การที่ผู้เชื่อเริ่มได้รู้จักพระคริสต์ ย่อมต้องได้รับการสั่งสอนและต้องเรียนรู้อีกมาก คงไม่เหมือนการนับถือผีที่ผู้ไหว้ผีไม่ต้องเรียนรู้อะไร จะทำอะไรก็มีหมอผี หรืออาจารย์ช่วยทำให้ แต่ไม่ใช่เช่นนั้นผุ้เชื่อพระคริสต์ จำเป็นต้องเรียนรู้และศึกษามากมายตลอดชีวิต สิ่งหนึ่งที่คริสเตียนผู้เชื่อพระเจ้าขาดไม่ได้คือ การศึกษาพระคัมภีร์ หรือพระวจนะของพระเจ้า
บทความนี้จะสอนย่อๆ ถึงวิธีการเรียนรู้พระคัมภีร์อย่างง่ายๆ
โปรดติดตามอ่านนะครับ
รู้จักพระคัมภีร์ (พระวจนะของพระเจ้า)
หนังสือในโลกมีมากมายแต่พระคัมภีร์ไม่เหมือนหนังสือเล่มอื่นใดในโลกเพราะพระคัมภีร์มาจากการลิขิตเป็นการเขียนด้วยการดลจิตดลใจจากพระเจ้า พระคัมภีร์เป็นสิทธิอำนาจจากพระเจ้า มีความน่าเชื่อถือ มีหลักฐานสนับสนุน ได้แก่
• หลักฐานทางประวัติศาสตร์ยุคโบราณ สนับสนุนความถูกต้องของพระคัมภีร์ว่าเป็นการบันทึกเรื่องราวทาง ประวัติศาสตร์ มีหลักฐานปรากฎหลงเหลืออยู่
• พระกิตติคุณทั้งสี่เล่มในพระคัมภีร์ใหม่ คือ มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น ต่างเขียนถึงพระเยซูคริสต์อย่างสัมพันธ์กัน (คนเขียนสี่คน บันทึกในแง่มุมและรายละเอียดคล้ายๆ กัน) ทำให้การบันทึกเรื่องราวชีวิตของพระเยซูคริสต์มีความน่าเชื่อถือเพราะมีพยานให้การถึงสี่คนทีเดียว
• หลักฐานทางโบราณคดี ให้การรับรองเรื่องราวในพระคัมภีร์ คือการระบุสถานที่กล่าวอ้างถึงในพระคัมภีร์ ปัจจุบันมีการขุดค้นพบโบราณสถานต่างๆ ที่พระคัมภีร์อ้างถึงได้มากขึ้นเรื่อยๆ
• ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรคดีโบราณ ยืนยันว่า หนังสือต่างๆที่ถูกรวมรวมไว้ในพระคัมภีร์เล่มปัจจุบันไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลง ในเนื้อหา นับตั้งแต่ที่หนังสือเหล่านั้นถูกเขียนขึ้นครั้งแรก พระคัมภีร์มีสำเนาภาษาเดิม ที่เกิดจากการคัดลายมือเป็นพันๆ ฉบับที่เหมือนกัน ไม่ได้มีแค่เล่มสองเล่ม
ความเข้าใจเกี่ยวกับพระคัมภีร์
-. พระคัมภีร์ เป็นหนังสือรวมเล่มที่ประกอบด้วย 66 เล่ม เขียนโดยผู้เขียน 40 กว่าคน ในช่วงเวลาประมาณ 1600 ปี ผู้เขียนต่างยุคต่างเชื่อชาติ แต่ละคนไม่รู้จักกันมาก่อนแต่พวกเขาแต่ละคนสามารถเขียนพระคัมภีร์ได้อย่างสอดคล้อง และเกี่ยวโยงกันตลอดทั้งเล่มไม่มีความขัดแย้งกันเลย เพราะพระเจ้าเป็นผู้ดลใจให้มนุษย์เขียน
- หมวดพระคัมภีร์เดิม มี 39 เล่ม ได้เขียนเรื่องพระเจ้าองค์เดียว การทรงสร้างของพระเจ้าและความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ และได้พยากรณ์เกี่ยวกับเรื่องราวในอนาคต เขียนเป็นภาษาอาราเมคและภาษาฮีบรู
