พลังแห่งการอธิษฐาน
การอธิษฐานใครๆ ก็ทำได้ อาจารย์หรือนักบวชศาสนาไหนก็ทำได้ คนทำธรรมดาก็ทำได้ ผู้นำความเชื่อศาสนาไหนๆ เขาก็ภาวนาอธิษฐานกันทั้งนั้น แต่ใครล่ะที่เมื่ออธิษฐานแล้วมีการรับรองจากเบื้องบนสามารถเห็นผลแห่งการเปลี่ยนแปลงของการอธิษฐานได้อย่างอัศจรรย์ มีผู้คนหายป่วยหายใข้ ผีออก วิญญาณรบกวนหายไป จมูกที่ตันอยู่ก็โล่งสบาย ใข้ก็หาย ปวดก็หาย รู้สึกตัวเบาๆ เหมือนว่าจะลอยขึ้นจากพื้นได้ ด้วยเป็นผลกระทบจากการอธิษฐานด้วยสิทธิอำนาจแห่งผู้เชื่อของคนของพระเจ้า
ปัจจุบันเราเห็นมีนักเทศน์ นักสอนศาสนากลุ่มความเชื่อต่างๆ บ้างก็มีโบสถ์ใหญ่สนับสนุน บ้างก็เป็นพวกนิยมอิสระไม่ขึ้นกะใคร อ้างว่าทำพันธกิจนั่นนี่ บ้างก็สอนฟรี บ้างก็แจกบทเรียนฟรี บ้างก็เดินทางไป
โนน้ไปนี่ บ้างเป็นอาจารย์ใหญ่ดังฝีปากกล้า อาจารย์บางคนเป็นคนดังทำใบปลิวขายดังไปทั่วประเทศ แต่มีใครสักกี่คนที่เมื่อเขาได้วางมืออธิษฐานแล้วคนที่รับการอธิษฐานได้รับการสัมผัสจากพลังเหนือมิติที่ส่งผ่านการวางมือของเขา ผมว่าในประเทศไทยมีไม่กี่คนหรอก อาจจะยากสักหน่อยนะครับ เพราะของดีจริงไม่มีให้พบได้ง่ายๆ หรอกใครอยากได้ต้องแสวงหาจริงๆ จึงจะพบ
สำหรับคริสตชนการอธิษฐานนั้นบางคนสอนว่า เป็นเหมือนลมหายใจของชีวิตเลยที่เดียว ผมว่าสอนแบบนี้ก็เกินไปนะ ถ้าการอธิษฐานคือลมหายใจก็หมายความว่าคนต้องอธิษฐานทุกเวลาเพราะไม่งั้นชีวิตเขาก็คงหมดลมไปแล้วเพราะไม่ได้หายใจ เนื่องจากไม่ได้อธิษฐาน
มีคำสอนมากมายที่คริสตชนได้รับมา ถูกบ้างผิดบ้าง บางครั้งคำสอนผิดๆ แต่เมื่อมันออกจากปากนักการศาสนาดังๆ บางเรื่องมันกลายเป็นเรื่องถูกไปเลยก็มี สำหรับผมเองผมไม่ได้อธิษฐานแบบทุกเวลาหรอก วันๆ หนึ่งผมอธิษฐานไม่มากนัก เฉลี่ยแล้วอาจจะไม่เกินหนึ่งชั่วโมง แต่เมื่อผมอธิษฐานผมเห็นการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพราะอะไรหรือ
บทความนี้จะเฉลยให้คนที่อยากเป็น อยากมี อยากเห็นได้รับทราบและเอาไปปฏิบัติ ผมขอบอกก่อนว่าผมไม่ใช่นักสอนศาสนา ผมไม่ใช่นักศาสนศาสตร์ที่แจกคำเทศนา หรือสอนด้านความรู้หรือพิธีกรรมทางศาสนา แต่ผมคือคนของพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อยู่และพระวิญญาณของพระเจ้าอยู่กับผม ผมจึงทำบางอย่างที่นักการศาสนาทั่วไปทำไม่ได้่ ผมไม่ใช่คนที่มีของประทานพิเศษ หรือมีคาถาอาคมใดๆ ทั้งสิ้น และผมไม่ได้ใช้พลังจิตในการอธิษฐาน
