยแผลทางอารมณ์หรือวิญญาณ
    6. การรักเงิน

    บทสรุปของบทเรียนในตอนนี้คือ การอธิษฐานเพื่อปิดทวารทั้ง 6 ประการนี้  เราเริ่มต้นด้วยการนำอธิษฐานให้อาดัม และคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมการสัมมนาสู่เสรีภาพ  ในการอธิษฐานสารภาพ และปฏิเสธตัดความสัมพันธ์  อาดัมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบาย ยิ่งเราอธิษฐานอาดัมก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายมากขึ้น  เมื่อเรากล่าวคำอธิษฐานอันสุดท้ายสิ้นสุดลง อาดัมล้มลงและแสดงอาการเจ็บปวดอย่างมาก  ซาตานรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับมัน มันพยายามที่จะหยุดยั้งไม่ให้เราปิดทวารที่มันใช้เข้ามาทำร้ายอาดัม 

    ศิษยาภิบาล แบรี่ ซาร์ และผมตัดสินใจที่จะอธิษฐานเผื่ออาดัมต่อไปเป็นการส่วนตัวในห้องแยกต่างหาก  อย่าลืมกฎข้อที่ 2 “อย่าอธิษฐานตามลำพัง”  เราคิดว่ามันน่าจะเป็นการฉลาดถ้าหากเรามีมากกว่าสองคนด้วยซ้ำ

เราจึงขอให้คุณ เบทตี้ กูลิมิส ผู้ซึ่งกำลังดำเนินการสัมมนาสู่เสรีภาพ กับพวกสตรี อยู่ชั้นบนให้ลงมาช่วยด้วยอีกคน ต่อมาคุณกรอเรีย อินแมนก็มาช่วยเราอีกแรง แล้วเราจะเริ่มอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อการอธิษฐานปิดทั้ง 6 ทวารก็ทำไปหมดแล้ว   เราจึงตกลงกันที่อธิษฐานปลดปล่อยที่ใช้ในการสัมมนาอีกครั้งเพื่อ “ทำความสะอาดขยะในชีวิตของอาดัมที่เขาอนุญาตให้มันเข้ามาให้หมด 

    มาถึงจุดนี้เรายังไม่ได้รับทราบลึกลงไปอีกว่า  แท้จริงแล้วอาดัมเคยไปเกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ตั้งแต่อายุ แค่12 ปี เราเริ่มอธิษฐานการปลดปล่อยด้วย คำอธิษฐานขับวิญญาณแห่งความกลัว เราต่อสู้สงครามฝ่ายวิญญาณโดยใช้พระนามของพระเยซู   อาดัมเริ่มอ้วก มีน้ำอ้วก น้ำลายไหลย้อยจากปาก  การอธิษฐานต่อสู้ในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ในที่สุดเราคิดว่าเราได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว

    เมื่อเราจบการต่อสู้กับวิญญาณแห่งความกลัวในขั้นตอนแรก เราพักประมาณ 10 นาทีเพื่อพักเอาแรงก่อนที่เราจะดำเนินการต่อไปกับวิญญาณแห่งหมอดู เมื่อมาถึงจุดนี้เราได้เรียนรู้ถึงความสำคัญและฤทธิเดชแห่งพระคำของพระเจ้า  คุณกรอเรีย แนะให้เราอ่านจากพระธรรมกิจการของอัครทูต บทที่ 16 ข้อ 16-18 ซึ่งมีข้อความดังนี้

    เมื่อเรากำลังออกไปยังที่สำหรับอธิษฐาน  มีทาสสาวคนหนึ่งที่มีผีหมอดูเข้า ได้มาพบกับเรา เขาทำการทายให้นายของเขาได้เงินเป็นอันมาก หญิงนั้นตามเปาโลกับพวกเราไป ร้องว่า

“คนเหล่านี้เป็นทาสของพระเจ้าสูงสุด มากล่าวประกาศทางรอดแก่ท่านทั้งหลาย”

เขาทำอย่างนั้นหลายวัน ฝ่ายเปาโลก็งุ่นง่านใจ   หันหน้าสั่งผีนั้นว่า

“ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอ็งจงออกมาจากเขา” ผีนั้นก็ออกมาในเวลานั้น  

