พลังอธิษฐาน(2) Power of prayer



 
                   เด็กน้อยคนหนึ่งปวดท้องมาก เมื่อเราวางมือเขาอ๊วกบางอย่างออกมาอย่างรุนแรง
                    ต่อมาเขาก็หายจากอาการปวดอย่างปลิดทิ้ง ด้วยคำอธิษฐานในพระนามพระเยซู

เมื่อพระเยซูทรงอธิษฐานอยู่ในที่แห่งหนึ่ง   พอจบแล้วสาวกของพระองค์คนหนึ่งทูลว่า   “พระองค์เจ้าข้า   ขอสอนพวกข้าพระองค์ให้อธิษฐาน   เหมือนยอห์นได้สอนพวกศิษย์ของตน”
ลูกา
11:9-10
 
ในตอนที่หนึ่งผมได้เกริ่นไปแล้วถึงพลังอธิษฐานที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคนของพระเจ้า  ผมชอบใช้คำว่าคนของพระเจ้า(
Man of God) มากกว่าคำว่าผู้รับใช้ เพราะผมเห็นผู้รับใช้ในเมืองไทยจำนวนหนึ่งกลายเป็นคนใช้ของคนจริงๆ มากกว่าการเป็นคนใช้หรือเจ้าหน้าที่ของพระเจ้า





นี่หมายความว่าอะไร  ผมจะลองเปรียบเทียบให้ฟัง  หากท่านเห็นใครเป็นคนใช้ของพระราชา  ถ้าเขามาในนามของพระราชาเขาจะได้รับเกียรติขนาดไหน  การพูด การถ่ายทอดพระราชดำรัสของพระราชาจะมีคนยำเกรงและต้องนิ่งฟัง และนำเอาไปถือปฏิบัติมากขนาดไหน  แต่ผมได้เห็นผู้รับใช้ของพระเจ้าทั่วไปสั่งสอนพระวจนะของพระเจ้าแล้วเห็นมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก  

ยิ่งกว่านี้ผมได้เห็นว่าคริสเตียนก็ใช้บริการผู้รับใช้ของพวกเขาอย่างคุ้มค่า  ให้รับใช้พวกเขาในโบสถ์อย่างน่าสงสาร (แกมสมเพช)  เช่นมอบหมายงานให้ผู้รับใช้เฝ้าโบสถ์  ตัดหญ้าที่โบสถ์  เก็บขยะ  เฝ้าสมบัติของโบสถ์ เหมือนเป็นยามเฝ้าโกดังเพื่อไม่ให้ใครมาขโมยของโบสถ์ แต่ให้ค่าตอบแทนเล็กน้อย  ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตของตนเองและครอบครัว  ลูกๆ ของผู้รับใช้ฯ ก็ไม่ได้รับจัดสรรทุนการศึกษา ภรรยาก็ต้องรับใช้ฟรีๆ ในโบสถ์เพราะพวกเขาจ้างแต่สามี  แต่ให้ภรรยาและลูกทำงานเป็นของแถบ  ภรรยาเป็นหัวหน้ากลุ่มสตรี  เป็นหัวหน้าคนครัว  สอนเด็กเล็ก ฯลฯ

พวกคริสเตียนบางกลุ่มไม่เคยรู้หรอกว่าโบสถ์ที่ไม่มีภารโรงนั้นผู้รับใช้ที่พวกเขายกย่องให้เป็นศิษยาภิบาลนั้นต้องคอยกวาดโบสถ์และเตรียมสถานที่นมัสการให้พวกเขาในตอนเช้าตรู่วันอาทิตย์  เพื่อให้พร้อมสำหรับการนมัสการพระเจ้า  กว่าที่พวกเขาจะทยอยกันมาโบสถ์ครบพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อนมัสการพระเจ้า บ่อยครั้งต้องรอคริสเตียนที่ขี้เกียจที่สุดมาโบสถ์คนที่มาสายที่สุดในเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงเช้า  

