อยากขับผีได้ทำอย่างไร How do I learn how to cast out demons


มีคนถามผมเสมอว่า ผม/หนู ต้องทำอย่างไร จึงจะขับผี หรือวางมือบนคนป่วยให้หายได้

คำถามนี้เป็นคำถามฮิตก็ว่าได้  เนื่องจากผู้เชื่อพระเยซูหลายคนเชื่อพระเจ้าได้หลายปี แต่ไม่ค่อยเจริญในความเชื่อมากนัก  มีชีวิตที่ขึ้นๆ ลงๆ  ถ้ามีโอกาสได้ไปสัมมนา หรือไปประชุมฟื้นฟูของคริสเตียน ได้เจออาจารย์ดังๆ ไปฟังคำสอนรื่นๆ หูหน่อย   พอกลับมาบ้านชีวิตก็จะดีอยู่พักหนึ่ง ดีใจอยู่พักหนึ่ง  อาจจะพยายามลุกขึ้นอธิษฐานตอนเช้า  ขยันอ่านพระคัมภีร์  ชอบพูดถึงเรื่องพระเจ้าให้คนอื่นๆ ฟัง  พอเวลาผ่านไปสักพักก็เลิก  เขาก็สงสัยตัวเองเหมือนกันทำไมเป็นอย่างนั้น


ผมขอแนะนำว่า ใครที่มีชีวิตขึ้นๆ ลงแบบนี้ อย่ามาสนใจเรียนรู้การขับผีเลย  เพราะชีวิตเขาเป็นเหมือน  นักมวย  คือเวลาจะขึ้นชกก็มาฟิตซ้อมสักพักหนึ่งก่อนชก  หลังชกเสร็จก็พัก  ไม่มีคิวชกก็ไม่มีคิวซ้อม  พักยาว หลับๆ ตื่นๆ  วันๆ ไม่ฝึกไม่ซ้อมอะไรเลย นักมวยบางคนหย่อนยาน น้ำหนักขึ้นไปเป็นหลายกิโลกรัม ปล่อยตัวให้มีแต่ขี้อะไร ๆ สารพัดเกาะอยู่ตามร่างกาย เช่น ขี้เกียจ ขี้บ่น ขี้เหงา ขี้เบื่อ ขี้เหล้า  ขี้เบียร์  ขี้ลามก ขี้ฉ้อ  ขี้โอ่  ขี้คุย  ขี้ข่ม ขี้ ฯลฯ

การสู้กับผีไม่ใช่แบบนักมวยครับ เพราะผีไม่มีการพัก  ผีมันทำงานของมันทุกวัน  วันละสี่สิบสี่ชั่วโมง  มันไม่มีวันหยุดสะบาโตด้วย  และสิ่งที่ผีมีดีกว่าคริสเตียนคือ ผีชอบทำงานเป็นทีมครับ (ดีกว่าคริสเตียนอย่างมากเพราะคริสเตียนบางกลุ่ม  (โดยเฉพาะพวกที่ติดลมบน ลงไม่เป็น)ชอบทะเลาะและแย่งกันเป็นใหญ่ แย่งผลประโยชน์เรื่องอำนาจและอุปสงค์) ใครที่อยากเป็นคนไล่ผีต้องทำตัวให้เป็นแบบนักรบที่อยู่ในสงครามครับ ทำตัวเป็นแค่คนไปโบสถ์และอยู่ในศีลในธรรมจรรยาแค่วันอาทิตย์คงเป็นไม่ได้

นักรบในสงครามต้องผ่านการฝึกอย่างเข้มข้น  ฝึกหัดการใช้อาวุธนานาชนิด  และต้องเรียนรู้ศิลปการต่อสู้  ต้องขยันหมั่นฝึกซ้อม การใช้อาวุธ  เรียนรู้ยุทธศาสตร์การรบ  ต้องหมั่นฟิตร่างกายให้อดทนต่อสภาพภูมิอากาศ  และเป็นคนระแวดระวัง  มีความฉับไวในการตอบสนองการต่อสู้   ที่สำคัญก่อนที่เขาจะเป็นนักรบที่ชำนาญศึก ต้องได้รับการฝึกด้านจิตใจให้พร้อมก่อน  คือใจสำคัญที่สุด

นักรบที่ดีต้องได้รับการฝึกจากครูฝึกที่จะสอนเขาให้เชื่อฟังก่อน  ถ้านักรบคนไหน  เก่งแต่ยิงปืน และการต่อสู้หากไม่มีความถ่อมใจ  ไม่เชื่อฟัง  อาวุธที่เขามีอยู่ในมืออาจกลายเป็นพิษร้ายต่อคนฝึกของเขา หรือเพื่อนร่วมงานของเขาได้   เพราะเขาจะไม่เชื่อฟังใคร  และอยากจะอวดศักดิ์ดา หรือสมรรถภาพของเขา  เมื่อเขาเก่งขึ้นมาหน่อยเขาจะกลายเป็นตัวอันตรายสำหรับใครๆ ที่พูดไม่เข้าหูเขา และใครๆ อาจจะโดนเขาทำร้ายได้ง่ายๆ 

