แบ่งเวลาให้ดี ชีวีมีสุข และมั่นคง Good Advice for Time Management


๐ แบ่งเวลาให้ดีแล้วชีวีจะเป็นสุขและมั่นคง๐

๐ สำหรับใครๆ ที่ท้อถอย เจ็บปวด ปวดหัว ปวดใจ กังวลบ่อยๆ มีแต่เรื่องไม่ดีเข้ามาสุมชีวิตอยู่เนืองๆ ชีวิตมีความสับสน มีเรื่องกวนใจเข้ามาเรื่อยๆ นอนก็นอนไม่สนิท เดี๋ยวเจ็บโนน้ เดี๋ยวปวดนี่ มีปัญหากับคนรัก มีปัญหาครอบครัว มีปัญหาสุขภาพ มีปัญหาในการทำงาน การเงิน หยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วก็ลองอ่านคำถามกวนใจนี้ ว่าทำไมหนอ ใครๆบางคนจึงไม่เข้มแข็งเหมือนคนอื่นซะที

หากเราลองสังเกตพฤติกรรมของตนเอง เราจะรู้ว่าสาเหตุแห่งทุกข์นั้น มันมาจากที่ใดกันแน่ จากผีมาร หรือมาจากเนื้อหนัง ตัณหา และความหลงเพลินวัตถุสิ่งของตนเอง หรือว่ามันมาจากความสัมพันธ์ที่ไม่สมดุล

ลองถามตัวเองว่า
๐ ทุกวันนี้ฉันตื่นกี่โมง วันนี้ฉันคิดจะทำอะไรเพื่อชีวิตที่ดีกว่าอย่างไร

๐ ฉันได้สร้างความสัมพันธ์กับแหล่งพลังงานแห่งชีวิตหรือยัง หากชีวิตเป็นเหมือนมือถือที่ต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ถ้าแบตไม่ถูกชาร์ทจะอยู่ได้นานแค่ไหน ชีวิตที่ไม่ติดสนิทกับพระเจ้านั้นจะเป็นอย่างไร จะอยู่ดี กินดี นอนดีได้อีกสักกี่ปี

๐ หนึ่งเดือนที่ผ่านไป ฉันไปออกกำลังกายกี่วัน ฉันได้เรียนรู้มาว่า การออกกำลังกายทำให้ฉันแข็งแรง และมีชีวิตปกติสุข เพราะฉันต้องอยู่ไปอีกหลายสิบปี ร่างกายของฉันจึงต้องฟิตและต้องแข็งแรงใช่ไหม

ฉันจัดแบ่งการใช้เวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน และอีก 7 วันในหนึ่งสัปดาห์ ให้สมดุลในชีวิตหรือเปล่า ฉันแบ่งเวลาสำหรับการไปออกกำลังกายบ้างไหม หรือว่าฉันต้องรอให้หมอสั่งให้ทำเมื่อฉันไปตรวจพบว่าฉันเป็นเป็นโรคร้ายแล้วค่อยทำ

ฉันเคยรู้มาว่าร่างกายที่ไม่ได้ออกกำลังกายนานๆ จะอ่อนแอ มะเร็งและโรคร้ายจะคุกคามใช่ไหม ถ้าฉันไปออกกำลังกายเสมอตั้งแต่นี้ไป ไม่แน่นะ ฉันอาจจะไม่ต้องไปหาหมอ หรือไปขอพระเจ้าให้รักษาโรคที่เกิดจากความขี้เกียจของฉัน เงินที่ฉันเก็บไว้น้อยนิดก็จะไม่ต้องเอาไปให้แพทย์คนไหน

๐ ฉันแบ่งเวลาไว้อ่านหนังสือที่มีคุณค่าบ้างหรือเปล่า ปีนี้ฉันอ่านจบไปกี่เล่มแล้ว

๐ ฉันเคยสังเกตตัวเองไหมว่า แต่ละวันฉันใช้เวลาทำอะไร กับสิ่งใดมากเป็นพิเศษ

๐ ฉันเข้านอนกี่โมง ฉันนอนเพียงพอไหม ตอนเย็นของแต่ละวันหลังทานอาหารเย็นฉันทำอะไร

๐ ในหนึ่งเดือนที่ผ่านไป ฉันใช้เวลาในการแสดงความเป็นเพื่อนที่ดีกับใครบ้างไหม ฉันแสดงตัวเป็นลูกของพระบิดาอย่างไร ฉันได้ไปเยี่ยมพูดคุยหนุนใจใครบ้างหรือเปล่า แต่ละอาทิตย์ฉันเคยโทรไปให้กำลังใจใครบ้างไหม

