คุยกับเซเว่นเดย์? (2) A Dialogue with The 7th No.2


The 7th ตอนที่สอง


มาเข้าเรื่องกลุ่มเซเว่นเดย์ที่มาเยี่ยมผมต่อครับ

ข. กลุ่มนี้เชื่อว่า ต่อไปโลกจะมีการนำเอาระบบฝังไมโครชิพมาใช้กับคน ทุกคนจะต้องถูกฝังไมโครชิพ  และจะมีบริษัทต่างชาติเข้ามาลักลอบเอาข้อมูลส่วนตัวของคนที่ถูกฝังชิพ เอาไปใช้ประโยชน์ในทางไม่ดี และภายหลังจากนั้นจะมีการใช้ระเบิดที่สามารถติดต่อผ่านระบบ GPS ของชิฝ สามารถจะฆ่าใครก็ได้ที่เชื่อพระเจ้า ที่มีชิพฝังอยู่ในตัว



ฟังเขาพูดก็น่าฟังครับ การฝังชิพมีแน่ แต่คงไม่ถึงกับว่าจะมาวางระเบิดชิพกัน  อันนี้ก็กระต่ายตื่นตูมมากเกินไป  อีกอย่างเรื่องยุคสุดท้ายนี่ก็สอนกันมาเป็นพันปีแล้วเหมือนกัน แท้จริงมันคืออะไร อันนี้ใครอยากรู้ต้องศึกษาครับว่ามันคืออะไรแน่

ค. จะมีการออกกฎหมายระหว่างประเทศบังคับให้คนหยุดงานวันอาทิตย์ ซึ่งจะสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อกลุ่มเซเว่นเดย์ เพราะพวกเขาจะถูกข่มเหงอย่างหนัก เพราะพวกเขาถือวันเสาร์เป็นวันหยุดบริสุทธิ์ 

อันนี้ก็แน่นอนครับ  การถือวันที่ไม่เหมือนใครก็จะทำให้ตกอยู่ในความลำบาก  ผมก็ถามกลับไปว่า คุณคิดว่าวันเสาร์ วันอาทิตย์ หรือวันไหนๆ เป็นวันของพระเจ้าหรือ พระเจ้าไม่ได้สร้างวันทั้งเจ็ดวันหรือ  เราสามารถนมัสการพระเจ้าวันไหนก็ได้ตามที่เรามีใจอยากนมัสการไม่ได้รึ

ในหนังสือกาลาเทีย  บทที่ ๔-๕ อาจารย์เปาโลสอนว่า ให้เลิกถือวัน ถือบัญญัติ ถือสุหนัตได้แล้ว เพราะพระคริสต์ได้ไถ่เราออกมาจากพิธีกรรม และการปฏิบัติตามธรรมเนียมของวัน เทศกาล ข้างขึ้นข้างแรมและการถือฤกษ์ยามอะไรต่างๆ หมดสิ้นแล้ว แต่ทำไมผู้เชื่อพระเจ้ากลุ่มนี้จึงพยายาม จะกลับไปเอาแอกของยิวมาสวมคอ  ทั้งๆ ที่เราทั้งหลายก็เป็นคนต่างชาติ

ที่สำคัญปฏิทินที่ยิวใช้ ก็ไม่มีวันเสาร์ ไม่มีวันอาทิตย์ แบบนี้ จำนวนเวลาในแต่ละปีก็ไม่เท่ากันปฏิทินที่ชาวไทยใช้อยู่ด้วย

ง. กลุ่มนี้ไม่รับประทานเนื้อ กินแต่ผัก  เวลาไปเยี่ยมบ้านใคร เขาเอาขนม ไอติมอะไรมาต้อนรับ ก็รับเอาไว้แต่ไม่กิน ไม่แตะต้อง ทำให้เสียของเปล่าๆ  ผมเข้าใจว่า พวกเขาคงได้รับคำสอนเรื่องการถือตัว  ถือความบริสุทธิ์เหมือนคนยิวที่ไม่แตะเนื้อต้องตัว หรือคบหากับคนต่างชาติ  อันนี้ผมว่า ถ้าไม่กินเนื้อกินแต่ผักก็จะถือคล้ายๆ กับลัทธิขงจื้อ  กวนอิมอะไรประมาณนั้น  การทำแบบนี้อาจมีประโยชน์บ้างถ้าถือเป็นบางโอกาสเพื่อขจัดสารพิษ แต่ถ้าสุดโต้งเกินไป ผมว่ามันไม่มีพระคัมภีร์ห้ามนะ