-. หมวดพระคัมภีร์ใหม่ ทั้งหมด 27 เล่ม ได้เขียนเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ผู้มาไถ่บาปมนุษย์ การฟื้นคืนพระชนม์ พระราชกิจของพระองค์และการเสด็จมาครั้งที่สองพระเยซู เขียนบันทึกเป็นภาษากรีก ผุ้เขียนที่เขียนหนังสือพระคัมภีร์ใหม่ คือ อัตรทูตเปาโล มัทธิว ลูกา มาระโก เปโตร และคนอื่นๆ
พระธรรม 2 ทิโมธี.3.16-17 กล่าวว่า
”พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์ในการสอนการตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดีและการอบรมในทางธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง”
ขอนำเสนอประโยชน์ของพระคัมภีร์ดังนี้
1.พระคัมภีร์ เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ
พระเยซูตรัสตอบว่า"มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่ง เดียวหามิได้แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า"
(มธ.4.4)
ชีวิตของมนุษย์ประกอบด้วย 3 ส่วน
คือ กาย ( Body) จิต (Soul) วิญญาณ ( Spirit )
อาหารกาย คือ ข้าว ปลา อาหาร ผลไม้ นม
อาหารใจ คือ ความรัก ความสำเร็จ ความปลอดภัย ความมั่นคง
อาหารวิญญาณ คือ ความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณที่ได้จากการศึกษาพระคัมภีร์(1 ปต.2.2)
2 พระคัมภีร์เป็นเหมือนเข็มทิศนำทางชีวิต
”พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์และเป็นความสว่างแก่มรรคาของข้าพระองค์ (สดด.119.105) การศึกษาพระคัมภีร์ทำให้เรารู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร
(ทำให้เราไม่เดินหลงทางชีวิต, ทำให้เราเดินในทางธรรมะ ทางแห่งสันติสุข และเป็นพรไปสู่ความเจริญ)
3 เป็นกระจกเพื่อส่องดูตนเอง
การส่องดูกระจกเงาจะช่วยทำให้เราทราบว่าใบหน้าเรา มีจุดบกพร่องตรงไหนเมื่ออ่านพระคัมภีร์เราจะทราบว่าเราควรจะปรับปรุงตนเองอย่างไรให้สอดคล้องกับหลักการในพระคัมภีร์
การอ่านพระคัมภีร์แล้วผู้อ่านแก้ไขตัวเอง เขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงลักษณะชีวิตให้มีจิตใจดีงาม มีความรัก อดทน อดกลั้น (ยก.1.23)
(มธ.5.48) เหตุฉะนี้ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบเหมือนอย่างพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ
3. ท่าทีที่ผู้เชื่อ ควรมีต่อพระคัมภีร์
ก. ยอมรับและเชื่อฟังพระคัมภีร์ว่าศักดิ์สิทธิ์
พระคัมภีร์จึงไม่เหมือนหนังสือทั่วไปที่เราเคยอ่าน แต่เป็นถ้อยคำของพระเจ้าที่มีสิทธิอำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา ผู้เชื่อจึงจำเป็นต้องศึกษาและยอมเชื่อฟังคัมภีร์ด้วยความเข้าใจ ด้วยจริงใจ เป็นแบบบรรทัดฐานชีวิตผู้เชื่อพระเจ้าที่เราควรมีท่าทีที่จะพยายามปฏิบัติตามคำสอนในพระคัมภีร์ทุกอย่าง