ขณะที่เราอ่านถ้อยคำจากพระคำของพระเจ้า มาถึงตอนที่ว่า “ผีนั้นก็ออกมาในเวลานั้น” ในข้อที่ 18 อาดัมก็อ้วก ผมอ่านข้อความตอนนี้ซ้ำๆ อาดัมอ้วกหลายครั้ง  ในที่สุดแล้วผมอ่านข้อความนี้ไปถึง 10 เที่ยว ในการอ่านแต่ละครั้งเราเห็นผลที่เกิดกับอาดัมอย่างชัดเจน


กฎข้อที่ 4 จงใช้พระวจนะของพระเจ้าเสมอ

    เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ  คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ  ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
    [พระธรรมฮีบรู บทที่ 4:12]

    แม้ว่าซาตานจะสูญเสียสิทธิในการครอบครองแต่มันยังดื้อที่จะอยู่ต่อ  การใช้พระคำของพระเจ้าเป็นเหมือนอาวุธในการต่อสู้จะทำให้ซาตานอ่อนแรงลง และไม่สามารถต่อต้านได้นานต่อไป

    ในคืนนั้นเราอธิษฐานเป็นเวลาถึง 5 ชั่วโมง เราได้เรียนรู้และมีประสบการณ์หลายอย่าง  เมื่อเราอธิษฐานมาถึง วิญญาณแห่งความเย่อหยิ่ง  ใบหน้าของอาดัมแสดงอาการยะโสออกมา  เมื่อเราอธิษฐานมาถึงวิญญาณแห่งการโกหก แขนและขาของอาดัมมีอาการบิดเบี้ยว  เปรียบเหมือนกับการโกหกที่เป็นการพูดไม่ตรงตามความเป็นจริง คือการดัดแปลงถ้อยคำ เพราะเรารับรู้ว่าอาดัมนั้นเป็นนักพูด และชอบใช้คำในการทำให้คนอื่นไข่วเข่วอยู่เสมอ

กฎข้อที่ 5 กฎข้อนี้เป็นเพียงการเตือนให้ระวัง  ในบทต่อๆ ไป เราจะได้พบกับวิญญาณแห่งการเยาะเย้ย ดื้อดึง และลักษณะที่แสดงออกของวิญญาณเหล่านี้

    เป็นเวลาประมาณตี 1 ในเช้าวันอาทิตย์  พวกเรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยในการต่อสู้สงครามฝ่ายวิญญาณเป็นเวลายาวนานถึง 5 ชั่วโมงรวด แม้ว่าเราได้ทำงานมาถึง 5 ชั่วโมงแต่พวกเราก็สามารถทำสงครามไปได้เพียงครึ่งเดียวของวิญญาณรากทั้ง 16 ราก

กฎข้อที่ 6 อย่าอธิษฐานปลดปล่อยถ้าหากคุณเหน็ดเหนื่อย ร่างกายไม่พร้อม

    พวกเราตกลงที่จะหยุดการอธิษฐานเผื่ออาดัม แล้วเลื่อนไปทำในวันรุ่งขึ้นในตอนบ่าย (วันอาทิตย์)  แต่ปรากฏว่าอาดัมไม่ได้มาที่คริสตจักรในเช้าวันต่อมา  เราจำเป็นต้องเรียนรู้

ธรรมชาติของโลกแห่ง กายภาพ(ตามที่ตาเราเห็น) และโลกวิญญาณ  เราต่อสู้ในโลกของวิญญาณแต่ซาตานตอบโต้ในโลกทางกายภาพ เราทราบว่าอาดัมนอนหลับไป 24 ชั่วโมงหลังจากการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ 5 ชั่วโมง

    เมื่อเราพบกับอีกครั้งเพื่อดำเนินการต่อจากที่ทำทิ้งไว้เมื่อคราวก่อน คือตอนเย็นวันเสาร์ที่ผ่านไป  ในครั้งนี้มีการต่อสู้ดิ้นรนมากกว่าเดิมและเราไม่สามารถทำอะไรที่ก้าวหน้ามากกว่าเดิมเลย มีการแสดงอาการของวิญญาณเหมือนกับคราวก่อน   และเราก็ทำแบบเดิมที่เราได้ทำไปแล้วอีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นผลอะไร