พวกศาสนิกผู้อ่อนแอ และน่าสงสารได้ทำการละเมิดนานาประการต่อพระเจ้า และคนของพระองค์โดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าพวกเขาได้บังคับทางอ้อมให้ลูกๆ และภรรยา หรือแม้กระทั้งตัวผู้รับใช้เองต้องปฎิบัติหน้าที่ทั่วไปประดุจงานสามัญ  เช่นล้างห้องน้ำของโบสถ์  การเก็บกวาดทำความสะอาดสถานที่เด้วย เพราะถ้าผู้รับใช้ไม่ทำห้องน้ำก็สกปรก  เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ  ภาระงานต่างๆ  หากไม่เรียบร้อยก็จะตกเป็นหน้าที่ ของ "คุณแม่" ของพวกเขา 

และพว
กผู้ปกครองหัวโบราณ  พวกที่ชอบสร้างโบสถ์ของตนเองมากกว่าการสร้างสาวกและอาณาจักรของพระคริสต์ก็จะมาด่า  บางครั้งกล่าวหาว่าเลี้ยงไว้เสียข้าวสุก   ไม่เห็นทำงานทำการอะไรได้คุ้มค่า    ก่อนนี้ผมเคยมีประสบการณ์กับศิษยาภิบาลอาวุโสในคริสตจักรที่ผมเคยอยู่  ในตอนเริ่มแรกที่ผมยังไม่เติบโตในการรับใช้นั้น ท่านศบ. อาวุโสจำต้องค่อยเก็บกองขี้หมาที่มาถ่ายเรี่ยราดในบริเวณสนามหญ้าของโบสถ์ทุกๆ อาทิตย์ด้วย

มาเข้าเรื่องกัน    การอธิษฐานไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ใครๆ ก็ทำได้  แน่ทีเดียวการอธิษฐานให้มันจบๆ ไป อธิษฐานตามหน้าที่  ตามบทบาท  หรือคำอธิษฐานด้วยถ้อยคำเริศหรูก็เป็นคำอธิษฐานที่นักการศาสนาชอบเอามานำเสนอในที่นมัสการกันอยู่เสมอ


  อาจารย์สอนศาสนศาสตร์ที่ชั้นเรียนที่ผมเคยเรียนก็เคยคุยให้ฟังในชั่วโมงสอนว่า  ท่านเป็นคนหนึ่งที่อธิษฐานได้เจ๋ง  เพราะคนจะเชิญให้ท่านอธิษฐานเสมอๆ ในงานพิธีกรรมสำคัญๆ  ดูท่านรู้สึกภาคภูมิใจมากที่ท่านได้รับเชิญให้เป็นผู้อธิษฐานในการประชุมสำคัญๆ อยู่เสมอ    ผมขอบอกว่าการอธิษฐานไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคำอธิษฐานจะสั้นๆ หรือฟังดูรื่นหู หรือมีถ้อยคำที่ไพเราะจับใจคนฟังอย่างไรจะทำให้คำอธิษฐานนั้นทรงพลังและเกิดผล


ผมขอนำเสนอสิ่งที่เป็นข้อคิดเพื่อที่ใครๆ ที่อยากจะเป็น “คนของพระเจ้า” ที่อธิษฐานแล้วสร้างผลกระทบ   มีพลังให้เกิดผลพึ่งระวัง  และปฏิบัติก่อนเพื่อที่คำอธิษฐานที่ออกจากปากของเขาจะเป็นคำอธิษฐานที่ทรงพลังและทำให้เกิดผลอย่างมาก  ต่อคน ต่อสุขภาพ ต่อจิตวิญญาณ  จนคนสามารถคนได้รับการปลดปล่อยได้ เป็นข้อๆ เพื่อให้ท่านลองทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว และให้ข้อคิดสกิดใจเพื่อทำให้ผู้อ่านได้รับความกระจ่างเป็นข้อๆ ดังนี้