พระคริสต์สอนว่า สิ่งที่เรากินเข้าไปไม่ได้ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่สิ่งที่ออกจากปากมนุษย์นั่นแหละทำให้ทั้งตัว และชีวิตเป็นมลทิน เป็นบาป

ผมเห็นเสี่ยใหญ่คนหนึ่งที่จังหวัดผม  เพลอตัวไปเข้าลัทธิจนเข้าขั้นบ้าลัทธิ  เขายกตึกในบ้านให้เป็นตำหนักเทพเลย  หลงตำหนักเจ้าแม่ผู้ครองฟ้ามากถึงขนาดกินแต่ผักต้มทุกๆ วันจนร่างกายผายผอมหมดแรงเดินไม่ได้  เพราะไปนับถือเทพเจ้าสารพัด  ถือพิธีกรรมเข้าทรงองค์เทพเจ้า  มีวิญญาณจีน(จี้กง)มาสอน มาบอก 

ในหนังสือของเขาที่เผยแพร่แจกไปตามโรงพยาบาล และห้องสมุดโรงเรียนทั่วไปเขียนไว้  เขาอ้างว่าแม้แต่พวกเชื่อพระเจ้าทุกศาสนาก็ต้องมาร่วมกับพวกเขา เพราะเจ้าแม่ผู้ครองฟ้าของเขา สามารถเรียกประชุมศาสดาทุกๆ ศาสนาได้  การอ้างแบบนี้แสดงว่า เจ้าแม่ของเขาสามารถครองฟ้าได้จริงๆ

เอ้าว่ากันเข้าไป ระวังนะพี่น้องต้องนี้ มีลัทธิ คำสอนแปลก เกิดขึ้นเยอะจริงๆ  แม้แต่เกาหลี ก็ยังมีพระเจ้าพระมารดาเกิดขึ้นแล้ว มีคนเป็นแสนๆ หลงติดตามไปมากแล้ว ตอนนี้กำลังระบาดอยู่หลายจังหวัด  ผมไปภูเก็ตอาทิตย์ก่อนได้รับทราบว่า มีผู้เชื่อพระเจ้าที่ไม่ได้ศึกษาพระคัมภีร์ให้ถ้วนถี่ถูกเขาชักจูงให้ไปนมัสการพระเจ้าพระมารดาไปแล้ว  ... อันนี้ผมไม่อาเมนแน่นอน

สรุป ใครจะเชื่อตามที่ลัทธิต่างๆ สอนก็เชิญตามสบาย ผมไม่เอาด้วยเพราะ

(๑)  ผมได้เป็นไทยจากคณะ นิกาย กลุ่มความเชื่อที่สร้างความแตกแยก แตกต่างในสังคมชาวคริสต์แล้ว ผมเกิดในคณะเพรสไบทีเรียนตามแม่  ผมอายุสิบแปดแล้วพวกเขายังไม่ทำบัพติสมาให้ผม 

 ต่อมาผมก็ได้ภรรยาเป็นพวกเพนเทคอส  ผมรับใช้กับกลุ่มเพนเทคอสสิบกว่าปี   รู้ใส้รู้พุงพวกเพนเทคอสดีว่า พวกเขาสอนอะไร ไม่เชื่ออะไร   หรือสอนอย่างทำอย่าง อย่างไร  ในแง่ใด เรียกว่ารู้เขารู้เราพอประมาณเลยครับ

ผมไปนมัสการโบสถ์ โบสถ์ แอสแซมปลีออฟก๊อด  ในตัวเมือง ก็ทราบว่าเขาทำโบสถ์อย่างไร มีเงินทุนมาจากไหน  เขาสร้างสาวกอย่างไร   แต่นั่นก็ไม่ใช่แนวที่อยู่ในอุดมคติของผมอยู่   ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีนะ แต่ในที่สุดนี้ผมคิดว่า  ผมไม่เอาคณะดีกว่า เพราะมันสร้างความแตกแยกมากกว่าสร้างความสามัคคีในพระคริสต์