     ในไม่ช้าศิษยาภิบาล แบรี่ ซาร์ ตระหนักว่า พฤติกรรมของอาดัมในช่วงสัปดาห์ยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการเปิดช่อง(ทวาร)ให้ซาตานเข้ามาทำงานได้เหมือนเดิมอีกครั้ง

 อาดัมเคยบอกเราบางอย่างที่ดูเหมือนไม่มีความสำคัญอะไรมากต่อเรา แต่เป็นการเพียงพอสำหรับซาตานที่จะเรียกร้องเอาสิทธิอันชอบธรรมในการครอบครองเหนืออาดัมอีกครั้ง เมื่อศิษยาภิบาล

แบรี่ พูดคำนี้ออกมาปรากฏว่า วิญญาณในตัวอาดัมเริ่มสำแดงเดชอีกครั้ง  โดยการเข้าควบคุมเสียงพูดของอาดัมทำให้อาดัมไม่สามารถพูดกับเราอีกต่อไป

เราถามอาดัมว่า “อยากจะสารภาพสำหรับการจงใจเจตนาทำบาปนี้ไหม” เนื่องจากอาดัมไม่สามารถพูดสารภาพได้เราจึงขอให้เขาผงกศรีษะส่งภาษาว่า เอาหรือไม่เอา ดูเหมือนว่าอาดัมอยากจะพูดว่า "เอา" แต่ซาตานพยายามควบคุมไม่ให้อาดัมผงกศรีษะได้ เราพบว่าอาดัมสามารถเคลื่อนไหวได้เฉพาะที่บริเวณตาเท่านั้น ดังนั้นเราจึงขอให้อาดัมกระพริบตา 2 ครั้งถ้าเขาต้องการสารภาพสำหรับความบาปที่จงใจกระทำ  อาดัมกระพริบตาหนึ่งครั้ง  มันดูเหมือนเป็นการจงใจและต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะกระพริบตาสองครั้ง  เพราะดูเหมือนอาดัมต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างมากที่จะบังคับตัวเองในการกระพริบตาครั้งที่สอง

    ในที่สุดเราสามารถบรรลุความก้าวหน้าในการต่อสู้  เนื่องจากอาดัมพูดไม่ออก ผมจึงต้องอ่านคำอธิษฐานตัดสายสัมพันธ์คล้ายๆ กับว่าผมเป็นทนายความตัวแทนของอาดัมในการให้การในศาล  เหมือนกับว่าผมเป็นทนายตัวแทนถามเขาว่าเขายินยอมที่จะเซนต์สัญญาตามที่ผมอ่านหรือไม่ การกระพริบตาหนึ่งครั้งสำหรับการพูดว่า “ไม่”  และการกระพริบตาสองครั้งหมายความว่า “ตกลง”     

ด้วยเงื่อนไขนี้อาดัมกระพริบตาสองครั้งเพื่อลงชื่อในใบสัญญาแห่งการสารภาพบาป  อาดัมกระพริบตาครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง...เราต้องรอเป็นเวลานานทีเดียวกว่าจะทำได้  เราสามารถมองเห็นความพยายามของอาดัมอย่างมากในการแสดงอาการนี้เพื่อจะบอกเราว่าตกลงตามนี้  ซาตานได้สูญเสียอำนาจของมันเนื่องจากผลของ กฎข้อที่ 1 อาดัมรู้สึกเหนื่อยหมดแรงในช่วงนี้มาก แต่พวกเราก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์ว่าเราไม่ควรจะคิดว่า หรือโมเมว่าทวารทั้งหมดได้ถูกปิดไปแล้ว

กฎข้อที่ 7 อย่าเริ่มการปลดปล่อยถ้าหากทวารทั้งหมดยังไม่ถูกปิด ถ้าหากพบว่ามันจะมีบางทวารเปิดอยู่ให้ปิดเสียก่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)