มีนักการศาสนาจำนวนไม่น้อยที่มักจะสอนว่าคริสเตียนต้องอ่านพระคัมภีร์ให้ได้จบเล่ม ตั้งแต่พระธรรมปฐมกาลจนถึงพระธรรมวิวรณ์ ปีละ 1-2 รอบ บางคนอ้างว่าอ่านได้หลายรอบ เขาสอนว่าถ้าใครอ่านพระคัมภีร์จบปีละหนึ่งรอบจะได้พร ชีวิตจะสุขสมบูรณ์ และเป็นคนที่เติบโตกับพระเจ้า มีแต่คนสอนว่าให้เติบโตๆ เติบโตๆๆๆ เติบโตๆ แต่ทำไมจึงไม่มีฤทธิ์เดชของพระเจ้าออกมาจากคำอธิษฐานของนักการศาสนาหลายๆ คนละครับ ถ้าหากใครเป็นคนหนึ่งในกลุ่มคนไร้ฤทธิ์ รู้สึกท้อถอยลึกๆ ในใจ ลองมาหาพระเจ้าในรูปแบบดั่งเดิมสิครับ แล้วการอธิษฐานของท่านจะสร้างผลกระทบอย่างมากมาย
การสอนให้อ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ ย่อมเป็นสิ่งดี ผู้สอนสอนไม่ผิดนะ การอ่านพระคัมภีร์เป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่แล้วสำหรับคริสตชนทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่อ่านพระคัมภีร์จบทั้งเล่มปีละหลายรอบจะสามารถอธิษฐานแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นคนหายโรค เห็นคนที่ดูเหมือนปกติไม่มีอะไรผิดธรรมดากลายเป็นอีกคนหนึ่งที่แสดงอาการเหมือนมีผีอยู่ข้างใน บ้างก็กรีดร้อง บ้างก็ดิ้นทุรนทุราย และบ้างก็หายโรค
บทความที่ผมเขียนส่วนใหญ่เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้า และจากการไปออกพันธกิจมากกว่า การสอนหลักข้อเชื่อ เพราะเรื่องข้อเชื่อมีคนสอนเยอะ มีคนเทศนาเยอะ นักสอนจำนวนไม่น้อยมีสปอนเซอร์ใหญ่สนับสนุน มีโบสถ์ใหญ่ มีทุนมีเงิน บางคนยังทำแจกฟรีก็มีมาก แต่ที่ผมเขียนแนวนี้เพราะผมเห็นมาพอควร ผมมีประสบการณ์กับฤทธิ์เดชของพระเจ้า และผมอยากแบ่งปัน ผมอยากหนุนใจให้คนหันมาหาฤทธิ์เดชของพระกิตติคุณมากกว่า ความรู้ทางศาสนา และความรอดที่อยู่ไกลมาก ผมต้องการสำแดงให้คริสตชนทราบว่า มีฤทธิอำนาจอันมหันต์ในพระกิตติคุณของพระคริสต์
อัครทูตเปาโลกล่าวว่า
"ดูก่อนพี่น้องทั้งหลายเมื่อข้าพเจ้ามาหาท่าน ข้าพเจ้ามิได้มาเพื่อประกาศสักขีพยานของพระเจ้าแก่ท่านทั้งหลาย ด้วยถ้อยคำอันไพเราะหรือด้วยสติปัญญา เพราะข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะไม่แสดงความรู้เรื่องใดๆ ในหมู่พวกท่านเลย เว้นแต่เรื่องพระเยซูคริสต์และการที่พระองค์ทรงถูกตรึงที่กางเขน...
คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้าไม่ใช่คำที่เกลี้ยกล่อมด้วยสติปัญญา แต่เป็นคำซึ่งได้แสดงพระวิญญาณและพระเดชานุภาพ เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้อาศัยสติปัญญาของมนุษย์ แต่อาศัยฤทธิ์เดชของพระเจ้า"
[พระธรรม 1 โครินธ์ บทที่ 2 ข้อ 1-5 ]
ผมมีความปรารถนาให้มีคนได้เรียนรู้ว่า แท้จริงพลังอธิษฐานของผู้เชื่อในพระคริสต์นัันมีสิทธิอำนาจ มีพลังมากเพียงใด คุณพร้อมหรือเปล่าที่จะรับการเปลี่ยแปลง เมื่อคุณอธิษฐานแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น มีการอัศจรรย์เกิดขึ้น มีการปลดปล่อย ผีสำแดงตัวออกมาจากคนที่ยังมีจิตปกติ การกระทำอย่างนี้ผลกระทบมากกกว่าการอธิษฐานแล้วทำให้แค่ความรู้สึกดี ทำให้พี่น้องรู้สึกว่าเมื่ออาจารย์ให้พรแล้วรู้สึกดี เหมือนว่าได้พร ได้การเจิมเพิ่ม
แน่นอนการมีพร มีการเจิมเพิ่มเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามันเป็นเพียงความคาดหวัง และความเชื่อที่ยังไม่ได้รับผลมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปขอรับการวางมือจากนักการศาสนาที่เก่งแต่สอนพระคัมภีร์แต่ไม่มีฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่ไหลออกมาจากมือของเขาขณะอธิษฐานให้คนที่ต้องการคำตอบ พี่น้องอยากเป็นคนนั้นไหมที่อธิษฐานแล้วมีการเปลี่ยนแปลง มีการหายโรค มีการอัศจรรย์เกิดขึ้น
เมื่อปีที่แล้วผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมคริสตจักรบ้านของเวียตนามที่นครเว้ในครั้งแรก ผมไปถึงคริสตจักรประมาณบ่ายแก่ๆ ปรากฎว่าการสื่อสารผิดพลาด คริสตจักรไม่ได้เตรียมตัวสมาชิกเพียงพอที่จะรับการฟื้นฟู ศบ. และผู้นำถามว่า จะทำอย่างไรดีเพราะเราไม่ได้นัดหมายให้สมาชิกมาประชุมฟื้ันฟูอะไรเลย แต่เรามีการอธิษฐานในตอนเช้าทุกๆ เช้าเวลาประมาณ ตี 5
เท่าที่ผมสังเกตชาวคริสต์เวียตนามมีคริสเตียนไม่มากนักที่เอาจริงจังกับความเชื่อ แม้โบสถ์จะดูเก่าและใหญ่แต่มีสมาชิกที่มาประจำไม่กี่ร้อย ในตอนเช้ามีสมาชิกมาไม่ถึงห้าสิบด้วยซ้ำ พวกเขานัดให้ผมและทีมงานมาในตอนเช้าของวันถัดมา ผมมาถึงคริสตจักรในต้อนเช้า พวกเขาก็ไม่สนใจที่จะให้เราอธิษฐานอะไร และที่แย่กว่านั้นพวกเขาไม่เชิญให้ผู้แบ่งปันไปยืนที่ธรรมมาสของพวกเขา สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่แปลกประหลาดอะไร เพราะผมทราบว่าแนวคิดของวัฒนธรรมของศาสนาคริสต์มักจะยกย่องและให้เกียรติอาจารย์ที่มีศาสนศักดิ์ หรือผู้นำในกลุ่ม มากกว่าคนที่มศาสนศักดิ์น้อย หรือผู้เชื่อธรรมดา
การอธิษฐานเผื่อคนป่วยในคริสตจักรเว้ เวียตนาม
