การแสดงออกของความรักในใจ Acts of Love




๐ การกระทำที่แสดงออกถึงความรัก๐

แต่ละวันของเราเป็นวันแห่งการต่อสู้ทางวิญญาณเสมอ เรากำลังอยู่ในโลกแห่งการล่อลวงให้หลง โลกแห่งความเสี่ยง ถ้าเราไม่ระวังความคิด เราอาจคิดถึงแต่เรื่องความสนใจต่างๆ ที่เป็นส่วนตัว เช่นทำมาหากิน ดิ้นรน ไขว่คว้า ความรับผิดชอบตัวเอง ครอบครัว ทำงาน การศึกษา ความสำเร็จเพื่อมุ่งไปสู่ฝัน ความสบาย แต่งงาน มีคู่ ดูแลลูก มีความสุข มีเงิน ท่องเที่ยว จิบกาแฟ คุยแชท เล่นเน็ต เล่นสิ่งประดิษฐ์รุ่นใหม่ๆ จนบางคนลืม หรือเกือบลืมนึกถึงคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัว  ปล่อยโอกาสทำดีหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย



บางคนลืมนึกถึงแม้กระทั้งคนใกล้ชิด ผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงให้เติบโต ผู้คอยส่งเสีย หรือคอยอุ้มชูยามที่เราช่วยตัวเองไม่ได้ หรือตกต่ำ เจ็บป่วย เขาปล่อยให้คนใกล้ชิด คนที่ห่วงใยเขาหว้าเหว่ เขาไม่มีเวลาดูแลกัน ไม่มีเวลาดูแลใคร อ้างว่าไม่มีเวลา ไม่โทร ไม่ถามหา ไม่ส่งของฝาก ของเยี่ยม ไม่เขียนการ์ดอวยพรวันสำคัญของใครเลย เขา ไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อย คิดว่าไม่สำคัญ เขาสนใจแต่เรื่อง "ตัวเอง"


ลูกบางคนปล่อยตัวเผลอไปหลงเพลินสิ่งต่างๆ จนเกินห้ามใจ ด้วยการเล่นมือถือ อ่านหนังสือลามก แซะหาดูคลิปลามกวิตถาร สะสมสิ่งมอมเมาตัวเอง  เขาจึงถูกชักจูงเข้าสู่ทางเสื่อม ทางอารมณ์  ทางจิตใจ ทำให้เขาหมกมุ้น นอนหลับผิดเวลาจนสะสะสมความหายนะทางสุขภาพไว้ในตัวโดยไม่รู้ตัว ไว้ภายหน้า

หลายคนกำลังมีความสุขทางเพศที่ผิดธรรม ผิดประเวณี ติดหื่น ปล่อยตัวปล่อยใจกับการเสพสุขที่ผิดธรรม ผิดธรรมชาติ เขายอมรับและหลงเสพความสุขทางเพศที่ยังไม่ได้รับการยอมรับรองจากศีลธรรม เขาชอบการผิดเพศ ผิดชายผิดหญิง ผิดกามา

บ้างหลงมัวเมาทำชั่วจนลืมคำสอนของพ่อแม่ ครู อาจารย์ เขาเผลอตัว ปล่อยใจไปกับความสนุกทางเพศที่ผิดธรรม ปล่อยชีวิตไปตามกระแสแห่งความหลอกลวงของจิตวิญญาณแห่งโลกลวงตา ที่หาความจริงใจไม่ได้ หลายคนได้พบผลเสียหายแล้ว แต่บางคนคิดว่า ไม่เป็นไร ใครๆ เขาก็ทำกันแบบนี้  เขาจึงสะสมความวิบัติ ความเจ็บป่วย ความหายนะทางอารมณ์และจิตวิญญาณไว้วันหน้า เหมือนหลุมพลางสำหรับนักเดินทางที่ไม่มีไฟฉายส่องสว่างเพียงพอในยามค่ำคืน

ชีวิตคนที่ไม่มีหลักศีลธรรมยึด ไม่ให้ความเคารพต่อพระเจ้า ไม่นับถือพ่อแม่ ไม่นับถือคำสอน ไม่ฟังเสียงแห่งศีลธรรม และมโนสำนึกในใจตนก็จะเป็นอย่างนั้น เพราะการทำบาป ย่อมได้รับผลแน่ ทั้งในชีวิตนี้และ ชีวิตหลังความตาย และยังสะสมโทษ และคำแช่งสาปไว้สำหรับผู้สืบสันดานอีกด้วย

