ผู้เชื่อพระคริสต์เป็นแสน เป็นล้านคนไม่เคยรับรู้ว่า ความรอดพ้นบาปที่พวกเขาได้รับ มีคนที่รับข่าวดีมาส่งต่อ คนส่งต่อต้องจ่ายราคาสูงมาก พวกเขาจึงจบชีวิตการเป็นผู้เชื่อด้วยการเป็นสมาชิกของโบสถ์ใดโบสถ์หนึ่งตลอดชีวิตการเป็นผู้เชื่อ พวกเขาไม่ได้ตอบสนองต่อพระคุณตามความคาดหวังของพระคริสต์ที่ได้ส่งสอนไว้
การที่พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่ใช่ว่าเพราะพวกเขาเป็นผู้เชื่อที่ไม่เอาไหน หรือเกียจคร้าน แต่เพราะพวกเขาถูกระบบบางอย่างครอบงำ ทำให้ไม่ได้รับรู้ความจริง แม้บางคนรับรู้ความจริงทีหลังแต่ก็ไม่ยอมดิ้นรนทำอะไร เพราะได้รับเชื้อฟาริสีเข้าไปจนเป็นโรคเรื้อรัง เหมือนเป็นมะเร็งร้ายขั้นสุดท้าย ไม่สามารถออกไปจากระบบเดิมได้ เพราะความตีบตันทางวิญญาณได้แผ่คลุมชีวิตไปจนเกือบสิ้นแล้ว
พี่น้องครับ ผมขอหนุนใจว่า ออกมาเถอะครับ ออกมาจากความสบาย ออกมาจากความเชื่อผิดๆ ที่เชื่อว่าการรับใช้เล็กๆ น้อย เช่นเป็นผู้อธิษฐานเผื่อทรัพย์ การเป็นผู้เดินถุงเก็บเงิน ฯลฯ อะไรต่างๆ นั่นคือการรับใช้ที่สุดยอดแล้ว
การเป็นคริสเตียนไม่ได้รับการคาดหวังเพียงแค่เป็นสมาชิกที่ดี ไปนั่งฟังทุกอาทิตย์ แล้วก็เลิก กินข้าวด้วยกัน กลับบ้าน แล้วอีกหกวันต่อมา ไม่ได้พูดเรื่องพระเจ้าพระเจ้าให้ใครฟัง หรือพูดแล้วไม่มีใครเชื่อเลย เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า ไม่ได้นำใครมารอด ต้องหน้าแห้ง หน้าอายพระเจ้าปีแล้วปีเล่า เพราะหลงเชื่อว่า แค่เรียนพระคัมภีร์ อธิษฐาน ร่วมกิจกรรมก็เพียงพอแล้ว ชีวิตจึงไม่เกิดผลต่อคนบาปเลย
ผมได้นำข้อคิด และข้อซักถามของผู้มีหัวใจการประกาศตั้งคริสต์จักรมาฝาก หวังว่าคงให้ข้อคิดอะไรบางอย่างแก่ท่านบ้าง
*************************
การสร้างสาวก(discipleship)
ในความหมายของพระเยซู หมายถึง การช่วยให้คนได้รับรู้และตัดสินใจเป็นศิษย์ของพระเยซู และเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถือปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์อย่างครบถ้วน
และในการสร้างสาวกของพระเยซูนั้น ทรงสร้างสาวกโดยใช้เวลาเพียง ๓ ปีครึ่งก็ทรงถือว่าสำเร็จแล้วและได้เวลาที่พระองค์ต้องจากไป และพระคริสต์ได้มอบหมายทุกอย่างให้เหล่าสาวกทำแทนได้ทั้งหมด
ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะจากไป พระองค์ทรงสั่ง คำสั่งสุดท้ายแก่เหล่าสาวกเหล่านี้ว่า
"จงไปสร้างสาวก" แบบนี้ต่อไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก
มีคำถามว่า:
1. เราที่คิดว่าตนเองเป็นสาวกนั้น เป็นสาวกของพระเยซูหรือของใคร?
2. เราที่คิดว่าสร้างสาวกนั้น เราสร้างคนให้เป็นสาวกของพระเยซูหรือของใคร?
3. เราที่คิดว่าตนเองเป็นสาวกของพระเยซูนั้นได้เรียนรู้ที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์อย่างครบถ้วนหรือไม่?
4. เราได้ปฏิบัติตามครบหรือยัง?
5. ถ้าว่ายัง ขาดอีกเท่าไหร่? หรือ ถ้าว่าครบแล้ว รู้ได้อย่างไรว่าครบ?
6. เป็นไปได้ไหมที่มีการถือเกินหรือสอนให้ถือเกินกว่าที่พระเยซูสั่ง แล้วถือว่าดีไหม หรือกลายเป็น "แอกที่แบกหนักทั้งที่ไม่จำเป็น"
7. จากการที่พระเยซูผู้ทรงเป็นต้นแบบ ทรงสร้างสาวกโดยใช้เวลาเพียง ๓ ปีครึ่งก็ทรงถือว่าสำเร็จแล้วและได้เวลาจากไป และมอบหมายทุกอย่างให้เหล่าสาวกทำแทนได้ทั้งหมด เราเป็นสาวกของพระองค์นานเพียงใดแล้ว? และเราถูกสร้างให้ทำแทนได้ทั้งหมดหรือยัง? ถ้ายังแล้วเมื่อไร? อีกนานไหม? ปัญหาอยู่ตรงไหน?
8. เราที่คิดว่าได้ทำการสร้างสาวกนั้น พร้อมที่จะจากไปทำสิ่งอื่นต่อหรือที่อื่นต่อ โดยให้ผู้ที่เราสร้างดำเนินการแทนทั้งหมดหรือไม่?
By:ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์'s photo.
Home
******************************
แถบท้าย เป็นข้อคิดนะครับ
ชาโลม
Rice mu
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)