 
อธิษฐานเผื่อคนป่วยในคริสตจักรบ้าน ที่ ประเทศลาว ปี 2010

 ก. จงอธิษฐานขอเพราะสิ่งนี้เป็นพระประสงค์ให้เราข้ออย่างจริงใจ

เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอแล้วจะได้
 จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน
10เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้   ทุกคนที่แสวงหาก็พบ   และทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา
[พระธรรมลูกา 5:9-10]

เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่สำคัญที่ให้ผู้เชื่อที่ต้องการการแทรกแซงของพระเจ้า ให้เขาอธิษฐาน และพระเจ้าสัญญาว่าจะให้เขาได้รับสิ่งที่เขาทูลขอ




ข. จงอธิษฐานขอในพระนามพระเยซูเท่านั้น
พระเยซูตรัสกับเขาว่า   “เราเป็นทางนั้น   เป็นความจริงและเป็นชีวิต   ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา 
[พระธรรมยอห์น 14.6]

เพราะอะไรหรือเราจึงไม่สามารถอธิษฐานด้วยตนเอง ด้วยสิทธิและความสามารถของตนเอง  คนทั่วไปไม่สามารถจะมาเฝ้าพระเจ้าได้ เพราะเราทั้งหลายเป็นคนบาป  แม้ว่าจะได้รับการชำระบาป เลิกบาปแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะมาเฝ้าพระเจ้าได้ด้วยนามของตนเอง  เขาจำเป็นต้องมาในพระนามของพระคริสต์เท่านั้น เพราะด้วยนามนี้  ผู้เชื่อพระคริสต์ได้รับความชอบธรรมด้วยพระโลหิตของพระคริสต์ เราได้เข้าใจว่า ทำไม คริสเตียนจึงจบคำอธิษฐานด้วยคำว่า ในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

พระธรรมตอนหนึ่งได้กล่าว่า
13"สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายจะขอในนามของเรา   เราจะกระทำสิ่งนั้น   เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร"          [พระธรรมยอห์น 14.13]

. เมื่ออธิษฐานขอสิ่งใด  อย่าสงสัยพระเจ้า

23เราบอกความจริงแก่ท่านว่า  ถ้าผู้ใดๆจะสั่งภูเขานี้ว่า 'จงลอยไปลงทะเล' และมิได้สงสัยในใจแต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้น   ก็จะเป็นตามนั้นจริง 24เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า   ขณะเมื่อท่านจะอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด   จงเชื่อว่าได้รับ   และท่านจะได้รับสิ่งนั้น
[พระธรรมมาระโก 11:23-24]

ขณะทีอธิษฐานจงอย่าสงสัย เพราะความสงสัยนั้นคือความล้มเหลวของคำอธิษฐานนั้น

“...แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ   อย่าสงสัยเลย   เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา
7ผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย 8เขาเป็นคนสองใจไม่มั่นคงในบรรดาทางที่ตนประพฤตินั้น  
[พระธรรมยากอบ 1:6-8]


ง. จงอธิษฐานขอสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า
“และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์   คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์   พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา 15และถ้าเรารู้ว่า   พระองค์ทรงโปรดฟังเรา   เมื่อเราทูลขอสิ่งใดๆ   เราก็รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่เราทูลขอนั้นจากพระองค์”
 [พระธรรม 1 ยอห์น 5. 14-15]
หลายคนอธิษฐานขอในสิ่งที่ไม่ตรงพระประสงค์ของพระเจ้า เช่นอธิษฐานว่า ขอพระเจ้าทรงทำร้ายคนที่ทำร้ายเขา  ขอให้พระเจ้าจัดการกับคนที่ทำตัวเป็นศัตรูของเขา คนที่ละเมิดต่อเขา  ขอให้พระเจ้าแช่งเขาให้ตาย ให้เกิดวิบัติเร็วๆ บ้างขอให้พระเจ้าประทานความร่ำรวย  วัตถุสิ่งของ  ความสำเร็จ   คู่ครอง  สิ่งที่เกินเอื้อม   สิ่งของที่บำรุงบำเรอ และตอบสนองความอยากอันไม่สิ้นสุดของเขา  