บางคนแม้จะไม่ได้หลงมัวเมาสิ่งเลวร้ายยังทำตัวเป็นคนดี แต่เขาทำเพื่อตัวเองมากเกินไป ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อความสุข ความเจริญของตนเอง จนลืมพ่อลืมแม่ ลืมญาติ พี่น้อง ลืมเรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่น ลืมที่จะแสดงความรักต่อใครๆ

เชื่อไหมครับ การเพิกเฉย ไม่ใส่ใจสิ่งเล็กน้อยๆ เวลานานไปความสัมพันธ์ของคนก็ก็ห่างเหิน จะกลายเป็นแค่คนรู้จัก และไม่มีภาระใจต่อกัน หลายคนจึงกลายเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีใครอยากจะรักอยากจะสมาคมด้วย

หากกาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปหลายปี หากเรายอมปล่อยให้ความคิด และศรัทธาของเราตะเลิดไป ไม่ทันระวังตัว ไม่ฟังคำทักท้วงของผู้รู้  ผู้ที่ห่วงใยเรา  นานวันเข้าความเพิกเฉย ไร้รัก ความไม่รู้สึกห่วงใยคนรอบตัวอาจทำให้เรากลายเป็นคน ใจแข็งกระด้าง ไร้ความรัก ไร้เมตตา เพราะไม่ได้เรียนรู้จักการแสดงออกถึงความรัก ไม่เคยได้รับการสอนให้แสดงออกถึงความรัก เขาจึงรักใครไม่เป็น แม้จะรักใครก็รักด้วยความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนก่อน

เขาสนใจแต่เรื่องตัวเอง คนรักของฉัน ลูกของฉัน สามี/ภรรยาของฉัน งานของฉัน รายการทีวีของฉัน เครื่องแต่งกายของฉัน การออกกำลังกายของฉัน สุขภาพของฉัน เงินของฉัน ฯลฯ สารพัด..ของฉัน ถ้าคุณทำชีวิตแบบนี้เชื่อเถอะไม่นานนักคุณจะกลายเป็นคนขาดสันติสุข ชีวิตที่ไม่เกิดผลเท่าที่ควร

ผมขอเสนอว่า ให้เราลองทบทวนใหม่ดีไหมครับ แต่ละวันลองให้เราหันมาคิด และหาโอกาสสร้างวีรกรรมเล็กๆ น้อยกันบ้างได้ไหม หัดทำเพื่อคนอื่น เห็นใจ ช่วยเหลือ ดูแลคนรอบข้างให้มากขึ้น หาเวลาออกไปนั่งคุยกับใครบางคนที่เขาต้องการคำแนะนำจากเรา หรือแม้คุยไม่เป็นก็หาเวลาไปนั่งเป็นเพื่อน คนที่เขาต้องการความช่วยเหลือทางอารมณ์ ทางวิญญาณหน่อยดีไหม เพื่อว่าชีวิตเราจะได้เป็นพรต่อคนอื่นได้มากขึ้น

การเพลอตัวทำบาป หลงเชื่อมั่นในความสามารถของตน ทรัพย์ของตน พลังความสามารถของตน ความรู้ความเข้าใจของตน หลงเชื่อผู้นำทางไสยศาสตร์ หรืออาจารย์ที่สอนผิดๆ สอนให้เลี้ยงผี สอนให้บูชารูปเคารพ สอนให้ทำพิธีกรรมแปลกๆ หลงเพลินสนุกกับบาป ไม่แน่นะครับ คนจำนวนมากตายก่อนวัยอันควร บ้างมีชีวิตที่แสนทรมาน เพราะหลงทำในสิ่งที่ผิดพลาด เชื่องมงามในเรื่องที่ไร้สาระ สนใจแต่ตัวเอง ไม่สนใจฟังคำสอน จึงดำเนินชีวิตผิดพลาดจนยากที่จะแก้ไข

