ถึงเวลาหรือยัง ต้องรอถึงปีไหน Why wait so long

 "ถึงเวลาหรือยัง"

เมื่อไหร่หนอ ไก่จะออกจากไข่เสียที
กว่าทารกจะกลายเป็นหนุ่มสาวคนทำงาน
กว่าสมาชิกจะกลายเป็นสาวกพระคริสต์
ต้องเรียนพระคัมภีร์กันไปอีกกี่ปี
ต้องเรียนอีกเยอะไหม

ถึงเวลาหรือยังจ๊ะ จะให้คนบาปต้องรออีกนานไหม
กว่าคริสเตียนไทยจะไปบอกเขาเรื่องความรอด



นี่ก็คือยุคสุดท้ายแล้ว กล้าๆ อีกหน่อยได้ไหมครับ?
(ตามรูป) ดูสาวใหญ่คนนั้นสิ โตขนาดนั้น ไม่เจ็บไม่ป่วย ยังต้องมีคนป้อนข้าวให้กินอยู่เลย มือก็ไม่เป็นง่อย ตาก็ไม่บอด เมื่อไหร่จะออกเรือนไปเป็นแม่คนได้แล้ว

คุณตาฟุ้ง กับป้าเอสต้า อีก ดูสิ นั่งเรียนพระคัมภีร์มาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่ออกไปนำใครมารอดสักคน เสียเวลาเรียนจริงๆ

คุณบันเทิง ก็เก่งนมัสการ มากเลย ทุกอาทิตย์เยี้ยวๆ อยู่หน้าเวที สิบกว่าปี ไม่ยอมออกไปประกาศเลย ไม่รู้เป็นไง
ข้อมูลน่าสนใจบางอย่างเกี่ยวกับการประกาศความจริงกับพี่น้องชาวพุทธ

(1) การทำตัวให้สมกับเป็นคริสเตียน คือ การเลียนแบบพระคริสต์ในเรื่องของความมีน้ำใจเอื้ออารี มีความกรุณาคุณ มีความเห็นอกเห็นใจ มีความยุติธรรม มีความเสียสละ และเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในสันติสุข ลักษณะเหล่านี้ถ้าปรากฏในตัวคริสเตียน ก็จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจต่อชาวพุทธที่ได้เข้ามาสัมผัสและนำเขาเหล่านั้นมาหาพระคริสต์ได้เป็นอย่างดี

มีข้อมูลการศึกษาและทำวิจัยขั้นปริญญาเอก (PhD thesis) ของคริสเตียนไทยท่านหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่านักเรียนชาวพุทธที่เข้ามาเรียนที่ "Chiang Mai Adventist Academy" และกลายมาเป็นคริสเตียนได้กล่าวว่าสาเหตุหลักประการหนึ่งที่พวกเขาเปลี่ยนใจมาเชื่อในพระเยซูก็เพราะได้สัมผัสกับเหล่าคริสเตียนที่มีใจกรุณาที่ให้การดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีโดยเฉพาะคุณครูทั้งหลายที่สอนในโรงเรียนที่แสดงพระลักษณะของพระคริสต์ให้เห็นในชีวิ ต (Surachet Insom, “A Comparative Study Between the Teaching and Compassion Model of Jesus With Buddhists inThailand” (PhD thesis, Adventist International Institute of Advanced Studies, Silang, Cavite, Philippines, 2008))

ด้วยเหตุนี้ คริสเตียนที่แสดงความรักออกมาให้เห็นทั้งท่าที คำพูด และการกระทำที่เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาและความเห็นอกเห็นใจต่อคนอื่น ออกมา จึงเป็นกระจกเงาอย่างดี สำหรับคนที่กำลังแสวงหาความจริง

(2) ชาวพุทธจำนวนมากมีใจแสวงหาฤทธิ์อำนาจทางฝ่ายจิตวิญญาณเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีประสบการณ์กับผีวิญญาณและกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ชาวพุทธจึงมีใจเปิดรับกับสิ่งเหล่านี้

ดังนั้นถ้าคริสเตียนใช้การอัศจรรย์ที่กระทำโดยพระเยซูคริสต์ผ่านทางชีวิตเราและเขาที่เป็นชาวพุทธ ก็จะเป็นสิ่งที่นำเขามาหาพระคริสต์ได้ง่ายขึ้น การสอนให้อธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงช่วยด้วยการอัศจรรย์จึงเป็นประโยชน์มากในแง่นี้ เช่น การขับผีร้ายออก การรักษาโรคด้วยการอัศจรรย์ การอัศจรรย์ในด้านต่างๆอื่นๆอีก เป็นต้นว่า การแก้ปัญหาหาในชีวิตที่ดูจะหมดหนทาง การตกงานและได้งานใหม่อย่างคาดไม่ถึง เคยแตกร้าวในครอบครัวแล้วมาคืนด