คนมากมายไม่ทราบว่าความเจริญทางวัตถุ  การมีทรัพย์สินมาก  การสนุกทางเพศและการกินดื่มที่ไร้การควบคุม  และการยับยั้งชั่งใจทำให้คนจำนวนมากหลงหายไปจากความเชื่อ และหลงลืมภาระกิจอันสำคัญ   ลืมจุดประสงค์ของชีวิตคริสเตียน  พวกเขาเดินหลงทางชีวิต  นึกว่าเป็นทางที่ถูกต้องแต่ไม่ใช่  พวกเขาไม่ทราบว่าพระเจ้าเรียกเขามาทำอะไร  ไม่ทราบว่าเขาเกิดมาเพื่ออะไร  อยู่ไปวันๆ อยู่ไปเรื่อยๆ รู้จักเป้าหมายชีวิตแต่มันเป็นเป้าหมายที่ลงไปสู่แดนมรณา 

พวกเขาคิดว่าเกิดมาเพื่อเรียนๆ ๆ ๆ เรียนให้จบ เรียนให้สูง  เรียนได้เกรดดีๆ  แล้วก็หางานทำ   ทำงานๆ  แล้วก็หาอะไรที่มันอร่อยลิ้นกิน กิน กิน   พอได้กินดีแล้วก็ขอให้ได้อยู่ดี   อยู่ตึกสบายๆ  อยู่คอนโด  พออยู่ไปได้หน่อยก็รู้สึกเบื่อก็อยากจะมีคู่  และก็แต่งาน แล้วก็เลี้ยงลูก  สร้างฐานะ  เก็บเงินไว้ตอนแก่  เวลาใกล้ตายจะได้มีเงินไปจ่ายค่าดูแลสุขภาพ    พวกเขาคิดแต่เรื่องการอยู่ดีกินดี  มีสุข มีครอบครัว มีคนรัก  มีการงานที่ดี  มีบ้านดี  มีรถใหม่   มีทีวีจอยักษ์  มีมือถือไอโฟน รุ่นล่าสุด  สิ่งเหล่านี้พวกเขาเชื่อว่านี้คือความสุขของเขา 


แต่สิ่งนี้สำหรับคนเชื่อพระคริสต์ที่บังเกิดใหม่แล้วเขาถือว่าเป็นแค่ของสามัญสำหรับมนุษย์โลกเท่านั้น  ไม่ใช่เป้าหมายของชีวิตมนุษย์ที่พระเจ้ามีพระประสงค์เลย  แล้วพระประสงค์ที่แท้จริงสำหรับชีวิตคืออะไรล่ะ

มนุษย์ธรรมดามักจะอยากได้สิ่งของสามัญสำหรับชีวิตเท่านั้น พวกเขาคิดว่าของสามัญเหล่านี้คือสิ่งที่สุดยอดสำหรับชีวิตมนุษย์แล้ว ดังนั้นสิ่งที่เขาขอจึงเกิดจากแรงกระตุ้นแห่งความความริษยาเพื่อนบ้านของเขา  เขาอธิษฐานด้วยความอิจฉาคนอื่นที่ดีกว่าหรือเพื่อการได้อยู่ดีกินดี  เพื่อได้รับสิ่งของและวัตถุที่ต้องการ