ของบางอย่างต้องป้องกันไว้เท่านั้น เพราะแก้ไขได้ยาก รักษาให้คืนสภาพดียาก เช่น ฟันของเรา สายตาของเรา สมองของเรา ผิวพรรณของเรา กระดูกของเรา ตับไตใส้พุง อวัยวะภายใต เราต้องรู้จักกิน รู้จักอยู่ รู้จักพักผ่อน รู้จักดูแลสุขภาพ ชีวิตของเราร่างกายของเราต้องอยู่ไปอีกหลายปี เราต้องรู้จักดูแลทนุถนอม เมื่อเรารู้จักดูแลตัวเองแล้ว ก็หันไปดูแลคนอื่น สนใจคนอื่น และระมัดระวังที่จะดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมใจ และหาโอกาสทำดีเสมอเมื่อเรามีโอกาส

มีข้อพระธรรมเตือนสติดังนี้

34"แต่จงระวังตัวให้ดี เกลือกว่าใจของท่านจะล้นไปด้วยอาการดื่มเหล้าองุ่นมาก และด้วยการเมา และด้วยคิดกังวลถึงชีวิตนี้ แล้วเวลานั้นจะมาถึงท่านดุจบ่วงแร้วอย่างกระทันหัน" (ลูกา 21)


พระธรรมอีกตอนหนึ่งกล่าวว่า

เมื่อเขาพูดว่า "สงบสุขและปลอดภัยแล้ว" เมื่อนั้นแหละความพินาศก็จะมาถึงเขาทันที เหมือนกับความเจ็บปวดมาถึงหญิงที่มีครรภ์ เขาจะหนีก็ไม่พ้น

4แต่พี่น้องทั้งหลาย ท่านไม่ได้อยู่ในความมืดแล้ว วันนั้นจะมาถึงท่านอย่างขโมยมา 


5ท่านเป็นบุตรของความสว่าง และเป็นบุตรของกลางวัน เราทั้งหลายไม่ได้เป็นของกลางคืนหรือของความมืด

6เหตุฉะนั้นเราอย่าหลับเหมือนอย่างคนอื่น แต่ให้เราเฝ้าระวังและไม่เมามาย

7เพราะว่าคนนอนหลับก็ย่อมหลับในเวลากลางคืน และคนเมาก็ย่อมเมาในเวลากลางคืน 


8แต่เมื่อเราเป็นของกลางวันแล้วก็อย่าให้เราเมามาย จงสวมความเชื่อกับความรักเป็นเกราะป้องกันอก และสวมความหวังที่จะได้ความรอดเป็นหมวกเหล็ก (1เธสะโลนิกา 5)



ในภาพประกอบที่ผมนำมาให้ดูที่หัวเรื่องนี้ คือภาพเหตุการณ์จริงที่มีคนถ่ายภาพเอาไว้

๐ ตำรวจนิวยอร์คคนนี้ได้ทำในสิ่งเล็กน้อย ที่คนทั่วไปไม่ได้ทำ ใครๆ ก็จำไม่ได้ว่าเขาคือใคร ในวันที่แสนเหน็บหนาว เขาได้มอบเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาให้แก่คนจรจัดคนหนึ่ง คนที่ดูอาจจะไม่น่ารักคนนี้ เมื่อวันที่ตำรวจคนนี้พบชายคนนี้นั่งขดงอด้วยความหนาว เมื่อคราวความหนาวถล่มเมือง

หลายคนอาจเคยทำความดีบ้าง กับคนที่น่าสงสาร คนน่ารัก แต่ขาดโอกาส คนที่รู้จักกัน คนใกล้ชิด คราวนี้ลองหัดทำสิ่งเล็กๆ น้อยให้กับใครสักคนที่ไม่รู้จัก เขาไม่มีโอกาสตอบแทนเราได้เลยบ้างได้ไหมในแต่ละวัน และทุกโอกาสที่มี เพราะนั่นคือการแสดงออกของความรักของพระเจ้า ท่านอาจกลายเป็นมือแห่งความเมตตาของพระคริสต์ ผ่านตัวท่านก็ได้นะ

ชาโลม


Rice Mu:
January 25, 2014

The New York Post reported that an unidentified cop parted ways with a navy blue sweatshirt when he noticed a homeless man visibly cold near the United Nations building.

“He gave it to me, he said, ‘Don’t worry about it,’” the homeless man said, recounting the moment.

Source: Nypost.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)