ในพระธรรมกิจการก็มีตัวอย่างที่พระเจ้าทรงใช้การอัศจรรย์เป็นการเปิดทางในการนำคนมาเชื่อในพระองค์ เช่น ในวันเพนเทคอสที่พระวิญญาณทรงเจิมเหล่าอัครทูตและสาวกให้พูดภาษาต่างๆได้และคำเทศนาของเปโตรที่มีคนกลับใจมาเชื่อทันที 3000 คน ดังนี้เป็นต้น

มีการศึกษาและวิจัยขั้นปริญญาเอกอีกชิ้นหนึ่งโดยคริสเตียนไทย พบว่า 48.8 เปอร์เซ็นต์หรือประมาณครึ่งหนึ่งของชาวไทยพุทธที่หันมาเชื่อในพระเยซูคริสต์ได้รับการสัมผัสและมีประสบการณ์กับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจมา เชื่อในพระเยซูคริสต์

(Khamsay Phetchareun, “Presenting the Gospel Message in Thailand” (PhD thesis, Andrews University, Berrien Springs, MI, U.S.A., June 2005), 96)

การอัศจรรย์ นิมิตต่างๆ ความฝัน การปกป้องรักษา การรักษาให้หายโรค การขับผีมีชัยชนะเหนือผีมาร
วิญญาณชั่ว การเอาชนะสิ่งล่อใจต่างๆ การปลดปล่อย การอธิษฐานช่วยหางานให้ การแก้ปัญหาชีวิต สิ่งเหล่านี้ทั้งปวงคริสเตียนสามารถให้การช่วยเหลือโดยผ่านทางพระวิญญาณของพระคริสต์

(3) เวลาประกาศกับชาวพุทธ การใช้เหตุผลทางตรรกศาสตร์หรือการสรุปเป็นสูตรแบบวิทยาศาสตร์อาจไม่ได้ผลเสมอไป ไม่นำมาถึงความเชื่อได้ พระเจ้าทรงพระสัญญาว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำหน้าที่เปิดตาใจให้เข้าใจในพระวจนะ เราจึงต้องอธิษฐานพึ่งในพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าในการประกาศมากกว่า ความสามารถของมนุษย์

ที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่ง คือ เราต้องสงบนิ่ง ไม่ก้าวร้าว ไม่เถียงเพื่อเอาชนะ เพราะชาวพุทธจะยึดและถูกสอนให้มีความสงบนิ่ง ความมีสำรวม การไม่โต้เถียงแบบเอาเป็นเอาตายกับใคร

มีการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งโดยคริสเตียนชาวไทยพบว่า การเข้าหาชาวไทยพุทธในการประกาศต้องเข้าหาแบบผู้ที่มีใจถ่อมและสุภาพ อ่อนโยน

(Nantachai Meajudhon, Meekness: A New Approach to Christian Witness to the Thai People (DMiss Dissertation, Asbury Theological Seminary, 1997);)

อีกการศึกษาหนึ่งโดยคริสเตียนชาวไทยก็พบว่าการที่เราได้แบ่งปันประสบการณ์ดีๆที่พระเจ้าได้ทำกับเราให้พวกเขาฟังโดยเฉพาะประเด็นที่คล้ายกันกับที่พวกเขาประสบอยู่ จะเป็นสิ่งที่ช่วยได้มาก

(Ubolwan Mejudhon, The Way of Meekness: Being Christian and Thai in the Thai Way (DMiss dissertation, Asbury Theological Seminary, 1997)

พี่น้องท่านใดสนใจอ่านข้อสรุปดีๆ อ่านได้จาก paper ผมแนบมาให้ข้างล่างนี้ก็จะเป็นประโยชน์ในงานประกาศกับชาวพุทธได้ครับ (กดที่นี้)

แบ่งปันโดย นายแพทย์
Padunkiaet Vejvechaneyom

ขอพระเจ้าอวยพรให้มีใจกล้าหาญในการพูดความจริง แห่งพระวจนะ
HOME กลับไปหน้าแรก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)