ผู้เชื่อบางคนอธิษฐานขอสิ่งที่ไม่จำเป็นที่แท้จริงสำหรับชีวิตของพวกเขา
  หลายครั้งเราพบว่า  ความร่ำรวย ฐานะ ความสำเร็จ  ความอยู่ดีกินดีไม่ได้เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับบางคนเพราะเมื่อใดที่เขาอยู่ดีมีสุข สบาย  มีความมั่นคงทางฐานะ และมีเสรีภาพทางการเงิน  พวกเขาจะละเลยคนอื่น  ละเลยสังคม  ละเลยงานของพระเจ้า  ไม่ใส่ใจการอธิษฐานการร่วมสามัคคีธรรม  บางคนไม่อ่านพระคัมภีร์เป็นปีๆ   เขาไม่เคยรู้เลยว่าเขากำลังอยู่ในอันตราย  พวกเขากำลังถูกบางอย่างผูกมัดอยู่  ไร้สันติสุข  สุขภาพแย่ลง และกำลังจะจนมุม

บางคนเมื่อพระเจ้าทดสอบลองใจเขาด้วยการประทานพระพรให้เขามีสิ่งของทรัพย์สมบัติเล็กๆ น้อย มีเงินไม่กี่แสน ไม่กี่ล้าน พวกเขาก็หลงไปเพลิดเพลินกับสิ่งของ หลงรูป ทรัพย์ สมบัติ  ความรู้  ศิลปะเทคโนโลยีและความสบาย จนลืมครอบครัว  ลืมตัวเอง  ลืมการงานของพระเจ้า ลืมเส้นทางของพระเจ้า เส้นทางแห่งชีวิตเสียแล้ว 

คนที่ละเลยภาระกิจของพระเจ้า  ไม่เข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้า  พระเจ้าคงไม่ยอมให้พวกเขาได้สันติสุขจากสิ่งที่พวกเขาครอบครองอยู่ได้หรือ เพราะความเชื่อผิดๆ  คาดหวังผิดๆ  พวกเขาจะคาดหวังความเจริญที่ทำให้เขาเสื่อมไปจากพระสิริ และความรอดของจิตวิญญาณจากพระเจ้าได้อย่างไร

จากประสบการณ์การปลดปล่อยเพียงเล็กน้อย   ผมได้พบว่า มีผู้เชื่อจำนวนมากที่เจ็บป่วย ถูกผีสิง วิญญาณรบกวนมาขอรับการปลดปล่อย
  พวกเขาบอกเราเสมอว่า  เขาลืมพระเจ้า เขาหลงวัตถุ  ความรู้  การศึกษา  การสร้างฐานะทางสังคม  ความเพลิดเพลินใจทางเพศที่ผิดธรรม   การส่ำสอนทางเพศ ภาพลามก  คลิปลึกลับ   การมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรม  รักร่วมเพศ  การกินดื่มสิ่งเป็นพิษต่อสุขภาพ  การหลงไหลไสยศาสตร์  หมอดู  การเล่นที่ท้าทายและเสี่ยงต่ออันตรายต่อสุขภาพและ จิตวิญญาณ

มนุษย์ธรรมดา ศาสนิกธรรมดาที่ยังเป็นมนุษย์บาปมักจะ
มัวเมาในการหาทรัพย์  ฐานะความร่ำรวยความสนุกทางเพศ  ของเล่นไฮเทค  มากกว่าการทำตัวเพื่อเป็นทูตแห่งความรอดของพระคริสต์  พวกเขาหลงคิดไปว่าความแข็งแรงทางร่างกาย  สุขภาพที่ดี  เรี่ยวแรงแข็งขัน  การงานที่มั่นคง ฐานะและรายได้ที่ดีของพวกเขาจะทำให้ชีวิตของพวกเขามีความสุข  แต่เปล่าเลยสิ่งเหล่านี้มันเปลี่ยนไปได้ ง่ายๆ สูญสลายไปง่ายๆ เหมือนน้ำท่วมกรุงเทพที่ทำลายความหวัง  ทรัพย์สมบัติ  ของรักของหวงของคนมากมายที่วางใจในทรัพย์สมบัติและรูปเคารพที่มือมนุษย์สร้างขึ้น




อธิษฐานเผื่อคนป่วยที่คริสตจักรบ้านใน นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียตนาม 2011