เมื่อพิธีกรขึ้นไปนำนมัสการในตอนเช้า มันก็ไม่แตกต่างจากการนมัสการของกลุ่มอนุรักษ์ในประเทศไทย พวกเขาร้องเพลงยาวๆ แบบชีวิตคริสเตียน หรือไทยนมัสการอะไรของเขาไป พิธีกรสตรีก็ดูขึงขังมาก พอจบการร้องเพลงเธอก็เปิดโอกาสให้ผมแบ่งปัน โดยไม่ได้เชิญให้ขึ้นธรรมมาสเลย แต่ชี้ให้ยืนที่หน้าห้องแทน ผมก็แบ่งปันไปประมาณสิบห้านาที แล้วก็จบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เพราะไม่รู้จะทำอะไรดี เพราะเขาให้เวลาแค่นั้น
หลังพิธีนมัสการตอนเช้า คณะผู้นำและ ศิษยาภิบาลก็เชิญให้เราไปนั่งรับประทานอาหารเช้าซึ่งเป็นอาหารหนักของชาวเวียตนามคือ ก๋วยเตี๋ยวไก่ พอเสร็จก็ตบด้วยน้ำชา พอดื่มไปคุยไปพวกเขาก็เริ่มสงสัยว่าเราจะแบ่งปันอะไรพวกเขาได้ เราก็บอกว่าไปเรามาเยี่ยมและมาแบ่งปันพระพร ด้านการปลดปล่อยและอธิษฐานเผื่อคนเจ็บ แรกๆ ดูเหมือนพวกเขาประหลาดใจมาก เราคิดว่าคงไม่ได้ทำอะไรแล้วเพราะการประสานงานผิดพลาด แต่ไม่ใช่ครับ พอหลังจากอาหารเช้า สมาชิกและผู้นำทยอยกันมากระซิบกระซาบว่า อยากให้อาจารย์อธิษฐานเผื่อให้หน่อย เพราะพวกเขาป่วยกันสารพัดโรคเลย
ในที่สุด ศิษยาภิบาล ก็เปิดโบสถ์ให้เราเข้าไปรอบที่สองหลังจากอาหารเช้า ก็มีคนเจ็บป่วยเหลืออยู่ไม่กี่คนประมาณยี่สิบกว่าสามสิบได้ ผมก็แบ่งปันและอธิษฐานเผื่อ ปรากฎว่าคนหายเป็นว่าเล่น พวกเขาก็ฮือฮากัน ศิษยาภิบาลบอกว่าเราพรุ่งนี้ขอให้อาจารย์มาแบ่งปันอีกครั้งในตอนเช้าวันถัดไป เพราะว่าอยากให้เราอธิษฐานเผื่อคนป่วยที่มีมากมายในโบสถ์
เช้าวันต่อมาจึงมีคนมาร่วมเยอะกว่าเดิม และพวกเขาก็สุภาพและนอบน้อมกับผมมาก ตอนนี้พวกเขาเชิญผมให้ไปยืนที่บนธรรมมาสอันสูงใหญ่ในโบสถ์เลย แต่น่าเสียดายครับ ผมเคยชินกับการยืนข้างล่างเสียแล้ว เพราะอาจเป็นไปได้ว่า ผมกลัว "ความเห่อเหิม" ก็เป็นได้ ผมจึงขึ้นไปยืนพูดอยู่ประมาณห้าถึงสิบนาที จากนั้นผมก็สอนไปแอ๊คชั่นไป และกระโดดลงมาสอนที่หน้าห้องแทนการไปยืนบนนั้น
วันนี้พี่น้องที่มารับการอธิษฐานหายโรคที่หายยากๆ เช่น ไม่เกรน ไซนัส อาการชาตามเส้นประสาท ปวดกระดูก และโรคที่ป่วยมาเป็นเวลาสิบๆ ปี พี่น้องดีอกดีใจที่ได้รับการอธิษฐานให้หายโรค
พี่น้องครับที่ผมเล่าเรื่องนี้ เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยที่ผมประสบการณ์ในต่างแดน ผมไปเวียตนามครั้งที่สองที่โฮจิมินต์ ผมได้รับการต้อนรับอย่างดี และมีคนมาร่วมฟังการสอนเยอะกว่าตอนแรกมากๆ เพราะข่าวเรื่องการหายโรคด้วยพระกิตติคุณแห่งฤทธิ์เดชของพระคริสต์แพร่ออกไปแล้ว จึงมีคนมารับพรมากมาย
มีคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิดคิดว่าผมคงว่างการว่างงานไม่มีอะไรทำจึงพยายามหาเงินมาออกทุนเองแล้วเที่ยวไปโน้นมานี่เพื่ออธิษฐานให้คนป่วย คนมีผีสิงได้รับการปลดปล่อย บางคนคงสงสัยว่าผมมีเงินนอกมาสนับสนุน โดยได้รับเงินจากฝรั่ง จีน หรือเกาหลีกระมั้ง ผมขอตอบว่าเปล่าครับ ผมไม่ได้รับเงินมาจากฝรั่ง หรือชาติใดๆ มาเพื่อสนับสนุนพันธกิจนี้
