หลายสิ่งที่เป็นเรื่องง่ายๆ แต่คนมีปัญญา และสมองเลิศไม่รู้ บางคนรู้ดีแต่ปฏิบัติไม่ได้ บางคนเป็นแค่คนสอนคนอื่น แต่ตนเองไม่สนใจที่จะทำ บางคนอ้างว่าไม่มีในพระคัมภีร์ หรือถ้าหากมีก็จะบอกว่า ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพราะมันหมดยุคไปแล้ว อาจารย์ใหญ่บางคนสอนว่า ของประทานไม่มีแล้ว
ในความเป็นจริงอาจเป็นไปได้ว่า คนเหล่านี้ยังไม่ได้เข้าถึงสัจจะแห่งกิตติคุณแห่งฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า พวกเขาอาจไม่ได้พบกับอาจารย์ที่ดี หรือได้อ่านหนังสือที่ดีๆ ของคนทีมีประสบการณ์กับพระเจ้าแล้วนำไปปฎิบัติ บางคนไม่เคยเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ไม่เคยคิดว่าพระเจ้าจะมีการเปิดเผยสำแดงใหม่ๆ บางคนคิดว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากอาจารย์ปู่ จากสถาบัน จากกลุ่มความเชื่อของตน สิ่งได้เห็น ได้ยินมาเกี่ยวกับพระเจ้ามันมีแค่ที่พวกตนรู้เท่านั้น
บางครั้งผมได้ประสบว่า คนที่อ้างว่าตัวเองว่าเป็นอาจารย์ใหญ่ เป็นนักเทศนา อ้างว่ารู้เรื่องพระเจ้าดี บ้างมีตำแหน่งสูงๆ ทางศาสนา มีหน้ามีตาในสังคมคริสเตียน เป็นนักเทศน์เดินสาย มีคิวยาวเป็นปี สามารถสอนทำให้คนฟังฮาฟันไม่หุบ หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง และเขายังมีความสามารถเป็นนักโต้วาที่เรื่องศาสนศาสตร์ และหลักข้อเชื่อทางศาสนาที่หาตัวจับยาก บางคนเป็นนักเขียนหนังสือ นักวิจารณ์สังคมคริสเตียน บ้างเป็นผู้นำระดับสูงของกลุ่มความเชื่อ
แต่ผมสังเกตว่า คนเหล่านี้ ทำสิ่งที่น่าอายอย่างไม่ละอายใจคือ พวกเขาไม่เชื่อว่า ตัวเขาเป็นผู้เชื่อที่มีความสามารถทำการอัศจรรย์ในพระนามของพระเยซู ด้วยการอธิษฐานเผื่อคนป่วยให้หายทันที และขับผีให้ออกจากร่างกายของคนในพระนามของพระเจ้า เมื่อมีคนพูดถึงเรื่องการอัศจรรย์ในยุคปัจจุบัน พวกเขาเหยียบย่ำตัวเอง และพระนามของพระ ด้วยการพููดว่า "ผมไม่มีของประทาน" และ "ไม่มีในพระคัมภีร์" ทั้งๆ ที่สิ่งนี้เป็นเพียงสิทธิพื้นฐานของผู้เชื่อเท่านั้นเอง
นี่คือข้อติติงที่ผมกล้ารับผิดชอบ มันเป็นสิ่งที่ผู้เชื่อพระเจ้าต้องหันมาพิจารณาดูว่า หากใครได้เป็นผู้เชื่อพระเจ้ามาเป็นเวลามากว่าสามปี ห้าปี หรือมากกว่านี้ ระดับความรู้ความเข้าใจเรื่องสัจจะแห่งพระกิตติคุณมีแค่ไหน มีความเชื่ออยู่ในระดับไหนกันแน่ ผมอยากหนุนใจให้ผู้เชื่อพระเจ้าทุกคน หันกลับจากความบาป หันมาตระหนักว่า พระกิตติคุณของพระคริสต์ที่ประกาศออกไปเมื่อสองพันปี สิ่งที่เขาเรียกว่า "การมาของแผ่นดินของพระเจ้า" เป็นฤทธิอำนาจของพระเจ้าเหนือวิญญาณร้าย และโรคภัยไข้เจ็บ พระเยซูทำให้ดู สาวกทำให้ดู คริสตจักรต่างๆ หลายแห่งทำให้ดูแล้ว
พระกิตติคุณแห่งฤทธิ์เดชของแผ่นดินของพระเจ้าที่เราแต่ละคนได้รับนี้ มีคนจ่ายราคาไปเท่าไหร่ กว่าที่ใครสักคนจะมารู้จักพระเจ้า และได้รับความรอดพ้นบาป พ้นจากอำนาจของผีร้ายวิญญาณชั่ว และมีชีวิตแห่งสันติสุุขแบบนี้ได้
แล้วทำไมผู้เชื่อจำนวนไม่น้อย จึงดูไม่แตกต่างไปจากคนถือศาสนา ลัทธิความเชื่ออื่นเลย บางคนยังมุ่งสอนให้คนเป็นคนดี มีเมตตา มีผลอะไรๆ เพื่อให้คนอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขเท่านั้น
ผู้เชื่อพระเจ้าบางพวกไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร จึงอยู่กันอย่างสบายๆ โดยไม่คิดถึงคนบาปที่กำลังพินาศเพราะคำแช่งสาปของธรรมบัญญัติ ถูกผีมารวิญญาณร้ายเบียดเบียน เจ็บป่วยล้มตายไปทุกวันๆ
ทำไมผู้เชื่อจึงดูดายและทำเป็นไม่สนใจที่จะเอ่ยปากประกาศข่าวประเสริฐเรื่อง การรอดพ้นบาป และอำนาจของวิญญาณร้ายด้วยการเชื่อในพระเจ้าองค์นี้ ด้วยการสำแดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ในพระนามของพระองค์ ทำไมพวกเขาปล่อยให้เพื่อนๆ หรือคนรู้จักในที่ทำงานตายไปเพราะไม่รู้จักพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ ด้วยเหตุเพียงเพราะความขลาดกลัว ความไม่รับผิดชอบในการประกาศข่าวประเสริฐ การไม่กล้าเอ่ยปากประกาศข่าวประเสริฐให้เขาฟัง แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบการตายของคนเหล่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)