๐ หนึ่งเดือนที่ผ่านไป ฉันแสดงตัวเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่อย่างไร หรือฉันรู้สึกรำคาญที่พ่อแม่พี่น้องโทรมาหาฉันบ่อยเกินไป

๐ ฉันเคยเก็บเงินบ้างไหม เงินที่ฉันหามาได้ ฉันแบ่งไปใช้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้างไหม ฉันเคยให้ใครบ้าง ฉันเคยแบ่งปันให้คนที่สอนฉัน คนที่ดูแลฉัน คนที่ให้พรฉันบ้างไหม นอกจากนี้รายได้อันน้อยนิดนี้ฉันได้เก็บสะสมไว้เพื่ออนาคตที่ไม่แน่นอนบ้างไหม

๐ หนึ่งเดือนที่ผ่านไป ฉันกินอะไรเข้าไปบ้าง ฉันกินอาหารสมดุลหรือเปล่า ฉันกินอาหารแบบไปกินหมูกะทะหรือเปล่า ฉันทราบดีไม่ใช่หรือว่า น้ำผึ้งนั้นแม้เป็นของดี แต่จะกินทีละแก้วทีละขวดนั้นมันกินไม่ได้ และไม่มีประโยชน์ ฉันต้องกินวันละแค่ช้อนสองช้อนเท่านั้นใช่ไหม

๐ หนึ่งเดือนที่ผ่านไป ฉันลุกขึ้นอธิษฐานตอนเช้าได้กี่วัน ฉันอ่านพระคัมภีร์ที่เป็นอาหารแห่งจิตวิญญาณของฉันได้กี่บท ฉันเคยท่องจำข้อพระคัมภีร์บ้างไหม หรือฉันคิดว่าฉันรู้หมดแล้ว

๐ หนึ่งเดือนที่ผ่านไปฉันได้พูดคุยเรื่องราวแห่งความสุข วิถีแห่งสันติสุขในพระคริสต์ให้ใครฟังบ้างไหม ฉันกล้าพอหรือเปล่า หรือว่าจนบัดนี้ ฉันยังไม่รู้ ไม่แน่ใจว่าฉันจะพูดอย่างไรเลยหรือ

๐ อีกสิบปีต่อจากนี้ไป ชีวิตฉันจะเป็นอย่างไร ฉันเคยวางแผนไว้บ้างไหม และก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นฉันได้เตรียมตัว เตรียมการไว้อย่างไรบ้าง หรือว่าฉันปล่อยให้วาสนาพาไป หรือว่าขอให้พระเจ้าพาไปตามยถากรรมโดยที่ฉันไม่พยายามทำอะไรเลยหรือ

๐ ก่อนที่ฉันจะอายุเท่านั้นเท่านี้ ฉันเคยวางแผนอะไรไว้บ้างไหม หรือว่า ฉันไม่รู้อะไรเลย

๐ แต่ละวันแต่ละสัปดาห์ ฉันได้พบกับเหตุการณ์ทั้งดีและไม่ดี ฉันเคยจดบันทึกมันไว้บ้างหรือเปล่า เพื่อฉันจะได้เก็บเอาไว้เพื่อเตือนใจตัวเอง เอาเป็นเรื่องราวที่ฉันเอาไปเป็นอุทาหรณ์สอนใจ คนที่ฉันรัก หรือลูกๆ ของฉัน น้องๆ ของฉัน หรือว่าฉันไม่เคยทำอะไรเลย ฉันเก็บแค่สิ่งที่เลวร้ายเอาไว้ในสมองจนเต็มอก

ขอพระเจ้าอวยพระพรให้พี่น้องทุกคนเจริญขึ้นสู่ความเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์
ก้าวไปด้วยกัน ดีไหมครับ

จากใจ Rice Mu.

ชาโลม

HOME 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You may post your comments here.
หากท่านมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมหรือเสนอแนะเชิญออกความเห็นได้
(กรุณาใช้ข้อความสุภาพ และสร้างสรรค์)