จ. การอธิษฐาน เพื่อตอบสนองความโลภนั้นไร้ผล


พระธรรมตอนหนึ่งได้กล่าวว่าดังนี้
ท่านทั้งหลายอยากได้ แต่ไม่ได้ ท่านก็ฆ่ากัน ท่านโลภแต่ไม่ได้  ท่านก็ทะเลาะและทำสงครามกัน ท่านไม่มีเพราะท่านไม่ได้ขอ

3ท่านขอและไม่ได้รับ เพราะท่านขอผิด หวังได้ไปเพื่อสนองกิเลสตัณหาของท่าน

4คนทุจริตเอ๋ย ไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลกนั้น คือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า  เหตุฉะนั้น ผู้ใดใคร่เป็นมิตรกับโลก ผู้นั้นก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า “
[พระธรรมยากอบ 4:3]

 การขอเพื่อเอาไปตอบสนองกิเลสตัณหา  เพื่อตอบสนองเนื้อหนังและความอยากที่เกินฐานะ ความต้องการที่ไร้เดียงสาแต่ผิดธรรม  ด้วยความโลภ จึงเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่พระเจ้ามีพระประสงค์จะให้เกิดในชีวิตของผู้ขอ ดังนั้น  ความปรารถนาที่ผิดพลาด ความโลภจึงเป็นสิ่งที่เป็นอุปสรรคทำให้การอธิษฐานของเขาไม่มีพลังทำให้เกิดผล หลายคนจึงมีชีวิตที่ลุ่มๆ ดอนๆ แห้งเหี่ยว และไม่เกิดผล  ไม่สร้างผลกระทบต่อผู้ใดในทางที่ดีเลย 

คริสเตียนหลายคนอธิษฐานเมื่อยามทุกข์รอ้นยามเจ็บป่วยเท่านั้น  เขาพยายามอธิษฐานเป็นเวลานาน  เป็นเดือนเป็นปีแต่ไม่ได้รับคำตอบเพราะเขาทำผิดพลาด บางครั้งเขาเกิดความสงสัยว่าทำไมพระเจ้าไม่ตอบ พระองค์ไม่รักเขาหรือ  พระเจ้าไม่ฟังหรือ  เขายังเป็นผู้เชื่อที่พระเจ้ายังยอมรับ หรือรู้จักเขาอยู่หรือเปล่า


 แท้จริงการแสดงพฤติกรรมเป็นศัตรูกับพระเจ้า จงใจทำบาป ไม่กลับใจใหม่  ออมชอมกับความบาปครั้งแล้วครั้งเล่าหลงเสพติดบาป  หลงระเริงกับสิ่งของในโลกนี้มากเกินไป  ใช้เวลาไม่สมดุล  การดำเนินชีวิตไม่สมดุลนั่นเองที่ทำให้คำอธิษฐานของเขากลายเป็นสิ่งว่างเปล่า เสียเวลาเปล่า เพราะเขาทำตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า พระคัมภีร์ได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่า  การเป็นมิตรกับโลก เป็นมิตรกับสิ่งของในโลกนี้มากกว่าการใช้เวลาในทางทำเป็นเสมือนว่าเขาทำตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า

มีศัตรูคนไหนที่ได้รับความโปรดปรานจากเราหรือ
   สิ่งที่ศัตรูของเราควรได้รับคือสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งดีทั้งปวงไม่ใช่หรือ  นั่นคือความคาดหวัง  เป็นวิสัยธรรมดาของมนุษย์ทั่วไปไม่ใช่หรือ 

การเป็นมิตรกับโลกคือประกาศตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า  ผู้ใดที่ทำตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้าจะคาดหวังสิ่งดี  คำตอบที่ดีอะไรในคำอธิษฐานยามที่เขาเดือดร้อน  เจ็บป่วย  หรือต้องการความช่วยเหลือในยากลำบากหรือ


อ่านตอนที่ 1
 โปรดติดตามตอนที่ 3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)