ผมเคยรู้สึกเสียใจที่เคยสอนวิธีการขับผีให้กับคนบางคนที่ผมไม่ได้พิสูจน์ก่อนว่า เขาเป็นคนถ่อมใจ สัตย์ซื่อ เชื่อฟังหรือเปล่า  ผลปรากฎว่า  พอมันได้รับความรู้ไปแค่กระจิบมือเดียว  มันก็คิดว่ามันแน่  มันเก่งแล้ว  พอมันพาใครมาเชื่อพระเจ้าได้  มันก็คิดว่าเป็นผลงานของมัน   พอเราทำอะไรไม่ถูกใจมันหน่อย  มันก็หาเรื่องออกไป   ผมจึงเสียดายเวลา เสียดายทรัพยากรที่ใช้สอนคนประเภทนี้  เพราะเหมือนกับการสอนจรเข้ให้ว่ายน้ำชัดๆ เลย เป็นเหมือนคนยะโสไม่เชื่อฟัง หลงไหลแต่นิมิต  ไม่บริการใคร เป็นแค่ผู้บริโภค ไม่รู้คุณข้าว ออกไปดีๆ ยังไม่ว่า ดันเอาเราไปใส่ไข่ใส่นม 

แท้จริงผู้เชื่อพระเจ้าที่โตแล้ว เมื่อเขาได้รับการสอนและเจริญแล้วเขาจะกลายเป็นนักบริการที่ดี  แต่ถ้าใครอยากมาเป็นสาวกพระคริสต์ แต่เพียงแค่บริการหรือรับใช้อาจารย์คนเดียวยังรับใช้ไม่ได้  แล้วจะไปรับใช้ประชาชนที่ไหนได้ ใครได้ไปเป็นแกะ  หากสอนไม่ดีก็อาจเป็นเหมือนเอาไข่งูเห่าไปฟักให้เป็นตัว

การสู้กับผีไม่เหมือนการเป็นนักมวยครับ  ใครที่จะเล่นเรื่องนี้ หากไม่มีวินัยทางจิตวิญญาณ  หากชีวิตเขาไม่รับการเปลี่ยนแปลงชีวิตก่อน  ยังไม่บังเกิดใหม่กับพระวิญญาณของพระเจ้า   มีพระเจ้าอยู่ข้างนอก  พระวิญญาณไม่อยู่ข้างใน   เป็นแค่คริสเตียนวันอาทิตย์  พอกลับบ้านก็เที่ยวไปทะเลาะคนนั้นคนนี้ ขี้เกียจอธิษฐาน พระคัมภีร์ไม่เคยอ่าน  พาลทะเลาะกับคนในครอบครัวบ่อยๆ   พระคัมภีร์ก็ท่องได้แต่ยอห์นบทที่ 3 ข้อ 16 และข้ออื่นๆ ที่ง่ายๆ สองสามข้อ

  ถ้าใครเป็นแบบนี้ ไม่ต้องมาเรียนรู้เรื่องการขับผีหรอกครับ เรียนไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะไม่มีผีให้ขับหรอกครับ  เพราะมีแต่ความรู้ทางศาสนา  แต่การเจิมมีนิดเดียวหรือไม่มีเลย  โอกาสในการเจอผีน้อยถึงไม่มีเลย  หากยามใดที่มีโอกาสได้เจอผีสิงคนก็ทำอะไรมันไม่ได้  เพราะผีมันไม่กลัวคนที่้อ้างตัวว่าเป็นคริสเตียนแต่ยังไม่บังเกิดใหม่ครับ  และเวลาอธิษฐานก็ไม่ผลอะไรสักอย่าง  คนบางคนไปอธิษฐานไล่ผีโดนคนผีสิงเอาเล็บข่วนหน้า  เอามือชี้หน้าด่าเสียๆ หายๆ มาแล้ว

ดังนั้นใครที่อยากจะขับผีเป็นต้องฝึกตนให้ถ่อมใจ  กลับใจใหม่จริงๆ  มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะรับการฝึกอบรม ต้องถวายตัวรับใช้  อุทิศตัวในการฝึกตน ยอมเชื่อฟังคำสอน ยอมรับการเปลี่ยนแปลง  และสัตย์ซื่อต่อตนเองและผู้อื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง ยิ่งรู้มายิ่งถ่อมใจ ไม่ใช่ยิ่งรู้มากยิ่งยะโส มีความอยากที่จะเกิดผล ยอมอยู่ใต้การปกคลุมฝ่ายวิญญาณ มีสัจจะพูดคำไหนต้องรักษาสัญญาแม้ว่าจะทำให้ตัวเองต้องเสียหาย  มีความรักต่อคนอื่นๆ อยากให้เขาพ้นทุกข์  อยากจะถวายเกียรติต่อพระเยซูเจ้า  ถ้าใครเป็นแบบนี้  ก็ลองหาอาจารย์ดีๆ สักคนช่วยสอน รับรองว่าเกิดผลแน่นอน เวลาออกไปรับใช้ที่ไหน ก็เจอแต่ผี  มีผีให้ขับจนขี้เกียจขับผีในบางครั้งเลยครับ

ขอพระเจ้าอวยพร

อ.รีวัฒน์ เมืองสุริยา

HOME กลับไปหน้าแรก


2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ3/27/2555

    อาเมน

    ตอบลบ
  2. เป็นจริงแต่หลายคนยังไมีมีประสบการณ์

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)