ข. มีท่าทีหิวกระหายการอ่านการศึกษาพระคำและมีความเชื่อในพระคัมภีร์
เด็กอ่อนเกิดใหม่ต้องการน้ำนมแม่ฉันใด การศึกษาพระคัมภีร์ก็คือสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่กลับใจมาเชื่อพระเจ้าเช่นเดียวกัน (1 ปต.2.2)
ท่าทีการอ่านพระคัมภีร์ของเราควรเป็นท่าทีหิวกระหายอยากรู้อยากเข้าใจพระคัมภีร์เหมือนทารกทีหิวกระหายนม เราหิวกระหายการอ่านพระคัมภีร์ ถ้าปราศจากความหิวกระหายพระคัมภีร์ เราก็จะไม่มีความตื่นเต้น เราจะไม่ได้รับความสันติสุขในจิตใจ ในวิญญาณ อารมณ์แจ่มใจ สุขภาพใจ สุขภาพกายดี
ไม่โกรธง่าย ไม่อารมณ์เสียง่าย
ค. การประยุกต์พระคัมภีร์ใช้ในชีวิตประจำวัน
การประยุกต์คือ การนำเอาหลักการของพระคัมภีร์ที่เราได้จากการตีความมาประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจำวันของเรา เมื่อเรามีปัญหาบางอย่าง เช่นการทำตามพิธีกรรม หรือการปฏิบัติตัวบางอย่าง เราอยากรู้ว่าเหมาะไม่เหมาะ เราควรเปิดอ่านพระคัมภีร์ และศึกษาตามหัวข้อนั้นๆ เช่น การใช้วาจา การปฏิบัติตัวต่อคนอื่น การแสดงความเมตตา การปฏิบัติตนต่อพี่น้อง ฯลฯ
ผู้เชื่อใหม่ควรเริ่มต้นอ่านพระคัมภีร์จากคำสอนของพระเยซูคริสต์จากหนังสือพระธรรมสี่เล่มแรก (กิตติคุณทั้งสี่) คือ ยอห์น ลูกา มาระโกและมัทธิว เมื่อเริ่มต้นอ่านควรอ่านไปเรื่อยๆ ให้จบในแต่ละเล่มไปโดยการอ่านวันละ 1-3 บท หรือมากกว่า เพื่อจะสามารถมองภาพกว้างๆ ว่าพระเยซูทำอะไร สอนอะไร แล้วนำเอาคำสอนนั้นมาปฏิบัติจึงจะได้รับการเปลียนแปลงชีวิต
ง. ควรอธิษฐานก่อนการศึกษาพระคัมภีร์ทุกครั้ง
ก่อนการอ่านพระคัมภีร์ผู้เชื่อควร ตั้งสัจจะอธิษฐานว่า
“พระบิดาเจ้า ลูกขออธิษฐานต่อพระองค์ในนามพระเยซู ลูกขอให้เวลานี้เป็นการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ หากลูกอ่านข้อความใด เรื่องใดจากพระคัมภีร์นี้ ขอให้เกิดความเข้าใจ เกิดฤทธิ์เดชในการเปลี่ยนแปลงชีวิต เกิดสันติสุข ขอพระเจ้าทรงสอนลูกในการเรียนรู้พระวจนะของพระองค์ด้วยเถิด อาเมน”
พระคัมภีร์ มีฤทธิ์อำนาจในการเยียวยารักษาและขับผี หลายครั้งเมื่อผู้เชื่อเกิดความกลัว ความวิตกกังวล ให้เอาพระคัมภีร์ออกมาอ่านดังๆ ออกเสียง ให้หูตัวเองได้ยิน เมื่ออ่านไปสักพักจะรู้สึกว่ามีสันติสุขเกิดขึ้นในจิตใจ เพราะพระคัมภีร์คือฤทธิ์เดชของพระเจ้าในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้เชื่อได้
- ขณะที่อ่านพระคัมภีร์ควรมีสมุดปากกา ไว้ข้างๆ เพื่อจดถ้อยคำที่ได้เรียนรู้ หากมีความคิดที่ผุดขึ้นมาขณะอ่าน ให้รีบจดไว้ หากมีข้อสงสัยให้จดไว้และนำมาปรึกษาพี่เลี้ยง หรืออาจารย์