ผมได้รับความเมตตาจากพระเจ้าประทานงบประมาณสนับสนุนการเดินทางและค่าที่พักของทีมงานและผมโดยหยาดเหงื่อแรงงานของพี่น้องคริสเตียนไทยทั้งนั้น พี่น้องหลายคนที่ได้รับการปลดปล่อยแล้วพระเจ้าแตะใจพวกเขา ช่วยกันถวายเข้ามาคนละเล็กคนละน้อยเมื่อพวกเขาทราบข่าวว่าอาจารย์จะเดินทางไปทำพันธกิจด้านการปลดปล่อยในที่ต่างๆ
ผมขอบอกตอนนี้อีกครั้งว่าเพื่อหนุนใจพี่น้องผู้ที่เป็นคนของพระเจ้าว่า เมื่อเราทำงานด้วยความรักและเต็มใจตามการทรงเรียกในพันธกิจของพระเจ้า เมื่อเราเป็นทหาร ทหารไม่ควรกินเสบียงของตนเอง ผมเชื่อว่าพระเจ้าใช้ให้ผมออกมาทำพันธกิจนี้ พระเจ้าจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ และพระองค์ก็อวยพรผ่านมาทางพี่น้องที่มีใจศรัทธา และผมเชื่อว่าด้วยพลังอธิษฐานที่เราอวยพรเขาไป พวกเขาคงได้รับการตอบแทนจากพระเจ้าในรูปแบบต่างๆ ทั้งด้านการเงิน สุขภาพ ชีวิตครอบครัว และชีวิตจิตวิญญาณอย่างเต็มล้นเพราะพวกเขาหว่านมาด้วยความเต็มใจ ซึ่งเป็นการถูกต้องตามหลักการถวายในพระคัมภีร์
" นี่แหละคนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเกี่ยวเก็บได้เพียงเล็กน้อย
คนที่หว่านมากก็จะเกี่ยวเก็บได้มาก ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ
มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย
มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ
เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี
และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย
ตามที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่า
เขาแจกจ่าย เขาให้แก่คนยากจน
ความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่เป็นนิตย์
[พระธรรม 2 โครินธ์ 9:6-9]
หลังจากที่ผมกลับจากเวียตนามเที่ยวที่สองปลายปี 2011 พาสเตอร์ใหญ่ผู้ประสานงานให้ทีมงานของเราที่เวียตนาม ได้ชักชวนอาจารย์มิชชั่นนารีชาวอเมริกัน เชื้อสายเวียตนามให้มาเยี่ยมผมที่บ้านที่เชียงราย อาจารย์เขามาเยี่ยมผมก็พาท่านไปเยี่ยมคริสตจักรที่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ท่านสอนเรื่องความรัก การรับพระพรแห่งการเป็นผู้เชื่อ มีคนได้รับการหนุนใจ และดีใจทีท่านมาเยี่ยมในครั้งนี้
ก่อนกลับ ผมไปส่งท่านและทีมงานที่สนามบิน มิชชั่นนารีคนนี้ท่านบอกว่า นี่...ริมู ยูรู้ไหม ไอทำงานในภูมิภาคเอเชีย ไอไปมาหลายประเทศ ทั้งเขมร จีน อินโด มาเลย์ และพม่า ไอช่วยสร้างโบสถ์ ช่วยผู้รับใช้มากมาย ทั้งโบสถ์บนดินและใต้ดิน ไอคิดว่าไอรับใช้เกิดผลมาเลยนา แต่...