ผมไม่อยากจะเอาบ่าเข้าไปรับภาระแห่งการถือบัญญัติต่างๆ ข้อปฏิบัติหยุมหยิมที่อ้างว่าจะทำให้พระเจ้าพอใจ และได้ไปสวรรค์หากถือปฏิบัติด้วยการกิน  การถือคำสอนของลัทธิแปลกๆ

เชื่อไหมว่า ชาวคริสต์ส่วนหนึ่งแม้จะอ้างว่าตัวเองมีความเชื่อเติบโต  เป็นผู้ใหญ่ในพระเจ้าแค่ไหนไม่กล้าออกไปประกาศ ไม่กล้าออกจากโบสถ์เก่าเพราะกลัวไม่มีที่ฝังศพที่สุสานของคริสตจักร  สวัสดิการนี้แทนที่จะเป็นสิ่งดี  หากจัดการไม่ดีกลับกลายเป็นเรื่องผลประโยชน์และ เป็นการปิดกั้นพระกิตติคุณได้อย่างชงัด

(๒) ผมเชื่อว่าหลายคนคงสามารถที่จะถืออดไม่ทานอาหารหรือ น้ำ หรืออะไร ๆ ได้เป็นเวลาหลายวันเพราะอาจได้ฝึกตัวมาหลายปี บางคนค่อยๆ ฝึกทำมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าใครมีภาระใจที่จะทำเพื่อจุดประสงค์ทางวิญญาณกับพระเจ้าบางอย่างอย่างจริงจัง

แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการเลิกกินเนื้อสัตว์  ผมเชื่อว่าสิ่งสารพัดเหล่านี้พระเจ้าสร้างมาเพื่อให้มนุษย์ครอบครอง  แม้แต่พระเจ้าเอง คนในสมัยพระคัมภีร์เดิม ก็ยังมีการฆ่าสัตว์เพื่อทำเป็นเครื่องบูชายัณห์  การฆ่าสัตว์ก็ไม่ได้มีบาปอะไรหากเราทำไปเพื่อทำเป็นอาหาร  เพื่อจุนเจือชีวิต ไม่ได้ทำไปเพื่อเล่นๆ หรือทรมาน หรือเพื่อทำให้มันสูญพันธ์

ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าการฆ่าสัตว์เพื่อทำเป็นอาหารไม่บาป ไม่มีพระคัมภีร์ข้อใดบอกว่าการฆ่าสัตว์เพื่อทำเป็นอาหารเป็นการบาป  การกินเนื้อไม่บาป แต่มีเนื้อบางประเภทที่มีการห้ามไว้   พระคัมภีร์ใหม่ได้ห้ามไว้

ไม่ให้รับประทาน คือ เนื้อสัตว์ที่ถูกแขวนคอ  สัตว์ที่ตายเอง  สัตว์ที่ผ่านการถวายบูชารูปเคารพ และการรับประทานเลือด (ทั้งๆ ที่ผมชอบกินลาบดิบมากๆ ถึงมากที่สุด แต่ตอนนี้เลิกกินแล้วครับ)

อ่านต่อตอนที่สาม
อ่านตอนที่ 1

HOME

4 ความคิดเห็น:

  1. การมาเชื่อในพระเยซูนั้น พระองค์ทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระภาพจากทุกสิ่งแล้ว ดัง

    บทเพลงที่เราร้อง "ฉันเป็นไท เพื่อจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า"

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ5/04/2556

    ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้และ้ข้อคิดที่ดีมากๆ

    ตอบลบ
  3. ถ้าจะวันไหนก็ได้ พระเจ้าจะให้รักษาวันสะบาโตทำไม วันสะบาโตก้อคือวันสะบาโตครับ วันอื่นๆ คือวันที่คนคิดขึ้นมาเอง เพื่อความสะดวกสะบายของตัวเอง ไม่ได้เป็นวันที่รักษาไว้ให้บริสุทธิ์ มีแต่คนมักง่ายครับที่จะบอกวันไหนก้อได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย

    ตอบลบ
  4. ดูจะมี อคติ กับ 7th day จังนะครับ

    ตอบลบ

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)