- หมั่นจดจำถ้อยคำ หรือข้อพระธรรมที่ถูกใจไว้ท่องจำ อย่างสม่ำเสมอวิธีนี้จะทำให้ผู้เชื่อเจริญเติบโตในความเชื่อเร็ว และจะทำให้จดจำพระวจนะได้มาก และแม่นยำ
จ.การศึกษาพระคัมภีร์จะทำให้เรารู้ว่า การติดตามพระคริสต์นั้นจะได้อะไร จะพบอะไร และไปที่ไหน
ในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ ได้บันทึกคำตรัส ของพระเยซูคริสต์ พระองค์สอนว่า
"ถ้าใครจะติดตามเรา เขาจะต้องเป็นคนกล้า ที่จะยืนหยัด ในสิ่งที่ถูกต้อง ให้นับถือ พระเจ้าองค์เดียว เลิกความประพฤติชั่ว แต่ประพฤติดีงาม ด้วยความรัก เสียสละต่อผู้อื่น” แต่การติดตามพระคริสต์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่ใช่โปรยด้วยกลีบดอกกุหลาบแต่จะมีการข่มเหง จะถูกเกลียดชัง โดยไร้สาเหตุอันควรจากผู้ไม่เห็นด้วย
ขอท่านรู้เถิดว่า การที่เขาเกลียดชังท่านนั้น ไม่มีเหตุผลและไม่ สมเหตุสมผลเลย สาวกที่ติดตามพระคริสต์จะเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ มีชีวิตที่เต็มไปด้วยการอัศจรรย์ แต่ก็เต็มไปด้วยความลำบากและการต่อต้าน
พี่น้องผู้เชื่อครับ ผมเชื่อแน่ว่า ท่านไม่ใช่คนขลาด ขอให้ท่านมั่นคงมั่นใจในทางของ พระเยซูคริสต์ ขอให้เชื่อว่า ท่านได้ตัดสินใจถูกแล้ว เมื่อท่านกล้าที่ยืนหยัด ที่จะติดตามพระคริสต์ เพราะทางนี้ คือเส้นทางแห่งความจริง เป็นชีวิต และเป็นเส้นทางที่นำไปสู่การหลุดพ้นอำนาจบาป และอำนาจของผี วิญญาณชั่ว ความเจ็บไข้ที่รุมเร้าคนทั่วไปจะไม่สามารถมาทำอันตรายลูกของพระเจ้าได้ ขอเพียงให้เรามีความเชื่อ และกลับใจใหม่จริงๆ เราจะเจริญขึ้นในทุกทาง
การติดตามพระคริสต์เป็นการทรงเรียกของพระเจ้าสำหรับคนพิเศษ ด้วยบารมีบุญแห่งการไถ่บาปของพระคริสต์ เราไม่ต้องไปทำบุญ สะสมบุญอะไรอีกแล้ว พระเยซูไถ่บาปเราแล้ว เราเพียงแต่เชื่อและยอมรับพระคริสต์เป็นพระเจ้า เราก็ได้รับการปลดปล่อยจากอำนาจของบาป ความทุกข์ ความทรมานใจ
การเชื่อพระเจ้าแล้วก็ยังพบปัญหาอยู่ แต่แม้จะมีปัญหาใด เมื่อเราอธิษฐานพระเจ้าก็จะให้มีทางออกที่ดีกว่าเสมอ คนที่มีพระคริสต์ก็มีที่พึ่งพิงที่แน่นอน ไม่ต้องวิตกกังวลว่าตายแล้วจะไปไหนอีกต่อไป มีชีวิตอย่างมีความหวัง ขอให้พี่น้องมั่นใจเถอะครับ
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรให้ท่านสามารถศึกษาพระวจนะและจดจำได้อย่างมากมาย ในแต่ละสัปดาห์
ด้วยความปรารถนาดีจาก www.idmt.org
ขอพระเจ้าอวยพระพรให้เจริญขึ้นในความเชื่อ ความรู้ถึงพระเจ้า
อาเมน
รวบรวมโดย @ rice mu
HOME
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)