แต่มีอย่างเดียวที่ไอรู้สึกหว้าเหว่มาก ยูรู้ไหมอะไร ไอไม่มีการเจิมเลย ไอไปที่ไหนมีคนมาฟังไอสอนเป็นร้อยเป็นพัน พอเทศนาเสร็จพวกเขาก็รุมกันเข้ามาขอให้ไออธิษฐานวางมือให้พวกเขาหายโรค ไอวางยังไงคนก็ไม่หายโรค ตอนอธิษฐานเผื่อคนป่วยทุกครั้งไอรู้สึกอายและกระดากใจมาก ยูช่วยบอกไอได้ไหมว่า "ยูมีเทคนิคอะไรที่วางมืออธิษฐานแล้วคนจึงหาย ยูช่วยบอกไอ และช่วยส่งของประทานของยูให้ไอหน่อยได้ไหม"
โอ้พี่น้อง พาสเตอร์มิชชั่นนารีคนนี้เขาถ่อมใจมากๆ ครับ เขาอายุแก่กว่าผมสิบกว่าปี ตอนนี้คงอายุเกือบๆ เจ็ดสิบปี เขารับใช้พระเจ้ามาร่วมๆ สามสิบกว่าปี เขาบอกว่า เขาไม่มีการเจิม เขาอยากวางมือรักษาคนป่วยให้หาย แต่เขาทำไมทำไม่ได้ ทั้งๆที่พระเจ้าก็ใช้เขา สนับสนุนเขา ให้ทุนเขา พี่น้องอยากทราบคำตอบไหมครับ
โปรดติดตามตอนที่สองนะครับ ผมจะมาเฉลยให้ฟัง (แท้จริงผมเฉลยมาแล้วหลายครั้ง แต่คนอ่านไม่ทราบว่าจะจับใจความได้หรือเปล่า
ชาโลม ขอพระเจ้าเสริมกำลังครับ
Rice Mu; November 5, 2012
ขอบคุณพระเจ้า ขอพระเจ้าทรงอวยพระอวยพร อ.รีวัฒน์ ในการทำพันธกิจการปลดปล่อย ที่จะเิกิดผล เป็นต้นแบบให้คนรุ่นใหม่ ได้กลับจมากขึ้นในารรับใช้พระเจ้าด้วยฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจแห่งของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่วิญญาณศาสนา
ตอบลบผมได้ติดตามอ่านบทความมานานขอให้กำลังใจมาตลอดเลย ผมรออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ
ขอบคุณครับ เรื่องนี้ค่อนข้างจะยาว ค่อยๆ ลงมาเรื่อยๆ ครับ
ลบเวลาเขียนบทความต้องใช้อารมณ์ และเวลาเขียนครับ รักแล้วรอหน่อยนะครับ
อยากอ่านตอนที่ 2 และ 3 แล้วคะ พระเจ้าอวยพรนะคะ
ตอบลบ